Share

บทที่ 712

Author: จูน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
นางข้าหลวงสี่รับคำสั่งไปส่งยาให้

ฮูหยินเฒ่าที่นอนพักผ่อนสักครู่ และรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นโม่โม่มา นางจึงรีบสั่งให้คนไปต้อนรับ

นางข้าหลวงสี่ยิ้มและพูดว่า "ฮูหยินเฒ่า ท่านนอนลงพักผ่อนเถอะ ฮูหยินของพวกเราสั่งให้ข้ามามอบยาให้ หากท่านไว้ใจฮูหยินของพวกเรา ก็ให้กินยานี้ ถ้าวันหลังท่านรู้สึกเจ็บหน้าอก หรือเมื่ออาการกำเริบขึ้นมา กดใต้ลิ้นปี่ไว้สักครู่ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน"

ฮูหยินเฒ่ามองไปที่นางข้าหลวงสี่ และรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่หญิงรับใช้ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงถามว่า "ขอบังอาจถามหน่อย ฮูหยินของเจ้าคือพระชายาฉู่หรือไม่?"

นางข้าหลวงสี่ตกใจ “นี่...ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้น?”

ฮูหยินเฒ่าพูดว่า "พวกบ่าวบอกว่าตอนที่ออกไปข้างนอกหาทางช่วยข้า ได้ยินแม่นางคนหนึ่งเรียกฮูหยินว่าพระชายา หลังจากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว พระชายาคนเดียวที่รู้ทักษะทางการแพทย์ และกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นคือพระชายาฉู่"

นางข้าหลวงสี่ยิ้ม "ฮูหยิน ไม่ต้องสนใจหรอกว่าจะเป็นใคร การได้พบกันที่ประตูวัดเช่นนี้ นับว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว ท่านควรพักผ่อนให้เพียงพอ"

เมื่อพูดจบนางก็ย่อตัวทำความเคารพและเดินจากไป

ทางด้านหยวนชิงหลิงที่
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 713

    “เหนื่อย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ช่วงนี้เหนื่อยมากเลย และง่วงบ่อยมาก วันนี้ข้าเผลอหลับไปในรถม้าด้วย” หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว “อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งออกไปไหน พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ” อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยรู้สึกกังวลมาก“หากไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว” หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบท้องน้อย หลุบตามองแล้วยิ้มออกมา “ขยับแล้ว ท่านจับดูสิ”“นวดก่อน ค่อยจับก็ได้” อวี่เหวินห่าวมองหน้าท้องของนาง “ทำไมท้องโตเร็วนัก”“ใช่สิ ข้าอ้วนขึ้น” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ใกล้เป็นแม่สุกรแล้ว”"เช่นนั้นก็เป็นแม่สุกรที่สวยที่สุด" อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างประจบประแจงหยวนชิงหลิงหัวเราะและเตะเขา เขาจับข้อเท้าของนาง และจ้องมองนางแล้วพูดว่า "จริง ๆ แล้ว ตอนนี้เจ้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งที่ใบหน้าเหมือนเดิม ทำไมถึงรู้สึกว่าดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก"“เชอะ!” หยวนชิงหลิงเหลือบไปมองเขาอย่างรวดเร็ว และเชิดหน้าขึ้นอวี่เหวินห่าวลุกขึ้น และช่วยประคองให้นางนอนลงอย่างช้า ๆ และนั่งลงข้างนาง "ข้าพูดจริง เมื่อก่อนเคยคิดว่าใบหน้าเจ้าทั้งโหดร้าย ใจดำนัก เห็นแล้วขัดตาเ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 714

    หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ท่านอ๋องพูดจาเหลวไหล เจ้าเชื่อด้วยหรือ?"นางไม่คาดหวังอยากจะได้ฝาแฝด คลอดครั้งหนึ่งได้ตั้งสองคน เหนื่อยตายเลยมันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวใจว่าตัวเองเป็นแม่ แต่ก็ไม่อาจรับดูแลลูกสองคนพร้อมกันได้หยวนหยงอี้มองหน้าท้องของนาง และเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่หยวน ข้าขอจับหน่อยได้ไหม?”อาซื่อพูดอย่างอิจฉาว่า “ข้าเองก็อยากจับด้วย”ซูยี่จุดเตาถ่านเข้ามา และรีบพูดว่า "กระหม่อมเองก็อยากจับด้วย จับอะไร...ดี?"เมื่อเจอสายตาโกรธเกรี้ยวของท่านอ๋องเพ่งเล็งมา ซูยี่รีบกลืนคำพูดสุดท้ายลงท้องไป และกลืนน้ำลายตาม เขาพูดผิดอีกแล้วหรือ?หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของถูกจัดแสดง แต่นางใจกว้างมาก และพูดกับหยวนหยงอี้และอาซื่อว่า "ได้สิ พวกเจ้ามานี่สิ"หยวนหยงอี้และอาซื่อรีบก้าวไปข้างหน้า นั่งยอง ๆ ข้างนาง และยื่นมือออกอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ วางมือลงบนหน้าท้องราวกับว่าพวกนางกำลังสัมผัสวัตถุเปราะบางล้ำค่า“ซื่อจื่อ ขอน้าจับหน่อยนะ” อาซื่อพูดด้วยความเคารพก็พ่นหายใจออกมา ดวงตานางเบิกกว้างท่าทางดูตลกมาก"พี่สาว!" ทันใดนั้นนางก็หันมองไปทางหยวนหยงอี้ จู่ ๆ ขอบตาก็ร้อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 715

    หมอหลวงตกใจจนขนลุกซู่ทั้งร่าง เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก "ท่านอ๋อง... ข้าได้บอกทหารองค์รักษ์แล้วว่าอาการของพระชายาไม่ดีจริง ๆ..."“ชู่ว!” อวี่เหวินห่าวกระซิบเสียงเบา “เจ้ารีบตรวจชีพจรพระชายา ดูสิว่าในท้องนางเป็นแฝดหรือไม่?”สีหน้าของหมอหลวงดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที นึกได้ว่าเขาเคยตรวจชีพจรของพระชายาในช่วงนี้ เขามักจะรู้สึกว่าชีพจรแตกต่างออกไป และก็รู้สึกสับสนไปชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นว่าพระชายาไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ และชีพจรเองก็คงที่ เขาคิดว่าอาจเป็นผลจากการกินยาคลายกังวลเข้าไปเมื่อได้ยินอวี่เหวินห่าวพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดว่ามีความเป็นไปได้เขาจับชีพจรอย่างระมัดระวัง และตรวจซ้ำอยู่หลายครั้งทุกคนกำลังรอเขาอยู่หมอหลวงเฉารู้สึกลำบากใจมาก เขาดึงมือออก และพูดอย่างจนปัญญาว่า "ท่านอ๋อง ชีพจรค่อนข้างแปลก แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นฝาแฝดพ่ะย่ะค่ะ""ทำไมถึงไม่แน่ใจ?" อวี่เหวินห่าวรู้สึกกระวนกระวาย "เจ้ามาเป็นหมอหลวงได้อย่างไรกัน?"หมอหลวงเฉาเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมจากหน้าผาก มองไปที่เตาถ่าน รู้สึกว่ามันร้อนเกินหน่อยไป "ท่านอ๋อง สาเหตุเป็นเพราะพระชายากินยามากเกินไป ยาต้มจื่อจิน ยาคลายกังวล ฤท

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 716

    อวี่เหวินห่าวไม่พูดอะไร เอามือเช็ดหน้าผากแล้วมองไปที่เตาถ่าน ไฟถ่านร้อนเกินไป จนทำให้รู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน“ท่านอ๋อง มีเท่าไหร่กันแน่?” อาซื่อกระวนกระวายไปหมดแล้วอวี่เหวินห่าวกดมือไว้ “เจ้าอย่าเร่งสิ ข้าได้ยินไม่ถนัด”หยวนชิงหลิงเอนหัวพิงบนเบาะนุ่มของเก้าอี้ตัวยาวเบา ๆ นางถอนหายใจเบา ๆ "ตั้งใจฟังให้ดี"อวี่เหวินห่าวขยับหูฟังตัวเอง และฟังไปรอบ ๆ เมื่อฟังเสร็จ ใบหน้าก็พลันซีดขาวไปหมด เขาไม่ยอมแพ้ และฟังต่อไป แต่สิ่งที่เขาได้ยินบอกว่าเป็นเช่นนั้น"ท่านอ๋อง มีหนึ่งหรือสองกันแน่?" หยวนหยงอี้อดถามไม่ได้ และนางถึงกับลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองกลัวเขาอวี่เหวินห่าวเหงื่อไหลหยดจนชุ่มไปหมด และชูสามนิ้วขึ้นมาอย่างอ่อนแรง "สามคน!""สามคน?" ทุกคนในห้องยกเว้นหยวนชิงหลิงต่างร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ แม้แต่ถังหยางและซูยี่ที่อยู่นอกประตู ก็ยืนอยู่ข้างประตูก็ด้วยมีอะไรบ้างอย่างล้มลงไปดัง “ตึง”เสียงดังกับพื้น"ท่านอ๋อง!" ถังหยางและซูยี่รีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองอวี่เหวินห่าวที่ล้มหมดสติอยู่บนพื้น ทั้งนวด ทั้งกดขมับ และในที่สุดก็ปลุกสามีที่ขี้ขลาดให้ฟื้นตื่นขึ้นได้อวี่เหวินห่าวลุกขึ้นมาตัวสั่นไปหมด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 717

    “อย่างน้อยก็แม่นยำกว่าการตรวจชีพจรของหมอหลวง” หยวนชิงหลิงเอ่ยอวี่เหวินห่าวมองนางราวกับว่าเขากำลังมองวัตถุล้ำค่าเปราะบางแตกหักง่าย เฮ้อ แผนการขึ้นครองบังลังก์หรือแผนการแก้แค้นอะไรเหล่านั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการปกป้องนางงานนี้พลาดไม่ได้แล้วเขาสั่งให้ซูยี่กลับไปที่จวน แล้วระดมพลทหารในจวนอ๋องมา ปิดล้อมหน้าหลังเฝ้าระวังรอบเรือนซิงหนิง และสั่งให้สองสามคนลาดตระเวนตรวจตราประตูหน้าและประตูหลัง หากเจอบุคคลน่าสงสัยให้จับกุมได้ทันทีเขายังบอกหมานเอ๋อร์และอาซื่อว่าอย่าออกห่างจากพระชายาไปพร้อมกัน ต้องมีคนหนึ่งอยู่ข้างนางเสมอเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว เขาก็นั่งข้างหยวนชิงหลิงด้วยความเป็นห่วง จับมือนางไว้ และมองนางโดยไม่พูดอะไรออกมาหยวนชิงหลิงมองเขาและพูดเสียงเบาว่า "ท่านรีบไปทำงานของท่านเถอะ อย่าอยู่กับข้าทั้งวันเลย หากเสด็จพ่อทรงทราบเข้า จะทรงกริ้วท่านอีก"“พระองค์ทรงบอกให้ข้าจับตาดูเจ้ากินข้าวทุกวัน วันล่ะสามมื้อ”หยวนชิงหลิงพูดว่า “เจ้าห้า พระองค์เป็นจักรพรรดิ ท่านจะดื้อรั้นกับพระองค์ไม่ได้ พระองค์เมตตาอนุญาติให้ท่านมาอยู่กับข้า หากท่านทำเช่นนี้ พร

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 718

    หมอหลวงเฉาพูดด้วยรอยยิ้ม "นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับญาติของของฮูหยินเฒ่าจริง ๆ เหตุใดถึงได้มีโชคดีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าหมอคนไหนมีฝีมือพอที่จะตรวจพบว่าเป็นเด็กสามคนได้?"ฮูหยินเฒ่ากล่าวว่า "เป็นหมอทั่วไป ไม่แน่ใจนัก แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่ นางจึงรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา"หมอหลวงเฉากล่าวว่า “เช่นนั้นจำต้องกระวนกระวาย ท้องแรกใช่ไหม?”“ใช่ ท้องแรก” ฮูหยินเฒ่ากล่าวหมอเฉากล่าวว่า "ท้องแรกต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ด้านโภชนาการก็ต้องได้รับการดูแล ต้องออกไปเดินออกกำลังกายอย่างพอเหมาะพอควร แต่อย่าหักโหมเกินไป ต้องพอดิบพอดี หลังจากหกหรือเจ็ดเดือน ถ้าตัวหนัก น่าจะเดินไม่ไหว ต้องนอนพักผ่อน และคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะอาจมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้มาก ถ้ากรณีนี้ควรมีหมอประจำอยู่ที่จวน ตั้งแต่ช่วงประมาณแปดเดือน ต่อไปจำเป็นต้องเตรียมเงินไว้ให้มาก เตรียมยาเร่งคลอดและโสมเอาไว้ เมื่อคลอดลูกสามคนแล้ว ตัวแม่จะไม่มีแรง ต้องกินน้ำแกงโสมเพื่อฟื้นเรี่ยวแรงก่อนจึงจะคลอดต่อไปได้ คลอกคนแรกยังพอได้ แต่พอคนที่สอง และสามเกิดอาจมีปัญหาได้ หากทารกอยู่ในนั้นนานเกินไป อาจจะหยุดหายใจได้ง่าย ดัง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 719

    เมื่อเห็นว่าเขาเป็นลมจริง ๆ ฮูหยินเฒ่าจึงขอให้หญิงรับใช้ซุนไปหยิกเขา ช่วงนี้คนเป็นลมบ่อยจริงเมื่อหมอหลวงฟื้นขึ้นมา ตัวชาไปครึ่งหนึ่ง เขาหันหน้าที่เกือบจะร้องอยู่มะรอมมะร่อมองไปทางฮูหยินเฒ่า “ใครตรวจชีพจรว่าได้แฝดสามกัน? ใครมีความสามารถขนาดนั้น?”“พระชายาเอง”หมอหลวงค่อย ๆ ลุกปีนขึ้นมา “ไม่ได้การ เรื่องนี้ต้องไปกราบทูลฝ่าบาท”ฮูหยินเฒ่ายิ้มแย้ม “หมอหลวง ท่านตรวจชีพจรได้ว่าอย่างไร?”หมอหลวงตกใจ “นั้นก็...”“ถ้าหากพระชายาวินิจฉัยผิดไป? ไม่ใช่แฝดสาม? ไม่ใช่ว่าท่านอาจจะได้รับโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงหรอกหรือ?” ฮูหยินเฒ่าเตือนสติ“นั้นก็...”ฮูหยินเฒ่าเอ่ยอีกครั้ง “ตอนนี้ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นแฝดสามหรือไม่ ฝ่าบาททรงไม่โทษท่านอยู่แล้ว ท้ายที่สุด ใครจะคิดว่าพระชายาจะได้รับโชควาสนาเช่นนี้? เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ และน่ายินดีจริงเชียว ที่สามารถให้กำเนิดบุตรชายสามคนในคราวเดียว ”หมอหลวงเฉาสติหลุดลอยไปแล้ว จึงไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง และมองฮูหยินเฒ่าด้วยสายตาจริงจัง “แล้วตามความคิดของท่านเล่า?”ฮูหยินเฒ่าพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "ย่อมต้องให้เก็บเป็นความลับก่อน รอให้ท่านสา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 720

    ตั้งแต่อวี่เหวินห่าวส่งทหารในจวนไปประจำที่จวนจิ้งโฮ่ว ตอนนี้จวนจิ้งโฮ่วเกือบจะกลายเป็นเรือนย่อยของจวนอ๋องฉู่แล้ว ใครก็ตามที่เข้าหรือออกจะต้องถูกทหารตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว และพ่อค้านายหน้า สิ่งที่พวกเขาซื้อเข้ามา ทหารจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้ามีกลิ่น สีเนื้อ หรือสีผักที่ผิดปกติ ให้ทิ้งไปทันทีพ่อค้านายหน้าแทบอกแตกตาย แต่จะทำอย่างไรได้? เรื่องนี้ฮูหยินเฒ่าก็เห็นด้วย อีกทั้งฮูหยินเฒ่า และหญิงรับใช้ซุนยังจับตาดูในครัวอย่างใกล้ชิดไม่เพียงเท่านั้น บรรยากาศในจวนยังเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอยู่ตลอดเวลาในวันที่สามหลังจากที่ท่านโฮ่วกลับไป "ร่วมงานศพ" ทั้งเจ้านายและคนรับใช้ต่างก็คิดถึงเขาพี่ชายของหยวนชิงหลิง อย่างหลุนเหวินที่กลับมาเร็วในหลายวันนี้ เขานำหนังสือหลายเล่มกลับมามอบให้หยวนชิงหลิง บอกว่าหนังสือเหล่านี้ยืมมาจากผู้อาวุโสเหลิ่งจิ้งเหยียน แห่งโรงเรียนหลวงกั๋วจื่อเจียนใต้เท้าเหลิ่งบอกว่า ถ้าอยากอบรมบ่มนิสัยของหลาน ในภายภาคหน้าให้อ่านหนังสือให้มาก โตแล้วจะได้จะสอบได้ตำแหน่งบัณทิตได้” หยวนหลุนเหวินกล่าวอย่างเคร่งขรึม และตรงไปตรงมาหยวนชิงหลิงดีใจเป็นอย่างมาก ที่จริง

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status