ใช้เวลาไปประมาณสิบห้านาทีในการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดนอนกระโปรงสีชมพูให้จนเรียบร้อย เป็นสิบห้านาทีที่ยากมากสำหรับผม ทุกครั้งที่มือสัมผัสกับผิวเนียนลื่น ผมได้แต่กัดฟันแน่นข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอจับอะไรๆ ที่ดูนุ่มมือจนเกินเลย ทั้งที่ใจอยากจะจับอยากจะทำให้ได้มากกว่านี้ แต่ติดที่ผมรับปากกับอานายเอาไว้ว่าจะรอให้น้องเรียนจบก่อน มาถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมากแค่ไหน นับถือตัวเองเหมือนกันนะ...
หลังจากที่พาเธอมานอนบนเตียงเจ้าหญิง ผมก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำและกลับออกมาในชุดนอนสีชมพูขายาวที่ตัวเล็กซื้อให้และถูกบังคับให้ใส่เวลามานอนที่นี่ มันเป็นอะไรที่ขัดกับลุคของผมมากแต่ผมก็ได้แต่ใส่อย่างตามใจ มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เห็นผมใส่อะไรแบบนี้...คนเดียวจริงๆ "พี่ติณ กอด" "..." จุ๊บ ผมใช้เวลานั่งเช็คอีเมล์ต่ออีกครู่หนึ่ง เสียงงัวเงียสะลึมสะลือก็เรียกผมให้รีบปิดหน้าจอและล้มตัวลงนอน เพื่อที่เธอจะได้ปีนขึ้นมานอนบนตัวผมเหมือนตอนเด็กๆ และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน ทำให้อะไรต่อมิอะไรของตัวเล็กแนบชิดทุกสัดส่วนที่แข็งแกร่งจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด กว่าผมจะข่มตานอนได้ก็ต้องใช้เวลานานหลายนาที เอามือลูบต้นขาขาวที่โผล่พ้นชายกระโปรงนอนไปมาเบาเบาระบายความอึดอัดที่มี ก่อนจะก้มกดจูบเรือนผมหอมๆ ราวกับเป็นยานอนหลับขนานดี "พี่ติณ วันนี้พี่ติณว่างมั้ย" "ว่าง เข้าร้านตอนเย็นทีเดียว" "พาโฟไปซื้อของขวัญให้พี่เลนส์พี่ฟิล์มได้มั้ย" สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดพี่ชายฝาแฝดสุดหล่อของฉันทั้งสองคน แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าปีนี้จะให้อะไรพวกพี่พี่ดี ใจจริงก็อยากจะหาแฟนให้ด้วยซ้ำ แต่ติดอย่างเดียวเลย ตรงที่ฉันกลัวหน้าแตกเผื่อพี่เลนส์กับพี่ฟิล์มจะแอบซ่อนสาวๆ เอาไว้นี่แหละ ธรรมดากันซะที่ไหนละ เห็นโสดๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีใคร "ได้" "ไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ โฟหิวอาหารญี่ปุ่นมาก" "ร้านลุงลันมั้ย" เห็นมั้ยละ ฉันบอกแล้วว่าเขาหน่ะตามใจฉันเก่งที่สุด! "ได้ค่ะ งั้นโฟรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" ฉันใช้เวลาไปเกือบๆ ยี่สิบนาทีกับการอาบน้ำและแต่งตัว จะได้ออกไปเดินห้างทั้งทีขอประเดิมชุดที่เพิ่งเอฟมาหน่อยแล้วกัน เดรสสายเดี่ยวผ้ายืดตัวนี้ดีกว่าดูใส่สบายๆ ดี "พี่ติณ อาบน้ำแล้วหรอคะ" ฮัมเพลงออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นคนตัวโตนั่งรอบนโซฟาห้องนั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตามสไตล์เซ็ทผมเบาเบาแค่นี้พี่ติณก็ดูหล่อสะอาดมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่เวลาไปไหนมาไหนถึงได้มีสาวๆ ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้จนฉันรู้สึกหมันไส้อยู่บ่อยครั้ง "อืม ไปชุดนี้?" ร่างสูงกวาดตามองชุดเดรสพอดีตัวของฉันไปมาหนึ่งรอบ พร้อมกับคิ้วขมวดเป็นปมจนฉันอยากจะเอาเทปใสมาติดไว้ "อ่าฮะ" "เสื้อคลุม?" "ไม่มีค่ะ แบรนด์นี้เขาใส่กันแบบนี้" "..." "ไปกัน" ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาเอ็ดดุของคนตัวโตที่ดูจะไม่ค่อยชอบใจชุดที่อยู่เป็นตัวฉันเท่าไหร่ รีบเดินไปจูงมือพากันไปใส่รองเท้าผ้าใบที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบแปดปีไว้ใส่คู่กันกับเขา ซึ่งฉันก็ชอบมากเพราะว่าใส่สบายแถมยังสวยถูกใจมากด้วย "พี่ไอ โฟคิดถึงจังเลย" "..." "บอกคิดถึงพี่ ดูสีหน้าคนข้างๆ เราด้วย" พี่ไอลูกชายลุงลันแซวฉัน แต่สายตายิ้มเยาะคนตัวสูงที่เดินมาข้างๆ "พี่ติณเป็นอะไรคะ หรือว่าโมโหหิว" "..." "หึ อยากนั่งห้องวีไอพีหรือดูวิวด้านนอก" "โฟขอโต๊ะที่เห็นวิวสวยที่สุดค่ะ" "ได้ครับคุณลูกค้า เชิญทางนี้ครับ" พี่ไอพาเราสองคนมานั่งโต๊ะด้านในริมกระจกที่มองเห็นวิวสวนสไตล์ญี่ปุ่นมีลำธารเล็กๆ ดูสดชื่นและน่ารักมาก ฉันชอบบรรยากาศด้านนอกมากกว่าห้องวีไอพี ซึ่งต่างจากพี่ติณที่ชอบความเป็นส่วนตัว แต่มุมนี้ก็โอเคนะ ไม่มีคนพลุกพล่านมีโต๊ะเราโต๊ะเดียว "ดูเมนูกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่มารับออเดอร์" "ขอบคุณค่ะ" "พี่ติณ เอาข้าวหน้าเนื้อมั้ย ของโปรดพี่ติณนี่นา" "อืม" ตลอดการเลือกเมนูเป็นฉันนี่แหละที่พูดจ่อไม่หยุดทั้งเลือกเมนูทั้งสั่งอาหาร เพราะตั้งแต่เข้าร้านมาเขาก็หน้าตึงเหมือนพึ่งฉีดโบท็อกซ์มาอย่างไงอย่างงั้น "แซลมอนด้วยมั้ยคะ กินด้วยกัน" "อืม" ดีนะ! ที่ฉันรู้ว่าเขาชอบกินอะไรไม่อย่างนั้นถ้าเลือกให้แล้วไม่ถูกใจฉันคงกินข้าวไม่อร่อยหรือไม่ก็โดนคนตัวโตกินหัวก่อนนี่แหละ รอไม่นานพี่ไอก็ยกอาหารที่ฉันเลือกไปสามอย่างมาเสิร์ฟให้ น่าทานทั้งนั้นเลย และแน่นอนฉันไม่ลืมที่จะขอถ่ายรูปกับลูกชายเจ้าของร้านสุดหล่อคู่กับอาหารญี่ปุ่นที่เหมือนบินตรงมาจากแดนปลาดิบ พร้อมกับอัพโซเชี่ยลรีวิวชวนสาวๆ มาชิมพี่ไอ อุ๊บ! ไม่ใช่ๆ มาชิมอาหารอร่อยๆ ต่างหากหล่ะ "ไม่อร่อยหรอคะ" ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวว่าทำให้ผมหงุดหงิดตั้งแต่เดินเข้าร้านมาเจอไอ้ไอ เธอก็เอ่ยปากบอกคิดถึงด้วยเสียงออดอ้อนทั้งที่มากับผม ไหนจะรอยยิ้มหวานหวานถ่ายรูปคู่กันอีก แล้วคนที่ถ่ายให้ก็ไม่ใช่ใคร บังคับผมถ่ายให้นี่แหละ ส่วนไอ้ไอก็ใช้สายตายิ้มเยาะใส่ผมราวกับชอบอกชอบใจที่แกล้งผมได้ คงจะมีแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละที่เป็นจุดอ่อนสำหรับผม "อร่อย" ผมเลยก้มหน้าก้มตาตักข้าวหน้าเนื้อตรงหน้ากินเงียบๆ ไม่คอยป้อนเธอเหมือนทุกที "อร่อยต้องทำหน้าแบบนี้ค่ะ" "ไม่ใช่หน้าบึ้งแบบนั้น" "..." จนตัวเล็กยื่นหน้าเข้ามาใกล้จ้องนัยน์ตาคู่คมของผมพร้อมกับเอานิ้วเรียวสวยมาดึงมุมปากสีเข้มให้ยกยิ้มขึ้นเหมือนกับเธอที่กำลังยิ้มซุกซนส่งมาให้ผม ก่อนจะผละตัวออกขยับเก้าอี้มาใกล้เอาแก้มนุ่มๆ มาซบกล้ามแขนอย่างออดอ้อน ทำผมหลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย สุดท้ายผมก็ไม่เคยงอนเธอได้นานเลยจริงๆ "พี่ติณ โฟขอชิมข้าวหน้าเนื้อบ้างสิ" "อืม อ้าปาก" "อร่อย?" "อร่อยค่ะ" "ลูกค้ากูโดนมดกัดกันหมดละ" "พูดมากหว่ะ" หลังจากกินของคาวกันจนอิ่ม ไอ้ไอก็ยกไอศกรีมชาเขียวถั่วแดงอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านมาให้กินล้างปาก ทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ยิ้มจนแก้มปริเพราะชอบกินไอศกรีมเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนผมก็ชอบนะไอศกรีมถ้วยนี้ ไม่หวานมากกินเพลินดี เสียอย่างเดียวลูกเจ้าของร้านพูดมากไปหน่อย"พี่ติณ โฟขอยืมข้อมือหน่อยสิ" ตัวเล็กยื่นนาฬิกาสองเรือนมาวางทาบข้อมือใหญ่อย่างลังเล"...""พี่ติณว่า พี่เลนส์พี่ฟิล์มชอบเรือนไหน""เรือนนี้มั้ย บอกเวลาสามประเทศ" ผมเลือกในแบบที่คิดว่าเพื่อนทั้งสองคนชอบและน่าจะเลือกใส่บ่อย อันที่จริงไอ้สองคนนั้นก็ชอบทุกอย่างที่น้องสาวให้นั่นแหละ"เนอะ เดินทางกันบ่อยด้วย""รับเรือนนี้สองเรือนค่ะ" ความเห็นเป็นเอกฉันท์เพราะเราชอบเรือนเดียวกัน เธอจึงหันไปบอกพนักงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"สักครู่นะคะ"ผมยื่นแบล็คการ์ดให้พนักงานก่อนที่คนตัวเล็กจะหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋า ทำเธอหน้ามุ้ยเพราะอยากจะเป็นคนจ่ายเงินซื้อของขวัญให้พี่ชายตัวเองเอง แต่สำหรับผมจะเงินผมหรือเงินเธอมันก็เหมือนกัน และที่ผ่านมาผมกับเธอก็ให้ของขวัญไอ้แฝดชิ้นเดียวกันมาตลอด ของมินินและเพื่อนคนอื่นๆ ก็ด้วย"อยากได้อะไรอีกมั้ย" "ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ติณต้องเข้าร้านนี่""ไปด้วยกันมั้ย""โฟอยากดูซีรีย์""ไปดูบนห้องทำงานพี่""ก็ได้ค่ะ ขอกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนได้มั้ย""เสื้อยืดกางเกงยีนส์พอนะ""..." ดูสีหน้าแววตาซุกซนของเธอก็รู้ว่าชุดที่อยากกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดแบบไหน ผมเลยต้องพูดดักทางเอาไว้ก่อน ทำเธอแอบหั
"จะกลับยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่เดินมายืนซ้อนหลังเก้าอี้ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ยัยแนนนี่มองหน้าหล่อๆ จนตาหวานยิ่งกว่าซอสคาราเมลตรงหน้าซะอีก"โฟว่าจะไปหาข้าวกินกันต่อ""อืม ไปสิพี่เป็นเจ้ามือ" เขาพยักหน้าบอกอย่างใจดี เพราะอย่างนี้สิเพื่อนสาวของฉันถึงเอ่ยปากชมไม่หยุด ทั้งที่ตอนเจอกันครั้งแรกพากันกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่สบตา"ไปรถพี่""โฟขับรถมา""เดี๋ยวแนนนี่กับลูกแพรขับรถยัยโฟไปเองค่ะพี่ติณขา" ฉันละเบื่อความอ้อล้อของยัยแนนนี่จริงๆ เลยเชียว"จุ้นจ้านมาก""หรือแกจะให้ฉันนั่งตักพี่ติณไปละ" เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นละ ยัยแนนนี่ได้จับพี่ติณรวบหัวรวบหางกันพอดีสิ เคยได้ยินมั้ย อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว ยัยแนนนี่เนี่ย แมวยักษ์เลยนะจะบอกให้พอเราตกลงเลือกร้านกันได้ ยัยแนนนี่ก็แบมือขอกุญแจรถคู่ใจของฉันขับพาลูกแพรไปจองคิวที่ร้านก่อน เพราะร้านที่พวกเราเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลวิวแม่น้ำเจ้าพระยาคนเลยค่อนข้างมาก ส่วนฉันก็นั่งรอพี่ติณคุยกับพนักงานในร้านต่อ จะว่าไปตั้งแต่มายังไม่ได้ถ่ายรูปเลยนี่นา นึกได้อย่างนั้นก็จัดแจงตั้งกล้องเซลฟี่ห้าวิ และวิ่งไปยืนเผลอๆ
"จ๊ะเอ๋ ทายสิใครเอ่ย" ร่างบางเล็กสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรในชุดนักศึกษาค่อยๆ เดินย่องไปปิดตาพี่ชายสุดหล่อที่กำลังก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารอย่างเคร่งเครียด ทำเสียงเล็กเสียงน้อยในท่าทางซุกซนราวกับพี่ชายคนรองจะทายไม่ถูกแน่"หึ หมูอ้วน" ชายหนุ่มหัวเราะเบาเบาให้กับท่าทางของน้องสาว เพราะเขาจำกลิ่นน้ำหอมหวานหวานได้ตั้งแต่ประตูห้องทำงานเปิดออก เพียงแต่กำลังอ่านเอกสารสำคัญอยู่จึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองและใจก็อยากจะรู้ว่าเจ้าลูกหมูตัวเล็กจะแกล้งอะไรอีก ก่อนจะตอบกลับไปด้วยฉายาที่เขาและแฝดใช้เรียกเธอในตอนเด็ก ทำเธอหน้ามุ่ยเดินสะบัดผมกลับไปนั่งเชิดหน้าที่โซฟารับรองแทน"พี่ฟิล์มอะ โฟไม่อ้วนสักหน่อย" ฉันตอบกลับพี่ชายอย่างแง่งอน ทั้งที่เป็นคนค่อนข้างมั่นใจในรูปร่างและเอวเท่ากระดาษเอสี่ แต่พอโดนคนใกล้ตัวเรียกกันแบบนี้ก็อดที่จะเสียเซลฟ์ไม่ได้ แต่ก็รู้แหละว่าพี่ฟิล์มแค่แกล้งเล่นเท่านั้น"มาหาพี่มีอะไรให้รับใช้คะคนสวย" พี่ฟิล์มวางเอกสารในมือและเดินพับแขนเสื้อมาหาฉันด้วยท่าทางสบายๆ หย่อนกายลงบนโซฟาข้างๆ เอ่ยถามฉันอย่างรู้ทัน"เว่อร์ ใครจะกล้าใช้พี่ชายสุดหล่อได้ลง""จริง?" "คืนนี้เพื่อนๆ โฟนัดปา
และผมก็ปล่อยให้เธอเดินกลับไปสนุกกับเพื่อนต่อ ในเมื่อเธอบอกว่าจะกลับก็ต่อเมื่อร้านปิด ผมก็ตามใจเธออย่างไม่เรื่องมาก สั่งลูกน้องไปบอกดีเจให้ประกาศว่าวันนี้ร้านปิดห้าทุ่ม และชดเชยโดยการไม่คิดค่ามิกเซอร์และกับแกล้มทุกโต๊ะ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ แต่จะให้ฟรีเลยคงจะไม่ได้เพราะแต่ละโต๊ะสั่งเครื่องดื่มดุดุกันทั้งนั้น ไหนจะค่าแรงพนักงานค่าน้ำค่าไฟที่ต้องจ่ายอีก ทำคนตัวเล็กหันขึ้นมามองห้องทำงานของผมตาขวางทันทีเมื่อได้ยินประกาศ 'หึ' ผมทำผิดตรงไหน ออกจะใจดีกับเธอมากด้วยซ้ำพอห้าทุ่มปุ๊บไฟในร้านก็ปรับแสงลงปั๊บตามคำสั่งของผม ยืนจับตามองคนตัวเล็กอยู่นานกว่าเธอจะเดินขึ้นมาหาผมบนห้องทำงาน ผมเลยกลับมานั่งยกแก้วเหล้าแกว่งไปมาอย่างใจเย็น ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครทำอะไรเธอ เพราะตลอดทางมีลูกน้องของผมคอยจับตาดูแลความปลอดภัยของเธออยู่แล้ว"พี่ฟิล์มละคะ""พี่ให้กลับไปแล้ว""ยุ่งมาก""จะกลับเลยมั้ย พี่ไปส่ง""ก็ร้านปิดแล้วนี่ โฟก็ต้องกลับรึป่าวเอ่ย""..."นั่งมองเด็กดื้อที่เวลานี้ยืนกอดอกกลอกบนไปมาทุกคำที่พูดกับผม แถมยังทำสีหน้าเอาแต่ใจเชิดเชิดเหวี่ยงเหวี่ยงอีก ผมได้แต่กัดฟันมองอย่างอดทนเพี๊ยะ!"พี่ติณโฟเจ็บนะ"
"จะกลับยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่เดินมายืนซ้อนหลังเก้าอี้ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ยัยแนนนี่มองหน้าหล่อๆ จนตาหวานยิ่งกว่าซอสคาราเมลตรงหน้าซะอีก"โฟว่าจะไปหาข้าวกินกันต่อ""อืม ไปสิพี่เป็นเจ้ามือ" เขาพยักหน้าบอกอย่างใจดี เพราะอย่างนี้สิเพื่อนสาวของฉันถึงเอ่ยปากชมไม่หยุด ทั้งที่ตอนเจอกันครั้งแรกพากันกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่สบตา"ไปรถพี่""โฟขับรถมา""เดี๋ยวแนนนี่กับลูกแพรขับรถยัยโฟไปเองค่ะพี่ติณขา" ฉันละเบื่อความอ้อล้อของยัยแนนนี่จริงๆ เลยเชียว"จุ้นจ้านมาก""หรือแกจะให้ฉันนั่งตักพี่ติณไปละ" เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นละ ยัยแนนนี่ได้จับพี่ติณรวบหัวรวบหางกันพอดีสิ เคยได้ยินมั้ย อย่าฝากปลาย่างไว้กับแมว ยัยแนนนี่เนี่ย แมวยักษ์เลยนะจะบอกให้พอเราตกลงเลือกร้านกันได้ ยัยแนนนี่ก็แบมือขอกุญแจรถคู่ใจของฉันขับพาลูกแพรไปจองคิวที่ร้านก่อน เพราะร้านที่พวกเราเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลวิวแม่น้ำเจ้าพระยาคนเลยค่อนข้างมาก ส่วนฉันก็นั่งรอพี่ติณคุยกับพนักงานในร้านต่อ จะว่าไปตั้งแต่มายังไม่ได้ถ่ายรูปเลยนี่นา นึกได้อย่างนั้นก็จัดแจงตั้งกล้องเซลฟี่ห้าวิ และวิ่งไปยืนเผลอๆ
"พี่ติณ โฟขอยืมข้อมือหน่อยสิ" ตัวเล็กยื่นนาฬิกาสองเรือนมาวางทาบข้อมือใหญ่อย่างลังเล"...""พี่ติณว่า พี่เลนส์พี่ฟิล์มชอบเรือนไหน""เรือนนี้มั้ย บอกเวลาสามประเทศ" ผมเลือกในแบบที่คิดว่าเพื่อนทั้งสองคนชอบและน่าจะเลือกใส่บ่อย อันที่จริงไอ้สองคนนั้นก็ชอบทุกอย่างที่น้องสาวให้นั่นแหละ"เนอะ เดินทางกันบ่อยด้วย""รับเรือนนี้สองเรือนค่ะ" ความเห็นเป็นเอกฉันท์เพราะเราชอบเรือนเดียวกัน เธอจึงหันไปบอกพนักงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม"สักครู่นะคะ"ผมยื่นแบล็คการ์ดให้พนักงานก่อนที่คนตัวเล็กจะหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋า ทำเธอหน้ามุ้ยเพราะอยากจะเป็นคนจ่ายเงินซื้อของขวัญให้พี่ชายตัวเองเอง แต่สำหรับผมจะเงินผมหรือเงินเธอมันก็เหมือนกัน และที่ผ่านมาผมกับเธอก็ให้ของขวัญไอ้แฝดชิ้นเดียวกันมาตลอด ของมินินและเพื่อนคนอื่นๆ ก็ด้วย"อยากได้อะไรอีกมั้ย" "ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ติณต้องเข้าร้านนี่""ไปด้วยกันมั้ย""โฟอยากดูซีรีย์""ไปดูบนห้องทำงานพี่""ก็ได้ค่ะ ขอกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนได้มั้ย""เสื้อยืดกางเกงยีนส์พอนะ""..." ดูสีหน้าแววตาซุกซนของเธอก็รู้ว่าชุดที่อยากกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดแบบไหน ผมเลยต้องพูดดักทางเอาไว้ก่อน ทำเธอแอบหั
ใช้เวลาไปประมาณสิบห้านาทีในการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดนอนกระโปรงสีชมพูให้จนเรียบร้อย เป็นสิบห้านาทีที่ยากมากสำหรับผม ทุกครั้งที่มือสัมผัสกับผิวเนียนลื่น ผมได้แต่กัดฟันแน่นข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอจับอะไรๆ ที่ดูนุ่มมือจนเกินเลย ทั้งที่ใจอยากจะจับอยากจะทำให้ได้มากกว่านี้ แต่ติดที่ผมรับปากกับอานายเอาไว้ว่าจะรอให้น้องเรียนจบก่อน มาถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมากแค่ไหน นับถือตัวเองเหมือนกันนะ... หลังจากที่พาเธอมานอนบนเตียงเจ้าหญิง ผมก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำและกลับออกมาในชุดนอนสีชมพูขายาวที่ตัวเล็กซื้อให้และถูกบังคับให้ใส่เวลามานอนที่นี่ มันเป็นอะไรที่ขัดกับลุคของผมมากแต่ผมก็ได้แต่ใส่อย่างตามใจ มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เห็นผมใส่อะไรแบบนี้...คนเดียวจริงๆ"พี่ติณ กอด""..."จุ๊บผมใช้เวลานั่งเช็คอีเมล์ต่ออีกครู่หนึ่ง เสียงงัวเงียสะลึมสะลือก็เรียกผมให้รีบปิดหน้าจอและล้มตัวลงนอน เพื่อที่เธอจะได้ปีนขึ้นมานอนบนตัวผมเหมือนตอนเด็กๆ และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน ทำให้อะไรต่อมิอะไรของตัวเล็กแนบชิดทุกสัดส่วนที่แข็งแกร่งจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด กว่าผมจะข่มตานอนได้ก็
และผมก็ปล่อยให้เธอเดินกลับไปสนุกกับเพื่อนต่อ ในเมื่อเธอบอกว่าจะกลับก็ต่อเมื่อร้านปิด ผมก็ตามใจเธออย่างไม่เรื่องมาก สั่งลูกน้องไปบอกดีเจให้ประกาศว่าวันนี้ร้านปิดห้าทุ่ม และชดเชยโดยการไม่คิดค่ามิกเซอร์และกับแกล้มทุกโต๊ะ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ แต่จะให้ฟรีเลยคงจะไม่ได้เพราะแต่ละโต๊ะสั่งเครื่องดื่มดุดุกันทั้งนั้น ไหนจะค่าแรงพนักงานค่าน้ำค่าไฟที่ต้องจ่ายอีก ทำคนตัวเล็กหันขึ้นมามองห้องทำงานของผมตาขวางทันทีเมื่อได้ยินประกาศ 'หึ' ผมทำผิดตรงไหน ออกจะใจดีกับเธอมากด้วยซ้ำพอห้าทุ่มปุ๊บไฟในร้านก็ปรับแสงลงปั๊บตามคำสั่งของผม ยืนจับตามองคนตัวเล็กอยู่นานกว่าเธอจะเดินขึ้นมาหาผมบนห้องทำงาน ผมเลยกลับมานั่งยกแก้วเหล้าแกว่งไปมาอย่างใจเย็น ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครทำอะไรเธอ เพราะตลอดทางมีลูกน้องของผมคอยจับตาดูแลความปลอดภัยของเธออยู่แล้ว"พี่ฟิล์มละคะ""พี่ให้กลับไปแล้ว""ยุ่งมาก""จะกลับเลยมั้ย พี่ไปส่ง""ก็ร้านปิดแล้วนี่ โฟก็ต้องกลับรึป่าวเอ่ย""..."นั่งมองเด็กดื้อที่เวลานี้ยืนกอดอกกลอกบนไปมาทุกคำที่พูดกับผม แถมยังทำสีหน้าเอาแต่ใจเชิดเชิดเหวี่ยงเหวี่ยงอีก ผมได้แต่กัดฟันมองอย่างอดทนเพี๊ยะ!"พี่ติณโฟเจ็บนะ"
"จ๊ะเอ๋ ทายสิใครเอ่ย" ร่างบางเล็กสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตรในชุดนักศึกษาค่อยๆ เดินย่องไปปิดตาพี่ชายสุดหล่อที่กำลังก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารอย่างเคร่งเครียด ทำเสียงเล็กเสียงน้อยในท่าทางซุกซนราวกับพี่ชายคนรองจะทายไม่ถูกแน่"หึ หมูอ้วน" ชายหนุ่มหัวเราะเบาเบาให้กับท่าทางของน้องสาว เพราะเขาจำกลิ่นน้ำหอมหวานหวานได้ตั้งแต่ประตูห้องทำงานเปิดออก เพียงแต่กำลังอ่านเอกสารสำคัญอยู่จึงไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองและใจก็อยากจะรู้ว่าเจ้าลูกหมูตัวเล็กจะแกล้งอะไรอีก ก่อนจะตอบกลับไปด้วยฉายาที่เขาและแฝดใช้เรียกเธอในตอนเด็ก ทำเธอหน้ามุ่ยเดินสะบัดผมกลับไปนั่งเชิดหน้าที่โซฟารับรองแทน"พี่ฟิล์มอะ โฟไม่อ้วนสักหน่อย" ฉันตอบกลับพี่ชายอย่างแง่งอน ทั้งที่เป็นคนค่อนข้างมั่นใจในรูปร่างและเอวเท่ากระดาษเอสี่ แต่พอโดนคนใกล้ตัวเรียกกันแบบนี้ก็อดที่จะเสียเซลฟ์ไม่ได้ แต่ก็รู้แหละว่าพี่ฟิล์มแค่แกล้งเล่นเท่านั้น"มาหาพี่มีอะไรให้รับใช้คะคนสวย" พี่ฟิล์มวางเอกสารในมือและเดินพับแขนเสื้อมาหาฉันด้วยท่าทางสบายๆ หย่อนกายลงบนโซฟาข้างๆ เอ่ยถามฉันอย่างรู้ทัน"เว่อร์ ใครจะกล้าใช้พี่ชายสุดหล่อได้ลง""จริง?" "คืนนี้เพื่อนๆ โฟนัดปา