อี้หลานนั่งมองดวงตะวันที่กำลังจะตกดินอย่างคิดอะไร ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเป็นสีแดงคล้ายกับอะไรบางอย่างที่นางเองก็คิดไม่ออกว่ามันเหมือนกับสิ่งใด
“พี่อี้หลาน มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินอีกแล้ว” เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาจูงมือของพี่สาวร้องเรียกให้นางกลับบ้านได้แล้ว
“อ้อ...” อี้หลานพยักหน้า มือข้างหนึ่งจับไม้เท้าเพื่อที่ตนจะได้เดินได้สะดวก
“วันนี้ข้าจับปลาได้ ข้าเลยขอให้ท่านตาช่วยต้มข้าวต้มปลา” สือโต้วกล่าวอย่างอารมณ์ดี
นางเดินกะโผลกกะเผลกตามเด็กชายกลับเข้าไปในบ้าน
ไม่แน่ใจว่า ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ลืมตาอีกทีอี้หลานก็พบว่าตนนอนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง มีท่านตาชรากับเด็กชายตัวจิ๋ว นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมห่างไปไหน จากอุบัติเหตุที่นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขาข้างขวาของนางได้รับบาดเจ็บหนัก นางตั้งครรภ์อ่อน ๆ และสูญเสียบุตรที่ไม่รู้เพศไปเนื่องจากตกลงมาจากที่สูง มิอาจใช้การได้ดังเดิม อี้หลานกลายเป็นสตรีพิการใช้ไม้ค้ำยืนไปตลอดชีวิต
ความทรงจ
หมู่บ้านที่อี้หลานอาศัยอยู่ในเวลานี้ได้ยินว่าอยู่บนแผ่นดินของหยุนเหมิน นานทีปีหนจะมีข้าราชการจากราชสำนัก แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถามสารทุกข์สุกดิบจากประชาชน ทุกครั้งที่แวะเวียนมาก็มักจะมาพร้อมด้วยข้าวของต่าง ๆ ที่นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในแต่ละหลังคาเรือน ปีนี้ที่ทางการตั้งใจมาตรวจสอบความเป็นอยู่ของประชาชน ในบ้านของผู้เฒ่าเกามีรายชื่อของสตรีเพิ่มมาอีกหนึ่งคน“เมื่อปีก่อน ๆ ไม่เห็นมีรายชื่อนี้นี่ นางเป็นใครมาจากไหน” นายอำเภอถามเอาความจากผู้นำหมู่บ้านบิดาของจ้าวเฟย“ผู้เฒ่าเกาเก็บนางได้ที่หุบเขาเมื่อสามปีก่อนขอรับ” จ้าวตู้ตอบคำถาม“เก็บได้เมื่อสามปีก่อน หมายความว่าอย่างไร” คนนะไม่ใช่ลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ จะไปเก็บมาเลี้ยงดูได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ“ขอรับ ผู้เฒ่าเกากับหลานชายแบกนางมาจากริมน้ำ สภาพเหมือนคนที่ตายไปแล้ว หากดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับศพไร้ญาติทั่วไป ไม่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่รอดมาได้ด้วยซ้ำ ตอนที่นำนางมาถึงบ้านของผู้เฒ่าเกา นางสวมเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี สภาพร่างกายเต็ม
เขาตามหาหลี่จื้อฉิงมาตลอดสามปี เวลานี้ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถรวบรวมแผ่นดินเฉียนซีให้เป็นปึกแผ่นได้แล้ว และขึ้นครองราชย์สถาปนาตนเป็นฮ่องเต้แห่งแผ่นดินเฉียนซี ฉางหมิงที่เคยรุ่งเรืองทรงอำนาจ ถูกเขาเผาทำลายทิ้งจนราบคาบ หลี่หย่าถิงถูกเขาจับตรึงเอาไว้กับโซ่ตรวนขนาดใหญ่ ไม่ยอมให้นางเห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป บัญชีหนี้แค้นที่ติดค้างเขาเอาไว้ถูกเอาคืนทบต้นทบดอกฉางหมิงกลายเป็นประเทศราชของเฉียนซีที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไช่เสิ่งเจี๋ยปลดปล่อยเชื้อพระวงศ์ที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันกลับคืนสู่ดินแดนบ้านเกิดของตน รวมถึงบิดาของหลี่จื้อฉิงกับคนรักของเขา เหล่าทหารและคนของที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับเขาถูกตัดหัวประหารทั้งสิ้น ปั๋วจวินถูกเขาจับและตัดศีรษะเสียบประจานเอาไว้ที่กำแพงเมือง ครอบครัวของเขาถูกยึดทรัพย์ และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก คุณหนูปั๋วจำใจต้องแต่งงานเป็นอนุภรรยาของขุนนางในเฉียนซี ส่วนปั๋วเจิ้งเวลานี้กลายเป็นเพียงนายกองธรรมดาไช่เสิ่งเจี๋ยทำทุกอย่างเพื่อสนองให้กับสิ่งที่ตนเองและประชาชนเฉียนซีสูญเสียไป มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาติดค้างในใจ นั่นก็คือการหายตัวไปของนา
ได้รับข่าวจากนายอำเภอในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ทางทิศใต้ของแคว้น ส่งรายงานมาว่า พบสตรีที่อาจจะเป็นคนที่เขากำลังตามหาอยู่ ซีหยางเว่ยเจียงก็รีบขี่ม้าเร็วออกมาจากจากเมืองหลวงในทันที ใช้เวลาราวหนึ่งสัปดาห์เขาจึงมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง“นางอยู่ไหน” เขาถามเข้าเรื่องในทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้เอ่ยเรื่องอื่นจ้าวตู้รู้อยู่แล้วว่าฮ่องเต้แห่งหยุนเหมินจะเสด็จประพาสมายังหมู่บ้านเล็ก ๆ ของตน จึงให้ชาวบ้านออกมาเตรียมต้อนรับ แต่อีกฝ่ายดูท่าจะอยากพบคนมากกว่า จึงรีบตอบคำถามของนายเหนือหัว“อยู่ที่บ้านของผู้เฒ่าเกาพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“นำทางไป” ซีหยางเว่ยเจียงขึ้นม้าและให้จ้าวตู้วิ่งนำทางบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า ซีหยางเว่ยเจียงไม่อยากให้นางตื่นตระหนกตกใจ เพราะจากคำรายงานของนายอำเภอกล่าวว่านางความจำเสื่อมและได้รับบาดเจ็บ ได้พบหน้ากันในเวลานี้ไม่แน่ว่านางอาจจะจำเขาไม่ได้“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ไม่ต้องตามมา”
เกาเจี๋ยและสือโต้วถอยร่นออกมาอยู่ด้านนอก ปล่อยให้ครรลองทุกอย่างมันดำเนินต่อไป โดยที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปกีดขวางได้ทั้งสองคนแปลงกายกลับมาอยู่ในร่างเดิม เฝ้ามองคนสองคนสนทนากัน“เจ้าหมอนั่นโกหกท่านอา” สือโต้วบ่น“ก็ทุกอย่างมันถูกลิขิตมาให้เป็นเช่นนี้ พวกเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ” เกาเจี๋ยโบกพัดขนนกยูงของตนเองไปมา “อย่างไรเราก็ต้องส่งนางกลับเข้าสู่ห้วงวัฏสงสารเดิมแบบที่ควรจะเป็น เรายื่นมือเข้ามาสอดก็นับว่าวุ่นวายเกินพอแล้ว หากท่านซือมิ่งรู้ มีหวังพวกเราได้ถูกบ่นจนหูชา”“ว่าแต่แล้วไข่ใบนั้นท่านเอาเขาไปเก็บไว้ที่ไหน”ในวันที่หลี่จื้อฉิงตกลงมาจากผาตัดใจ ในครรภ์ของนางมีหนึ่งชีวิต พวกเขาทั้งสองคนจึงอาสานำเด็กคนนั้นไปใส่ไว้ในไข่ ใช้พลังเซียนบำรุงดูแลอยู่ในตำหนักเซียนของมหาเทพ แล้วจึงลงมาช่วยเหลือนางบนโลกมนุษย์ พวกเขาเองมิอาจปล่อยให้ความพยายามของมหาเทพสูญเปล่าได้ จึงไม่สนว่าเมื่อกลับคืนสู่ฟ้าเบื้องบนแล้ว และนางรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น จะลงโทษเขาหรือไม่
ไม่รู้สึกถึงความคุ้นเคยเลยสักอย่าง แม้แต่กระทั่งตัวของซีหยางเว่ยเจียงเอง นางก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นเคย หลี่จื้อฉิงมองทัศนียภาพของแคว้นหยุนเหมินมาตลอดการเดินทาง บ้านเรือนประชาชน เป็นภาพที่นางไม่คุ้นตา และแทบไม่มีความรู้สึกผูกพันกับที่นี่เลยสักนิด หญิงสาวพยายามนึกอยู่หลายครั้งว่าที่นี่คือที่ไหน ตรงนั้นคืออะไร แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานอย่างขนบธรรมเนียมบางอย่างของหยุนเหมินนางก็จำไม่ได้มันเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะในขณะที่นางจำเนื้อหาในตำราซานสือจิ้งได้ แต่กลับจำเรื่องกฎระเบียบของที่นี่ไม่ได้เลย“ฝ่าบาท” นางสะกิดเรื่องบุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกับนาง“ว่าอย่างไร” สิ่งเดียวที่เขากลัวนั่นก็คือ กลัวว่าสักวันนางจะจำเรื่องราวในอดีตได้ ทุกครั้งที่นางเรียกเขา และทำสีหน้าเช่นนั้น ซีหยางเว่ยเจียงจึงรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องการครอบครองนางเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เขาก็คงไม่ตัดสินใจทำเช่นนี้“ก่อนหน้าที่ฝ่าบาทจะครองราชย์ หม่อมฉันเคยเรียกพระองค์ว่าอย่างไรเหรอเพคะ” มีช
หิมะตกหนักจึงทำให้การเดินทางยากลำบาก องครักษ์ของซีหยางเว่ยเจียงรายงานว่า ที่หมู่บ้านข้างหน้ามีงานเทศกาล ระหว่างรอให้หิมะละลาย ทั้งสองพระองค์สามารถเที่ยวเล่นที่นั่นได้ก่อนเมื่อพร้อมค่อยออกเดินทางอีกครั้งซีหยางเว่ยเจียงจึงจำใจพานางไปเที่ยวเล่นในเมือง ความสัมพันธ์ของเขาและนางในเวลานี้แน่นแฟ้นขึ้นเป็นเท่าตัว อยากหยุดเวลาเช่นนี้เอาไว้เหลือเกินเนื่องด้วยขาของนางเป็นอุปสรรคต่อการเดิน ทั้งสองคนจึงไม่ได้เร่งรีบนัก“คืนนี้เราพักที่โรงเตี๊ยมดีกว่า จะได้ไม่ต้องกลับไปที่ค่ายพักแรม” ซีหยางเว่ยเจียงเสนอซึ่งนางเองก็เห็นด้วยกับเขา ถ้ามืดค่ำกว่านี้เดินทางออกไปขึ้นรถม้าเพื่อกลับค่ายพักแรมที่คนของพวกเขาตั้งเอาไว้คงไม่สะดวกเท่าไร ประกอบกับขาของนางเดินนาน ๆ ไม่ได้ จะให้เขาแบกไปจนถึงค่ายก็กลัวหลังเขาจะหักเสียก่อน“ก็ดีเหมือนกัน เราสองคนจะได้อยู่ฉลองงานเทศกาลในเมือง” นางกระชับมือของซีหยางเว่ยเจียง ยิ้มให้เขารอยยิ้มนั้น เขาอยากให้นางยิ้มให้เขาเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ และตลอดไป แต่ลางสังหรณ์กำ
ไม้เท้าของนางที่พิงอยู่กับกำแพงถูกใครสักคนเตะจนหล่นลงไปอยู่ที่พื้น หลี่จื้อฉิงค่อย ๆ ย่อกายลงเอื้อมมือไปเก็บไม้เท้าของตนเอง แต่มันกลับถูกผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาล เหยียบย่ำ และเตะให้ออกห่างจากนางไปเรื่อย ๆ หลี่จื้อฉิงถอดใจ ไม่ตามไปเก็บทั้งที่ไม้เท้าอันนั้นเป็นของที่ท่านตาทำให้กับนาง เพราะกลัวว่าตนจะพลัดหลงกับซีหยางเว่ยเจียงตอนที่นางถอดใจไป และกลับไปยืนพิงกับกำแพงเฝ้ารอให้ซีหยางเว่ยเจียงกลับมา ไม้เท้าอันนั้นกลับถูกใครบางคนนำมาส่งคืนให้กับนาง“ในที่สุดก็หาท่านเจอเสียที” รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มที่เพิ่งจะปรากฏตัวหลี่จื้อฉิงกลืนน้ำลายลงคอ ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“จือจือ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที”คนตัวเล็กเม้มปากของตนเอง สัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย นางไม่ได้กล่าวสิ่งใดกับบุรุษที่มีท่าทีคุกคามนาง แต่กลับหมุนตัวตั้งท่าจะเดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด“จะไปไหน” ไช่เสิ่งเจี๋ยคว้ามือข้างที่นางใช้จับไม้เท้า
ไช่เสิ่งเจี๋ยตั้งใจพาตัวนางกลับ แต่กลับถูกซีหยางเว่ยเจียงรั้งเอาไว้ และพูดคุยกันครู่หนึ่ง หากไม่ใช่ว่าเพราะที่หนีรอดปลอดภัยออกมาจากฉางหมิงได้เป็นเพราะฮ่องเต้หยุนเหมินละก็ เขาคงจะสังหารมันเสียตั้งแต่ตอนนี้“นางลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว ไช่เสิ่งเจี๋ย หากอยากให้นางมีความสุข เจ้าอย่าได้รื้อฟื้นความทรงจำของนางให้กลับคืนมาอีก ไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้น ความทุกข์ในอดีตที่นางเคยได้รับก็ลืมไปหมดแล้วเช่นกัน” ซีหยางเว่ยเจียงทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะปล่อยให้เขาพาตัวของหลี่จื้อฉิงกลับมาพร้อมกัน ใบหน้าของนางซีดเซียว ไช่เสิ่งเจี๋ยถลกกระโปรงนางขาข้างขวาของนางที่เคยเรียวสวยไร้ริ้วรอย บัดนี้มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ มองผิวเผินภายนอกดูปกติดี แต่เห็นนางเดินกะโผลกกะเผลก นางกลายเป็นสตรีพิการไปแล้วหรือลืมความทุกข์ความเจ็บปวดไปหมดแล้วงั้นหรือ และเป็นเขาที่จำได้อยู่เพียงผู้เดียวฮ่าฮ่า!!เขาได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขมขื่นประตูห้องพักภายในโรงเต
เป็นเพราะทั้งซื่อหานและหงหลางต่างก็เป็นเทพและมารที่อยู่มาในยุคฟ้าปางก่อน เป็นเทพมารบรรพกาลที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่องค์ในยุคนี้ การที่ทั้งคู่คบหากันจึงไม่มีใครคัดค้านแม้กระทั่งเทียนตี้เองก็มิกล้ามีปากมีเสียง คงเพราะหวั่นเกรงกลัวว่า มหาเทพซื่อหานจะบุกมาพังตำหนักของตนไม่ก็ถูกมหาจอมมารขโมยผลไม้เซียนที่เขาปลูกเอาไว้ จึงปล่อยเลยตามเลยทำปิดหูปิดตาไม่สนใจ แม้จะกังวลเรื่องการรวมดินแดนเพียงไหนก็ตามในอดีตนางและเขาทะเลาะกันจนทำให้ดินแดนทั้งสองแยกขาดจากกัน นางแกล้งเขาด้วยการสร้างโซ่เส้นหนึ่งขังเขาเอาไว้ในตำหนัก หงหลางโกรธจัด นับตั้งแต่นั้นมา สองดินแดนจึงถูกแยกออกจากกัน ถึงเวลาที่เขาและนางจะช่วยกันรวมดินแดนผนึกแผ่นดินเข้าหากันอีกครั้งหนึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่หลันเว่ยลงมือกระทำไปทั้งหมดเป็นการช่วยส่งเสริมให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิมอย่างที่สามภพเคยเป็น มารและเทพกลับมาคบหากันอย่างเปิดเผย อยู่ภายใต้ขอบเขตศีลธรรมอันดีงาม“ท่านพ่อท่านแม่อยู่ไหน” คุนอวี่ถามหาบิดาและมารดา จากเกาเจี๋ยและสือโต้ว
เพราะท่านพ่อท่านแม่กำลังอยู่ในช่วงเวลาปรับความเข้าใจกัน เด็กชายเบื่อ ๆ ไม่อยากรบกวนเวลาของพวกท่าน จึงออกไปเที่ยวเล่นดังเช่นปกติ แต่วันนี้ดันเตลิดเลยออกมาห่างจากตำหนักวิเวกของมารดาเกินไปสักนิด เดิมทีก้อนแป้งเองก็สนุกสนานกับการสำรวจสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว รวมถึงมีตบะกลิ่นอายเซียนและมารผสมรวมกันอยู่ ปีศาจหรือเซียนระดับล่างมิอาจทำร้ายเขาได้ และทำให้เขาสามารถเข้าออกได้ทุกหนแห่งในสามภพป่าแถบนี้ประหลาดนัก ไร้เสียงของสัตว์สวรรค์ เด็กชายเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ สายตาเหลือบไปเห็นดอกบัวสีทองอร่ามงดงามจับใจอยู่กลางบึงน้ำสีครามสวย“เจ้าดอกบัว” หากเก็บไปให้มารดาและบิดาเป็นของขวัญคงจะดีไม่น้อย เมื่อคิดแล้วก็ลงมือ กระบี่ที่บิดาเป็นผู้หลอมให้เป็นของขวัญถูกนำออกมา ก้อนแป้งน้อยเขวี้ยงกระบี่ออกไปหมายจะตัดดอกบัวสีทองออกมาจากบึงแต่ไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ดอกบัวดอกนั้นหลบหลีกกระบี่มารของบิดาได้ ผ่านไปครู่หนึ่งดอกบัวสีทองก็แปลงกายเป็นสตรีใบหน้างดงาม“คุณชาย อย่าทำร้ายข้า” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตา&ldq
หงหลางกางข่ายอาคมของตนเองครอบคลุมสวนดอกท้อซื่อหานตกใจ ร้องเสียงหลง“เจ้าจะทำอะไร”“ข้าไม่อยากให้ใครมาแอบดูพวกเราสองคนทำอะไรกัน” เขาไม่พูดเปล่า แต่มือไม้ยังวุ่นวายกับร่างกายของนาง“หงหลางหยุดก่อน” นางผายมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข่ายอาคมของนางเอง“...” ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ“ชะ...ใช้ของข้า คนอื่นจะได้ไม่งงว่า เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักวิเวก” นางกล่าวอึกอักหงหลางยิ้ม “เจ้านี่น่ารักจริง ๆ น่ารักมาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน” ท่าทางเขินอายของนางทำเอาเขาอดเอ็นดูไม่ได้เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว จนร่างกายเปลือยเปล่าส่วนตัวของเขาเองก็เช่นกัน ผู้เป็นจอมมารขบเม้มร่างกายของนางจนเป็นรอยตราสีแดงไปทั่วทั้งร่าง กลืนกินทุกสัดส่วนอย่างโหยหา กลิ่นนี้ น้ำเสียงนี้ และความรู้สึกนี้ที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอด ในที่สุดนางก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครา“ซื่อหาน ข้าคิดถึง
ทรมานอยู่บนโลกมนุษย์อยู่หนึ่งร้อยปี ไร้รัก ไร้ทายาท ปกครองแผ่นดินเฉียนซีตามปณิธานของหลี่จื้อฉิงอย่างเคร่งครัด หงหลางจึงได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ความเจ็บปวด ความรัก เขาล้วนแต่ไม่สามารถลืมได้ ไม่คิดว่าการผ่านด่านเคราะห์ของเขาในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเช่นนี้มหาจอมมารหงหลางตามหาจิตวิญญาณของสตรีผู้นั้นอยู่นานนับร้อยปี เฝ้าค้นหาทั่วทั้งสามภพมิอาจปล่อยวางได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนก็มิอาจหานางจนพบ บุกขึ้นไปหาเทพซือมิ่งเพื่อสอบถามถึงสตรีที่มีนามว่าหลี่จื้อฉิง แต่บุรุษผู้นั้นเคร่งครัดในหน้าที่มิอาจเปิดเผยข้อมูลได้ในวันที่ดื่มสุราจนเมามาย เด็กชายหน้าตาน่ารักที่มีกลิ่นอายของมารและเซียนวิ่งเข้ามาในตำหนักศิลาจันทร์“ท่านพ่อ” เด็กชายยิ้มน่ารักเรียกเขาว่าพ่ออย่างไม่เคอะเขิน“เจ้าก้อนแป้งน้อย เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” โดยปกติทั่วไปหากเป็นเซียนที่มีตบะน้อยนิดมิอาจย่างกรายเข้ามาในตำหนักของเขาได้ แม้แต่เหยียบบนพื้นแผ่นดินมา เซียนระดับสูงก็มิ
เสียงเด็กวิ่งเล่นวุ่นวายทำให้ซื่อหานจำใจต้องลืมตาตื่น ร่างเล็กผินหน้ามองออกไปนอกตำหนัก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตำหนักเซียนของนางจะมีเด็กมาอาศัยอยู่ยังไม่ทันที่นางจะได้ลุกไปไหน เด็กที่มีกลิ่นอายมารและเซียนผสมกันก็เปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาทางที่เตียง“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้ว” เด็กชายยิ้มตาหยี ที่ด้านหลังมีเซียนก้อนหินน้อยสือโต้วเดินตามเข้ามาซื่อหานใช้นิ้วแตะศีรษะของเด็กน้อยดันเจ้าก้อนแป้งสีขาวให้ห่างออกไปจากตัวนาง“ใครเป็นแม่ของเจ้ากัน” หญิงสาวมองก้อนแป้งสีขาวหน้าตาน่ารักอย่างงุนงง พร้อมกับมองไปยังสือโต้วที่ยืนทำหน้าตาตลกอยู่ด้านหลัง “เจ้าเป็นพ่อของเด็กคนนี้เหรอ”“ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่เช่นนั้น ไว้มหาเทพตื่นให้เต็มที่เสียก่อนเดี๋ยวข้าน้อยและท่านเกาเจี๋ยจะเล่าให้ฟัง”“ท่านแม่ ท่านไม่รักข้าแล้วงั้นหรือ” เด็กชายร้องไห้“จู่ ๆ มาร้องไห้ได้ยังไงกัน” ซื่อหานเห็นเด็กชายผู้นี้ร้องไห้ หัวใจของนางพลันเจ็บปวด ตลอด
ครบกำหนดเวลาที่เขาวางเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นางจะปรากฏตัวออกมา ลานประหารที่ไช่เสิ่งเจี๋ยใช้ในการสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ณ จัตุรัสกลางเมือง ประชาชนแห่งเฉียนซีไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาดู เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกลูกหลง การค้าทุกอย่างหยุดชะงักเพราะความบ้าระห่ำเลือดเย็นของผู้ปกครองแผ่นดิน ข้าราชบริพารขุนนางในราชสำนักเองก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ถูกปิดหน้าปิดตาถูกนำตัวขึ้นไปวางไว้บนลานประหารที่เขาสร้างเอาไว้ ส่วนตัวของไช่เสิ่งเจี๋ยเองนั่งอยู่เหนือลานประหาร สายตาและท่าทางเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ดวงตากลายเป็นสีเทาไปนานแล้ว“จือจือ เจ้าจะไม่มาจริง ๆ หรือ เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่น่าสงสารถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดงั้นหรือ” เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ท่ามกลางบ้านเรือนที่เงียบกริบราวกับป่าช้า ไร้เสียงของผู้คน มีแค่เพียงเสียงของฝูงอีกาและลมฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เศษใบไม้ปลิวว่อนทั่วทั้งทางบริเวณ หวีดหวิวน่าวังเวงใจ ครู่เงาร่
นางได้รับประทานขนมฝีมือของบิดาแทบทุกวัน จนรู้สึกว่าตนเองอ้วนขึ้นประกอบกับวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากเล่นหมากล้อมวาดภาพกับบิดา กิจกรรมหลักของนางจึงเป็นการออกมานั่งเล่น ซักผ้าที่ริมลำธาร วันนี้ก็เช่นกันหลี่จื้อฉิงเห็นเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอย่างมีความสุขมือเรียวกุมหน้าท้องของตนเองอย่างลืมตัว ถ้าหาก...ถ้าหากเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าตัวแสบกลุ่มนั้น ลูกของนางจะหน้าตาเป็นเช่นไรกันนะ จะเหมือนเขาหรือนางมากกว่ากันเมื่อคิดถึงความสูญเสียในอดีตที่ผ่านมาดวงตางดงามก็หม่นแสงลง“นี่เจ้าได้ยินเรื่องที่ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีประกาศหรือไม่” ระหว่างที่นั่งเล่นอยู่นั้นนางได้ยินกลุ่มหญิงสาวที่กำลังซักผ้าพูดคุยกัน ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีงั้นเหรอ หมายถึงเสี่ยวเสิ่งงั้นเหรอ? หลี่จื้อฉิงจึงเงียบและตั้งใจฟัง“เข้ามาที่นี่ห้ามพูดคุยเรื่องข้างนอก เจ้านี่นะ แอบไปเที่ยวเล่นนอกพรตเมฆาไม่พอ ยังเอาเรื่องไร้สาระมาพูดคุย” หญิงสาวคนที่หน
ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของไช่เสิ่งเจี๋ยขจรกระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งหยุนเหมินที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรยังต้องหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งโหดเหี้ยม ซีหยางเว่ยเจียงยังคงตามหาหลี่จื้อฉิงด้วยเช่นกัน แต่นางหายไปราวกับว่า หายไปจากโลกนี้ สายลับของเขาทั่วทั้งแผ่นดินไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน ที่หมู่บ้านที่นางจากมา เขากลับเข้าไปตามหาแล้วแต่ก็ไม่พบ ทุกพื้นที่บนแผ่นดินนี้ไร้ร่องรอยของนางพระราชสาส์นจากเฉียนซีถูกส่งมาพร้อมกับของกำนัลชิ้นหนึ่ง กล่องไม้ขนาดย่อมถูกนำเข้ามากงกงหนุ่มผู้หนึ่งทำหน้าย่นในขณะที่ถือของสิ่งนั้นอยู่ กลิ่นที่โชยออกมาจากกล่องน่าสะอิดสะเอียนสุดชีวิต“สิ่งนั้นคือ”“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ”ซีหยางเว่ยเจียงส่งสัญญาณให้เปิดกล่องใบนั้น ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก พบเป็นแขนมนุษย์หมักเกลือ เพื่อคงสภาพเอาไว้ ชายหนุ่มรีบก้มหน้าเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้น“แขนของเหลียนซูเยว่ คราแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะส่งกลับไปบ้านเกิดของนางทั้งตัว แต่เปลี่ยนใจ เลย
Trigger Warningเนื้อหาในตอนนี้มีการบรรยายถึงการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด องครักษ์ของเขาจะไร้ฝีมือถึงขั้นปล่อยให้นางถูกจับเป็นตัวประกันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะนางเดินออกไปให้พวกมันจับ หลี่จื้อฉิงก็คงไม่หลุดมือเขาไป ไช่เสิ่งเจี๋ยคิดถึงนาง เฝ้าตามหานางมาหลายปี ครั้นได้เจอกลับถูกเหลียนซูเยว่ใช้อุบายทำให้นางหนีหายไปไหนไม่รู้กลิ่นดอกกุ้ยฮวาจาง ๆ ยังคงอบอวลอยู่ที่ปลายจมูก น้ำเสียงของนางคล้ายกับอยู่ใกล้ตัวเขา ห้องพักของนางที่เขาสั่งให้คนเตรียมเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำให้เหมือนกับห้องนอนของนางในเรือนไข่มุก ต้นไม้ เครื่องเรือน แม้แต่ก้อนหินเขาก็สั่งให้คนตระเตรียมรอต้อนรับผ้าม่าน ที่นอน สระน้ำเล็ก ๆ กำไลที่ประดับมณีสีแดงเหมือนกับชิ้นนั้น เสื้อผ้าไหมชั้นดีที่นางชอบสวมใส่ กลิ่นกำยานหอมที่นางชอบทุกอย่างพังทลายไปต่อหน้าต่อตา อีกแค่เพ