นางถูกพามาที่เรือนไข่มุกโดยมีซีหยางเว่ยเจียงเป็นผู้มาส่ง เขาเป็นวรยุทธ์ใช้เวลาไม่นานก็พานางมาถึงที่พักได้โดยสวัสดิภาพ และผู้ที่มาถึงแทบจะพร้อมกันคือไช่เสิ่งเจี๋ย ใบหน้าของอีกฝ่ายเรียบเฉยจนนางเดาไม่ได้ว่า เขากำลังรู้สึกสิ่งใด อาจจะกำลังรู้สึกดีใจที่นางตกอยู่ในอันตราย ใช่แล้วละเขาน่าจะรู้สึกสะใจที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับนาง หลี่จื้อฉิงได้แต่ถอนหายใจ
“องค์ชายขอนายหญิงของข้าคืนด้วย” ทันทีที่เท้าติดพื้นไช่เสิ่งเจี๋ยก็เข้ามายื้อแย่ง
ซีหยางเว่ยเจียงมองไปยังบุรุษที่สวมชุดสีขาวสะอาดเส้นผมปล่อยยาวสยาย ท่าทางไม่เหมือนกับองครักษ์ แต่ก็ไม่น่าใช่บ่าวรับใช้ในเรือนนี้อย่างแน่นอน ข่าวลือที่ว่าหลี่จื้อฉิงมีชายบำเรอที่ชุบเลี้ยงเอาไว้ ดูท่าจะเป็นความจริง
“ท่านหญิง เขาเป็นชายบำเรอของท่าหรือ”
คนตัวเล็กส่ายหัวไปมา “เป็นทาสที่ข้ารับเอามาดูแลชั่วคราวน่ะ อีกไม่นานก็จะส่งเขากลับไปบ้านเมืองของเขาแล้ว”
ไช่เสิ่งเจี๋ยกัดฟันกรอดเป็นแค่ทาสงั้นหรือ แม้จะอยากไปยื้อแย่งนางคืนถึงเพียงไหน เขาก
ในทุก ๆ วันจะมีบุรุษมานั่งเฝ้านางรับประทานอาหาร มื้อเช้าเป็นไช่เสิ่งเจี๋ย ตกบ่ายเป็นซีหยางเว่ยเจียง นางทั้งขับไล่ทั้งด่าตะเพิดแต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะฟังนางเลยสักคน ท้ายที่สุดนางก็เหนื่อยจะไล่แล้วคนตัวเล็กนั่งรับประทานอาหารมื้อเช้าโดยมีไช่เสิ่งเจี๋ยคอยป้อนและดูแล แต่ยังรับประทานไปได้ไม่ถึงครึ่งชาม หลี่ซินอี้ก็ปรากฏตัว“นางตัวดี” หลี่ซินอี้เข้ามาถึงก็พังข้าวของในห้องของหลี่จื้อฉิงจนพังพินาศโชคดีที่ไช่เสิ่งเจี๋ยเอาตัวเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน หลี่จื้อฉิงจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ“หลี่ซินอี้ เจ้าบ้าอะไร” หลี่จื้อฉิงเองก็ใช่ว่าจะยอมกันง่าย ๆ“เหตุใดองค์ชายซีหยางถึงจะถอนหมั้นกับข้า แล้วเปลี่ยนเป็นเจ้า” หลี่ซินอี้โวยวาย นางชอบพอชายผู้นั้นมาตั้งแต่ยังเยาว์ จู่ ๆ มาเปลี่ยนตัวคู่หมั้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องเป็นฝีมือของนางแน่ ๆ ได้ยินว่าหลังจากองค์ชายซีหยางอุ้มหลี่จื้อฉิงกลับเข้ามา ทุกเช้าเย็นหลังจากปฏิบัติราชกิจเสร็จแล้วก็มักจะแวะเวียนมาที่เรือนไข่มุก หลี่
อยู่กันตามลำพังเพียงสองคน และดูว่าไม่มีผู้ใดแอบฟังเขาก็เริ่มสนทนาเข้าประเด็นในทันที“ข้าต้องการเจ้า” ซีหยางเว่ยเจียงกล่าวออกไปตามตรง“หมายความว่าอย่างไร”“ท่านหญิงจื้อฉิง ข้าต้องการเจ้ามาเป็นสนมของข้า”“เป็นสนม!!!” แน่อยู่แล้วนางเป็นได้แค่นั้นนั่นแหละฐานันดรต่ำต้อยมีอำนาจเพราะเป็นหุ่นเชิดของมารดา“ด้วยสถานะของเจ้าเป็นสนมของข้าก็นับว่าสูงส่งมากแล้ว และหากเจ้ารับปาก เรื่องของไช่เสิ่งเจี๋ยและเฉินหว่านเซียน แคว้นหยุนเหมินจะเป็นธุระจัดการให้ทุกอย่าง” เส้นสายของหยุนเหมินมีอยู่ในทุกแคว้น ไม่ว่าใครจะทำอะไรหรือสิ่งใด ย่อมรู้ทุกอย่าง “หากเจ้าตกลง ข้าจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้แก่เจ้า ส่งตัวองค์หญิงแห่งเสียนลู่ที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านองครักษ์ของท่าน และองค์ชายแห่งเฉียนซีกลับไปโดยสวัสดิภาพ”หลี่จื้อฉิงพิจารณาสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา นางไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่านางกำลังวางแผนการอะไร“เส้นสายและอำนาจของท่
ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปกระชากแขนของหลี่จื้อฉิงทันทีที่คนพวกนั้นพ้นออกไปจากเรือนไข่มุก เหตุใดนางจึงยิ้มได้อย่างหน้าระรื่นเช่นนั้นซ้ำยังยินยอมให้เขาจุมพิตที่ศีรษะอีกด้วย“ท่านไปคุยอะไรกับมัน” เขากระชากแขนนางและพาตัวกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง“ปล่อยนะ ข้าเจ็บ” นางดิ้นแต่ก็มิอาจต้านแรงเขาได้ “ไช่เสิ่งเจี๋ย ข้าเจ็บ”“ข้าถามว่าท่านคุยอะไรกับมัน” แววตาของชายหนุ่มเป็นสีเทา ยามสนทนากับนางและไม่มีทีท่าว่าจะกลับไปเป็นสีนิลดั่งเช่นเวลาปกติ“ข้าจะคุยอะไรกับเขา มันใช่เรื่องของท่านหรือ” นางเชิดหน้าขึ้น ถูกต้องแล้ว มันต้องเป็นเช่นนี้นั่นแหละ “ในเมื่อเขาเป็นคู่หมั้นของข้า ในอนาคต ข้าจะได้เป็นฮองเฮา...” นางโกหก เมื่อไปอยู่ที่นั่นนางจะได้เป็นเพียงสนมขั้นต่ำ“แต่ท่านเป็นภรรยาของข้าแล้ว เรากราบไหว้ฟ้าดินกันไปแล้ว” เขาผลักนางจนแผ่นหลังประชิดกับกำแพง“มีแค่ข้า ท่าน และเสด็จแม่ รวมถึงองครักษ์ของพระองค์เพียงคนเดียวที่รู
น้ำสกปรกและเย็นเฉียบบรรจุอยู่ในถังไม้ถูกนำมาสาดใส่นางและมารดา ความหนาวเหน็บกัดกินจิตใจของหลี่หย่าถิงจนแทบจะไร้ความรู้สึก เด็กสาววัยสิบสามมองการกระทำของชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาของนาง ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เขานิ่งเฉย ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่เอ่ยปากห้ามปรามใด ๆ ทั้งสิ้น“เสด็จพ่อ หม่อมฉันก็เป็นบุตรสาวของพระองค์นะเพคะ เหตุใด เหตุใดจึงปล่อยให้นางทำร้ายหม่อมฉันเช่นนี้” หลี่หย่าถิงชี้หน้าด่ากราดไปยังสตรีผู้เป็นมารดาของแผ่นดิน“ถิงเอ๋อร์ อย่าได้พูดเช่นนั้น” มารดาของนางรีบรั้งตัวบุตรสาวให้นางคุกเข่าลงกับพื้น“เสด็จแม่ พระองค์ก็เป็นภรรยาของเขาผู้หนึ่งเหมือนกัน ส่วนข้าก็เป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อ”ยังไม่ทันจะกล่าวพูดจบประโยคหลี่หย่าถิงก็ถูกนางกำนัลของหยางซวนเหยากดตัวลงกับพื้น มัดมือไม้และเท้าไว้กับม้านั่งจากนั้นใช้วิธีการทรมานสารพัดอย่างกับนาง“นังเด็กคนนี้ปากดีนักข้าจะให้มันได้เรียนรู้ความเจ็บปวด” ผู้เป็นฮองเฮากล่าว “ฝ่าบาทคิดเห็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันสามารถสั่งสอนบุตรสาวคนน
นางให้เขาไปจัดการเรื่องของตนเอง บอกว่าอีกไม่นานจะเริ่มดำเนินแผนการ ซีหยางเว่ยเจียงแวะมาที่เรือนไข่มุกของนางอยู่บ่อย ๆ หลี่จื้อฉิงแสดงบทบาทเป็นสตรีที่กำลังอยู่ในอาการตกหลุมรักได้เป็นอย่างดี โดยมีไช่เสิ่งเจี๋ยอยู่ข้าง ๆ นาง ยืนเฝ้ามองการกระทำของนางด้วยสีหน้าเรียบ ชั่วเวลาหนึ่งนางเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เคียดแค้นใจ หญิงสาวได้แต่หยิกตัวเองว่า อย่าได้ลืมหน้าที่ของตน หน้าที่อะไรสักอย่างก็ไม่รู้ที่นางถูกบังคับให้แบกรับเมื่อคิดถึงก็ตลกดีเหมือนกัน หลายวันมานี้นางไม่ได้ไปพบบิดา เพราะเข็ดขยาดหวั่นเกรงว่า ตนนั้นจะไปได้ยินความลับอะไรของพวกเขาอีก นางไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้เรื่องราวใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว ส่งไช่เสิ่งเจี๋ยกลับแผ่นดินเกิด จากนั้นก็จากไปอย่างสงบสุขวันงานเลี้ยงมาถึง ขุนนางและชนชั้นสูงทั่วทั้งฉางหมิงต่างก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอย่างพร้อมเพรียงกัน แน่นอนว่าครอบครัวแม่ทัพและเสนาบดีก็ถูกรับเชิญให้เข้าร่วมด้วยเครื่องประดับที่ถูกส่งมาเป็นของกำนัลให้กับนาง เดิมทีนั้นถูกส่งมามอบให้กับหลี่ซินอี้ ถูกสับเปลี่ยนมาให้มาให้กับหลี่
นางตัดสินใจปล่อยมือซีหยางเว่ยเจียง เดินเข้าไปให้หลี่หย่าถิงควบคุมตัว ซีหยางเว่ยเจียงเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัว เขาได้ปล่อยมือจากหลี่จื้อฉิงไปแล้วทันทีที่นางเดินเข้ามาเขตพื้นที่ที่คนของหลี่หย่าถิงยืนคุมเชิงอยู่นั้น ราชองครักษ์ของผู้เป็นมารดาก็ขยับเข้ามาควบคุมหลี่จื้อฉิงกดร่างเล็กให้คุกเข่าลงกับพื้น หญิงสาวจับจ้องไปที่บิดาที่ถูกกระบี่จ่อคอเอาไว้“เสด็จแม่ปล่อยเสด็จพ่อเถิด ลูกอยู่นี่แล้ว” ถึงจะรับรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีใครรัก และหวังดีกับนางเลย แต่กระนั้นหลี่จื้อฉิงก็ยอมที่จะเอ่ยปากขอร้อง“จือจือเจ้ากลายเป็นคนทรยศไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าคิดคดกบฏต่อราชบัลลังก์ สมคบคิดกับหยุนเหมิน มุ่งมั่นทำลายฉางหมิง ลูกสาวข้า เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” หลี่หย่าถิงเล่นบทโศก เมื่อคนของซีหยางเว่ยเจียงค่อย ๆ พาคนของตนถอยร่นห่างออกไปเรื่อย ๆ “ทหารจับตัวท่านหญิงจื้อฉิงเอาไว้รอการประหาร”“แล้วเสด็จพ่อล่ะ พระองค์จะปล่อยเขาหรือไม่ เสด็จพ่อไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น แผนการ
อี้หลานนั่งมองดวงตะวันที่กำลังจะตกดินอย่างคิดอะไร ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเป็นสีแดงคล้ายกับอะไรบางอย่างที่นางเองก็คิดไม่ออกว่ามันเหมือนกับสิ่งใด“พี่อี้หลาน มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินอีกแล้ว” เด็กชายตัวน้อยวิ่งมาจูงมือของพี่สาวร้องเรียกให้นางกลับบ้านได้แล้ว“อ้อ...” อี้หลานพยักหน้า มือข้างหนึ่งจับไม้เท้าเพื่อที่ตนจะได้เดินได้สะดวก“วันนี้ข้าจับปลาได้ ข้าเลยขอให้ท่านตาช่วยต้มข้าวต้มปลา” สือโต้วกล่าวอย่างอารมณ์ดีนางเดินกะโผลกกะเผลกตามเด็กชายกลับเข้าไปในบ้านไม่แน่ใจว่า ก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ลืมตาอีกทีอี้หลานก็พบว่าตนนอนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง มีท่านตาชรากับเด็กชายตัวจิ๋ว นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมห่างไปไหน จากอุบัติเหตุที่นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขาข้างขวาของนางได้รับบาดเจ็บหนัก นางตั้งครรภ์อ่อน ๆ และสูญเสียบุตรที่ไม่รู้เพศไปเนื่องจากตกลงมาจากที่สูง มิอาจใช้การได้ดังเดิม อี้หลานกลายเป็นสตรีพิการใช้ไม้ค้ำยืนไปตลอดชีวิตความทรงจ
หมู่บ้านที่อี้หลานอาศัยอยู่ในเวลานี้ได้ยินว่าอยู่บนแผ่นดินของหยุนเหมิน นานทีปีหนจะมีข้าราชการจากราชสำนัก แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถามสารทุกข์สุกดิบจากประชาชน ทุกครั้งที่แวะเวียนมาก็มักจะมาพร้อมด้วยข้าวของต่าง ๆ ที่นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในแต่ละหลังคาเรือน ปีนี้ที่ทางการตั้งใจมาตรวจสอบความเป็นอยู่ของประชาชน ในบ้านของผู้เฒ่าเกามีรายชื่อของสตรีเพิ่มมาอีกหนึ่งคน“เมื่อปีก่อน ๆ ไม่เห็นมีรายชื่อนี้นี่ นางเป็นใครมาจากไหน” นายอำเภอถามเอาความจากผู้นำหมู่บ้านบิดาของจ้าวเฟย“ผู้เฒ่าเกาเก็บนางได้ที่หุบเขาเมื่อสามปีก่อนขอรับ” จ้าวตู้ตอบคำถาม“เก็บได้เมื่อสามปีก่อน หมายความว่าอย่างไร” คนนะไม่ใช่ลูกสัตว์ตัวเล็ก ๆ จะไปเก็บมาเลี้ยงดูได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ“ขอรับ ผู้เฒ่าเกากับหลานชายแบกนางมาจากริมน้ำ สภาพเหมือนคนที่ตายไปแล้ว หากดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับศพไร้ญาติทั่วไป ไม่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่รอดมาได้ด้วยซ้ำ ตอนที่นำนางมาถึงบ้านของผู้เฒ่าเกา นางสวมเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดี สภาพร่างกายเต็ม
หงหลางกางข่ายอาคมของตนเองครอบคลุมสวนดอกท้อซื่อหานตกใจ ร้องเสียงหลง“เจ้าจะทำอะไร”“ข้าไม่อยากให้ใครมาแอบดูพวกเราสองคนทำอะไรกัน” เขาไม่พูดเปล่า แต่มือไม้ยังวุ่นวายกับร่างกายของนาง“หงหลางหยุดก่อน” นางผายมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นข่ายอาคมของนางเอง“...” ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจ“ชะ...ใช้ของข้า คนอื่นจะได้ไม่งงว่า เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักวิเวก” นางกล่าวอึกอักหงหลางยิ้ม “เจ้านี่น่ารักจริง ๆ น่ารักมาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อน” ท่าทางเขินอายของนางทำเอาเขาอดเอ็นดูไม่ได้เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว จนร่างกายเปลือยเปล่าส่วนตัวของเขาเองก็เช่นกัน ผู้เป็นจอมมารขบเม้มร่างกายของนางจนเป็นรอยตราสีแดงไปทั่วทั้งร่าง กลืนกินทุกสัดส่วนอย่างโหยหา กลิ่นนี้ น้ำเสียงนี้ และความรู้สึกนี้ที่เขาเฝ้าตามหามาโดยตลอด ในที่สุดนางก็กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครา“ซื่อหาน ข้าคิดถึง
ทรมานอยู่บนโลกมนุษย์อยู่หนึ่งร้อยปี ไร้รัก ไร้ทายาท ปกครองแผ่นดินเฉียนซีตามปณิธานของหลี่จื้อฉิงอย่างเคร่งครัด หงหลางจึงได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง เขาจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ความเจ็บปวด ความรัก เขาล้วนแต่ไม่สามารถลืมได้ ไม่คิดว่าการผ่านด่านเคราะห์ของเขาในครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายเช่นนี้มหาจอมมารหงหลางตามหาจิตวิญญาณของสตรีผู้นั้นอยู่นานนับร้อยปี เฝ้าค้นหาทั่วทั้งสามภพมิอาจปล่อยวางได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนก็มิอาจหานางจนพบ บุกขึ้นไปหาเทพซือมิ่งเพื่อสอบถามถึงสตรีที่มีนามว่าหลี่จื้อฉิง แต่บุรุษผู้นั้นเคร่งครัดในหน้าที่มิอาจเปิดเผยข้อมูลได้ในวันที่ดื่มสุราจนเมามาย เด็กชายหน้าตาน่ารักที่มีกลิ่นอายของมารและเซียนวิ่งเข้ามาในตำหนักศิลาจันทร์“ท่านพ่อ” เด็กชายยิ้มน่ารักเรียกเขาว่าพ่ออย่างไม่เคอะเขิน“เจ้าก้อนแป้งน้อย เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร” โดยปกติทั่วไปหากเป็นเซียนที่มีตบะน้อยนิดมิอาจย่างกรายเข้ามาในตำหนักของเขาได้ แม้แต่เหยียบบนพื้นแผ่นดินมา เซียนระดับสูงก็มิ
เสียงเด็กวิ่งเล่นวุ่นวายทำให้ซื่อหานจำใจต้องลืมตาตื่น ร่างเล็กผินหน้ามองออกไปนอกตำหนัก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตำหนักเซียนของนางจะมีเด็กมาอาศัยอยู่ยังไม่ทันที่นางจะได้ลุกไปไหน เด็กที่มีกลิ่นอายมารและเซียนผสมกันก็เปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาทางที่เตียง“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้ว” เด็กชายยิ้มตาหยี ที่ด้านหลังมีเซียนก้อนหินน้อยสือโต้วเดินตามเข้ามาซื่อหานใช้นิ้วแตะศีรษะของเด็กน้อยดันเจ้าก้อนแป้งสีขาวให้ห่างออกไปจากตัวนาง“ใครเป็นแม่ของเจ้ากัน” หญิงสาวมองก้อนแป้งสีขาวหน้าตาน่ารักอย่างงุนงง พร้อมกับมองไปยังสือโต้วที่ยืนทำหน้าตาตลกอยู่ด้านหลัง “เจ้าเป็นพ่อของเด็กคนนี้เหรอ”“ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่เช่นนั้น ไว้มหาเทพตื่นให้เต็มที่เสียก่อนเดี๋ยวข้าน้อยและท่านเกาเจี๋ยจะเล่าให้ฟัง”“ท่านแม่ ท่านไม่รักข้าแล้วงั้นหรือ” เด็กชายร้องไห้“จู่ ๆ มาร้องไห้ได้ยังไงกัน” ซื่อหานเห็นเด็กชายผู้นี้ร้องไห้ หัวใจของนางพลันเจ็บปวด ตลอด
ครบกำหนดเวลาที่เขาวางเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่นางจะปรากฏตัวออกมา ลานประหารที่ไช่เสิ่งเจี๋ยใช้ในการสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านถูกสร้างขึ้นอย่างลวก ๆ ณ จัตุรัสกลางเมือง ประชาชนแห่งเฉียนซีไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาดู เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกลูกหลง การค้าทุกอย่างหยุดชะงักเพราะความบ้าระห่ำเลือดเย็นของผู้ปกครองแผ่นดิน ข้าราชบริพารขุนนางในราชสำนักเองก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ถูกปิดหน้าปิดตาถูกนำตัวขึ้นไปวางไว้บนลานประหารที่เขาสร้างเอาไว้ ส่วนตัวของไช่เสิ่งเจี๋ยเองนั่งอยู่เหนือลานประหาร สายตาและท่าทางเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ดวงตากลายเป็นสีเทาไปนานแล้ว“จือจือ เจ้าจะไม่มาจริง ๆ หรือ เจ้าจะยอมให้เด็กน้อยที่น่าสงสารถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดงั้นหรือ” เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ท่ามกลางบ้านเรือนที่เงียบกริบราวกับป่าช้า ไร้เสียงของผู้คน มีแค่เพียงเสียงของฝูงอีกาและลมฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ เศษใบไม้ปลิวว่อนทั่วทั้งทางบริเวณ หวีดหวิวน่าวังเวงใจ ครู่เงาร่
นางได้รับประทานขนมฝีมือของบิดาแทบทุกวัน จนรู้สึกว่าตนเองอ้วนขึ้นประกอบกับวัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากเล่นหมากล้อมวาดภาพกับบิดา กิจกรรมหลักของนางจึงเป็นการออกมานั่งเล่น ซักผ้าที่ริมลำธาร วันนี้ก็เช่นกันหลี่จื้อฉิงเห็นเด็ก ๆ เล่นน้ำกันอย่างมีความสุขมือเรียวกุมหน้าท้องของตนเองอย่างลืมตัว ถ้าหาก...ถ้าหากเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ อายุก็คงรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าตัวแสบกลุ่มนั้น ลูกของนางจะหน้าตาเป็นเช่นไรกันนะ จะเหมือนเขาหรือนางมากกว่ากันเมื่อคิดถึงความสูญเสียในอดีตที่ผ่านมาดวงตางดงามก็หม่นแสงลง“นี่เจ้าได้ยินเรื่องที่ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีประกาศหรือไม่” ระหว่างที่นั่งเล่นอยู่นั้นนางได้ยินกลุ่มหญิงสาวที่กำลังซักผ้าพูดคุยกัน ฮ่องเต้แห่งเฉียนซีงั้นเหรอ หมายถึงเสี่ยวเสิ่งงั้นเหรอ? หลี่จื้อฉิงจึงเงียบและตั้งใจฟัง“เข้ามาที่นี่ห้ามพูดคุยเรื่องข้างนอก เจ้านี่นะ แอบไปเที่ยวเล่นนอกพรตเมฆาไม่พอ ยังเอาเรื่องไร้สาระมาพูดคุย” หญิงสาวคนที่หน
ข่าวลือเรื่องความโหดเหี้ยมของไช่เสิ่งเจี๋ยขจรกระจายไปทั่วทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งหยุนเหมินที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรยังต้องหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งโหดเหี้ยม ซีหยางเว่ยเจียงยังคงตามหาหลี่จื้อฉิงด้วยเช่นกัน แต่นางหายไปราวกับว่า หายไปจากโลกนี้ สายลับของเขาทั่วทั้งแผ่นดินไม่มีใครรู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน ที่หมู่บ้านที่นางจากมา เขากลับเข้าไปตามหาแล้วแต่ก็ไม่พบ ทุกพื้นที่บนแผ่นดินนี้ไร้ร่องรอยของนางพระราชสาส์นจากเฉียนซีถูกส่งมาพร้อมกับของกำนัลชิ้นหนึ่ง กล่องไม้ขนาดย่อมถูกนำเข้ามากงกงหนุ่มผู้หนึ่งทำหน้าย่นในขณะที่ถือของสิ่งนั้นอยู่ กลิ่นที่โชยออกมาจากกล่องน่าสะอิดสะเอียนสุดชีวิต“สิ่งนั้นคือ”“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ”ซีหยางเว่ยเจียงส่งสัญญาณให้เปิดกล่องใบนั้น ทันทีที่กล่องถูกเปิดออก พบเป็นแขนมนุษย์หมักเกลือ เพื่อคงสภาพเอาไว้ ชายหนุ่มรีบก้มหน้าเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้น“แขนของเหลียนซูเยว่ คราแรกตั้งใจเอาไว้ว่าจะส่งกลับไปบ้านเกิดของนางทั้งตัว แต่เปลี่ยนใจ เลย
Trigger Warningเนื้อหาในตอนนี้มีการบรรยายถึงการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ทั้งหมด องครักษ์ของเขาจะไร้ฝีมือถึงขั้นปล่อยให้นางถูกจับเป็นตัวประกันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะนางเดินออกไปให้พวกมันจับ หลี่จื้อฉิงก็คงไม่หลุดมือเขาไป ไช่เสิ่งเจี๋ยคิดถึงนาง เฝ้าตามหานางมาหลายปี ครั้นได้เจอกลับถูกเหลียนซูเยว่ใช้อุบายทำให้นางหนีหายไปไหนไม่รู้กลิ่นดอกกุ้ยฮวาจาง ๆ ยังคงอบอวลอยู่ที่ปลายจมูก น้ำเสียงของนางคล้ายกับอยู่ใกล้ตัวเขา ห้องพักของนางที่เขาสั่งให้คนเตรียมเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำให้เหมือนกับห้องนอนของนางในเรือนไข่มุก ต้นไม้ เครื่องเรือน แม้แต่ก้อนหินเขาก็สั่งให้คนตระเตรียมรอต้อนรับผ้าม่าน ที่นอน สระน้ำเล็ก ๆ กำไลที่ประดับมณีสีแดงเหมือนกับชิ้นนั้น เสื้อผ้าไหมชั้นดีที่นางชอบสวมใส่ กลิ่นกำยานหอมที่นางชอบทุกอย่างพังทลายไปต่อหน้าต่อตา อีกแค่เพ
“จือจือ”ไช่เสิ่งเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมาอีกทีพบว่าหลี่จื้อฉิงหายตัวไปแล้ว เมื่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามกัน พบว่าซีหยางเว่ยเจียงก็กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พายุหิมะหอบใหญ่พัดลงมากลางวงตรงบริเวณที่คนของหยุนเหมินและเฉียนซีกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกัน เงยหน้าตั้งสติกันอีกทีพบว่าพายุลูกนั้นพัดเอาตัวของหลี่จื้อฉิงไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด แสดงว่าต้องมีใครสักคนแอบแฝงอยู่ในพายุลูกนั้น แล้วคนผู้นั้นคือใครกันล่ะ วิชาประหลาดพวกนั้นมีอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือ“นางล่ะ นางอยู่ไหน” ซีหยางเว่ยเจียงตะโกนกู่ก้อง เพราะคิดว่าไช่เสิ่งเจี๋ยบีบบังคับพาตัวนางไป“ข้าต้องถามเจ้ามากกว่าว่า นางอยู่ไหน เมื่อครู่นางยังอยู่ตรงนี้”ซีหยางเว่ยเจียงกวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัวพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตัวของไช่เสิ่งเจี๋ยเองก็ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น“อาเสิ่ง” น้ำเสียงสั่นเครือปลุกให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่กำลังจดจ่ออยู่กับการตามหาหลี่จื้อฉิงต้องหันไปมองต้นเสียง
ได้เห็นใบหน้าของชายผู้งดงามราวกับอิสตรีผู้นั้นแล้ว มันให้ความรู้สึกที่นางคุ้นเคยอย่างประหลาด ร่างเล็กยื่นมือส่งให้กับบุรุษผู้นั้นและยินยอมไปกับเขา นางถูกชายที่เรียกตนว่าพ่อ พาตัวออกไปจากตรงนั้น คนตัวเล็กหันหลังกลับไปก็เห็นว่าทุกคนกำลังต่อสู้แย่งชิงนาง แต่นางไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วเงาร่างของคนกลุ่มนั้นที่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา อาการปวดหัวเข้าจู่โจมเล่นงานนางจนทนรู้สึกราวกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ หลี่จื้อฉิงมิอาจทนได้อีกต่อไป หลับตาลงอย่างเชื่องช้า และหมดสติไปในที่สุดเผิงเยี่ยนปิ่นรู้ว่าพวกเขาหาตัวนางพบแล้ว และพบว่านางถูกซีหยางเว่ยเจียงพาตัวไป ก่อนที่จะมารู้อีกทีว่า สมองของนางได้รับการกระทบกระเทือน คราแรกคิดว่าจะติดตามนางอย่างห่าง ๆ แอบดูแลนางอยู่แบบเงียบ ๆ เพื่อชดใช้ความผิดพลาดต่อการกระทำในอดีต แต่ภายในไม่กี่เดือนที่รู้ความเป็นไปของนาง บุตรสาวของเขาถูกไช่เสิ่งเจี๋ยชิงตัวไปบุตรสาวของเขาตกเข้าไปอยู่ในการต่อสู้แย่งชิงระหว่างแคว้น ผู้ทรงอำนาจสองคนไม่