“เป็นอะไรเติม มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คามิลลา หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย อเมริกันวัย 24ปี เอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่เข้างานมาเพื่อนสาวก็มีท่าทีแปลก ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาไม่ยิ้มหัวเราะเหมือนทุกวันคล้ายกับมีอะไรในใจ
แวบหนึ่งเรื่องที่ลูกน้องประธานหนุ่มมาบอกเพื่อนสาวให้ไปพบเมื่อวานหลังเลิกงานก็ลอยเข้ามาในโสตประสาททำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าจึงถามไถ่ไปโดยไม่รอช้า “หรือเพราะเมื่อวานที่แกไปพบท่านประธาน เขาทำอะไรแกใช่ไหม”
“ไม่ใช่ ๆ ท่านประธานแค่เรียกฉันไปสอบถามเรื่องงาน” เติมรักที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันพร้อมกับพร่ำขอโทษเพื่อนสาวในใจซ้ำ ๆ ที่รักษาความลับไว้ไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องโกหกอีก
“แน่ใจนะ” คามิลลายื่นหน้าเข้าไปจับจ้องหน้าเพื่อนสาวอย่างจับพิรุธ เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไรนักว่าประธานหนุ่มแค่เรียกเพื่อนไปคุยเรื่องงานไม่มีอะไรแอบแฝงเพราะหากคุยเรื่องงานทำไมไม่คุยเวลางาน และยังให้ลูกน้องมารับไปคุยนอกบริษัทอีก
เติมรักเพื่อนสาวของเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน เรียบร้อย ขี้กลัว ใสซื่อหัวอ่อนไม่ค่อยทันคนเสียด้วยสิแบบนี้จะให้วางใจได้อย่างไร เธอเป็นเพื่อนกับเติมรักมาไม่รู้กี่ปีมองตาก็รู้ใจแล้ว แค่เพื่อนแปลกไปนิดหน่อยทำไมเธอจะดูไม่ออก
เพื่อนสาวโคตรเป็นคนที่อ่านง่ายมากเป็นอะไร มีอะไรก็เผลอแสดงออกมาทางสีหน้าหมด ซึ่งนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิงเธอค่อนข้างจะเป็นคนหัวรั้น เด็ดเดี่ยว แก่นแก้ว กล้าได้กล้าเสีย เป็นสายลุย สายแกร่งมากกว่าสายหวาน
หรือเรียกง่าย ๆ ว่ามีนิสัยคล้ายกับผู้หญิงฝรั่งทั่วไปเพราะไปอยู่กับบิดาที่ประเทศอเมริกาตั้งแต่เด็ก ๆ ถูกสอนให้เข้มแข็งและมีความเป็นผู้นำตั้งแต่เล็ก แต่ถึงเธอกับเพื่อนสาวจะมีนิสัยต่างกันสุดขั้วก็ยังคบกันได้มาจนถึงทุกวันนี้
“แน่ใจแกจะมาจับผิดฉันทำไมเนี่ยรัก” เติมรักมองค้อนเพื่อนสาวกลบเกลื่อนพิรุธพลางใช้มือดันใบหน้าเรียวออกห่างจากนั้นก็แสร้งก้มหน้าก้มตาทำงาน “ตั้งใจทำงานเดี๋ยวก็โดนหัวหน้าว่าหรอก”
“จ้าแม่คนขยัน” คามิลลาลากเสียงยาวใส่เพื่อนสาวอย่างนึกหมั่นไส้พร้อมกับกลั้วหัวเราะเบา ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าทุกปฏิกิริยา ทุกการขยับตัวของเธอมีแววตาดุดันคู่หนึ่งจับจ้องผ่านทางกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ภายในห้อง
“แล้วเธอจะหัวเราะไม่ออกคามิลลา” ประภากรณ์นั่งจ้องภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอโน้ตบุ๊คไม่วางตา ก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกมันเขี้ยวแม่ตัวดีที่ทำเขาเสียเวลาไม่น้อยแถมยังหลอกเขาเสียจนหลงทาง
“ไปตามคามิลลามาพบฉันหน่อย” มือหนากดปิดหน้าจอโน้ตบุ๊ค แล้วเงยหน้าขึ้นออกคำสั่งกับพายัพที่ยืนอยู่
พายัพพยักหน้ารับแล้วหันหลังเดินออกไปทำตามคำสั่งทันที
ระหว่างรอการมาของพนักงานสาวประภากรณ์ก็หยิบแฟ้มประวัติของเธอมาเปิดดูอีกครั้งไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียด เมื่อวานเขาอ่านประวัติของเธอผ่าน ๆ ตาไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรหนัก
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาจึงปิดแฟ้มประวัติลงแล้วเงยหน้าขึ้นตะเบ็งเสียงตอบไป “เข้ามา”
ดวงตาคมกริบจับจ้องบานประตูไม่วางตาจนเผยให้เห็นร่างบางระหงของพนักงานสาวเดินเข้ามา มุมปากหยักกระตุกยิ้มเล็กน้อยนึกชอบใจในท่าทางของเธอที่เดินเชิดหน้าเข้ามาอย่างมั่นอกมั่นใจราวกับว่าระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ต่างจากเติมรักโดยสิ้นเชิงรายนั้นแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจนทำเอาเขาหลงคิดว่าเป็นผู้หญิงในคืนนั้น
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ปลายคิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงทักทายของพนักงานสาว น้ำเสียงของเธอฟังดูหวานหูเป็นเสียงโทนเดียวกันกับในคืนนั้น แต่คืนนั้นจะหวานหยดย้อยกว่านี้คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มุมปากหนากระตุกยิ้มอีกครั้งแต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไป ก่อนเขาจะผายมือบอกให้เธอนั่งลง “นั่งก่อนสิคุณคามิลลา”
“ค่ะ” คามิลลาน้อมรับคำพูดประธานหนุ่มด้วยใบหน้าราบเรียบพร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ ขณะที่ในใจก็เกิดความสงสัยไม่น้อยว่าทำไม่ช่วงนี้เขาถึงเรียกเธอกับเพื่อนสาวมาพบบ่อย ๆ มีเรื่องอะไรกันแน่
และด้วยความสงสัยทำให้เธอเผลอมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างลืมตัว แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบราวกับจะอ่านให้ทะลุปุโปร่งว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ประภากรณ์เองก็ไม่ได้หลบหลีกสายตาแต่อย่างใดจ้องเข้าไปในแววตาขี้สงสัยของพนักงานสาวเช่นกัน ก่อนจะค่อย ๆ ไล่สายตาสำรวจใบหน้าเรียว องค์ประกอบบนใบหน้าของเธอเรียกได้ว่าถูกจัดสรรมาอย่างลงตัวมาก ๆ คิ้วโก้งยาวรับกับดวงตาเฉี่ยวคม แพรขนตางอนยาวเรียงตัวอย่างสวยงามขับให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวโดดเด่นยิ่งขึ้น จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มที่แดงระเรื่อชวนให้น่าสัมผัสยิ่งนักจนคนมองอย่างเขาถึงกับลำคอแห้งผาก
ยิ่งกลิ่นหอม ๆ จากร่างบางตรงหน้าลอยมาแตะจมูกก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมา เหตุการณ์สุดเร่าร้อนในคืนนั้นพลันฉายขึ้นในโสตประสาทอีกครั้ง
เขาอยากจะบ้าตายเพียงแค่นึกถึงส่วนนั้นของเขาก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้จนต้องหลับตาพรูลมหายใจออกเบา ๆ พยายามระงับอารมณ์และความคิดบ้า ๆ ในสมอง
“ท่านประธานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” คามิลลาอดสงสัยไม่ได้กับท่าทางแปลก ๆ ของประธานหนุ่มเอ่ยถามไปตามมารยาทเผื่อว่าเขาจะไม่สบาย
“เปล่า” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แววตาที่จ้องใบหน้าเรียวนิ่ง ๆ ในตอนแรกฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันใด ก่อนเขาจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางใช้มือคลายเนคไทออกหลวม ๆ ระบายความร้อนรุ่มในกาย แล้วเดินอ้อมไปยืนด้านหลังร่างบางวางมือทั้งสองข้างบนพนักเก้าอี้
ทำให้คามิลลาต้องรีบแอ่นตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย และบอกตามตรงเลยว่าการที่ประธานหนุ่มทำแบบนี้เธอไม่ชอบใจเอาเสียเลยเขาเหมือนคนโรคจิตไม่มีผิดแต่ก็น่าแปลกพออยู่ใกล้เขาเธอกับรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ แต่กระนั้นก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนเอียงตัวเอี้ยวหน้ามองสบตาร่างสูงที่ยืนด้านหลังนิ่ง ๆ “ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“หึ” เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาด้วยความชอบใจกับความใจกล้าของพนักงานสาวเขาทำถึงขนาดนี้แล้วเธอยังมีท่าทางปกติไม่ขวัญหนีดีฝ่อแต่อย่างใด
ดวงตาทอประกายมองสบนัยน์ตาเด็ดเดี่ยวเนินนานหลายนาทีก่อนเปล่งเสียงตอบโดยไม่อ้อมค้อม “กลิ่นน้ำหอมบนตัวคุณหอมดีนะ..ผมชอบ”
เขาเอ่ยเสียงเน้นในประโยคหลังอย่างจงใจ แล้วเอ่ยต่อในใจว่าเขาชอบน้ำหอมในตอนที่มันอยู่บนร่างกายเธอของเท่านั้น นอกจากน้ำหอมแล้วเขายังชอบร่างกาย ชอบเสียงครางหวานๆ เวลาอยู่บนเตียงของเธอด้วย
คนฟังอย่างคามิลลาถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ประธานหนุ่มเอ่ยมามันไม่เกี่ยวกับงานเลยสักนิด เธอนึกเอะใจตั้งแต่แรกแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ “กลิ่นน้ำหอมของคุณเหมือนผู้หญิงที่ปีนขึ้นเตียงผมในคืนงานปาร์ตี้ที่พัทยาเลย” คำพูดต่อมาของประธานหนุ่มทำเอาเธอสะอึกฉุกคิดขึ้นมาได้ หากเขาจำกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงในคืนนั้นได้แสดงว่าเขาต้องกำลังสงสัยเธอกับเพื่อนสาวอยู่แน่เพราะน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เธอผสมขึ้นมาเองเป็นสูตรเฉพาะไม่มีขาย และมีแต่เธอกับเพื่อนเท่านั้นที่ใช้มันต้องใช่แน่ ๆ เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะที่เขาเรียกเธอกับเพื่อนสาวสลับกันไปมาคงเพราะต้องการพิสูจน์ว่าตกลงผู้หญิงในคืนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมระดับผู้บริหารอย่างเขาถึงต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย การที่พลาดมีอะไรกับพนักงานในบริษัทมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้เลยเหรอยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจขนาดเธอที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกเขาพรากพรหมจรรย์ไปยังไม่คิดติดใจ หรือเรียกร้องอะไรเลย ใช่ฟังไม่ผิดเธอคือผู้หญิงที่ปีนขึ้นเตียงประธานหนุ่มเองเป็นเพราะความเมาทำให้เธอตาลายมองเลขห้อง
วันต่อมาหลังจากที่คามิลลาหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ทำงานได้ไม่นานเธอก็ถูกพายัพเรียกให้ไปพบประธานหนุ่มที่ห้อง เธอแทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้รู้แล้วรู้รอดระบายความหงุดหงิด แต่ก็ทำได้แค่หวีดร้องในใจแล้วลุกไปหาเขาตามคำสั่ง“คิดจะเล่นงานกันแต่เช้าเลยหรือยังไงกัน” เสียงหวานพึมพำออกมาอย่างนึกโมโหขณะที่กำลังเดินไปยังห้องประธานหนุ่ม เขาคงจ้องเล่นงานเธออยู่สินะพอมาถึงปุ๊บก็ให้ลูกน้องมาตามปั๊บกะจะไม่ให้พักหายใจหายคอกันเลยหรืออย่างไรยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ขุ่นมัว เธอยืนถอดหายใจกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องทำงานประธานหนุ่มเนินนานหลายนาที ก่อนหลับตาพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ ท่องยุบน้อพองน้อระงับสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง พออารมณ์นิ่งสงบจึงยกมือขึ้นเคาะประตู “เข้ามา” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนด้านในจึงเปิดประตูเข้าไป ทว่าเพียงเห็นหน้าประธานหนุ่มอารมณ์ที่นิ่งสงบของเธอก็ขุ่นมัวอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ยังเก็บอาการได้ดี ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเพราะรู้ว่าอีกคนคงจ้องจับผิดเธออยู่ เดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานของเขาแล้วกล่าวทักทายตามปกติ “สวัสดีค่ะท่านประธาน”“ผมจะให้คุณมาทำหน้าที่เลขาแทนนิดาที่ลาคลอดชั่วคราว” ประภากร
วันต่อมาคามิลลาก็มายืนรอประธานหนุ่มหน้าบริษัทตามที่เขาบอกไว้ ระหว่างยืนรอเธอก็เป็นที่จับตามองของคนทั้งบริษัท สาเหตุก็เพราะการถูกเลื่อนตำแหน่งให้ไปเป็นเลขาของประธานหนุ่มแบบสายฟ้าแลบยังไงล่ะไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวกันทั้งที่เธอก็เพิ่งได้รับตำแหน่งเลขาเมื่อวานนี้เอง หูตาไวเสียจริงกับเรื่องชาวบ้านเนี่ยคิด ๆ แล้วก็พานทำให้หงุดหงิดไม่น้อย เมื่อวานได้รับตำแหน่งวันนี้ออกทำงานนอกสถานที่กับประธานหนุ่มแล้วยิ่งทำให้พนักงานในบริษัทพากันคิดไปในทางที่ไม่ดีแอบซุบซิบนินทาว่าเธอคงใช้เต้าไต่ แต่ถามว่าเธอแคร์ไหมบอกเลยว่าไม่ยังคงเชิดหน้าอย่างเต็มภาคภูมิเพราะเธอรู้แก่ใจตัวเองดีไม่ได้เป็นดั่งคำเขาว่าสักนิด แล้วทำไมต้องเก็บมาใส่ใจให้เสียสุขภาพจิตใจตัวเองบรืนนน!ผ่านไปประมาณสิบนาทีรถตู้คันหรูสีขาวก็เคลื่อนตัวมาจอดลงตรงหน้า เธอยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่แน่ใจว่าใช่รถประธานหนุ่มหรือไม่จนเห็นพายัพเปิดประตูฝั่งข้างคนขับลงมาจึงลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตรงไปหาเขา“คุณขึ้นรถเถอะผมเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถให้” “ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นกระเป๋าให้พายัพแต่โดยดีพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นก็เปิดประตูขึ้น
สีหน้าบึ้งตึงของพนักงานสาวที่เผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ประภากรณ์ที่ปรายตามองพอดิบพอดีหลุดยิ้มออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ปรับสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ก่อนบอกกล่าวกับเธอหลังจากพนักงานของพูลวิลล่าเดินกลับไปแล้ว "ลากกระเป๋าเข้ามาด้วย"สิ้นเสียงทุ้มคามิลลาก็ลากกระเป๋าสัมภาระตัวเองกับของประธานหนุ่มเข้าไปในห้องพักสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัยทันที ภายในห้องพักกว้างขว้างและหรูหรามาก พูลวิลล่าตั้งอยู่บนไหล่เขาจึงสามารถมองวิวสวย ๆ ของชายหาดสีขาวและท้องทะเลได้โดยรอบแบบ 300 องศาผ่านผนังกระจกใสได้ เปิดประตูกระจกออกไปก็จะเป็นระเบียงที่มีสระว่ายน้ำยื่นออกไปทางทะเลเรียกได้ว่าเป็นห้องที่บรรยากาศดีมาก ๆ หากเป็นคู่รักมาพักผ่อนคงโรแมนติกไม่น้อย"เอาเสื้อผ้าผมจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อยด้วยนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอเลิกสนใจสิ่งรอบข้างตวัดสายตามองเจ้าของคำสั่งอย่างเคือง ๆ เป็นเลขามันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไงชักสงสัยแล้วสิ เท่าที่รู้มาเลขามีหน้าที่ช่วยเจ้านายแค่เรื่องงานไม่ใช่หรือ แต่ที่เขากำลังสั่งเธอมันเป็นงานของคนใช้ชัด ๆคิดหรือว่าคนอยากเธอจะย
คามิลลาถึงกับเบิกตาโพลงสะดุ้งโหยงผุดนั่งหลังตรงด้วยความตกใจ ขณะที่ใช้มือข้างขวาจับหูเบา ๆ เพราะเสียงเรียกของประธานหนุ่มทำเอาแสบแก้วหูไม่น้อย ดวงตาคมตวัดขึ้นมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งด้วยความขุ่นเคืองปากก็บ่นขมุบขมิบ "คนบ้าปลุกดี ๆ ไม่ได้รึไงแก้วหูแตกแล้วมั้งเนี่ย"ถึงแม้พนักงานสาวจะบ่นเบา ๆ แต่ประภากรณ์ก็ดันหูดีได้ยิน มุมปากหยักยกยิ้มอย่างนึกตลกกับเสียงบ่นและใบหน้าบอกบุญไม่รับของเธอเสียมากกว่าราวกับเด็กน้อยโดนปลุกยังไงยังงั้น ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีก็กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม "จะนั่งงงอีกนานไหมคามิลลา ตกลงผมเป็นเจ้านายคุณหรือคุณเป็นเจ้านายผมกันแน่ถึงต้องให้ผมปลุกคุณ แล้วรอคุณไปทานข้าวแบบนี้" เสียงทุ้มเอ่ยแกล้มดุ ใบหน้าหล่อเหลาที่ราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมบ่งบอกให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจมาก"ขอโทษค่ะ ต่อไปดิฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้ค่ะ" คามิลลารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำต่อว่าของประธานหนุ่มการที่เธอแค่ผล็อยหลับในเวลาว่างซึ่งไม่มีงานอะไรให้ทำเลยมันผิดขนาดนั้นเลยหรือ แต่กระนั้นเธอก็ยังน้อมรับคำต่อว่าด้วยสีหน้าท่าทางราบเรียบ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางใช้มือจัดผมเผ้า
วันต่อมา.. คามิลลาเดินถือแฟ้มเอกสารตามหลังประธานหนุ่มไปด้วยสีหน้าท่าทางไม่สดชื่นเท่าไรนัก สาเหตุเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ตีสองแล้ว หนำซ้ำยังต้องนอนบนโซฟาคับแคบอีกทำให้รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ส่วนอีกคนน่ะเหรอเดินสบายใจเฉิบก็แน่ล่ะสิได้นอนบนเตียงนุ่ม ๆ ห่มผ้าห่มหนา ๆ คิดแล้วก็น่าโมโหชะมัด เธอแอบคิดว่าเขาจะมีความเป็นสุขภาพบุรุษบ้างแต่ที่ไหนได้ยังมีหน้าบอกให้เธอไปนอนบนเตียงกับเขาอีก แล้วคิดว่าเธอจะพาตัวตัวเองไปเสี่ยงเหรอนอนบนโซฟาคับแคบยังจะดีและปลอดภัยมากกว่าอีก เธอลอบพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเดินมาถึงห้องอาหารส่วนตัวของทางพลูวิลล่าที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับต้อนรับแขกวีไอพีที่จะมาเจรจาธุรกิจ ถึงเธอจะใจกล้าแค่ไหนแต่เมื่อต้องมาทำงานสำคัญแบบนี้เป็นครั้งแรกก็อดตื่นเต้น และประหม่าไม่ได้อยู่ดีเพราะประธานหนุ่มย้ำนักย้ำหนาว่าการเจราธุรกิจในครั้งนี้เขาไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว “คุณตรวจเช็คเอกสารดีแล้วใช่ไหมคามิลลา” ประภากรณ์เอ่ยขึ้นหลังจากหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว พนักงานสาวเพิ่งมาทำหน้าที่นี้ครั้งแรกกลัวว่าเธอจะทำผิดพลาด ใบหน้าและน้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมบ่ง
ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงการเลี้ยงฉลองก็เสร็จสิ้นลงประภากรณ์และคามิลลาจึงกลับห้องพัก“การเซ็นสัญญาผ่านไปได้ด้วยดีท่านประธานจะเดินทางกลับกรุงเทพเลยไหมคะ” คามิลลาเปล่งเสียงถามทันทีที่เดินเข้ามาในห้องพัก“นี่เพิ่งวันที่สองผมบอกว่าสี่วันคุณจำไม่ได้เหรอคามิลลา” ประภากรณ์หันกลับไปมองหน้าตอบร่างบางที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่งแต่มุมปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใช่ที่จริงเซ็นสัญญาเสร็จก็สามารถบินกลับกรุงเทพได้เลยแต่ที่เขาอยู่ต่อเพราะจะใช้เวลาสองวันนี้ต้อนเธอให้จนมุม จะง้างปากคนปากแข็งให้ยอมรับให้ได้ว่าเธอคือคนในคืนนั้น คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ต่อเลยในเมื่องานก็เรียบร้อยแล้ว หรือเขาคิดจะทำอะไรกันแน่เธอชักหวั่นใจแล้วสิยิ่งเห็นสายตาที่เขามองมาก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจทั้งสองยืนมองสบตากันนิ่ง ๆ เนินนานหลายนาที ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยทำลายความเงียบ “โทรสั่งไวน์และของว่างให้ผมด้วย”ว่าจบเขาก็เดินไปนั่งเอนกายบนโซฟาวางแขนทั้งสองบนพนักยกขาขึ้นไขว้ห้างด้วยท่าทางสบายใจ ขณะที่อีกคนได้แต่เก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้ เดิ
สองร่างบดเบียดแนบแน่นตามแรงอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ สัมผัสแปลกใหม่ทำให้สติของคามิลลาที่มีไม่เต็มร้อยเริ่มเตลิดเปิดเปิง ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเมาหรือเพราะความต้องการทางร่างกายที่มันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติกันแน่มือหนาคลายพันธนาการออกจากข้อมือเล็กเมื่อรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างไม่ได้ต่อต้านเหมือนในตอนแรก ผละจูบออกจากริมฝีปากอวบอิ่มเคลื่อนลงขบกัดติ่งหูเล็กเบา ๆ ซ้ำ ๆ ความวาบหวามแผ่ซ่านไปทุกอณูของร่างบอบบางจนเธอต้องจิกเล็บลงบนไหล่กว้างที่มีเสื้อขว้างกั้นระบายความรู้สึก“อื้อ.. ท่านประธาน” ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอเรียกคนด้านบนเสียงอ่อนเสียงหวานยิ่งกระตุ้นเลือดในกายของคนถูกเรียกให้พุ่งพล่านมากกว่าเดิม ความเป็นชายขยายตัวจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ ผละออกจากติ่งหูเล็กเคลื่อนลงซุกไซ้ดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นบนลำคอระหงพร้อมทั้งขบเม้มฝากรอยไว้เบา ๆ ระเรื่อยมาหยุดบนเนินอกอวบที่มีเสื้อผ้าขว้างกั้นอยู่มือหนารีบรูดรั้งชุดเดรสสายเดี่ยวลงไปกองใต้ราวนมพร้อมกับดึงทึ้งที่แปะจุกออกอย่างใจร้อน ทันทีที่ไร้สิ่งกีดขว้างริมฝีปากหนาก็อ้าครอบครองยอดถันสีสวยอย่างตะกละตะกลาม มือทั้งสองก็เคล้นคลึงก้อนเนื้อกลมกลึงไป
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้
ประภากรณ์นั่งมองประภาวินท์ผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างจากเขาแค่ปีเดียวความสงสัยเพราะตั้งแต่มาถึงพี่ชายก็เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่พูดไม่จาสักคำคงมีเรื่องเครียดมากแน่ ๆ ถึงได้ดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับน้ำเปล่าแบบนี้ทั้งที่ปกติแทบจะไม่แตะเลยหากไม่จำเป็น “ไหนบอกมีเรื่องจะปรึกษา” เขาปล่อยให้พี่ชายดื่มไปสักพักก่อนจะเริ่มถามไถ่ทำให้คนที่กำลังยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มหยุดชะงักฉับพลัน มองหน้าผู้เป็นน้องนิ่ง ๆ นานนับนาทีก่อนระบายเรื่องกลัดกลุ้มในใจออกไป “ฉันเจอวารีแล้วแถมเธอยังมีลูกที่เกิดจากฉันด้วย”“จริงเหรอแล้วเธอว่าไงบ้าง บอกสาเหตุที่หายไปไหม” พอพี่ชายบอกถึงสาเหตุเขาก็เข้าใจได้ในทันทีรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงความรู้สึกพี่ชายในเวลาเดียวกันวารีเป็นแฟนที่พี่ชายรักมากมากจนถึงขั้นยอมทะเลาะกับแม่เพราะท่านไม่ชอบที่พี่ชายคบกับวารีซึ่งเป็นเพียงเด็กกำพร้าเติบโตมาในสถานสงเคราะห์ ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันจนแม่ของเขายอมใจอ่อนแต่หลังจากอยู่ด้วยไม่กี่ปีจู่ ๆ วารีก็มาหายไปโดยไม่บอกกล่าว และไม่ทราบสาเหตุหายไปราวกับบนโลกใบนี้ไม่เคยมีเธออยู่ทำให้พี่ชายเสียใจอย่างหนักไม่เป็นอันทำอะไรนานหลายเดือนเลยทีเดียว“เพราะแม่ แม่ใ
เขาใช้เวลาในการเดินทางเพียงสี่สิบห้านาทีก็มาถึง ทว่าเมื่อรถมาจอดลงหน้าบ้านเขาก็ต้องขมวดคิ้วชนกันเพราะรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่หน้าบ้านเมื่อวานหายไปนั่นแสดงว่าต้องมีใครออกไปไหน หรืออาจจะไม่อยู่ทั้งสองคนก็ได้รอยยิ้มที่เคลือบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาพลันมลายหายไปสิ้นเมื่อคิดว่าตัวเองต้องมาเสียเที่ยว แต่เพื่อความชัวร์เขาจึงลงจากรถลองเดินไปกดกริ่งหน้ารั้วดูรอเพียงไม่นานก็มีผู้หญิงอายุราว ๆ ห้าสิบปีเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาคมกริบเพ่งมองร่างท้วมที่เดินตรงเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างพินิศพิจารณา รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาด้วยความดีใจเพราะเป็นแม่ของระรินรักนั่นเองถึงแม้ท่านจะอายุมากขึ้นแต่เขาก็จำได้ดี “สวัสดีครับน้าอร ผมโปรดครับ” รีบยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อมพร้อมบอกกล่าวเมื่อเห็นว่าท่านมองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัย“โปรดเองเหรอ ไม่เจอกันสิบกว่าปีโตเป็นหนุ่มหล่อจนน้าจำไม่ได้เลย” อรดีฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่นอกรั้วเป็นใคร รีบเปิดประตุให้เขาเข้ามาทันทีพร้อมเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน “มา ๆ เข้ามานั่งในบ้านก่อน”“ขอบคุณครับ” เขาน้อมศีรษะขอบคุณอรดีแล้วเดินตามหลังท่านเข้าไปในบ้าน ดว
การหายไปของเธอทำให้เขาเจ็บปวดและเสียใจมากในสมองมีแต่คำถามมาตลอดว่าทำไมเธอกับครอบครัวถึงหายไป แล้วหายไปไหนทำไมถึงไม่บอกกล่าวกันสักคำ แต่กระนั้นเขาก็ยังแอบมีความหวังว่าเธอจะกลับมา ทุกวันหลังเลิกเรียนเขาจะมายืนรอหน้าบ้านเธอเสมอกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเดือนจู่ ๆ ก็มีเจ้าของคนใหม่เข้ามาอยู่พอถามไถ่ก็ได้รู้ว่าเจ้าของคนเก่าขายบ้านหลังนี้แล้วความหวังที่มีเพียงน้อยนิดดับลงในพริบตาเขาเจ็บปวดมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นยังเด็กไม่มีกำลังเพียงพอที่จะตามหาเธอ แต่กาลเวลาก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเลือนเธอได้เลยภาพใบหน้า รอยยิ้ม ความน่ารักสดใส และเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดสิบปียังคงชัดเจนอยู่ในใจ เมื่อเขาเรียนจบและได้เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อมีเงิน มีอำนาจจึงเริ่มจ้างนักสืบฝีมือดีตามหาเธอ เขามีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอเธอที่ไหนสักที่ของประเทศไทยแต่ผ่านมาหลายปีก็ยังไร้วี่แวว เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนสลัดความคิดในอดีตออกยังไงมันก็ไม่สำคัญแล้วในเมื่อตอนนี้เธอกลับมาหาเขาแล้ว เขานั่งมองบ้านหญิงสาวอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มจึงขับรถกลับบ้านอย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้เห็นบ