วันต่อมาคามิลลาก็มายืนรอประธานหนุ่มหน้าบริษัทตามที่เขาบอกไว้ ระหว่างยืนรอเธอก็เป็นที่จับตามองของคนทั้งบริษัท สาเหตุก็เพราะการถูกเลื่อนตำแหน่งให้ไปเป็นเลขาของประธานหนุ่มแบบสายฟ้าแลบยังไงล่ะ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวกันทั้งที่เธอก็เพิ่งได้รับตำแหน่งเลขาเมื่อวานนี้เอง หูตาไวเสียจริงกับเรื่องชาวบ้านเนี่ยคิด ๆ แล้วก็พานทำให้หงุดหงิดไม่น้อย
เมื่อวานได้รับตำแหน่งวันนี้ออกทำงานนอกสถานที่กับประธานหนุ่มแล้วยิ่งทำให้พนักงานในบริษัทพากันคิดไปในทางที่ไม่ดีแอบซุบซิบนินทาว่าเธอคงใช้เต้าไต่
แต่ถามว่าเธอแคร์ไหมบอกเลยว่าไม่ยังคงเชิดหน้าอย่างเต็มภาคภูมิเพราะเธอรู้แก่ใจตัวเองดีไม่ได้เป็นดั่งคำเขาว่าสักนิด แล้วทำไมต้องเก็บมาใส่ใจให้เสียสุขภาพจิตใจตัวเอง
บรืนนน!
ผ่านไปประมาณสิบนาทีรถตู้คันหรูสีขาวก็เคลื่อนตัวมาจอดลงตรงหน้า เธอยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่แน่ใจว่าใช่รถประธานหนุ่มหรือไม่จนเห็นพายัพเปิดประตูฝั่งข้างคนขับลงมาจึงลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตรงไปหาเขา
“คุณขึ้นรถเถอะผมเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถให้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นกระเป๋าให้พายัพแต่โดยดีพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นก็เปิดประตูขึ้นรถโดยเลือกจะเดินผ่านประธานหนุ่มที่นั่งเบาะหน้าสุดไปยังเบาะหลัง ซึ่งประภากรณ์ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงปรายตามองเธอเล็กน้อยแล้วก้มหน้าสนใจมือถือต่อ
ตลอดการเดินทางจนกระทั่งถึงภูเก็ตประภากรณ์ปฏิบัติกับคามิลลาเหมือนลูกน้องกับเจ้านายทั่วไปพูดคุยกับเธอบ้างนาน ๆ ครั้ง ส่วนมากมีอะไรเขาจะบอกกล่าวกับลูกน้องคนสนิทอย่างพายัพมากกว่า
จนบางครั้งคามิลลาก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาจะพาเธอมาด้วยทำไมเหมือนพาเธอติดสอยห้อยตามเฉย ๆ มากกว่าทำงานเสียอีก
และตอนนี้เธอกับประธานหนุ่ม และลูกน้องของเขาก็เดินทางมาถึงที่พักสุดหรูสไตล์พลูวิลล่าที่ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัวแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งพายัพที่เดินไปเช็คอินที่ล๊อบบี้ของพลูวิลล่าเดินกลับมาแจ้งข่าว
“ท่านประธานครับคือว่าการจองห้องพักมีปัญหานิดหน่อยครับ”
“มีปัญหาอะไร” ประภากรณ์ขมวดคิ้วเป็มปมกับคำบอกกล่าวของพายัพมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมกริบจับจ้องหน้าลูกน้องอย่าวตำหนิ ทำเอาคนถูกจ้องถึงกัยใบหน้าเจื่อนเอ่ยตอบไม่เต็มเสียงนัก “คือว่าเช็คอินได้แค่ห้องเดียวครับ”
“ทำไมถึงเช็คอินได้ห้องเดียว ผมให้คุณนิดาจองสองห้องไม่ใช่เหรอ”
“ทางพลูวิลล่าบอกว่าในระบบจองแค่ห้องเดียวครับ และตอนนี้ห้องพักก็เต็มหมดแล้วครับ”
“ทำงานสะเพร่าจริง ๆ” เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสียที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่วางไว้ เขาเกลียดความผิดพลาดเป็นที่สุด
“งั้นดิฉันไปพักโรงแรมอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ กับที่นี่ก็ได้” คามิลลาที่ยืนฟังเงียบ ๆ เสนอความคิดเห็นหวังจะช่วยทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเบาบางลง
“พูลวิลล่านี้ตั้งอยู่บนหาดส่วนตัวโรงแรมที่ใกล้ที่สุดก็ต้องขับรถไปอีก 30กิโล ลองคิดดูว่าเวลาผมเรียกใช้กว่าคุณจะมาถึงต้องใช้เวลากี่นาที คุณเป็นเลขาผมก็ต้องอยู่ข้างกายคอยรับคำสั่งผมจะไปพักโรงแรมอื่นได้ยังไง”
คำพูดของประธานหนุ่มทำให้คามิลลาเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย เธอรู้ว่ามันเป็นหาดส่วนตัวแต่เขาจะหย่อน ๆ ให้หน่อยไม่ได้หรือยังไงกันก็เห็น ๆ อยู่ว่าเขาใช้งานลูกน้องคนสนิทมากกว่าเธอเสียอีก
เธอพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ พยายามเก็บอาการไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งเปล่งเสียงถามไถ่แกล้มประชดประชันน้อย ๆ “แล้วจะให้ดิฉันพักที่ไหนละคะในเมื่อพลูวิลล่านี้มันเต็ม”
“พักกับผม”
“ห๊ะ!” เธอถึงกับอ้าปากเหวอกับคำพูดง่าย ๆ ของประธานหนุ่มมองสบแววตาดุดันอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาพูดเล่นใช่ไหมที่จะให้เธอไปพักห้องเดียวกับเขาทั้ง ๆ ที่เธอเป็นผู้หญิง หรือว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่แล้วไหนจะลูกน้องเขาอีก “แล้วคุณพายัพละคะ”
“หน้าที่ของพายัพหมดเพียงเท่านี้ เดี๋ยวเขาก็จะกลับไปหาแม่ที่บ้านในตัวเมืองภูเก็ตแล้ว กลับมาอีกทีก็วันเดินทางกลับกรุงเทพเลยหน้าที่ดูแลผมหลังจากนี้เป็นของคุณ”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้อยู่ร่วมห้องกับท่านประธานได้ยังไงมันไม่เหมาะสมค่ะ” วินาทีนี้คามิลลารับรู้ได้เลยว่าตัวเองไม่ปลอดภัยรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วพยายามยกเหตุผลมาอ้างสารพัด
แต่บอกเลยว่าใช้ไม่ได้ผลกับประภากรณ์นอกจากเขาจะไม่สนใจแล้วยังพูดจาเย้ยหยันอีกเพราะรู้ว่าพนักงานสาวคงไม่ยอมรับคำว่ากลัว “หรือคุณกลัวอะไร”
“ดิฉันไม่ได้กลัวอะไรค่ะ" ในชีวิตคามิลลาสะกดคำว่ากลัวไม่เป็นอยู่แล้ว และไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่ใครมาพูดแบบนี้โดยเฉพาะร่างสูงตรงหน้า "ดิฉันพักกับท่านประธานก็ได้ค่ะ"
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาอย่างพึงพอใจเมื่อแม่เสือสาวตกหลุมพรางที่เขาขุดไว้ แต่เพียงเสี้ยวนาทีรอยยิ้มก็มลายหายไป ก่อนเขาจะหันไปพยักหน้ากับลูกน้อง
พายัพพยักหน้ารับอย่างรู้งานแล้วกวักมือเรียกพนักงานชายหญิงสองคนที่ยืนรออยู่ห่าง ๆ ให้เข้ามา
"กลับไปได้แล้ว" เมื่อทุกอย่างลงตัวประภากรณ์ก็บอกให้ลูกน้องกลับไปทันที จากนั้นก็พยักหน้าให้พนักงานทั้งสองนำไปยังห้องพัก
คามิลลานั้นทำได้เพียงลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเดินตามหลังประธานหนุ่มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวในสมองก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งรั้นซ้ำ ๆ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องที่เธอต้องพักร่วมกับประธานหนุ่ม
ใบหน้าเรียวพลันบึ้งตึงอัตโนมัติให้ตายเถอะเธออยากจะบ้าตายแล้วแบบนี้จะเอาเวลาส่วนตัวมาจากไหนกันต้องอยู่กับเขาตั้งสี่วันสามคืน
สีหน้าบึ้งตึงของพนักงานสาวที่เผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ประภากรณ์ที่ปรายตามองพอดิบพอดีหลุดยิ้มออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ปรับสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ก่อนบอกกล่าวกับเธอหลังจากพนักงานของพูลวิลล่าเดินกลับไปแล้ว "ลากกระเป๋าเข้ามาด้วย"สิ้นเสียงทุ้มคามิลลาก็ลากกระเป๋าสัมภาระตัวเองกับของประธานหนุ่มเข้าไปในห้องพักสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัยทันที ภายในห้องพักกว้างขว้างและหรูหรามาก พูลวิลล่าตั้งอยู่บนไหล่เขาจึงสามารถมองวิวสวย ๆ ของชายหาดสีขาวและท้องทะเลได้โดยรอบแบบ 300 องศาผ่านผนังกระจกใสได้ เปิดประตูกระจกออกไปก็จะเป็นระเบียงที่มีสระว่ายน้ำยื่นออกไปทางทะเลเรียกได้ว่าเป็นห้องที่บรรยากาศดีมาก ๆ หากเป็นคู่รักมาพักผ่อนคงโรแมนติกไม่น้อย"เอาเสื้อผ้าผมจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อยด้วยนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอเลิกสนใจสิ่งรอบข้างตวัดสายตามองเจ้าของคำสั่งอย่างเคือง ๆ เป็นเลขามันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไงชักสงสัยแล้วสิ เท่าที่รู้มาเลขามีหน้าที่ช่วยเจ้านายแค่เรื่องงานไม่ใช่หรือ แต่ที่เขากำลังสั่งเธอมันเป็นงานของคนใช้ชัด ๆคิดหรือว่าคนอยากเธอจะย
คามิลลาถึงกับเบิกตาโพลงสะดุ้งโหยงผุดนั่งหลังตรงด้วยความตกใจ ขณะที่ใช้มือข้างขวาจับหูเบา ๆ เพราะเสียงเรียกของประธานหนุ่มทำเอาแสบแก้วหูไม่น้อย ดวงตาคมตวัดขึ้นมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งด้วยความขุ่นเคืองปากก็บ่นขมุบขมิบ "คนบ้าปลุกดี ๆ ไม่ได้รึไงแก้วหูแตกแล้วมั้งเนี่ย"ถึงแม้พนักงานสาวจะบ่นเบา ๆ แต่ประภากรณ์ก็ดันหูดีได้ยิน มุมปากหยักยกยิ้มอย่างนึกตลกกับเสียงบ่นและใบหน้าบอกบุญไม่รับของเธอเสียมากกว่าราวกับเด็กน้อยโดนปลุกยังไงยังงั้น ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีก็กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม "จะนั่งงงอีกนานไหมคามิลลา ตกลงผมเป็นเจ้านายคุณหรือคุณเป็นเจ้านายผมกันแน่ถึงต้องให้ผมปลุกคุณ แล้วรอคุณไปทานข้าวแบบนี้" เสียงทุ้มเอ่ยแกล้มดุ ใบหน้าหล่อเหลาที่ราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมบ่งบอกให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจมาก"ขอโทษค่ะ ต่อไปดิฉันจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่านี้ค่ะ" คามิลลารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับคำต่อว่าของประธานหนุ่มการที่เธอแค่ผล็อยหลับในเวลาว่างซึ่งไม่มีงานอะไรให้ทำเลยมันผิดขนาดนั้นเลยหรือ แต่กระนั้นเธอก็ยังน้อมรับคำต่อว่าด้วยสีหน้าท่าทางราบเรียบ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางใช้มือจัดผมเผ้า
วันต่อมา.. คามิลลาเดินถือแฟ้มเอกสารตามหลังประธานหนุ่มไปด้วยสีหน้าท่าทางไม่สดชื่นเท่าไรนัก สาเหตุเพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ตีสองแล้ว หนำซ้ำยังต้องนอนบนโซฟาคับแคบอีกทำให้รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ส่วนอีกคนน่ะเหรอเดินสบายใจเฉิบก็แน่ล่ะสิได้นอนบนเตียงนุ่ม ๆ ห่มผ้าห่มหนา ๆ คิดแล้วก็น่าโมโหชะมัด เธอแอบคิดว่าเขาจะมีความเป็นสุขภาพบุรุษบ้างแต่ที่ไหนได้ยังมีหน้าบอกให้เธอไปนอนบนเตียงกับเขาอีก แล้วคิดว่าเธอจะพาตัวตัวเองไปเสี่ยงเหรอนอนบนโซฟาคับแคบยังจะดีและปลอดภัยมากกว่าอีก เธอลอบพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเดินมาถึงห้องอาหารส่วนตัวของทางพลูวิลล่าที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับต้อนรับแขกวีไอพีที่จะมาเจรจาธุรกิจ ถึงเธอจะใจกล้าแค่ไหนแต่เมื่อต้องมาทำงานสำคัญแบบนี้เป็นครั้งแรกก็อดตื่นเต้น และประหม่าไม่ได้อยู่ดีเพราะประธานหนุ่มย้ำนักย้ำหนาว่าการเจราธุรกิจในครั้งนี้เขาไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว “คุณตรวจเช็คเอกสารดีแล้วใช่ไหมคามิลลา” ประภากรณ์เอ่ยขึ้นหลังจากหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว พนักงานสาวเพิ่งมาทำหน้าที่นี้ครั้งแรกกลัวว่าเธอจะทำผิดพลาด ใบหน้าและน้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมบ่ง
ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงการเลี้ยงฉลองก็เสร็จสิ้นลงประภากรณ์และคามิลลาจึงกลับห้องพัก“การเซ็นสัญญาผ่านไปได้ด้วยดีท่านประธานจะเดินทางกลับกรุงเทพเลยไหมคะ” คามิลลาเปล่งเสียงถามทันทีที่เดินเข้ามาในห้องพัก“นี่เพิ่งวันที่สองผมบอกว่าสี่วันคุณจำไม่ได้เหรอคามิลลา” ประภากรณ์หันกลับไปมองหน้าตอบร่างบางที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่งแต่มุมปากกลับยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใช่ที่จริงเซ็นสัญญาเสร็จก็สามารถบินกลับกรุงเทพได้เลยแต่ที่เขาอยู่ต่อเพราะจะใช้เวลาสองวันนี้ต้อนเธอให้จนมุม จะง้างปากคนปากแข็งให้ยอมรับให้ได้ว่าเธอคือคนในคืนนั้น คนฟังถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ต่อเลยในเมื่องานก็เรียบร้อยแล้ว หรือเขาคิดจะทำอะไรกันแน่เธอชักหวั่นใจแล้วสิยิ่งเห็นสายตาที่เขามองมาก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจทั้งสองยืนมองสบตากันนิ่ง ๆ เนินนานหลายนาที ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยทำลายความเงียบ “โทรสั่งไวน์และของว่างให้ผมด้วย”ว่าจบเขาก็เดินไปนั่งเอนกายบนโซฟาวางแขนทั้งสองบนพนักยกขาขึ้นไขว้ห้างด้วยท่าทางสบายใจ ขณะที่อีกคนได้แต่เก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้ เดิ
สองร่างบดเบียดแนบแน่นตามแรงอารมณ์ที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ สัมผัสแปลกใหม่ทำให้สติของคามิลลาที่มีไม่เต็มร้อยเริ่มเตลิดเปิดเปิง ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเมาหรือเพราะความต้องการทางร่างกายที่มันเป็นไปตามกลไกธรรมชาติกันแน่มือหนาคลายพันธนาการออกจากข้อมือเล็กเมื่อรับรู้ได้ว่าคนใต้ร่างไม่ได้ต่อต้านเหมือนในตอนแรก ผละจูบออกจากริมฝีปากอวบอิ่มเคลื่อนลงขบกัดติ่งหูเล็กเบา ๆ ซ้ำ ๆ ความวาบหวามแผ่ซ่านไปทุกอณูของร่างบอบบางจนเธอต้องจิกเล็บลงบนไหล่กว้างที่มีเสื้อขว้างกั้นระบายความรู้สึก“อื้อ.. ท่านประธาน” ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอเรียกคนด้านบนเสียงอ่อนเสียงหวานยิ่งกระตุ้นเลือดในกายของคนถูกเรียกให้พุ่งพล่านมากกว่าเดิม ความเป็นชายขยายตัวจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ ผละออกจากติ่งหูเล็กเคลื่อนลงซุกไซ้ดอมดมกลิ่นกายหอมกรุ่นบนลำคอระหงพร้อมทั้งขบเม้มฝากรอยไว้เบา ๆ ระเรื่อยมาหยุดบนเนินอกอวบที่มีเสื้อผ้าขว้างกั้นอยู่มือหนารีบรูดรั้งชุดเดรสสายเดี่ยวลงไปกองใต้ราวนมพร้อมกับดึงทึ้งที่แปะจุกออกอย่างใจร้อน ทันทีที่ไร้สิ่งกีดขว้างริมฝีปากหนาก็อ้าครอบครองยอดถันสีสวยอย่างตะกละตะกลาม มือทั้งสองก็เคล้นคลึงก้อนเนื้อกลมกลึงไป
เมื่อรับรู้ได้ว่าร่างเล็กเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสเขาจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรงแยกขาเรียวออกจนกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทผลิบานโชว์ความสวยงาม แววตาทอประกายด้วยความปรารถนาจับจ้องอย่างลุ่มหลงพร้อมกับจับปลายหัวบานถูไถ่ขึ้นลง“อื้อ” สร้างความวาบหวามให้ร่างเล็กจนหลุดเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ ใบหน้าเรียวเริ่มแดงระเรื่อด้วยพิษความเสียว เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นตามกรอบหน้ายิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ยั่วยวนอารมณ์คนด้านบน ค่อย ๆ ดันแท่งเนื้อเข้าไปในร่องฉ่ำแฉะแต่เข้าไปได้แค่ส่วนหัวเท่านั้นเขาก็ต้องกัดกรามกรอดเมื่อความคับแน่นบีบรัดจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด ขณะที่ร่างเล็กนั้นใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเริ่มดิ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งยกมือขึ้นดันหน้าท้องแกร่ง ร้องบอกด้วยน้ำเสียงสั่น “จะ..เจ็บ”ประภากรณ์ไม่ได้เอ่ยอะไรโน้มตัวลงไปจูบซับทั่วใบหน้าเรียวเชิงปลอบประโลมทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึกโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้อ่อนโยนกับเธอขนาดนี้ทั้งที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบประทับจูบริมฝีปากอวบอิ่มเคล้นคลึงอย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งส่งเรียวลิ้นเข้าไปกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำ ดูดดึงพัวพันกับลิ้นเล็กอย่า
หลังจากพายุสวาทสงบลงประภากรณ์กับคามิลลาก็ต่างพากันหลับใหลไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย กว่าทั้งสองจะตื่นก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วประภากรณ์หันมองร่างบางที่นอนหันหลังให้แวบหนึ่งแล้วลุกลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายอีกรอบถึงแม้หลังจบกิจกรรมรักจะอาบไปรอบหนึ่งแล้วก็ตาม ขณะที่คามิลลานั้นยังคงแสร้งทำเป็นหลับทั้งที่ตื่นมาสักพักแล้วเพราะต้องการหลบหน้าประธานหนุ่มยังรู้สึกกระดากอายกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่เล็กน้อย“บ้าชะมัด” เธอถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่พร้อมดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงน้ำไหล มือเรียวยกขึ้นยีผมจนยุ่งเหยิงด้วยความรู้สึกหงุดหงิดทำไมทุกอย่างถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้ก็ไม่รู้ทั้งที่พยายามเซฟตัวเองแล้วแท้ ๆ ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคือผู้หญิงในคืนนั้นหวังว่ามันจะจบลงแค่นี้นะลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งอีกครั้งก่อนเธอจะสลัดความคิดออก ลุกลงจากเตียงรีบเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวมาพันรอบอกไว้จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนกลาดบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟารอให้อีกคนอาบน้ำเสร็จจะได้อาบต่อเพราะเธอยังไม่ได้ชำระร่างกายเลย หลังจากเสร็จกิจกรรมบนเตียงก็ผล็อยหลับไปทันทีคงเป็นเพ
"เอาคุณไงคามิลลา" ประภากรณ์โน้มใบหน้าลงตอบชิดกกหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมจับมือเรียวที่เอาแต่ผลักไสเขาตรึงไว้ข้างศีรษะอย่างนึกรำคาญ ขณะที่อีกคนนั้นรีบเบือนหน้าหนีในทันทีก่อนจะหันกลับมาถลึงตาใส่เจ้าของคำพูดลามกด้วยความไม่พอใจ "ท่านประธานอย่ามาเล่นลิ้นนะคะ""ผมไม่ได้เล่นลิ้น" ว่าจบริมฝีปากหนาก็ประทับจูบริมฝีปากอวบอิ่มทันทีพร้อมกับใช้โอกาสที่เธอเผยอปากร้องท้วงสอดเรียวลิ้นเข้าไปไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็ก หยอกเย้าเกี่ยวกระหวัดสอนคนอ่อนด้อยประสบการณ์ให้รู้ว่าเล่นลิ้นจริง ๆ มันเป็นยังไงริมฝีปากบดคลึง เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันอย่างร้อนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำคนอ่อนด้อยประสบการณ์แทบขาดอากาศหายใจส่งเสียงร้องอื้ออึงในลำคอระรัว เขารับรู้ได้จึงยอมถอนจูบออกเอ่ยชิดกลีบปากอวบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้ต่างหากที่เขาเรียกว่าเล่นลิ้นของจริง"“ขอบคุณที่ทำให้รู้นะคะ” เสียงหวานประชดประชันคนอย่างเขาคงช่ำชองในเรื่องแบบนี้มากสินะก็แหง่ล่ะสิได้ข่าวว่าพาสาวขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้า ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในแววตาทอประกายอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับร้องท้วงอีกครั้ง “ปล่อยค่ะท่านประธานจะเอายังไงก็บอกมาเลยค่ะ ถ้าจ
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้
ประภากรณ์นั่งมองประภาวินท์ผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างจากเขาแค่ปีเดียวความสงสัยเพราะตั้งแต่มาถึงพี่ชายก็เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่พูดไม่จาสักคำคงมีเรื่องเครียดมากแน่ ๆ ถึงได้ดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับน้ำเปล่าแบบนี้ทั้งที่ปกติแทบจะไม่แตะเลยหากไม่จำเป็น “ไหนบอกมีเรื่องจะปรึกษา” เขาปล่อยให้พี่ชายดื่มไปสักพักก่อนจะเริ่มถามไถ่ทำให้คนที่กำลังยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มหยุดชะงักฉับพลัน มองหน้าผู้เป็นน้องนิ่ง ๆ นานนับนาทีก่อนระบายเรื่องกลัดกลุ้มในใจออกไป “ฉันเจอวารีแล้วแถมเธอยังมีลูกที่เกิดจากฉันด้วย”“จริงเหรอแล้วเธอว่าไงบ้าง บอกสาเหตุที่หายไปไหม” พอพี่ชายบอกถึงสาเหตุเขาก็เข้าใจได้ในทันทีรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงความรู้สึกพี่ชายในเวลาเดียวกันวารีเป็นแฟนที่พี่ชายรักมากมากจนถึงขั้นยอมทะเลาะกับแม่เพราะท่านไม่ชอบที่พี่ชายคบกับวารีซึ่งเป็นเพียงเด็กกำพร้าเติบโตมาในสถานสงเคราะห์ ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันจนแม่ของเขายอมใจอ่อนแต่หลังจากอยู่ด้วยไม่กี่ปีจู่ ๆ วารีก็มาหายไปโดยไม่บอกกล่าว และไม่ทราบสาเหตุหายไปราวกับบนโลกใบนี้ไม่เคยมีเธออยู่ทำให้พี่ชายเสียใจอย่างหนักไม่เป็นอันทำอะไรนานหลายเดือนเลยทีเดียว“เพราะแม่ แม่ใ
เขาใช้เวลาในการเดินทางเพียงสี่สิบห้านาทีก็มาถึง ทว่าเมื่อรถมาจอดลงหน้าบ้านเขาก็ต้องขมวดคิ้วชนกันเพราะรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่หน้าบ้านเมื่อวานหายไปนั่นแสดงว่าต้องมีใครออกไปไหน หรืออาจจะไม่อยู่ทั้งสองคนก็ได้รอยยิ้มที่เคลือบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาพลันมลายหายไปสิ้นเมื่อคิดว่าตัวเองต้องมาเสียเที่ยว แต่เพื่อความชัวร์เขาจึงลงจากรถลองเดินไปกดกริ่งหน้ารั้วดูรอเพียงไม่นานก็มีผู้หญิงอายุราว ๆ ห้าสิบปีเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาคมกริบเพ่งมองร่างท้วมที่เดินตรงเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างพินิศพิจารณา รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาด้วยความดีใจเพราะเป็นแม่ของระรินรักนั่นเองถึงแม้ท่านจะอายุมากขึ้นแต่เขาก็จำได้ดี “สวัสดีครับน้าอร ผมโปรดครับ” รีบยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อมพร้อมบอกกล่าวเมื่อเห็นว่าท่านมองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัย“โปรดเองเหรอ ไม่เจอกันสิบกว่าปีโตเป็นหนุ่มหล่อจนน้าจำไม่ได้เลย” อรดีฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่นอกรั้วเป็นใคร รีบเปิดประตุให้เขาเข้ามาทันทีพร้อมเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน “มา ๆ เข้ามานั่งในบ้านก่อน”“ขอบคุณครับ” เขาน้อมศีรษะขอบคุณอรดีแล้วเดินตามหลังท่านเข้าไปในบ้าน ดว
การหายไปของเธอทำให้เขาเจ็บปวดและเสียใจมากในสมองมีแต่คำถามมาตลอดว่าทำไมเธอกับครอบครัวถึงหายไป แล้วหายไปไหนทำไมถึงไม่บอกกล่าวกันสักคำ แต่กระนั้นเขาก็ยังแอบมีความหวังว่าเธอจะกลับมา ทุกวันหลังเลิกเรียนเขาจะมายืนรอหน้าบ้านเธอเสมอกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเดือนจู่ ๆ ก็มีเจ้าของคนใหม่เข้ามาอยู่พอถามไถ่ก็ได้รู้ว่าเจ้าของคนเก่าขายบ้านหลังนี้แล้วความหวังที่มีเพียงน้อยนิดดับลงในพริบตาเขาเจ็บปวดมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นยังเด็กไม่มีกำลังเพียงพอที่จะตามหาเธอ แต่กาลเวลาก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเลือนเธอได้เลยภาพใบหน้า รอยยิ้ม ความน่ารักสดใส และเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดสิบปียังคงชัดเจนอยู่ในใจ เมื่อเขาเรียนจบและได้เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อมีเงิน มีอำนาจจึงเริ่มจ้างนักสืบฝีมือดีตามหาเธอ เขามีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอเธอที่ไหนสักที่ของประเทศไทยแต่ผ่านมาหลายปีก็ยังไร้วี่แวว เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนสลัดความคิดในอดีตออกยังไงมันก็ไม่สำคัญแล้วในเมื่อตอนนี้เธอกลับมาหาเขาแล้ว เขานั่งมองบ้านหญิงสาวอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มจึงขับรถกลับบ้านอย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้เห็นบ