พรึ่บ!
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงราวร้อยแปดสิบปลาย ๆ ที่อยู่ในอาการเมาจนแทบเดินไม่ตรงทางเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ภายในรีสอรท์ชื่อดังทั้งที่ไฟยังไม่เปิด และยังไม่ได้ล็อคประตูด้วยซ้ำเป็นเพราะอาการเมาที่มีมากทำให้เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
แต่ระหว่างที่เขากำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราก็รับรู้ได้ถึงการยุบของที่นอนข้าง ๆ คล้ายกับมีใครขึ้นมาก่อนจะสัมผัสได้ถึงไออุ่นบางอย่างและเนื้อนุ่มนิ่มที่บดเบียดเข้ามาเรื่อย ๆ จนแนบสนิท
ก้อนเนื้อกลมกลึงสองก้อนที่ดุนดันอกแกร่งและกลิ่นกายสาวหอมกรุ่นที่ลอยแตะจมูกทำให้เลือดในกายของเขาพานสูบฉีดขึ้นมาดื้อ ๆ ไวเท่าความคิดก็มือของเขานี่แหละที่เลื่อนไปสัมผัสก้อนเนื้อกลมกลึงทั้งสองอย่างห้ามไม่ได้แล้วออกแรงบีบเบา ๆ
“อื้อ” เสียงหวานคล้ายคนเมาดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปากเจ้าของเนินเนื้ออวบเบา ๆ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มให้ลุกโชน
เขาพลิกตัวขึ้นทาบทับร่างอรชรด้วยความเร็ว ฝ่ามือสากลากไล้ไปตามขาเรียวผ่านสะโพก เอวคอดขึ้นมากอบกุมเนินเนื้ออวบออกแรงบีบเคล้นแรง ๆ ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาก็ฝั่งลงสูดดมกลิ่นกายหอมหวานจากซอกคอระหง ก่อนเคลื่อนขึ้นไปประกบจูบเรียวปากเล็กที่เปล่งเสียงอื้ออึงในลำคอไม่ขาดสาย
บดขยี้ดูดดึงกลีบปากอวบราวกับเสือหิวโซจนอีกคนต้องใช้กำปั้นทุบประท้วงเมื่อเริ่มขาดอาการหายใจจากการรุกรานอย่างเร่าร้อน
ริมฝีปากหนาผละออกจากกลีบปากอวบเพียงเล็กน้อยให้เธอได้หายใจหายคอ ก่อนกดจูบอีกครั้งพร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้าไปคว้านหาความหวานทั่วช่องปากฉ่ำ เกี่ยวกระหวัดดูดดึงลิ้นนุ่มอย่างเร่าร้อนและดูดดื่มตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
มือหนาข้างขวาเลื่อนขึ้นไปปลดสายเดี่ยวออกจากลาดไหล่มนทั้งสองรูดรั้งชุดเดรสลงกองบนหน้าท้องแบนราบ แล้วจัดการปลดบราปีกนกที่โอบอุ้มเต้าอวบออกเป็นปราการถัดมาทำให้หน้าอกกลมกลึงเด้งดึ๋งอวดความใหญ่โตแม้จะมืดสลัวแต่เพียงใช้มือสัมผัสก็พอเดาได้ว่าหน้าอกเธอคือคัพซีขนาดพอดิบพอดีมือ
ลิ้นสากลากไล้ลงตามลำคอระหงจูบซับสูดดมกลิ่นกายสาวแล้วค่อย ๆ อ้าปากครอบครองยอดถันสีสวยดูดดึงใช้ลิ้นเลียวนเบา ๆ สลับไปมาทั้งสองข้าง มือทั้งสองก็จัดการรั้งแพนตี้ลูกไม้ออกจากเนินสาว
ฝ่ามือหนาสัมผัสลงบนสิ่งสวยงามอย่างอดใจไม่ไหวทันทีที่ไร้สิ่งกีดขว้าง นิ้วเรี้ยวกรีดกรายขึ้นลงตามรอยแยกกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทเบา ๆ พลางใช้อีกนิ้วบดคลึงปุ่มอ่อนไหว
"อ๊า" เจ้าของเรือนร่างออนแอ้นที่อยู่ในอาการเมาจนครองสติไม่อยู่ยิ่งสติเตลิดเปิดเปิงเป็นทวีคูณเมื่อถูกรุกรานทุกทาง รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน เสียวซ่านแทบขาดใจจนต้องส่ายหน้าเปล่งเสียงครางระบาย ร่องสาวค่อย ๆ ปลดปล่อยน้ำหวานออกมาตามธรรมชาติของร่างกาย
"อ๊ะ!" แต่เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บในตอนที่ถูกสิ่งแปลกปลอมล้วงล้ำเข้ามาในร่างกายเป็นครั้งแรก ใช้เรี่ยวแรงที่ลดน้อยถอยลงทุกทีเอื้อมมือไปจับมือหนาที่กำลังสร้างความเจ็บไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว แต่กลับถูกเขาใช้มืออีกข้างจับมือไปกดตรึงไว้ข้างสะโพกหนำซ้ำยังขยับนิ้วเข้าออกอย่างเอาแต่ใจ
"อื้อ" ร่างออนแอ้นสั่นเกร็งทุกครั้งที่นิ้วเรียวสอดใส่เข้ามามันทั้งรู้สึกเจ็บและเสียวซ่านในเวลาเดียวสร้างความปั่นป่วนให้คนอ่อนด้อยประสบการณ์มากเหลือคณา
เสียงครางหวานหูและร่องสาวที่บีบรัดนิ้วเรียวถี่ ๆ เป็นเหมือนเชื้อเพลิงปลุกไฟราคะชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เขาขบกรามกรอดด้วยความรู้สึกปวดหนึบกลางกายความอดทนที่จะเลาะชิมชิ้นเนื้อแสนหวานทีละน้อยขาดสะบั้นลง
ร่างสูงผละตัวลงยืนข้างเตียงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบเพียงเสี้ยวนาทีก็เหลือแค่ร่างเปลือยเปล่า ก่อนขึ้นไปทาบทับร่างออนแอ้นอีกครั้งโน้มใบหน้าลงประกบจูบบดคลึงกลีบปากอวบอย่างดูดดื่มพลางใช้เข่าแยกขาเรียวออก กดสะโพกบดเบียดความแข็งขึงลงบนเนินสาวเนินนานหลายนาทีแล้วกดความแข็งขึงเข้าสู่กลางกายสาวที่เพิ่งส่งนิ้วเข้าไปสำรวจก่อนหน้านี้อย่างใจร้อน
แรกสัมผัสก็รับรู้ได้ว่านี่คือร่องสวาทของสาวพรหมจารีมันทั้งคับทั้งแน่นสอดใส่เข้าไปได้เพียงส่วนหัวเท่านั้นก็ถูกบีบรัดจนปวดหนึบไปหมด ครั้นจะหยุดกลางคันก็ไม่ได้จึงขบกรามอดทนเดินหน้าฝากฝังตัวตนต่อ
อีกคนแม้จะถูกครอบงำด้วยคลื่นสวาทที่ซัดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าก็อดน้ำตาไหลไม่ได้เมื่อเยื่อพรหมจารีขาดผึ่งความเจ็บเข้าเล่นงานกลางกายสาวตุบ ๆ เกร็งตัวจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างจนเป็นรอย
"จะ..เจ็บ" ร้องบอกด้วยน้ำเสียงขาดห้วงเมื่อสะโพกสอบเริ่มเคลื่อนไหวเข้าออก ร่างสูงรับรู้แต่ไม่ได้หยุดการกระทำตอกตรึงความใหญ่โตเข้าใส่แรงและหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ปรารถนาที่ถูกกระตุ้น
สองแขนแกร่งสอดเข้าไปใต้ไหล่มนกดแผ่นหลังบางจนเนินเนื้อกลมกลึงแอ่นขึ้นแนบชิดอกแกร่ง สองร่างประสานเหนี่ยวแน่นผิวกายบดเบียดยิ่งกระตุ้นให้หนุ่มสาวร้อนรุ่มดำดิ่งลงสู่ห้วงกามารมณ์
เสียงเนื้อหนัดแน่นเคล้าเสียงครางหอบของสองหนุ่มสาวดังระงมทั่วห้องนอนใหญ่ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ไม่รู้จักกันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอย่างไร้ความอาย ไร้การยับยั้งชั่งใจต่างเดินหน้าสนองไฟราคะที่กำลังลุกโชนของตัวเอง
บทรักเร่าร้อนเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะจบลงก็ทำเอาหมดแรงต่างคนต่างนอนหลับไหลไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"ซี๊ดด"ร่างสูงที่นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ในสภาพเปลือยเปล่าส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกปวดตุบ ๆ บริเวณขมับทั้งสองข้างคงเป็นผลพวงมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืน เขาผงกศีรษะขึ้นสะบัดพรึบ ๆ ไล่อาการมึนงงออกแล้วหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพลางใช้มือนวดขมับเบา ๆ คิ้วเข้มพลันขมวดผูกกันเป็นปมในตอนที่สายตาสะดุดเข้ากับคราบเลือดเกรอะกรังบนผ้าปูที่นอน ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนพลันฉายขึ้นในโสตประสาทเป็นฉาก ๆ แม้สติจะไม่เต็มร้อยแต่เขาก็พอจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนเขาพรากพรหมจารีผู้หญิงคนหนึ่งมีอะไรกันอย่างถึงพริกถึงขิง รอยเลือด ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี้ และเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนกลาดข้างเตียงเป็นเครื่องยืนยันได้ดี แต่ตื่นมากลับไม่เจอเธอคนนั้นแล้วช่างเป็นอะไรที่น่าแปลกนักคิดว่าตื่นมาเธอคงเรียกร้องให้รับผิดชอบหรือโวยวายเสียอีกเพราะเขาดันพรากพรหมจารีของเธอแต่เขากลับคิดผิดถนัดนัยน์ตาสีดำขลับจ้องคราบเลือดบนผ้าปูที่นอนสีขาวอย่างใช้ความคิดน่าเสียดายที่เมื่อคืนในห้องมืดเขาเลยไม่เห็นหน้าเธอ ยอมรับว่าพึงพอใจกับเนื้อชิ้นหวานเมื่อคืนไม่น้อย และยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกะว่
วันต่อมาหลังจากทริปการพาพนักงานในบริษัทไปพักผ่อนที่พัทยาจบลงประธานหนุ่มอย่างประภากรณ์ และพนักงานทุกคนในบริษัทก็กลับเข้าสู่โหมดทำงานตามปกติ ทันทีที่มาถึงบริษัทเขาก็สั่งให้พายัพไปเอาแฟ้มประวัติของพนักงานหญิงทุกแผนกที่มีสถานะโสดมาให้ ยังไงเขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร หลังจากอ่านแฟ้มประวัติครบทุกคนก็สั่งให้พายัพทยอยเรียกพนักงานที่คิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงในคืนนั้นมาพบทีละคน แต่เรียกมาพบจนเกือบครบทุกแผนกแล้วก็ยังไม่ใช่จนเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาพานนึกโกรธตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ ยังเหลือแผนกบัญชีอีกแผนกเดียวหวังว่าจะพบสักที“อย่าให้รู้นะว่าเป็นใครจะลงโทษให้หนักเลย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างคาดโทษ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง “ไปตามกัญญารัตน์ เติมรัก และคามิลลาพนักงานแผนกบัญชีมาพบฉันหน่อยให้เข้ามาหาทีละคน”“ครับ” พายัพพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงประภากรณ์ก็ค่อย ๆ หลับตาลงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เพื่อพักผ่อนสายตา และสงบอารมณ์หงุดหงิดงุนง่านของตัวเองระหว่างรอพนักงานแผนกบัญชีมาพบก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่หลับตาลงได้เพียงห
ตกเย็นของอีกวันหลังจากเลิกงานประภากรณ์ก็ให้พายัพไปพาเติมรักมาพบเขาที่ห้องอาหารในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งทันทีเพราะต้องการต้อนเธอให้จนมุมร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มนั่งไขว้ห้างพลางแกว่งไวน์ในแก้วเล่นอย่างใจเย็นระหว่างรอการมาของพนักงานสาว ดวงตาคมกริบทอประกายวาววับด้วยความเจ้าเล่ห์ตวัดมองนาฬิกาข้อมือก่อนเริ่มนับเวลาถอยหลัง "5 4 3 2 1"แกร๊ก! สิ้นเสียงนับประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออกพอดิบพอดี ก่อนจะเผยให้เห็นร่างสูงโปร่งของลูกน้องคนสนิทเดินนำร่างบางของคนที่เขาต้องการเจอเข้ามานัยน์ตาดำขลับมองผ่านลูกน้องคนสนิทไปยังร่างบางด้านหลังที่เดินก้มหน้างุดอย่างคนมีพิรุธนิ่ง ๆ มุมปากหยักกระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่เพียงเสี้ยวนาทีก็มลายหายไปดูท่าทางพนักงานสาวคนนี้คงจะนิสัยขี้อาย และขี้กลัวไม่น้อยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวันนั้นถึงได้หนีออกมาก่อน ซึ่งบอกตามตรงว่าบุคลิกแบบนี้ไม่ค่อยเร้าใจเขาสักเท่าไรหรอก แต่ที่ถูกใจเขาคือความบริสุทธิ์และเรื่องบนเตียงของเธอต่างหากจากที่คิดไว้ว่าจะเล่นสนุกกับกระต่ายน้อยตัวนี้สักหน่อยก็ล้มเลิกความคิดเพราะดูแล้วเธอไม่มีอะไรให้น่าค้นหาสักนิด หนำซ้ำยังค่อนข้างอ่านง่ายอีก"สวัสดีค่ะท่านปร
“เป็นอะไรเติม มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” คามิลลา หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยคมตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย อเมริกันวัย 24ปี เอ่ยถามเพื่อนสาวคนสนิทด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่เข้างานมาเพื่อนสาวก็มีท่าทีแปลก ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาไม่ยิ้มหัวเราะเหมือนทุกวันคล้ายกับมีอะไรในใจ แวบหนึ่งเรื่องที่ลูกน้องประธานหนุ่มมาบอกเพื่อนสาวให้ไปพบเมื่อวานหลังเลิกงานก็ลอยเข้ามาในโสตประสาททำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าจึงถามไถ่ไปโดยไม่รอช้า “หรือเพราะเมื่อวานที่แกไปพบท่านประธาน เขาทำอะไรแกใช่ไหม”“ไม่ใช่ ๆ ท่านประธานแค่เรียกฉันไปสอบถามเรื่องงาน” เติมรักที่ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันพร้อมกับพร่ำขอโทษเพื่อนสาวในใจซ้ำ ๆ ที่รักษาความลับไว้ไม่ได้ หนำซ้ำยังต้องโกหกอีก“แน่ใจนะ” คามิลลายื่นหน้าเข้าไปจับจ้องหน้าเพื่อนสาวอย่างจับพิรุธ เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไรนักว่าประธานหนุ่มแค่เรียกเพื่อนไปคุยเรื่องงานไม่มีอะไรแอบแฝงเพราะหากคุยเรื่องงานทำไมไม่คุยเวลางาน และยังให้ลูกน้องมารับไปคุยนอกบริษัทอีก เติมรักเพื่อนสาวของเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน เรียบร้อย ขี้กลัว ใสซื่อหัวอ่อนไม่ค่
คนฟังอย่างคามิลลาถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ประธานหนุ่มเอ่ยมามันไม่เกี่ยวกับงานเลยสักนิด เธอนึกเอะใจตั้งแต่แรกแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ “กลิ่นน้ำหอมของคุณเหมือนผู้หญิงที่ปีนขึ้นเตียงผมในคืนงานปาร์ตี้ที่พัทยาเลย” คำพูดต่อมาของประธานหนุ่มทำเอาเธอสะอึกฉุกคิดขึ้นมาได้ หากเขาจำกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงในคืนนั้นได้แสดงว่าเขาต้องกำลังสงสัยเธอกับเพื่อนสาวอยู่แน่เพราะน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่เธอผสมขึ้นมาเองเป็นสูตรเฉพาะไม่มีขาย และมีแต่เธอกับเพื่อนเท่านั้นที่ใช้มันต้องใช่แน่ ๆ เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงกันนะที่เขาเรียกเธอกับเพื่อนสาวสลับกันไปมาคงเพราะต้องการพิสูจน์ว่าตกลงผู้หญิงในคืนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ก็ทำให้อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมระดับผู้บริหารอย่างเขาถึงต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย การที่พลาดมีอะไรกับพนักงานในบริษัทมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้เลยเหรอยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจขนาดเธอที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกเขาพรากพรหมจรรย์ไปยังไม่คิดติดใจ หรือเรียกร้องอะไรเลย ใช่ฟังไม่ผิดเธอคือผู้หญิงที่ปีนขึ้นเตียงประธานหนุ่มเองเป็นเพราะความเมาทำให้เธอตาลายมองเลขห้อง
วันต่อมาหลังจากที่คามิลลาหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ทำงานได้ไม่นานเธอก็ถูกพายัพเรียกให้ไปพบประธานหนุ่มที่ห้อง เธอแทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้รู้แล้วรู้รอดระบายความหงุดหงิด แต่ก็ทำได้แค่หวีดร้องในใจแล้วลุกไปหาเขาตามคำสั่ง“คิดจะเล่นงานกันแต่เช้าเลยหรือยังไงกัน” เสียงหวานพึมพำออกมาอย่างนึกโมโหขณะที่กำลังเดินไปยังห้องประธานหนุ่ม เขาคงจ้องเล่นงานเธออยู่สินะพอมาถึงปุ๊บก็ให้ลูกน้องมาตามปั๊บกะจะไม่ให้พักหายใจหายคอกันเลยหรืออย่างไรยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์ขุ่นมัว เธอยืนถอดหายใจกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องทำงานประธานหนุ่มเนินนานหลายนาที ก่อนหลับตาพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ ท่องยุบน้อพองน้อระงับสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง พออารมณ์นิ่งสงบจึงยกมือขึ้นเคาะประตู “เข้ามา” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนด้านในจึงเปิดประตูเข้าไป ทว่าเพียงเห็นหน้าประธานหนุ่มอารมณ์ที่นิ่งสงบของเธอก็ขุ่นมัวอีกครั้ง แต่กระนั้นก็ยังเก็บอาการได้ดี ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเพราะรู้ว่าอีกคนคงจ้องจับผิดเธออยู่ เดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานของเขาแล้วกล่าวทักทายตามปกติ “สวัสดีค่ะท่านประธาน”“ผมจะให้คุณมาทำหน้าที่เลขาแทนนิดาที่ลาคลอดชั่วคราว” ประภากร
วันต่อมาคามิลลาก็มายืนรอประธานหนุ่มหน้าบริษัทตามที่เขาบอกไว้ ระหว่างยืนรอเธอก็เป็นที่จับตามองของคนทั้งบริษัท สาเหตุก็เพราะการถูกเลื่อนตำแหน่งให้ไปเป็นเลขาของประธานหนุ่มแบบสายฟ้าแลบยังไงล่ะไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวกันทั้งที่เธอก็เพิ่งได้รับตำแหน่งเลขาเมื่อวานนี้เอง หูตาไวเสียจริงกับเรื่องชาวบ้านเนี่ยคิด ๆ แล้วก็พานทำให้หงุดหงิดไม่น้อย เมื่อวานได้รับตำแหน่งวันนี้ออกทำงานนอกสถานที่กับประธานหนุ่มแล้วยิ่งทำให้พนักงานในบริษัทพากันคิดไปในทางที่ไม่ดีแอบซุบซิบนินทาว่าเธอคงใช้เต้าไต่ แต่ถามว่าเธอแคร์ไหมบอกเลยว่าไม่ยังคงเชิดหน้าอย่างเต็มภาคภูมิเพราะเธอรู้แก่ใจตัวเองดีไม่ได้เป็นดั่งคำเขาว่าสักนิด แล้วทำไมต้องเก็บมาใส่ใจให้เสียสุขภาพจิตใจตัวเองบรืนนน!ผ่านไปประมาณสิบนาทีรถตู้คันหรูสีขาวก็เคลื่อนตัวมาจอดลงตรงหน้า เธอยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่แน่ใจว่าใช่รถประธานหนุ่มหรือไม่จนเห็นพายัพเปิดประตูฝั่งข้างคนขับลงมาจึงลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตรงไปหาเขา“คุณขึ้นรถเถอะผมเอากระเป๋าไปเก็บหลังรถให้” “ขอบคุณค่ะ” เธอยื่นกระเป๋าให้พายัพแต่โดยดีพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นก็เปิดประตูขึ้น
สีหน้าบึ้งตึงของพนักงานสาวที่เผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัวทำให้ประภากรณ์ที่ปรายตามองพอดิบพอดีหลุดยิ้มออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นเธอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่เพียงเสี้ยวนาทีเขาก็ปรับสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ก่อนบอกกล่าวกับเธอหลังจากพนักงานของพูลวิลล่าเดินกลับไปแล้ว "ลากกระเป๋าเข้ามาด้วย"สิ้นเสียงทุ้มคามิลลาก็ลากกระเป๋าสัมภาระตัวเองกับของประธานหนุ่มเข้าไปในห้องพักสไตล์ทรอปิคอลร่วมสมัยทันที ภายในห้องพักกว้างขว้างและหรูหรามาก พูลวิลล่าตั้งอยู่บนไหล่เขาจึงสามารถมองวิวสวย ๆ ของชายหาดสีขาวและท้องทะเลได้โดยรอบแบบ 300 องศาผ่านผนังกระจกใสได้ เปิดประตูกระจกออกไปก็จะเป็นระเบียงที่มีสระว่ายน้ำยื่นออกไปทางทะเลเรียกได้ว่าเป็นห้องที่บรรยากาศดีมาก ๆ หากเป็นคู่รักมาพักผ่อนคงโรแมนติกไม่น้อย"เอาเสื้อผ้าผมจัดใส่ตู้ให้เรียบร้อยด้วยนะ" เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอเลิกสนใจสิ่งรอบข้างตวัดสายตามองเจ้าของคำสั่งอย่างเคือง ๆ เป็นเลขามันต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไงชักสงสัยแล้วสิ เท่าที่รู้มาเลขามีหน้าที่ช่วยเจ้านายแค่เรื่องงานไม่ใช่หรือ แต่ที่เขากำลังสั่งเธอมันเป็นงานของคนใช้ชัด ๆคิดหรือว่าคนอยากเธอจะย
หลายปีต่อมา.."อ๊ะ!" แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตาล้างขวดนมบุตรสาวอยู่ภายในห้องครัวสะดุ้งด้วยความตกใจกับการมาไม่ให้สุ่มให้เสียงของคนเป็นสามี เอี้ยวหน้าไปส่งสายตาดุเล็กน้อย "รักตกใจหมดพี่โปรด""โอ้ ๆ! ขวัญเอ๋ยขวัญมา" คนโดนดุกลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยเรียกขวัญพร้อมกับกดจูบข้างขมับด้วยความรักใคร่เรียกรอยยิ้มของอีกคนได้เป็นอย่างดี เธอโคตรชอบเวลาที่คนเป็นสามีแสดงความรักแบบนี้มองสบแววตาอ่อนโยนนานนับนาทีก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แล้วลูกละคะ""หลับอยู่ครับ" เขาเอ่ยพร้อมกับเกยหน้าบนไหล่มน สองแขนโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่น เขาแต่งงานกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วมีลูกสาวที่แสนน่ารักด้วยกันหนึ่งคน และยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกช่วงเวลาที่ยากลำบากเธอคอยอยู่เคียงข้างและค่อยให้กำลังเขาเสมอมา เป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดีที่สุด ดูแลเขากับลูกไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรเลยคามิลลาเพียงพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าล้างขวดนมต่อโดยมีคนเป็นสามีโอบกอดอยู่ ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดหันควับมองคนด้านหลังอีกครั้งเพราะมือของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งล้วงเข้ามาในเสื้อยืดแล้วบ
"อารักข๋า" เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นทำให้คามิลลาที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่ที่โต๊ะละสายตาจากแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบาง ๆ พลันผุดขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงอันสดใสคือน้องปริมเด็กน้อยวัยสามขวบเศษ ๆ ลูกสาวประภาวินท์พี่ชายของแฟนหนุ่ม รีบลุกเดินไปหาเด็กน้อยที่เดินจูงมือคนเป็นอาเข้ามา "น้องปริมมาได้ยังไงคะเนี่ย""น้องปริมขอตามอาโปรดมาค่ะ น้องปริมคิดถึงอารักค่ะ" เด็กน้อยยิ้มตอบจนตาหยีทำให้เธอทั้งมันเขี้ยวทั้งเอ็นดูจนต้องโน้มลงไปใช้มือบีบพวงแก้มอวบเบา ๆ "หื้ม นอกจากสวยแล้วยังปากหวานอีกด้วยนะเนี่ย""แน่นอนอยู่แล้วใช่ไหมครับน้องปริมนี่หลานอาโปรดนะ" ประภากรณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มพลางมองหน้าแฟนสาว ตั้งแต่เขาพาเธอไปพบน้องปริมเมื่อหลายเดือนก่อนเด็กน้อยก็ดูจะชอบเธอเอามาก ๆ และเธอก็ดูเหมือนจะเข้ากับน้องปริมได้ดีหากวันไหนมีเวลาว่างเธอมักจะแวะเวียนไปเล่นด้วยน้องปริมตลอดบอกตามตรงว่าเวลาที่เห็นเธอเล่นกับหลานก็นึกอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมาบ้างเขาก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้รอให้คนที่จะมาเป็นเจ้าสาวของเขาพร้อมอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องอื่นไม่มีปัญหาอะไรเขาได้บอกให้ผู
"พี่โปรดยังงอนรักอีกเหรอคะ" คามิลลาเริ่มเปิดบทสนทนาทันทีที่ในห้องเหลือเพียงเธอกับเขาพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งบนตักยกมือขึ้นโอบลำคอแกร่งหลวม ๆ อีกคนกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห๋ แต่เพียงเสี้ยวนาทีก็หายไปเปล่งเสียงตอบคนบนตักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "พี่ไม่ได้งอนอะไรนิครับ" "ไม่งอนแล้วทำไมทำตัวเย็นชาแบบนี้ละคะ" แววตาคมมองหน้าถามอย่างคาดคั้นปากบอกว่าไม่ได้งอนแต่การกระทำตรงข้ามกันสิ้นเชิงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงตอนนี้เขาก็เอาแต่ทำเย็นชาใส่ ขนาดเธอนั่งบนตักแบบนี้แล้วยังไม่คิดจะโอบกอดสักนิด"แค่น้อยใจที่เมียไม่ให้เอา" "มันใช่เรื่องจะมาน้อยใจไหมคะท่านประธาน" คำตอบของคนตัวโตทำเอาเธอถึงกับกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อะไรมันจะขนาดนั้นกันเชียว แต่กระนั้นเธอก็ยอมง้อนั่นแหละ มือเรียวคลายออกจากลำคอแกร่งเคลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลาแทน "แล้วทำยังไงถึงจะหายน้อยใจคะ"ประภากรณ์ไม่ได้ตอบแต่ทำปากจู๋ขอจูบจากเธอแทน อีกคนส่ายหน้าระบายยิ้มออกมาบาง ๆ แต่ก็ยอมประทับจูบบนเรียวปากหยักตามคำเรียกร้อง เมื่อจะผละจูบออกกลับถูกมือหนากดท้ายทอยไว้พร้อมทั้งส่งเรียวเข้ามาในโพรงปาก และเธอก็ไม่คิดจะขัดขืนหลับตาจูบตอบ เกี่ยวกระหวั
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเข้ามากระทบร่างสองหนุ่มสาวที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงปลุกให้คามิลลารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ขณะที่อีกคนยังนอนหลับสนิทรอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับริมฝีปากอวบอิ่มเมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเป็นอันดับแรก ดวงตาคมไล่มองสัดส่วนบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างพินิศพร้อมใช้นิ้วกรีดกรายไปตามคิ้วดกดำ ลงมาหยุดที่แพรขนตายาวหนาที่ดูเหมือนจะยาวและสวยกว่าของเธอเสียอีกน่าอิจฉานักอดไม่ได้ที่จะเล่นกับมันโดยการลูบไปมาซ้ำ ๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านจมูกโด่งลงไปยังริมฝีปากสีแดงระเรื่อราวกับของผู้หญิง “จะดูดีเกินหน้าเกินตากันไปแล้วนะ” เธอพึมพำออกมาอย่างนึกอิจฉาเอาจริงเครื่องหน้าของเขาแป๊ะจนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาหนักมาก เสียงพึมพำจากริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาคนที่ตื่นตั้งแต่เธอลากนิ้วบนคิ้วแต่แสร้งหลับต่อหลุดยิ้มออกมา พร้อมกับเปลือกตาบางที่ปรือขึ้นมองใบหน้าเรียว “บ่นอะไรหื้ม”“บ่นว่าพี่หล่อเกินไปแล้ว” เสียงหวานบอกไปตามจริงพร้อมกับทำหน้าคว่ำใส่ด้วยความหมั่นไส้“ไม่ภูมิใจเหรอครับมีแฟนหล่อ” ประภากรณ์ถึงกับกลั้วหัวเราะออกมากับท่าทางแสนน่ามันเขี้ยวของเธอใช้มือบีบจมูกโด่งรั้นเบา ๆ ก่อน
“หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้หายไปไหนแล้วนะครับ” ประภากรณ์ยิ้มจนแก้มแทบแตกกับคำตอบตอนแรกก็แอบกลัว แต่ตอนนี้หัวใจพองโตคับอกแล้ว รู้สึกดีใจและมีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ริมฝีปากหนากดจูบบนหน้าผากมนอีกครั้งพร้อมกับสวมกอดร่างบางอย่างแนบแน่นให้สมกับที่เขารอเธอมานานแสนนาน ร่างบางกอดตอบแนบแน่นไม่ต่างกัน ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ซบลงบนแผงอกแกร่งพร้อมหลับตาลง เธอชอบอ้อมกอดนี้ ไออุ่นนี้เหลือเกินให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเหมือนในตอนเด็ก ๆ ที่เขาค่อยปกป้องเธอไม่มีผิดทั้งสองยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาปล่อยให้ภาษากายบอกความรู้สึกที่มีต่อกันแทน ผ่านไปเนินนานหลายนาทีเสียงทุ้มจึงเอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “คืนนี้นอนที่นี่นะครับ”“ไม่ค่ะรักต้องกลับไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิดเพื่อนต่อ แล้วกลับไปนอนที่คอนโดเติม” ใบหน้าเรียวผงกขึ้นปฏิเสธทันควัน ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง “รักบอกเพื่อนไว้ว่าคุยธุระกับพี่เสร็จจะกลับไปฉลองด้วย รักไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนค่ะ”“ครับ” ประภากรณ์เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่ที่ไม่ชอบคือผู้ชายคนนั้นที่มาใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอเกินไป ดวงตาคมกริบมองหน้าถามคนในอ้อ
ครืด! ครืด!โทรศัพท์เครื่องหรูแผดเสียงดังขึ้นทำให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดูเมื่อเห็นว่าเป็นเติมรักจึงกดรับสาย ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบหมุนตัวกลับมามองด้วยแววตาดุพร้อมเปล่งเสียงถามเพราะอยากรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า “ใครโทรมา”คามิลลาถึงกับงุนงงกับท่าทางของประธานหนุ่มความจริงใครจะโทรมามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า ทำไมเขาถึงแสดงอาการเหมือนพ่อหวงลูกเพราะกลัวลูกจะมีแฟนไม่มีผิด“เติมรักค่ะ” ดวงตาคมมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เข้าแต่กระนั้นก็ยอมตอบไปเพราะขี้เกียจมีปัญหาอีก จากนั้นก็กรอกเสียงพูดกับคนปลายสายต่อ อีกคนเมื่อได้รับคำตอบที่พึงพอใจจึงหมุนตัวเดินต่อโดยคามิลลาเดินตามหลังไปห่าง ๆ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วยจนถึงห้องของเขา“เข้ามาสิ” เธอขอวางสายจากเพื่อนสาวแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขาตามคำเชื้อเชิญโดยง่ายอาจเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือพี่โปรดเธอจึงไว้ใจและกล้าเข้าแบบไม่กลัวอะไร ดวงตาคมมองสำรวจรอบ ๆ ห้องอย่างพินิศพิจารณาที่นี้หรูหรา กว้างขว้างและสะดวกสบายสมราคาจริง ๆ “อ๊ะ!” ทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอีกคนสวมกอดจากด้
ประภากรณ์นั่งมองประภาวินท์ผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างจากเขาแค่ปีเดียวความสงสัยเพราะตั้งแต่มาถึงพี่ชายก็เอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่พูดไม่จาสักคำคงมีเรื่องเครียดมากแน่ ๆ ถึงได้ดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับน้ำเปล่าแบบนี้ทั้งที่ปกติแทบจะไม่แตะเลยหากไม่จำเป็น “ไหนบอกมีเรื่องจะปรึกษา” เขาปล่อยให้พี่ชายดื่มไปสักพักก่อนจะเริ่มถามไถ่ทำให้คนที่กำลังยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่มหยุดชะงักฉับพลัน มองหน้าผู้เป็นน้องนิ่ง ๆ นานนับนาทีก่อนระบายเรื่องกลัดกลุ้มในใจออกไป “ฉันเจอวารีแล้วแถมเธอยังมีลูกที่เกิดจากฉันด้วย”“จริงเหรอแล้วเธอว่าไงบ้าง บอกสาเหตุที่หายไปไหม” พอพี่ชายบอกถึงสาเหตุเขาก็เข้าใจได้ในทันทีรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงความรู้สึกพี่ชายในเวลาเดียวกันวารีเป็นแฟนที่พี่ชายรักมากมากจนถึงขั้นยอมทะเลาะกับแม่เพราะท่านไม่ชอบที่พี่ชายคบกับวารีซึ่งเป็นเพียงเด็กกำพร้าเติบโตมาในสถานสงเคราะห์ ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันจนแม่ของเขายอมใจอ่อนแต่หลังจากอยู่ด้วยไม่กี่ปีจู่ ๆ วารีก็มาหายไปโดยไม่บอกกล่าว และไม่ทราบสาเหตุหายไปราวกับบนโลกใบนี้ไม่เคยมีเธออยู่ทำให้พี่ชายเสียใจอย่างหนักไม่เป็นอันทำอะไรนานหลายเดือนเลยทีเดียว“เพราะแม่ แม่ใ
เขาใช้เวลาในการเดินทางเพียงสี่สิบห้านาทีก็มาถึง ทว่าเมื่อรถมาจอดลงหน้าบ้านเขาก็ต้องขมวดคิ้วชนกันเพราะรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่หน้าบ้านเมื่อวานหายไปนั่นแสดงว่าต้องมีใครออกไปไหน หรืออาจจะไม่อยู่ทั้งสองคนก็ได้รอยยิ้มที่เคลือบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาพลันมลายหายไปสิ้นเมื่อคิดว่าตัวเองต้องมาเสียเที่ยว แต่เพื่อความชัวร์เขาจึงลงจากรถลองเดินไปกดกริ่งหน้ารั้วดูรอเพียงไม่นานก็มีผู้หญิงอายุราว ๆ ห้าสิบปีเดินออกมาจากบ้าน ดวงตาคมกริบเพ่งมองร่างท้วมที่เดินตรงเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างพินิศพิจารณา รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นประดับมุมปากหนาด้วยความดีใจเพราะเป็นแม่ของระรินรักนั่นเองถึงแม้ท่านจะอายุมากขึ้นแต่เขาก็จำได้ดี “สวัสดีครับน้าอร ผมโปรดครับ” รีบยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อมพร้อมบอกกล่าวเมื่อเห็นว่าท่านมองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัย“โปรดเองเหรอ ไม่เจอกันสิบกว่าปีโตเป็นหนุ่มหล่อจนน้าจำไม่ได้เลย” อรดีฉีกยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ยืนอยู่นอกรั้วเป็นใคร รีบเปิดประตุให้เขาเข้ามาทันทีพร้อมเชื้อเชิญให้เข้าบ้าน “มา ๆ เข้ามานั่งในบ้านก่อน”“ขอบคุณครับ” เขาน้อมศีรษะขอบคุณอรดีแล้วเดินตามหลังท่านเข้าไปในบ้าน ดว
การหายไปของเธอทำให้เขาเจ็บปวดและเสียใจมากในสมองมีแต่คำถามมาตลอดว่าทำไมเธอกับครอบครัวถึงหายไป แล้วหายไปไหนทำไมถึงไม่บอกกล่าวกันสักคำ แต่กระนั้นเขาก็ยังแอบมีความหวังว่าเธอจะกลับมา ทุกวันหลังเลิกเรียนเขาจะมายืนรอหน้าบ้านเธอเสมอกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเดือนจู่ ๆ ก็มีเจ้าของคนใหม่เข้ามาอยู่พอถามไถ่ก็ได้รู้ว่าเจ้าของคนเก่าขายบ้านหลังนี้แล้วความหวังที่มีเพียงน้อยนิดดับลงในพริบตาเขาเจ็บปวดมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นยังเด็กไม่มีกำลังเพียงพอที่จะตามหาเธอ แต่กาลเวลาก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเลือนเธอได้เลยภาพใบหน้า รอยยิ้ม ความน่ารักสดใส และเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดสิบปียังคงชัดเจนอยู่ในใจ เมื่อเขาเรียนจบและได้เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทแทนผู้เป็นพ่อมีเงิน มีอำนาจจึงเริ่มจ้างนักสืบฝีมือดีตามหาเธอ เขามีความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอเธอที่ไหนสักที่ของประเทศไทยแต่ผ่านมาหลายปีก็ยังไร้วี่แวว เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนสลัดความคิดในอดีตออกยังไงมันก็ไม่สำคัญแล้วในเมื่อตอนนี้เธอกลับมาหาเขาแล้ว เขานั่งมองบ้านหญิงสาวอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มจึงขับรถกลับบ้านอย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้เห็นบ