แชร์

บทที่ 79

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ไม่มีผู้ใดรู้จักลูกดีเท่ามารดา ไหนเลยนางถานจะไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วนั้นคนในใจของลูกชายตนคือหรงจือจือ ที่อยู่กับอวี้ม่านหวา ประการแรกเนื่องจากรู้สึกเหงาขณะอยู่ที่แคว้นเจา ประการที่สองเพราะอยากเอามาบีบหรงจือจือนางคนชั้นต่ำนั่นก็เท่านั้น

ครั้นเห็นท่าทีของลูกชาย นางเองก็เดือดดาลเข้าไปใหญ่ “เจ้ากลัวอันใด? ไม่ต้องไปให้ความสำคัญนาง นางแค่อยากให้เจ้าไปง้อนางเท่านั้น ตัดใจจากไปได้จริง ๆ เสียที่ไหนกัน? ที่ตอนนี้กลับไปยังเรือนหลัน ก็แค่เสแสร้งให้เจ้าดูเท่านั้น!”

ฉีอวี่เยียน “นั่นน่ะสิเจ้าคะ มีเพียงบุรุษที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกอย่างท่านพี่เท่านั้น ถึงเป็นห่วงนาง ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไร ถึงขั้นหย่ากับท่านพี่เพราะคนตายเพียงคนเดียว!”

นางถานเองก็เอ่ยเสริมว่า “นางไม่รู้จักทะนุถนอมโชคเลยจริง ๆ!”

ครั้นถูกมารดาและน้องสาวปลอบเช่นนี้ ฉีจื่อฟู่ก็เบาใจลง

นางถานเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “วันนี้องค์หญิงถูกทำให้ตกใจแล้ว ถูกนายบ่าวที่นิสัยอย่างกับหญิงปากร้ายด่าหยาบโลน ไม่รู้ว่าจะกระทบถึงลูกในท้องหรือไม่ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงดี ๆ เดี๋ยวไปเชิญหมอประจำจวนมาตรวจดูชีพจรให้องค์หญิงด้วย!”

“นี่เป็นหลานคนแรกของจวนโหวเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 80

    เจาซีตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ใช่สาวใช้ที่ชื่อเซี่ยอวี่ที่คุณหนูชอบช่วยเหลือบ่อย ๆ คนนั้นหรือไม่?”อวี้หมัวมัว “ใช่ เป็นนาง”เจาซีเบะปาก “จะมีเรื่องอะไรได้ คงมาให้คุณหนูเราช่วยกระมัง? นี่คุณหนูหย่ากับคนสกุลฉีแล้ว กำลังจะไปแล้วนะ!”ใช่จะบอกว่านางมีมโนธรรมไม่มากพอ ไม่ยอมช่วยคน ความจริงแล้วนั้นไม่ว่าเซี่ยอวี่นั่นจะกล่าวอย่างไร ดีร้ายก็เป็นทาสรับใช้ที่เกิดในสกุลฉี มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่ต้องรับใช้อยู่ข้างกายฉีอวี่เยียนอีกหากช่วยนางอีก มักจะรู้สึกโชคร้ายหรงจือจือวางของที่อยู่ในมือลง ก่อนจะเอ่ยทั้งน้ำเสียงจืดชืดว่า “เรียกเข้ามาก่อน ฟังดูแล้วกันว่านางจะว่าอย่างไร”ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องด่วนตัดสินว่าอีกฝ่ายมาเพราะมีเรื่องให้ช่วยอวี้หมัวมัว “เจ้าค่ะ ข้าจะไปพานางเข้ามาเดี๋ยวนี้!”ไม่นาน เซี่ยอวี่ก็เดินเข้าประตูมาครั้นมาถึงตรงหน้าหรงจือจือ นางก็คุกเข่าลงเสียงดัง ‘ตุบ’ “ฮูหยินซื่อจื่อ ที่มาขอพบฮูหยินกะทันหัน ขอฮูหยินโปรดอภัยด้วย และอย่าทำให้คุณหนูบ้านข้ารู้เข้า”เจาซี “ก่อนหน้านี้ที่เจ้ามาขอพบ คุณหนูบ้านข้าเคยบอกให้ฉีอวี่เยียนรู้ตั้งแต่เมื่อใด? หากเจ้ากลัวนักก็อย่ามาสิ!”ห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 81

    เซี่ยอวี่กัดฟันพร้อมบังอาจพูดจาเลียนแบบนางถาน “นางกล่าวว่า ‘ตอนนี้ ยายแก่นั่นก็ตายไปแล้ว สกุลหรงยังมีที่คุ้มกะลาหัวของหรงจือจืออีกหรือ? ต่อไปหรงจือจือก็เป็นเพียงหมาตัวหนึ่งของเราเท่านั้น’!”หรงจือจือเดือดจนตาแดงก่ำ สั่นระริกไปทั้งตัว “ท่านย่าข้าไม่เคยยุ่งเรื่องสกุลฉี แล้วเหตุใด...เหตุใดพวกเขา? พวกเขาเองก็ไม่มีใครที่ไม่เสนอกับข้าว่าอยากจะรับอวี้ม่านกลับมา แต่ข้าเองก็ไม่เคยปฏิเสธ เหตุใดพวกเขาจึงไม่ยอมปล่อยท่านย่าของข้าไป?”เซี่ยอวี่ตอบทั้งสะอึกสะอื้น “ฮูหยินกล่าวว่า ถึงอย่างไรนางก็เป็นแม่สามีของคุณหนู อยากรับองค์หญิงกลับมา คุณหนูจะไม่ยินยอมก็ไร้ประโยชน์ มีคำว่ากตัญญูค้ำคอคุณหนูอยู่ คุณหนูเองก็จนปัญญา”“แต่ท่านย่าของคุณหนูไม่เหมือนกัน นางเป็นผู้ใหญ่ หากโวยวายขึ้นมาจะลำบากจริง ๆ ฮูหยินกล่าวว่าเพื่อหลานคนโตที่เกิดจากเมียเอกของจวน มีแต่ต้องสละชีวิตของท่านย่าคุณหนูเท่านั้น!”ครั้นหรงจือจือฟังถึงตรงนี้ นางก็หัวใจแทบสลาย เดือดเป็นฟืนเป็นไฟแทบกระอักเลือดออกมาเจาซี “คุณหนู!”นางรีบเอ่ยกับเซี่ยอวี่ “เจ้าเลิกพูดได้แล้ว เจ้าไปเถอะ! เจ้ารีบกลับไปเสีย!”หรงจือจือห้ามเจาซีพลางจ้องเซี่ยอวี่แล้วก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 82

    เจาซีรู้สึกใจแตกสลายจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้นางกับคุณหนูมีความสุขกันขนาดนั้น ปรึกษาหารือด้วยกันยามนอนว่า หลังกลับไปอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่จะใช้ชีวิตเช่นไรจะมีความสุขเช่นไรทว่าเพราะนางถาน ความฝันนี้...จึงต้องสลายไปหรงจือจือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามเฮือก นัยน์ตาแดงเถือกไปหมด แววตาเย็นยะเยียบจนราวกับงูที่หลับเป็นตายมานานนางมองไปที่เซี่ยอวี่พร้อมเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปเถิด วันนี้ข้าจะทำเป็นว่าเจ้าไม่เคยมา เจ้าเองก็ทำเป็นว่าไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังแล้วกัน”เซี่ยอวี่โขกศีรษะ “ขอบคุณที่คุณหนูหรงให้อภัย! บ่าวขอตัวลา!”นางลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นออกไปเจาซีมองแผ่นหลังของนาง ยังมีน้ำโหอยู่เล็กน้อย “คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้คุณหนูช่วยนางขนาดนั้น แต่นางดันไม่ยอมเป็นพยานให้...”หรงจือจือส่ายศีรษะ “อย่างไรนางก็เป็นคนของฉีอวี่เยียน แค่ยอมบอกเรื่องพวกนี้ให้ข้ารู้ ก็นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้ว”เจาซี “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องนี้ล่ะเจ้าคะ!”มุมปากของหรงจือจือยกขึ้น รอยยิ้มเย็นยะเยือกจนน่ากลัว “มีความอยุติธรรมก็ต้องทวงคืนความเป็นธรรม มีแค้นก็ต้องล้างแค้นอยู่แล้ว!”อวี้หมัวมัวเอ่ยขึ้นด้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 83

    “เพราะบนโลกใบนี้ มีเพียงท่านย่าผู้เดียวที่รักข้า เพราะการยอมรับของท่านย่า สำหรับข้ามันหมายถึงทุกสิ่ง”“แต่ท่านย่าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ เหตุใดท้ายที่สุดแล้ว ข้ากลับไม่เหลืออะไร! ข้ากลับไม่เหลืออะไรเลย! ข้าไม่เคยทำผิดต่อผู้ใด ข้าไม่เคยล่วงเกินผู้ใด แล้วเหตุใดสุดท้ายคนที่ต้องประสบเรื่องทั้งหมดนี้กลับเป็นข้า? ทำไมพวกเขาต้องแย่งไปกระทั่งท่านย่าไปด้วย? เพราะเหตุใดกันแน่?!”น้ำเสียงของนางแหบแห้ง น้ำตาไหลดุจสายฝน พร้อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาราวกับเป็นบ้าทว่าไหนเลยที่นางจะรู้ ในที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลในที่ที่หิมะปกคลุมไปทั่วพื้นดิน ชายหนุ่มรูปงามสูงส่ง ดวงหน้าดุจเกี้ยวหยกผู้หนึ่ง กำลังยืนมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดวงใจแตกสลายสุดจะพรรณนาอยู่เงียบ ๆหรงจือจือไม่ได้คำตอบจากท่านย่า หากเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านย่ายังมีชีวิตอยู่ นายหญิงใหญ่จะต้องกล่าวคำพูดปลอบใจนางมากมายเป็นแน่ บอกให้นางใจกว้าง อย่ายึดติดทว่าตอนนี้ไม่มีใครคอยปลอยนางแล้วท้ายที่สุดหรงจือจือก็ใจเย็นลง พลางฉีกยิ้มจาง ๆ ทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา “ท่านย่า สกุลฉีรนหาที่เอง คนสกุลฉีเป็นคนปลุกปีศาจร้ายให้ตื่นเอง ท่านย่าคอยม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 84

    เฉินเยี่ยนซูไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เพียงมองนางเงียบ ๆหรงจือจือไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ปริปากออกมา นางเองก็ไม่กล้าพูดเนื่องจากนางรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้า ในแคว้นต้าฉีมีความหมายว่าอย่างไร แม้นางจะเคยช่วยชีวิตอีกฝ่าย ทว่านางเองก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเพียงอีกฝ่ายเอ่ยออกมาคำเดียวก็สามารฆ่าตนได้แล้ว ง่ายราวกับบีบแมลงตัวหนึ่ง กระทั่งฝ่าบาทจะฆ่าคนยังต้องหาเหตุผล ทว่าราชเลขาธิการผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้ไม่ต้องส่วนนางยังไม่ได้แก้แค้นให้ท่านย่า นางยังตายไม่ได้ และล่วงเกินเขาไม่ไหว!หลังจากนั้น หรงจือจือก็นึกขึ้นได้ในฉับพลัน ท่านพ่อราวกับจะลอบตำหนิอัครมหาเสนาบดีเฉินเล็ก ๆ น้อย ๆ เนื่องจากริษยา ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะทำให้ตนลำบากด้วยเหตุนี้หรือไม่ เรื่องนี้ยิ่งทำให้ใจของนางกระวนกระวายแน่นอนว่าเฉินเยี่ยนซูย่อมมองความกลัวและความระวังตัวในแววตาของหรงจือจือออกแม้นางจะเคยช่วยชีวิตเขาไว้ นางมองแววตาของตนแล้วก็ระแวงเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้หมัดของเขากำขึ้นโดยไม่รู้ตัว สกุลฉีไม่เพียงข่มเหงนาง เหยียดหยามนาง ทำให้คนที่รักของนางต้องตาย ยังทำลายความเชื่อใจที่นางมีต่อผู้คนอีกด้วยเขาเอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 85

    เกล็ดหิมะขาวปลิวว่อน กลับไม่สู้ดวงหน้าดุจหยกแกะสลักของเขาทว่าท่ามกลางพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ แม้แผ่นหลังที่จากไปของหญิงสาวจะดูเปราะบาง แต่ก็ดูเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งทีเดียว เพียงแต่รอยที่เกิดจากการก้าวออกไปนั้น ราวกับไม่ใช่รอยเท้า ทว่าเป็นเพลิงแค้นใช่ว่าหรงจือจือจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของนาง มีคนรับใช้ของจวนเสนาบดีอีกนายหนึ่งเดินเข้ามา และนำของเซ่นไหว้มาวางไว้ ณ ที่แห่งนี้ไม่น้อยครั้นชายหนุ่มรูปงามสูงศักดิ์เห็นว่าหรงจือจือเดินออกไปไกลแล้ว สายตาแสนอ่อนโยนก็มองไปที่ป้ายหลุมศพของนายหญิงผู้เฒ่าหรง พร้อมเอ่ยกระซิบขึ้นว่า “ท่านโปรดวางใจ ภายภาคหน้า ข้าน้อยจะเป็นคนปกป้องนางเอง”ลมเหมันต์ระลอกหนึ่งพัดผ่านไป ราวกับนายหญิงผู้เฒ่าหรงขานรับหลังหรงจือจือออกไปได้ไม่นาน เซินเฮ่อก็เดินกางร่มสาวเท้าอาด ๆ มาตรงหน้าเฉินเยี่ยนซูหลังคารวะ ก็กล่าวถามขึ้นอย่างบังอาจ “ท่านเสนาบดี ท่านมาไหว้ท่านอาจารย์ของท่านอีกแล้วหรือ?”อาจารย์ของท่านเสนาบดีคือมหาราชครูหลี่คนก่อนเนื่องจากนี่เป็นพื้นที่ที่ฮวงจุ้ยดีซึ่งยากจะได้มาอย่างยิ่งผืนหนึ่ง หลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลขุนนางสูงศักดิ์และต่ำต้อยหลายตระกูล ล้วนเล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 86

    เจาซีขบกรามพลางมองไปที่ห้องโถงหลักนั่นทีหนึ่ง “คุณหนู คุณหนูลองฟังดูสิเจ้าคะว่า พวกเขาพูดอะไรกัน!”นางได้รับคำสั่งให้กลับมาบอกนายท่านว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปรับคุณหนูแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้พบหน้านายท่าน ก็ได้ยินเรื่องพวกนี้จากข้างนอกเสียก่อนในขณะนี้เอง น้ำเสียงของญาติผู้หนึ่งก็แว่วดังออกมา “หลานชาย ข้ารู้ว่าจือจือเป็นลูกสาวของเจ้า เจ้ารักนาง แต่ว่าสกุลหรงของเราเมื่อมีหญิงหย่าร้าง บรรดาเด็กผู้หญิงคนอื่นจะทำอย่างไรเล่า เจ้าเองก็ต้องคิดถึงพวกเราบ้าง!”หรงจือจือพลันนึกขึ้นมาได้ว่า สามปีก่อน คนพวกนี้ก็บีบท่านย่าแบบนี้เช่นกันตอนนั้นท่านย่าคิดจะถอนหมั้น ทว่าท่านพ่อไม่ยอม หลังจากนั้นคนในตระกูลก็มาหามากมาย เอาเรื่องของสตรีอื่นในสกุลหรงมากดดันท่านย่า บอกว่าหากนางถอนหมั้น จะเป็นการทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลทำให้คนข้างนอกคิดว่า คุณหนูสกุลหรงดีแต่ร่วมเสพสุข ทว่าร่วมทุกข์ไม่ได้น่าโมโหจนอาการป่วยของท่านย่าแทบจะกำเริบขึ้นมา ที่นางต้องก้าวออกไปบอกกับท่านย่าว่าตนจะแต่งงาน ก็เพื่อท่านย่าและเพื่อทุกคน ตอนนี้คนเหล่านี้มาบีบบิดานางอีกแล้วเสียงของอีกคนแว่วดังขึ้นมาอีกครั้ง “จือจือแม่หนูคนน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 87

    คนผู้หนึ่งทนไม่ไหว จึงกล่าวกับหรงจือจือว่า “จือจือ คิดว่าเจ้าคงได้ยินคำพูดของเราเมื่อครู่แล้ว เพื่อบรรดาน้องสาวของเจ้า เจ้าต้องคิดให้ดีนะ!”นัยน์ตาหรงจือจือเย็นยะเยียบ “ลุงรองยังไม่คิดทำเพื่อลูกสาวของลุงรองเอง จือจือจะถือดีอย่างไรไปทำเกินสถานะ? มีเพียงเราแยกออกจากตระกูลอย่างที่ท่านพ่อกล่าว ก็จะไม่ทำให้พลอยถูกร่างแหไปด้วยแล้วไม่ใช่หรือ?”ลุงรองหรง “เจ้า...”เขาเดือดดาลจนเดินสะบัดแขนเสื้อออกไปหรงจือจือไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง หากพวกเขาตัดความสัมพันธ์กับท่านพ่อเพื่อลูกสาวบ้านตนจริง ๆ หรงจือจือยังจะพอมองพวกเขาด้วยความชื่นชมทว่าปล่อยวางความช่วยเหลือที่จวนมหาราชครูมีต่อพวกเขาไม่ได้ และกลัวว่าจะถูกจวนมหาราชครูทำให้ติดร่างแหไป พลอยสังเวยชีวิตของตัวเองไปด้วย บนโลกใบนี้มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ไหนกัน?หลังพวกเขาออกไปหรงจือจือก็เข้ามาในห้องโถงหลักมหาราชครูหรงขมวดคิ้ว พลางเอ่ยถามขึ้นว่า “เหตุใดจึงกลับมาเองแล้วล่ะ?”หรงจือจือมองคนที่อยู่ในห้องโถงทีหนึ่งมหาราชครูหรงเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เขาจึงโบกไม้โบกมือให้ทุกคนออกไป และปิดห้องสนิทมิดชิด “มีเรื่องอะไรรีบเอ่ยมาเถอะ!”หรงจือจือเล่าเ

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 156

    ส่วนทางด้านนั้น ฉีจื่อฟู่กลับมายังห้องของตนทั้งหน้าคล้ำดำหมองอวี้ม่านหวารีบเดินเข้ามา แล้วถามขึ้นว่า “ท่านพี่ฟู่ ท่านกับฮูหยินซื่อจื่อไม่ได้กระทบกระทั่งกันใช่หรือไม่?”ครั้นฉีจื่อฟู่ได้ยินดังนั้น ก็มองนางด้วยอารมณ์สับสน “เจ้าสนใจแค่เราทะเลาะกันหรือไม่ แต่ไม่สนใจว่าข้าระบายความโกรธแทนเจ้าหรือไม่สักนิดเลยหรือ?”อวี้ม่านหวาปาดหยาดน้ำตาพร้อมตอบ “ท่านพี่ฟู่ ขอแค่ท่านสบายใจ ดีกับฮูหยินซื่อจื่อ ข้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจนิดหน่อยจะเป็นไรไป”“สองสามวันมานี้ข้าเห็นท่านโมโห ก็เอาแต่นึกเสียใจว่าวันนั้นไม่ควรกลับมา ไม่ควรพูดเรื่องที่ถูกฮูหยินซื่อจื่อทรมานกับท่าน”“เพียงแต่ตอนนั้นในใจข้าน้อยเนื้อต่ำใจเกินไป ในเวลาเพียงชั่วครู่จึงไม่ได้คิดให้เยอะ ๆ เมื่อเห็นท่านพี่ฟู่ ก็คล้ายกับเห็นเสาหลัก ในตอนนี้ถึงได้อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นข้าเองก็เลอะเลือน...”ขณะพูด ใบหน้าของนางก็เปี่ยมไปด้วยการตำหนิตนเอง ครั้นฉีจื่อฟู่ได้ยินเช่นนั้น ก็ซาบซึ้งจนโอบนางมาสวมกอดในอ้อมอก พร้อมเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า! ทั้งใจของเจ้ามีแต่ข้า ถูกรังแกจึงบอกข้า นี่มีความผิดอะไรกัน?”“ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 155

    หากไม่ใช่เพราะการโวยวายของฉีจื่อฟู่ในวันนี้ ทำให้หรงจือจือสะอิดสะเอียน นางก็ไม่ได้คิดจะทวงเงินก้อนนี้กลับมาหรอกอวี้หมัวมัว “เจ้าค่ะ!”เจาซีรีบเอ่ย “บ่าวจะไปจัดการเรื่องนี้กับอวี้หมัวมัวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวความจำดี จะไม่ทำให้เงินที่ครอบครัวพวกเขาใช้ของคุณหนูตกหล่นแม้แต่สลึงเดียวแน่นอนเจ้าค่ะ”อวี้หมัวมัวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ถือว่าเจ้าฉลาดเฉียบแหลม!”หรงจือจือกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อเจ้าไม่รังเกียจที่จะลำบาก เช่นนั้นก็ไปจัดการกับอวี้หมัวมัวเถอะ จะได้แบ่งอวี้หมัวมัวมารับผิดชอบสองสามส่วนด้วยพอดี”เจาซีตอบตกลงด้วยความปลาบปลื้มจังหวะนี้เจาอู้ก็เข้ามา แล้วกล่าวกับหรงจือจือด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณหนูเจ้าคะ คนของเราติดตามอยู่สองวัน ในที่สุดก็มั่นใจแล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ในหอน้ำชา ในจดหมายที่ผู้ติดตามของท่านสมุหราชเลขาธิการให้คุณหนู ข่าวที่เกี่ยวกับฮูหยินถานมารดาของถานผิงถิงเหล่านั้น เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”หรงจือจือไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้คิดว่าเฉินเยี่ยนซูเป็นขุนนางในราชสำนักเดียวกับบิดา บางทีการเข้าใกล้ตน เป็นเพราะมีเจตนาร้ายแอบแฝง ทว่านึกย้อนไปคิดดูแล้ว ตนคล้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 154

    เมื่อได้ยินเขาพล่ามประโยคนี้ เจาซีก็เดือดดาลจนตัวสั่นเทา นางสงสัยไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจริง ๆ ว่า จวนซิ่นหยางโหวที่ดูคล้ายกับที่ที่มนุษย์อาศัย อันที่จริงแล้วเป็นรังสุนัข เจ้านายที่เลี้ยงดูมา คนหนึ่งเห่าเก่งกว่าอีกคนดีที่คุณหนูหย่ากับฉีจื่อฟู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคุณหนูบ้านนางได้ถูกชาติสุนัขเหล่านี้พาติดร่างแห ซวยไปด้วยกันเป็นแน่หรงจือจือคร้านจะโต้แย้งไปมาอะไรกับฉีจื่อฟู่อีกจึงกล่าวอย่างไม่รีบไม่ช้าว่า “หากซื่อจื่อไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปเถอะ หากท่านไม่พอใจข้า ขอเพียงท่านพ่อตกลง ซื่อจื่อเขียนหนังสือปลดข้าจากการเป็นภรรยาได้ตลอดเวลา”ฉีจื่อฟู่ “เจ้า...เจ้าคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ว่าท่านพ่อไม่มีทางยอมให้ข้าเขียนหนังสือปลดเจ้าจากการเป็นภรรยา ถึงได้โอหังเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? หรงจือจือ ข้ามองเจ้าผิดไปแล้วจริง ๆ!”หรงจือจือตอบกลับชืด ๆ “อืม เช่นนั้นต่อไปซื่อจื่อก็จับตาดูให้ดี ๆ ล่ะว่า ข้าตัวจริงเป็นเช่นไร”นางสิไม่มีทางสนใจว่าในสายตาของฉีจื่อฟู่ นางเป็นคนดีหรือว่าคนเลวเขาคือคนสำคัญมากอย่างนั้นหรือ?เขาก็แค่รองเท้าซอมซ่อที่ตนเคยสวมแล้วรู้สึกว่ากัดเท้า กระทั่งยังทิ่มแทง ไม่คิดจะเอาแล้วก็แค่นั้น

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 153

    ครั้นฉีจื่อฟู่ฟังหรงจือจือกล่าวจบ ก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดเจ้าต้องพูดกลับผิดเป็นถูก? เรื่องพวกนั้นที่เจ้าเอ่ยมามันก็เป็นแค่ของนอกกายเท่านั้น หากเจ้าสนใจข้าจริง จะสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน?”หรงจือจือแสยะยิ้ม ใช่ หากสนใจเขา ก็ควรทำเป็นว่าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นไม่เอาศักดิ์ศรี ไม่เอาหน้าตา ไม่เอาฐานะตำแหน่ง ไม่เอาความทระนง เหลือเพียงการเสียสละที่ไม่โกรธไม่เกลียด และการมีชีวิตอยู่อย่างไม่มีหน้ามีตาโชคดีที่ในวันนี้ตนไม่สนใจเขาแล้วเพียงแต่พูดเรื่องพวกนี้กับเขา ก็ไม่มีความหมายอะไร เขาไม่มีทางฟังเข้าหูอยู่แล้ว มีแต่จะเปลืองน้ำลายเท่านั้นนางเพียงกล่าวเสียงเอื่อย “เจาซี เจ้าบอกซื่อจื่อไปสิ เหตุใดวันนั้นข้าถึงลงโทษอนุอวี้”เจาซีขานรับเสียงหนึ่ง “เจ้าค่ะ”จากนั้นก็ถ่ายทอดคำพูดที่อวี้ม่านหวาเหยียดหยามหรงจือจือในวันนั้น ให้ฉีจื่อฟู่ฟังทีละคำทีละประโยคหลังฉีจื่อฟู่ได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยขึ้นทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ไร้สาระ! ม่านหวานิสัยอ่อนโอน ใช่คนพรรค์นั้นเสียที่ไหน?”หรงจือจือ “ใช่ นางไม่ใช่คนที่จะพูดจาพรรค์นี้ ข้าอาจจะเป็นคนชั่วที่จงใจใส่ร้ายนาง ในเมื่อในใจของซื่อจื่อมีความเห็นที

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 152

    หรงจือจือมองประเมินฉีจื่อฟู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าทีหนึ่ง คร้านจะระเบิดอารมณ์ใส่เขาเพียงถามเสียงเอื่อยว่า “ไม่รู้ว่าที่ซื่อจื่อลุกจากเตียงได้ ก็รีบมาหาข้าทันที มีอะไรจะชี้แนะหรือ? หรือเพียงแค่ต้องการจะประณามที่ข้าไม่สนใจท่าน?”ฉีจื่อฟู่เพียงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ อะไรที่เรียกว่าแค่ต้องการจะประณาม?หรือว่าข้อนี้ยังไม่ร้ายแรงพออีกหรือ?นางผู้เป็นฮูหยินของตน ไม่แยแสสามีเช่นนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่แค่ไหนนางไม่รู้หรือ?เขาตอบกลับทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ข้าว่าเจ้าคงร่ำเรียนคุณธรรมสตรีและเตือนสตรี[1]เสียเปล่าแล้ว!”หรงจือจือจิบน้ำชาคำหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่แยแส “ก่อนหน้านี้ข้าก็ทำตามหนังสือสองเล่มนั้น แต่ดูท่าตอนนี้ หนังสือสองเล่มนั้นจะไม่ใช่หนังสือดีเด่นอะไร ทำตามแล้วไม่เห็นจะมีจุดจบที่ดีอะไร”ฉีจื่อฟู่เห็นกิริยาท่าทางของนาง ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง “เจ้ายังติดใจเรื่องที่ข้าจะลดภรรยาเอกเป็นอนุก่อนหน้านี้อยู่อีกหรือ? เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้ว? เหตุใดเจ้าจึงใจกว้างอีกหน่อยไม่ได้เล่า?”หรงจือจือวางจอกน้ำชาลงอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ข้าเองก็แค่ไม่ได้ไปเยี่ยมซื่อจื่อเท่านั้น คงเป็นเพราะซื่อจื่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 151

    “ลูกเสียนของข้าเป็นบุรุษที่โดดเด่นถึงเพียงนั้น กะอีแค่บ่าวรับใช้คนเดียว จะพาเขาเสียคนได้อย่างไร แล้วจะส่งผลกระทบกับอนาคตของเขาได้อย่างไร?”“รอลูกเสียนพาคนกลับมา ลองดูก่อนว่าจะโยนความผิดเรื่องหลอกตงหลิงออกมาฆ่าให้หรงจือจือได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็จับตาดูเขาเอาไว้ ขอเพียงเราจับตาดูไม่คลาดสายตา ตงหลิงจะพาลูกเสียนไปทำอะไรได้อีก?”หญิงรับใช้แซ่หลี่ครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า “ก็คงทำได้แค่นี้แล้ว!”...เรือนหลันเจาซีเอ่ยขึ้น “คุณหนู ฮูหยินเรียกท่านโหวไปพบ ไม่นานท่านโหวก็เดินออกมาด้วยความเดือดดาล คิดว่าหากมีท่านโหวคอยจับตาดูอยู่ คงทำไม่สำเร็จเจ้าค่ะ”ตอนนี้หรงจือจือย่อมไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อยนางกำชับประโยคหนึ่ง “รีบหาโอกาสให้เร็วที่สุด ให้ชุนเซิงแอบเตือนตงหลิงให้ระวังตัวหน่อย บอกไปว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จึงมักรู้สึกว่ามีคนคิดจะเล่นงานตงหลิง”“ถึงตงหลิงจะไม่รักดี แต่เฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ ในหลาย ๆ เรื่องเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ดี หากเขารอบคอบหน่อย ไหนจะได้รับการปกป้องจากฉีจื่อเสียนอีก ไม่มีทางหลงกลแผนชั่วของนางถานได้ง่าย ๆ หรอก”เจาซีรีบเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าค่ะ! คุณหนูคิดจะใช้ตงหลิง ทำให้ฉีจื่อเสี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 150

    ซิ่นหยางโหวรออยู่พักใหญ่แล้ว ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนางถาน ยิ่งรู้สึกว่าฮูหยินคนนี้ไม่ถูกใจเอาเสียเลยอดทนรออยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดนางถานก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “นางให้ลูกเสียนเข้ามาแย่งสร้อยข้อมือของข้าเจ้าค่ะ...”ซิ่นหยางโหวได้ยินก็รู้สึกขำ “แค่สร้อยข้อมือเส้นเดียว เหตุใดเจ้าถึงคิดอะไรตื้นๆ เช่นนี้? เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่า เพราะเรื่องของอวี้ม่านหวา นางจึงมีอคติต่อพวกเรา บัดนี้คิดอยากให้นางทำผลประโยชน์เพื่อพวกเรา ดึงมาร่วมมือเป็นพวกหน่อยจะเป็นอะไรไป?”“แถมไม่บอกว่า ที่ต้องการสร้อยข้อมือ ตกลงเป็นความคิดของนางหรือว่าความคิดของลูกเสียน หากเป็นความคิดของนางแล้วอย่างไรเล่า? ตราบใดที่นางคิดแผนการในอนาคตที่ดีให้ลูกเสียน แค่มอบสร้อยข้อมือของจวนโหวให้นางแล้วจะเป็นไรไป?”ปากซิ่นหยางโหวพูดเช่นนี้ แต่ความจริงภายในใจคิดว่า ในฐานะที่หรงจือจือเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง การอุทิศตนเพื่อจวนเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการดึงเข้าพวกแต่เขาเป็นถึงท่านโหว และเกิดจากตระกูลขุนนาง ไหนเลยจะใส่ใจสร้อยข้อมือเพียงเส้นเดียว?นางถานทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาคิดว่านางใจแคบ เรื่องแค่นี้ก็ต้องโวยวายด้วย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 149

    “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวน้องเสียนกลับมาแล้ว ท่านแม่วางแผนจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ? หากฝืนโบยคนตายไป เกรงว่าให้ตายอย่างไรน้องเสียนก็คงไม่ยอม!”“ท่านพ่อยังไม่รู้ว่าตงหลิงเป็นผู้ใด หากเขารู้ แถมยังได้ยินว่าวันนี้ท่านแม่ก่อเรื่องเช่นนี้อีก คิดดูแล้วคงยิ่งรู้สึกว่าท่านแม่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินโหวมากขึ้นไปอีกกระมังเจ้าคะ?”นางถานแทบจะเป็นลม พลางชี้หน้าของหรงจือจือและกล่าว “หากเจ้ากล้าบอกท่านโหว ข้าจะฉีกปากของเจ้าเสีย!”สิ่งที่หรงจือจือต้องการก็คือประโยคนี้ จึงยิ้มพลางกล่าว “น้อมรับคำสอนของท่านแม่เจ้าค่ะ!”เห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ นางถานก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัยอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับมองไม่ออกถึงเหตผลใด ๆ จึงกล่าวอย่างโมโหว่า “คืนสร้อยข้อมือมาให้ข้า!”เดิมหรงจือจือก็ไม่ได้ต้องการสร้อยข้อมือเส้นนี้จริง ๆเมื่อนางบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ยิ้มและส่งคืนให้นางถานหลังนางถานรับกลับไป ก็เบิกตากว้าง เหลือบมองหรงจือจือพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว! หรงจือจือ เจ้าจงใจใช่หรือไม่?”“เจ้าจงใจใช้สร้อยข้อมือนี้บีบให้ข้าเข้ามาก่อเรื่อง จงใจชักจูงให้ข้าพูดเรื่องของตงหลิงออกมา เพียงเพื่อให้ข้าเป็นฝ่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 148

    #หรงจือจือ “ใช่เจ้าค่ะ ยังมีชีวิตอยู่! ในเมื่อท่านแม่คิดว่าตงหลิงดีมาก และคำนึงถึงน้องเสียนในทุก ๆ เรื่องใช่หรือไม่เจ้าคะ? เจาซี ส่งคนไปรับเขาจากหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาอวี๋เสียเถอะ!”“ประจวบเหมาะกับเมื่อสองเดือนก่อน ข้าได้ยินว่าท่านปู่ของเขาเสียชีวิตแล้ว สามารถกลับมาปรนนิบัติน้องเสียนได้พอดี”“บ่าวรับใช้ที่ดีเช่นนี้ ไม่ควรทิ้งไว้ด้านนอก! รอเขากลับมาแล้ว ข้าก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียหน่อย และต่อไปค่อยให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมที่ดีของท่านแม่เจ้าค่ะ”นางถานรีบกล่าว “ไม่…ไม่ใช่ ตงหลิงนี่ หรือว่าจะ…”หรงจือจือกล่าวขัดจังหวะ “ท่านแม่บอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่านี่คือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับน้องเสียน ข้าบอกว่าเขาไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่ดี ท่านแม่ก็บอกว่าข้าใส่ร้าย แถมยังอยากส่งข้าไปที่ว่าการอีก ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ท่านพูดเอง ลูกสะใภ้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ !”ฉีจื่อเสียนกลับดวงตาเปล่งประกาย และรีบกล่าว “รับกลับมาเถอะ รีบรับกลับมาเสียเถอะ! ข้าคิดถึงเขาแล้วจริง ๆ ข้าจะไปรับด้วยตนเอง!”นางถานร้อนใจจนแทบจะกระทืบเท้า “หยุด! ห้ามไป!”ฉีจื่อเสียนไม่พอใจอย่างมาก ขมวดคิ้วและมองนางถาน “เหตุใดถึงห้ามไ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status