Share

บทที่ 82

Author: สั่งไม่หยุด
เจาซีรู้สึกใจแตกสลายจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้นางกับคุณหนูมีความสุขกันขนาดนั้น ปรึกษาหารือด้วยกันยามนอนว่า หลังกลับไปอยู่ข้างกายนายหญิงใหญ่จะใช้ชีวิตเช่นไร

จะมีความสุขเช่นไร

ทว่าเพราะนางถาน ความฝันนี้...จึงต้องสลายไป

หรงจือจือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามเฮือก นัยน์ตาแดงเถือกไปหมด แววตาเย็นยะเยียบจนราวกับงูที่หลับเป็นตายมานาน

นางมองไปที่เซี่ยอวี่พร้อมเอ่ยว่า “เจ้ากลับไปเถิด วันนี้ข้าจะทำเป็นว่าเจ้าไม่เคยมา เจ้าเองก็ทำเป็นว่าไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ข้าฟังแล้วกัน”

เซี่ยอวี่โขกศีรษะ “ขอบคุณที่คุณหนูหรงให้อภัย! บ่าวขอตัวลา!”

นางลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นออกไป

เจาซีมองแผ่นหลังของนาง ยังมีน้ำโหอยู่เล็กน้อย “คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้คุณหนูช่วยนางขนาดนั้น แต่นางดันไม่ยอมเป็นพยานให้...”

หรงจือจือส่ายศีรษะ “อย่างไรนางก็เป็นคนของฉีอวี่เยียน แค่ยอมบอกเรื่องพวกนี้ให้ข้ารู้ ก็นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้ว”

เจาซี “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องนี้ล่ะเจ้าคะ!”

มุมปากของหรงจือจือยกขึ้น รอยยิ้มเย็นยะเยือกจนน่ากลัว “มีความอยุติธรรมก็ต้องทวงคืนความเป็นธรรม มีแค้นก็ต้องล้างแค้นอยู่แล้ว!”

อวี้หมัวมัวเอ่ยขึ้นด้ว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 83

    “เพราะบนโลกใบนี้ มีเพียงท่านย่าผู้เดียวที่รักข้า เพราะการยอมรับของท่านย่า สำหรับข้ามันหมายถึงทุกสิ่ง”“แต่ท่านย่าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ เหตุใดท้ายที่สุดแล้ว ข้ากลับไม่เหลืออะไร! ข้ากลับไม่เหลืออะไรเลย! ข้าไม่เคยทำผิดต่อผู้ใด ข้าไม่เคยล่วงเกินผู้ใด แล้วเหตุใดสุดท้ายคนที่ต้องประสบเรื่องทั้งหมดนี้กลับเป็นข้า? ทำไมพวกเขาต้องแย่งไปกระทั่งท่านย่าไปด้วย? เพราะเหตุใดกันแน่?!”น้ำเสียงของนางแหบแห้ง น้ำตาไหลดุจสายฝน พร้อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาราวกับเป็นบ้าทว่าไหนเลยที่นางจะรู้ ในที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลในที่ที่หิมะปกคลุมไปทั่วพื้นดิน ชายหนุ่มรูปงามสูงส่ง ดวงหน้าดุจเกี้ยวหยกผู้หนึ่ง กำลังยืนมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดวงใจแตกสลายสุดจะพรรณนาอยู่เงียบ ๆหรงจือจือไม่ได้คำตอบจากท่านย่า หากเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านย่ายังมีชีวิตอยู่ นายหญิงใหญ่จะต้องกล่าวคำพูดปลอบใจนางมากมายเป็นแน่ บอกให้นางใจกว้าง อย่ายึดติดทว่าตอนนี้ไม่มีใครคอยปลอยนางแล้วท้ายที่สุดหรงจือจือก็ใจเย็นลง พลางฉีกยิ้มจาง ๆ ทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา “ท่านย่า สกุลฉีรนหาที่เอง คนสกุลฉีเป็นคนปลุกปีศาจร้ายให้ตื่นเอง ท่านย่าคอยม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 84

    เฉินเยี่ยนซูไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เพียงมองนางเงียบ ๆหรงจือจือไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ปริปากออกมา นางเองก็ไม่กล้าพูดเนื่องจากนางรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้า ในแคว้นต้าฉีมีความหมายว่าอย่างไร แม้นางจะเคยช่วยชีวิตอีกฝ่าย ทว่านางเองก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเพียงอีกฝ่ายเอ่ยออกมาคำเดียวก็สามารฆ่าตนได้แล้ว ง่ายราวกับบีบแมลงตัวหนึ่ง กระทั่งฝ่าบาทจะฆ่าคนยังต้องหาเหตุผล ทว่าราชเลขาธิการผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้ไม่ต้องส่วนนางยังไม่ได้แก้แค้นให้ท่านย่า นางยังตายไม่ได้ และล่วงเกินเขาไม่ไหว!หลังจากนั้น หรงจือจือก็นึกขึ้นได้ในฉับพลัน ท่านพ่อราวกับจะลอบตำหนิอัครมหาเสนาบดีเฉินเล็ก ๆ น้อย ๆ เนื่องจากริษยา ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะทำให้ตนลำบากด้วยเหตุนี้หรือไม่ เรื่องนี้ยิ่งทำให้ใจของนางกระวนกระวายแน่นอนว่าเฉินเยี่ยนซูย่อมมองความกลัวและความระวังตัวในแววตาของหรงจือจือออกแม้นางจะเคยช่วยชีวิตเขาไว้ นางมองแววตาของตนแล้วก็ระแวงเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้หมัดของเขากำขึ้นโดยไม่รู้ตัว สกุลฉีไม่เพียงข่มเหงนาง เหยียดหยามนาง ทำให้คนที่รักของนางต้องตาย ยังทำลายความเชื่อใจที่นางมีต่อผู้คนอีกด้วยเขาเอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 85

    เกล็ดหิมะขาวปลิวว่อน กลับไม่สู้ดวงหน้าดุจหยกแกะสลักของเขาทว่าท่ามกลางพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ แม้แผ่นหลังที่จากไปของหญิงสาวจะดูเปราะบาง แต่ก็ดูเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งทีเดียว เพียงแต่รอยที่เกิดจากการก้าวออกไปนั้น ราวกับไม่ใช่รอยเท้า ทว่าเป็นเพลิงแค้นใช่ว่าหรงจือจือจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของนาง มีคนรับใช้ของจวนเสนาบดีอีกนายหนึ่งเดินเข้ามา และนำของเซ่นไหว้มาวางไว้ ณ ที่แห่งนี้ไม่น้อยครั้นชายหนุ่มรูปงามสูงศักดิ์เห็นว่าหรงจือจือเดินออกไปไกลแล้ว สายตาแสนอ่อนโยนก็มองไปที่ป้ายหลุมศพของนายหญิงผู้เฒ่าหรง พร้อมเอ่ยกระซิบขึ้นว่า “ท่านโปรดวางใจ ภายภาคหน้า ข้าน้อยจะเป็นคนปกป้องนางเอง”ลมเหมันต์ระลอกหนึ่งพัดผ่านไป ราวกับนายหญิงผู้เฒ่าหรงขานรับหลังหรงจือจือออกไปได้ไม่นาน เซินเฮ่อก็เดินกางร่มสาวเท้าอาด ๆ มาตรงหน้าเฉินเยี่ยนซูหลังคารวะ ก็กล่าวถามขึ้นอย่างบังอาจ “ท่านเสนาบดี ท่านมาไหว้ท่านอาจารย์ของท่านอีกแล้วหรือ?”อาจารย์ของท่านเสนาบดีคือมหาราชครูหลี่คนก่อนเนื่องจากนี่เป็นพื้นที่ที่ฮวงจุ้ยดีซึ่งยากจะได้มาอย่างยิ่งผืนหนึ่ง หลุมฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลขุนนางสูงศักดิ์และต่ำต้อยหลายตระกูล ล้วนเล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 86

    เจาซีขบกรามพลางมองไปที่ห้องโถงหลักนั่นทีหนึ่ง “คุณหนู คุณหนูลองฟังดูสิเจ้าคะว่า พวกเขาพูดอะไรกัน!”นางได้รับคำสั่งให้กลับมาบอกนายท่านว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปรับคุณหนูแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้พบหน้านายท่าน ก็ได้ยินเรื่องพวกนี้จากข้างนอกเสียก่อนในขณะนี้เอง น้ำเสียงของญาติผู้หนึ่งก็แว่วดังออกมา “หลานชาย ข้ารู้ว่าจือจือเป็นลูกสาวของเจ้า เจ้ารักนาง แต่ว่าสกุลหรงของเราเมื่อมีหญิงหย่าร้าง บรรดาเด็กผู้หญิงคนอื่นจะทำอย่างไรเล่า เจ้าเองก็ต้องคิดถึงพวกเราบ้าง!”หรงจือจือพลันนึกขึ้นมาได้ว่า สามปีก่อน คนพวกนี้ก็บีบท่านย่าแบบนี้เช่นกันตอนนั้นท่านย่าคิดจะถอนหมั้น ทว่าท่านพ่อไม่ยอม หลังจากนั้นคนในตระกูลก็มาหามากมาย เอาเรื่องของสตรีอื่นในสกุลหรงมากดดันท่านย่า บอกว่าหากนางถอนหมั้น จะเป็นการทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลทำให้คนข้างนอกคิดว่า คุณหนูสกุลหรงดีแต่ร่วมเสพสุข ทว่าร่วมทุกข์ไม่ได้น่าโมโหจนอาการป่วยของท่านย่าแทบจะกำเริบขึ้นมา ที่นางต้องก้าวออกไปบอกกับท่านย่าว่าตนจะแต่งงาน ก็เพื่อท่านย่าและเพื่อทุกคน ตอนนี้คนเหล่านี้มาบีบบิดานางอีกแล้วเสียงของอีกคนแว่วดังขึ้นมาอีกครั้ง “จือจือแม่หนูคนน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 87

    คนผู้หนึ่งทนไม่ไหว จึงกล่าวกับหรงจือจือว่า “จือจือ คิดว่าเจ้าคงได้ยินคำพูดของเราเมื่อครู่แล้ว เพื่อบรรดาน้องสาวของเจ้า เจ้าต้องคิดให้ดีนะ!”นัยน์ตาหรงจือจือเย็นยะเยียบ “ลุงรองยังไม่คิดทำเพื่อลูกสาวของลุงรองเอง จือจือจะถือดีอย่างไรไปทำเกินสถานะ? มีเพียงเราแยกออกจากตระกูลอย่างที่ท่านพ่อกล่าว ก็จะไม่ทำให้พลอยถูกร่างแหไปด้วยแล้วไม่ใช่หรือ?”ลุงรองหรง “เจ้า...”เขาเดือดดาลจนเดินสะบัดแขนเสื้อออกไปหรงจือจือไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง หากพวกเขาตัดความสัมพันธ์กับท่านพ่อเพื่อลูกสาวบ้านตนจริง ๆ หรงจือจือยังจะพอมองพวกเขาด้วยความชื่นชมทว่าปล่อยวางความช่วยเหลือที่จวนมหาราชครูมีต่อพวกเขาไม่ได้ และกลัวว่าจะถูกจวนมหาราชครูทำให้ติดร่างแหไป พลอยสังเวยชีวิตของตัวเองไปด้วย บนโลกใบนี้มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ไหนกัน?หลังพวกเขาออกไปหรงจือจือก็เข้ามาในห้องโถงหลักมหาราชครูหรงขมวดคิ้ว พลางเอ่ยถามขึ้นว่า “เหตุใดจึงกลับมาเองแล้วล่ะ?”หรงจือจือมองคนที่อยู่ในห้องโถงทีหนึ่งมหาราชครูหรงเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เขาจึงโบกไม้โบกมือให้ทุกคนออกไป และปิดห้องสนิทมิดชิด “มีเรื่องอะไรรีบเอ่ยมาเถอะ!”หรงจือจือเล่าเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 88

    หรงจือจือที่เดิมทีเตรียมจะดำเนินการเพียงผู้เดียว ครั้นได้ยินคำของบิดา ท้ายที่สุดก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาสองสามส่วน นางหันหลังกลับไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณท่านพ่ออย่างยิ่ง หากต้องการให้ท่านพ่อช่วย ลูกจะเอ่ยปากแน่นอนเจ้าค่ะ”มหาราชครูหรงทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง ไม่รู้ว่าการเลือกเช่นนี้ท้ายที่สุดแล้วมันถูกต้องหรือไม่ก่อนหรงจือจือจะจากไป นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ท่านพ่อ เรื่องในวันนี้ ต้องขอให้ท่านพ่อเก็บเป็นความลับ ห้ามกล่าวกับผู้ใดเป็นอันขาด”หัวใจของมหาราชครูหรงเต้นตึกตัก “เจ้าสงสัยแม่เจ้าอย่างนั้นหรือ? จือจือ แม่เจ้าต่อให้จะเลอะเลือนอย่างไร ก็ไม่ถึงขั้น...”แม้หนึ่งในพยานบุคคลสำคัญ จะตายด้วยเงื้อมมือของภรรยา ทว่าเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี เขายอมรับว่าตนเองรู้จักนางหวังพอสมควรหรงจือจือไม่รอให้บิดาพูดจบก็แทรกขึ้นมาว่า “ข้าไม่ได้สงสัยท่านแม่ เพียงแต่ที่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะลูกไม่อยากให้มีปัญหาใหม่เข้ามาแทรกเท่านั้น”มหาราชครูหรง “ก็จริง”หรงจือจือไม่อยู่ต่ออีก นางเยื้องย่างก้าวเดินออกไป เหลือเพียงมหาราชครูหรงที่ภายในใจสับสนเป็นอย่างยิ่งราวกับนี่เป็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 89

    นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านย่าป่วย แต่พวกเขาสองคนไม่เคยมาเฝ้าไข้ หลายปีมานี้ก็มาเยี่ยมน้อยครั้ง ที่ท่านย่าไม่รู้สึกว่าพวกเขากตัญญู หรือว่าเรื่องนี้ก็จะโทษข้าด้วย?”“ข้างนอกจะมีคำพูดอะไรที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของพวกเขา ก็เป็นความผิดพลาดของพวกเขาเอง ไม่ใช่ความผิดของคนที่กตัญญูเช่นข้า”“กระทั่งตอนที่ท่านพ่อลงโทษเจียวเจียวด้วยการโบย ยังบอกว่าท่านย่าป่วยครานี้ นางไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง ทำไม ข้าเป็นคนห้ามไม่ให้นางไปเยี่ยมเช่นนั้นหรือ?”ก่อนหน้านี้ตอนที่หรงจือจือยังไม่แต่งงาน คอยอยู่เป็นเพื่อนข้างกายท่านย่า นายหญิงใหญ่เองก็เคยป่วยหนักหลายครั้ง ทีแรกน้องชายน้องสาวของนางยังมาแสดงความเป็นห่วง ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่มาอีกเลยท่านย่าไม่สนใจพวกเขา ชัดเจนว่าเป็นปัญหาของพวกเขาเอง ทว่านางหวังกลับพูดเสียจนราวกับว่าตนจงใจโดดเด่นจนพวกเขาดูไม่กตัญญูอย่างนั้นนางหวังกล่าวทั้งเดือดดาลว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าหลายปีมานี้ท่านย่าเจ้าป่วยอยู่บ่อยครั้ง เจียวเจียวกับซื่อเจ๋อรู้จะรู้ได้อย่างไรว่าครานี้จะไม่รอด?”หรงจือจือแสยะยิ้ม ก่อนหน้านี้ท่านย่าป่วยอยู่สองสามครั้ง ยอมไปเยี่ยม ทว่าพอป่วยบ่อย ๆ เข้าก็ไม่ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 90

    ในใจของหรงจือจือครุ่นคิด หากไม่ใช่เพราะเฉินเยี่ยนซูกลับมา ตำแหน่งของฉีจื่อฟู่ก็คงถูกกำหนดอย่างเป็นทางการแล้ว? ฮ่องเต้น้อยยังไม่ได้ปกครองด้วยพระองค์เอง หลายเรื่องราชเลขาธิการเป็นผู้ตัดสินใจนางเพียงคาดการณ์กึ่งหนึ่งครั้นมาถึงข้างนอก นางกับทุกคนในสกุลฉีก็คุกเข่าพร้อมกัน ฟังราชโองการที่ขันทีอาวุโสหยางมาประกาศด้วยตนเอง “ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องแต่จึงมีพระบัญชา ซิ่นหยางโหว ซื่อจื่อฉีจื่อฟู่ ซื่อสัตย์ทุ่มเทเพื่อแว่นแคว้น โดยไม่สนใจตนเอง...”ครั้นคนสกุลฉีได้ยินประโยคนี้ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่าจู่ ๆ ขันทีอาวุโสหยางก็เปลี่ยนคำพูด “ทว่าก็ยังขาดคุณธรรม ไม่คิดเลยว่าจะกล้ากล่าวคำพูดไร้สาระเช่นลดภรรยาเอกเป็นอนุต่อหน้าผู้ตรวจการ ตอนนี้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักต่างพากันเหยียดหยาม”รอยยิ้มของทุกคนในสกุลฉี ล้วนแข็งทื่ออยู่บนหน้า เหตุใดฝ่าบาทชมไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็เริ่มด่าคนแล้วเล่า!ขันทีอาวุโสหยางอ่านราชโองการต่อ “แม้นข้าจะผิดหวัง ทว่าก็นึกเสียดายบุคคลมีความสามารถ จึงประทานตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่แห่งองครักษ์หลงสิงขั้นหก หวังว่าท่านจะไตร่ตรองด้วยและตระหนักในตนเอง อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีก จบร

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 152

    หรงจือจือมองประเมินฉีจื่อฟู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าทีหนึ่ง คร้านจะระเบิดอารมณ์ใส่เขาเพียงถามเสียงเอื่อยว่า “ไม่รู้ว่าที่ซื่อจื่อลุกจากเตียงได้ ก็รีบมาหาข้าทันที มีอะไรจะชี้แนะหรือ? หรือเพียงแค่ต้องการจะประณามที่ข้าไม่สนใจท่าน?”ฉีจื่อฟู่เพียงรู้สึกอึดอัดอยู่ในใจ อะไรที่เรียกว่าแค่ต้องการจะประณาม?หรือว่าข้อนี้ยังไม่ร้ายแรงพออีกหรือ?นางผู้เป็นฮูหยินของตน ไม่แยแสสามีเช่นนี้ นี่เป็นปัญหาใหญ่แค่ไหนนางไม่รู้หรือ?เขาตอบกลับทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ข้าว่าเจ้าคงร่ำเรียนคุณธรรมสตรีและเตือนสตรี[1]เสียเปล่าแล้ว!”หรงจือจือจิบน้ำชาคำหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่แยแส “ก่อนหน้านี้ข้าก็ทำตามหนังสือสองเล่มนั้น แต่ดูท่าตอนนี้ หนังสือสองเล่มนั้นจะไม่ใช่หนังสือดีเด่นอะไร ทำตามแล้วไม่เห็นจะมีจุดจบที่ดีอะไร”ฉีจื่อฟู่เห็นกิริยาท่าทางของนาง ใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง “เจ้ายังติดใจเรื่องที่ข้าจะลดภรรยาเอกเป็นอนุก่อนหน้านี้อยู่อีกหรือ? เรื่องนี้มันก็ผ่านไปนานแล้ว? เหตุใดเจ้าจึงใจกว้างอีกหน่อยไม่ได้เล่า?”หรงจือจือวางจอกน้ำชาลงอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ข้าเองก็แค่ไม่ได้ไปเยี่ยมซื่อจื่อเท่านั้น คงเป็นเพราะซื่อจื่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 151

    “ลูกเสียนของข้าเป็นบุรุษที่โดดเด่นถึงเพียงนั้น กะอีแค่บ่าวรับใช้คนเดียว จะพาเขาเสียคนได้อย่างไร แล้วจะส่งผลกระทบกับอนาคตของเขาได้อย่างไร?”“รอลูกเสียนพาคนกลับมา ลองดูก่อนว่าจะโยนความผิดเรื่องหลอกตงหลิงออกมาฆ่าให้หรงจือจือได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็จับตาดูเขาเอาไว้ ขอเพียงเราจับตาดูไม่คลาดสายตา ตงหลิงจะพาลูกเสียนไปทำอะไรได้อีก?”หญิงรับใช้แซ่หลี่ครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า “ก็คงทำได้แค่นี้แล้ว!”...เรือนหลันเจาซีเอ่ยขึ้น “คุณหนู ฮูหยินเรียกท่านโหวไปพบ ไม่นานท่านโหวก็เดินออกมาด้วยความเดือดดาล คิดว่าหากมีท่านโหวคอยจับตาดูอยู่ คงทำไม่สำเร็จเจ้าค่ะ”ตอนนี้หรงจือจือย่อมไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อยนางกำชับประโยคหนึ่ง “รีบหาโอกาสให้เร็วที่สุด ให้ชุนเซิงแอบเตือนตงหลิงให้ระวังตัวหน่อย บอกไปว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จึงมักรู้สึกว่ามีคนคิดจะเล่นงานตงหลิง”“ถึงตงหลิงจะไม่รักดี แต่เฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ ในหลาย ๆ เรื่องเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ดี หากเขารอบคอบหน่อย ไหนจะได้รับการปกป้องจากฉีจื่อเสียนอีก ไม่มีทางหลงกลแผนชั่วของนางถานได้ง่าย ๆ หรอก”เจาซีรีบเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าค่ะ! คุณหนูคิดจะใช้ตงหลิง ทำให้ฉีจื่อเสี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 150

    ซิ่นหยางโหวรออยู่พักใหญ่แล้ว ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากนางถาน ยิ่งรู้สึกว่าฮูหยินคนนี้ไม่ถูกใจเอาเสียเลยอดทนรออยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดนางถานก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “นางให้ลูกเสียนเข้ามาแย่งสร้อยข้อมือของข้าเจ้าค่ะ...”ซิ่นหยางโหวได้ยินก็รู้สึกขำ “แค่สร้อยข้อมือเส้นเดียว เหตุใดเจ้าถึงคิดอะไรตื้นๆ เช่นนี้? เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่า เพราะเรื่องของอวี้ม่านหวา นางจึงมีอคติต่อพวกเรา บัดนี้คิดอยากให้นางทำผลประโยชน์เพื่อพวกเรา ดึงมาร่วมมือเป็นพวกหน่อยจะเป็นอะไรไป?”“แถมไม่บอกว่า ที่ต้องการสร้อยข้อมือ ตกลงเป็นความคิดของนางหรือว่าความคิดของลูกเสียน หากเป็นความคิดของนางแล้วอย่างไรเล่า? ตราบใดที่นางคิดแผนการในอนาคตที่ดีให้ลูกเสียน แค่มอบสร้อยข้อมือของจวนโหวให้นางแล้วจะเป็นไรไป?”ปากซิ่นหยางโหวพูดเช่นนี้ แต่ความจริงภายในใจคิดว่า ในฐานะที่หรงจือจือเป็นลูกสะใภ้ของตนเอง การอุทิศตนเพื่อจวนเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการดึงเข้าพวกแต่เขาเป็นถึงท่านโหว และเกิดจากตระกูลขุนนาง ไหนเลยจะใส่ใจสร้อยข้อมือเพียงเส้นเดียว?นางถานทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาคิดว่านางใจแคบ เรื่องแค่นี้ก็ต้องโวยวายด้วย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 149

    “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเดี๋ยวน้องเสียนกลับมาแล้ว ท่านแม่วางแผนจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ? หากฝืนโบยคนตายไป เกรงว่าให้ตายอย่างไรน้องเสียนก็คงไม่ยอม!”“ท่านพ่อยังไม่รู้ว่าตงหลิงเป็นผู้ใด หากเขารู้ แถมยังได้ยินว่าวันนี้ท่านแม่ก่อเรื่องเช่นนี้อีก คิดดูแล้วคงยิ่งรู้สึกว่าท่านแม่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินโหวมากขึ้นไปอีกกระมังเจ้าคะ?”นางถานแทบจะเป็นลม พลางชี้หน้าของหรงจือจือและกล่าว “หากเจ้ากล้าบอกท่านโหว ข้าจะฉีกปากของเจ้าเสีย!”สิ่งที่หรงจือจือต้องการก็คือประโยคนี้ จึงยิ้มพลางกล่าว “น้อมรับคำสอนของท่านแม่เจ้าค่ะ!”เห็นนางเชื่อฟังเช่นนี้ นางถานก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงสัยอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับมองไม่ออกถึงเหตผลใด ๆ จึงกล่าวอย่างโมโหว่า “คืนสร้อยข้อมือมาให้ข้า!”เดิมหรงจือจือก็ไม่ได้ต้องการสร้อยข้อมือเส้นนี้จริง ๆเมื่อนางบรรลุเป้าหมายแล้ว ก็ยิ้มและส่งคืนให้นางถานหลังนางถานรับกลับไป ก็เบิกตากว้าง เหลือบมองหรงจือจือพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว! หรงจือจือ เจ้าจงใจใช่หรือไม่?”“เจ้าจงใจใช้สร้อยข้อมือนี้บีบให้ข้าเข้ามาก่อเรื่อง จงใจชักจูงให้ข้าพูดเรื่องของตงหลิงออกมา เพียงเพื่อให้ข้าเป็นฝ่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 148

    #หรงจือจือ “ใช่เจ้าค่ะ ยังมีชีวิตอยู่! ในเมื่อท่านแม่คิดว่าตงหลิงดีมาก และคำนึงถึงน้องเสียนในทุก ๆ เรื่องใช่หรือไม่เจ้าคะ? เจาซี ส่งคนไปรับเขาจากหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาอวี๋เสียเถอะ!”“ประจวบเหมาะกับเมื่อสองเดือนก่อน ข้าได้ยินว่าท่านปู่ของเขาเสียชีวิตแล้ว สามารถกลับมาปรนนิบัติน้องเสียนได้พอดี”“บ่าวรับใช้ที่ดีเช่นนี้ ไม่ควรทิ้งไว้ด้านนอก! รอเขากลับมาแล้ว ข้าก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียหน่อย และต่อไปค่อยให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมที่ดีของท่านแม่เจ้าค่ะ”นางถานรีบกล่าว “ไม่…ไม่ใช่ ตงหลิงนี่ หรือว่าจะ…”หรงจือจือกล่าวขัดจังหวะ “ท่านแม่บอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่านี่คือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับน้องเสียน ข้าบอกว่าเขาไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่ดี ท่านแม่ก็บอกว่าข้าใส่ร้าย แถมยังอยากส่งข้าไปที่ว่าการอีก ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ท่านพูดเอง ลูกสะใภ้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ !”ฉีจื่อเสียนกลับดวงตาเปล่งประกาย และรีบกล่าว “รับกลับมาเถอะ รีบรับกลับมาเสียเถอะ! ข้าคิดถึงเขาแล้วจริง ๆ ข้าจะไปรับด้วยตนเอง!”นางถานร้อนใจจนแทบจะกระทืบเท้า “หยุด! ห้ามไป!”ฉีจื่อเสียนไม่พอใจอย่างมาก ขมวดคิ้วและมองนางถาน “เหตุใดถึงห้ามไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 147

    “ท่านแม่และคนฝั่งครอบครัวท่านต่างหาก ที่ทำลายอนาคตของน้องเสียนกับน้องสาวสามีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีบางครั้งลูกสะใภ้เองยังสงสัยว่า พวกเขาเป็นเด็กที่ท่านเก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า”นางถานโกรธจนแทบระเบิด “หรงจือจือ เจ้ายังกล้ายุยงอีกรึ!”หรงจือจือ “ลูกไม่มีเจตนาจะยุยง เจาซีกับลูกเติบโตมาด้วยกัน หากท่านไม่เชื่อ สามารถถามนางที่เติบโตมาด้วยกันได้ ว่าข้าดูแลครอบครัวนี้ดีมาโดยตลอดหรือไม่”หรงจือจือจงใจเน้นย้ำคำว่า “เติบโตมาด้วยกัน” ถึงสองครั้งแล้วคำพูดนี้สะกิดความทรงจำบางอย่างของนางถานเข้าจริง ๆ ด้วยนางถานราวกับได้ไพ่เด็ดอะไรมาก็มิปาน หันกลับไปกล่าวต่อฉีจื่อเสียนว่า “ลูกเสียน เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตงหลิงที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กกับเจ้า หายไปที่ใดแล้ว?”ได้ยินนางถานถามเช่นนี้ หรงจือจือก็ปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจในดวงตา สตรีโง่เขลานางนี้ ในที่สุดก็ตกหลุมพรางแล้วฉีจื่อเสียนชะงักเล็กน้อย “ตง…ตงหลิงหรือ? ก่อนหน้านี้พวกท่านบอกว่า ท่านตาของเขาป่วยหนัก จึงเมตตาอนุญาตให้เขาไปรักษาตัวในชนบท แถมอนุญาตให้ตงหลิงไปดูแลไม่ใช่หรือขอรับ?”ตงหลิงเป็นเด็กที่เกิดในเรือน ท่านปู่ของเขาเป็นบ่าวรับใช้ของจวนโหว ตอนนั้นเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 146

    หรงจือจือยังกล่าวเสริมอีกว่า “บอกเขาว่า ท่านแม่โปรดปรานสร้อยข้อมือชิ้นนั้นมาโดยตลอด แค่นางมอบสร้อยข้อมือให้ข้า ถึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าน้องเสียนยังทุ่มเทเพื่อข้าอยู่ เช่นนั้นข้าก็จะยิ่งทำเต็มที่เพื่อเขามากขึ้นเช่นกัน”“อย่าว่าแต่หาอาจารย์เลย ในอนาคตน้องเสียนอยู่ในราชสำนัก จะขอให้ท่านพ่อข้าช่วยวิ่งเต้นให้เขา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”ความเห็นแก่ตัว และคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง ถือเป็นประเพณีของคนสกุลฉี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ในสมองของฉีจื่อเสียนเต็มไปด้วยการตามหาอาจารย์ที่ดีเช่นนี้แล้ว ผลประโยชน์ของผู้ใดที่เขายอมเสียสละไม่ได้บ้าง?เจาซีรีบกล่าว “เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วยามฉีจื่อเสียนก็เข้ามาอย่างรีบร้อน และนำสร้อยข้อมือที่อยู่ในมือมอบให้หรงจือจือ “พี่สะใภ้ นี่คือสร้อยข้อมือที่ท่านแม่โปรดปรานที่สุดขอรับ...”หรงจือจือดวงตาเปล่งประกาย “ท่านแม่ยอมยกให้ข้าจริง ๆ หรือ?”นางย่อมรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะไม่ทำให้นางผิดหวังหากสร้อยข้อมือเป็นของฉีจื่อเสียน เขาคงจะไม่ยอมยกให้ ไม่แน่ว่าอาจจะหยิบยกเหตุผลมากมายมาพูดกับตนเอง แต่สร้อยข้อมือเป็นขอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 145

    หรงจือจือ “ไปเถอะ!”การเสแสร้งกับเขาอยู่ตลอดเวลา หรงจือจือก็เหนื่อยมากเช่นกัน ทำให้สับสนประมาณนี้คงจะพอแล้วฉีจื่อเสียนออกไปจากที่นี่แล้ว หลังกลับเรือนของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นจริง ๆ และกล่าวกับชุนเซิงว่า “นายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตได้เหมาะจริง ๆ ! สกุลหรงมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่ให้ความสำคัญกับหรงจือจือ พอยายแก่นั่นเสียชีวิต หรงจือจือก็ทำได้เพียงคิดแผนการทุกอย่างให้จวนโหวของพวกข้าเท่านั้น”“ในอดีต แม้นางไม่ได้สัญญาอะไรกับข้า แต่หากฝั่งท่านสวีเจรจาไม่สำเร็จ ก็ยังจะหาคนอื่นมาให้ข้าอยู่ดี! ความจริงท่านเจียงดูถูกข้า หรือคิดว่าข้าเองก็ชื่นชอบเขางั้นหรือ? เขามักจะตำหนิข้าอยู่เสมอ”“หากนายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตเร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะให้หรงจือจือเปลี่ยนอาจารย์ให้ข้าไปแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์จากการดูถูกของคนแซ่เจียงนั่น!”ชุนเซิงรู้สึกทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงเปิดปากเอ่ย “คุณชายสี่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฮูหยินซื่อจื่อก็เป็นคนคิดแผนการเพื่อท่าน ท่านพูดเช่นนี้ มันไม่สมควรจริง ๆ ขอรับ…”ฉีจื่อเสียนมองเขาด้วยความไม่พอใจ “มีอะไรไม่สมควรกัน? เจ้าก็แค่ใจอ่อนเหมือนสตรี! ทางที่ดี ยายแก่นั่นจง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 144

    บนรถม้าระหว่างกลับจวนโหว หรงจือจือดูตกตะลึงเล็กน้อย และอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าเหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงมีเวลาช่วยนางสืบเรื่องเหล่านี้ตามหลักแล้ว คนแบบเขานั้นนั่งอยู่ตำแหน่งสูงในท้องพระโรง อำนาจล้นฟ้า เรื่องเล็กน้อยของเรือนหลังนี้ อีกฝ่ายไม่ควรจะใส่ใจ และยิ่งไม่คิดจะสนใจเสียด้วยซ้ำจึงจะถูกเมื่อเห็นคุณหนูของตนนั่งกระสับกระส่ายเจาซีก็อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณหนู ท่านมีข้อสงสัยอะไรหรือเจ้าคะ?”น้อยนักที่หรงจือจือจะมีท่าทีสับสน นางกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เพียงแต่ประหลาดใจกับความหวังดีของท่านเสนาบดีที่มีต่อข้าก็เท่านั้น บางที ข้าอาจไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไป และที่เขาทำแค่เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น?”กลับคิดไม่ถึงว่า เจาซีจะกล่าวเช่นนี้ “ข้าน้อยรู้สึกว่า ท่านเสนาบดีคงจะชอบท่านแน่ ๆ เจ้าค่ะ ในฐานะท่านสมุหราชเลขาธิการ แถมยังต้องว่าราชการแทน อีกทั้งยังมีงานรัดตัวเช่นน้้น เหตุใดต้องรอคุณหนูไปพบด้วยตนเองอยู่ที่นั่น เพียงเพื่อให้คนมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่านด้วยล่ะเจ้าคะ”“เรื่องนี้ส่งบ่าวรับใช้คนใดมาทำก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังอ้อมค้อมเช่นนี้ และให้นางเซินเป็นธุระให้อีก แรงจูงใจที่เขาต้องการจะพบคุณหนู

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status