แชร์

บทที่ 88

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
หรงจือจือที่เดิมทีเตรียมจะดำเนินการเพียงผู้เดียว ครั้นได้ยินคำของบิดา ท้ายที่สุดก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาสองสามส่วน นางหันหลังกลับไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณท่านพ่ออย่างยิ่ง หากต้องการให้ท่านพ่อช่วย ลูกจะเอ่ยปากแน่นอนเจ้าค่ะ”

มหาราชครูหรงทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง ไม่รู้ว่าการเลือกเช่นนี้ท้ายที่สุดแล้วมันถูกต้องหรือไม่

ก่อนหรงจือจือจะจากไป นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ท่านพ่อ เรื่องในวันนี้ ต้องขอให้ท่านพ่อเก็บเป็นความลับ ห้ามกล่าวกับผู้ใดเป็นอันขาด”

หัวใจของมหาราชครูหรงเต้นตึกตัก “เจ้าสงสัยแม่เจ้าอย่างนั้นหรือ? จือจือ แม่เจ้าต่อให้จะเลอะเลือนอย่างไร ก็ไม่ถึงขั้น...”

แม้หนึ่งในพยานบุคคลสำคัญ จะตายด้วยเงื้อมมือของภรรยา ทว่าเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี เขายอมรับว่าตนเองรู้จักนางหวังพอสมควร

หรงจือจือไม่รอให้บิดาพูดจบก็แทรกขึ้นมาว่า “ข้าไม่ได้สงสัยท่านแม่ เพียงแต่ที่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะลูกไม่อยากให้มีปัญหาใหม่เข้ามาแทรกเท่านั้น”

มหาราชครูหรง “ก็จริง”

หรงจือจือไม่อยู่ต่ออีก นางเยื้องย่างก้าวเดินออกไป เหลือเพียงมหาราชครูหรงที่ภายในใจสับสนเป็นอย่างยิ่ง

ราวกับนี่เป็
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 89

    นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ท่านย่าป่วย แต่พวกเขาสองคนไม่เคยมาเฝ้าไข้ หลายปีมานี้ก็มาเยี่ยมน้อยครั้ง ที่ท่านย่าไม่รู้สึกว่าพวกเขากตัญญู หรือว่าเรื่องนี้ก็จะโทษข้าด้วย?”“ข้างนอกจะมีคำพูดอะไรที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของพวกเขา ก็เป็นความผิดพลาดของพวกเขาเอง ไม่ใช่ความผิดของคนที่กตัญญูเช่นข้า”“กระทั่งตอนที่ท่านพ่อลงโทษเจียวเจียวด้วยการโบย ยังบอกว่าท่านย่าป่วยครานี้ นางไม่เคยมาเยี่ยมเลยสักครั้ง ทำไม ข้าเป็นคนห้ามไม่ให้นางไปเยี่ยมเช่นนั้นหรือ?”ก่อนหน้านี้ตอนที่หรงจือจือยังไม่แต่งงาน คอยอยู่เป็นเพื่อนข้างกายท่านย่า นายหญิงใหญ่เองก็เคยป่วยหนักหลายครั้ง ทีแรกน้องชายน้องสาวของนางยังมาแสดงความเป็นห่วง ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่มาอีกเลยท่านย่าไม่สนใจพวกเขา ชัดเจนว่าเป็นปัญหาของพวกเขาเอง ทว่านางหวังกลับพูดเสียจนราวกับว่าตนจงใจโดดเด่นจนพวกเขาดูไม่กตัญญูอย่างนั้นนางหวังกล่าวทั้งเดือดดาลว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าหลายปีมานี้ท่านย่าเจ้าป่วยอยู่บ่อยครั้ง เจียวเจียวกับซื่อเจ๋อรู้จะรู้ได้อย่างไรว่าครานี้จะไม่รอด?”หรงจือจือแสยะยิ้ม ก่อนหน้านี้ท่านย่าป่วยอยู่สองสามครั้ง ยอมไปเยี่ยม ทว่าพอป่วยบ่อย ๆ เข้าก็ไม่ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 90

    ในใจของหรงจือจือครุ่นคิด หากไม่ใช่เพราะเฉินเยี่ยนซูกลับมา ตำแหน่งของฉีจื่อฟู่ก็คงถูกกำหนดอย่างเป็นทางการแล้ว? ฮ่องเต้น้อยยังไม่ได้ปกครองด้วยพระองค์เอง หลายเรื่องราชเลขาธิการเป็นผู้ตัดสินใจนางเพียงคาดการณ์กึ่งหนึ่งครั้นมาถึงข้างนอก นางกับทุกคนในสกุลฉีก็คุกเข่าพร้อมกัน ฟังราชโองการที่ขันทีอาวุโสหยางมาประกาศด้วยตนเอง “ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องแต่จึงมีพระบัญชา ซิ่นหยางโหว ซื่อจื่อฉีจื่อฟู่ ซื่อสัตย์ทุ่มเทเพื่อแว่นแคว้น โดยไม่สนใจตนเอง...”ครั้นคนสกุลฉีได้ยินประโยคนี้ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่าจู่ ๆ ขันทีอาวุโสหยางก็เปลี่ยนคำพูด “ทว่าก็ยังขาดคุณธรรม ไม่คิดเลยว่าจะกล้ากล่าวคำพูดไร้สาระเช่นลดภรรยาเอกเป็นอนุต่อหน้าผู้ตรวจการ ตอนนี้ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักต่างพากันเหยียดหยาม”รอยยิ้มของทุกคนในสกุลฉี ล้วนแข็งทื่ออยู่บนหน้า เหตุใดฝ่าบาทชมไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็เริ่มด่าคนแล้วเล่า!ขันทีอาวุโสหยางอ่านราชโองการต่อ “แม้นข้าจะผิดหวัง ทว่าก็นึกเสียดายบุคคลมีความสามารถ จึงประทานตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่แห่งองครักษ์หลงสิงขั้นหก หวังว่าท่านจะไตร่ตรองด้วยและตระหนักในตนเอง อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีก จบร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 91

    ความหมายคือหากตนมิใช่องค์หญิงของแคว้นเจา สิ่งที่รอตนอยู่ คือการจับใส่กรงหมู? แล้วยังสั่งให้ตนเป็นอนุอีก?!แม้แต่ฉีจื่อฟู่ก็ตะลึงแล้ว “กงกง นี่…นี่ใช่มีอันใดผิดหรือไม่? เหตุใดจึงมีรับสั่งให้ม่านหวาเป็นอนุเล่า?”แม้แต่เขาก็ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดฉีจื่อฟู่จึงยืนกรานให้อวี้ม่านหวาเป็นภรรยาเอกเพียงนี้ ถึงระดับที่ทำให้คนไม่อาจเข้าใจ เพราะขนาดฝ่าบาททรงพระราชทานเพียงตำแหน่งขุนนางขั้นหกให้เขา เขาก็ยังไม่สงสัยเลยว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่ขันทีอาวุโสหยางตอบอย่างไม่พอใจว่า “ความหมายของเจ้าคือ ฝ่าบาททรงผิด หรือว่าข้าผิดไปล่ะ?”ฉีจื่อฟู่ “นี่…มิกล้าขอรับ!”เขาเพียงรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ! ตนจ่ายด้วยอนาคต ล่วงเกินฝ่าบาท ถูกเหล่าตระกูลใหญ่หัวเราะเยาะ แต่สุดท้ายกลับยังไม่สามารถทำให้จือจือเป็นอนุได้ นี่จะให้เขายอมรับได้อย่างไร?ขันทีอาวุโสหยาง “หากไม่กล้าก็รับราชโองการเถอะ!”คนทั้งหลาย “ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”คนสกุลฉีรับราชโองการสองฉบับนี้อย่างไม่เต็มใจถึงอย่างไรซิ่นหยางโหวก็เป็นท่านโหวมาหลายปี กระจ่างแจ้งดีเรื่องในวันนี้ไม่ธรรมดา จึงขยับเข้าไปใกล้ขันทีอาวุโสหยาง แล้วมอบหยกงามชิ้นหนึ่ง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 92

    อวี้ม่านหวาจะคาดได้อย่างไรว่า ขันทีอาวุโสหยางผู้นี้ไม่เพียงมาประกาศราชโองการที่ทำจิตใจของตนหนักอึ้งหดหู่เท่านั้น แถมยังพูดถึงเรื่องความเป็นตายขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกเมื่อฟังคำพูดนี้ของอีกฝ่ายจบ นางก็หวาดกลัวจนท้องเริ่มปวดแปลบขึ้นมาแล้ว!นางถานรีบประคองนาง “องค์หญิง…”เมื่อขันทีอาวุโสหยางได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองนางถานอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ฮูหยิน แคว้นเจาล่มสลายไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีองค์หญิงอันใดแล้ว หรือว่า จวนโหวของพวกท่านมีความคิดเป็นอื่น?”นางถานตกใจจนสะดุ้ง รีบกล่าวว่า “มิกล้า! ข้าแค่พูดผิดไปชั่วขณะเท่านั้น ขอหยางกงกงโปรดอย่าได้ถือสาเลย!”ขันทีอาวุโสหยางแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง สะบัดแส้ในมือทีหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว!”ซิ่นหยางโหว “ข้าจะไปส่งกงกง!”ขันทีอาวุโสหยางก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า ซิ่นหยางโหวต้องการประจบตน บัดนี้ฉีจื่อฟู่ทำลายอนาคตตัวเอง หนทางเบื้องหน้าของจวนโหวจึงน่าเป็นห่วงรอจนพวกเขาออกไปแล้วฉีจื่อฟู่มองไปทางหรงจือจือ ขมวดคิ้วถามว่า “จือจือ เจ้ารู้จักท่านอัครมหาเสนาบดีหรือ?”หรงจือจือสงบความคิดลง นางก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินเยี่ยน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 93

    หรงจือจือกำลังปวดหัวว่าไม่มีเหตุผลจะใช้อยู่ต่อ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนส่งหมอนมาให้ตอนง่วงพอดีคำพูดเสแสร้งที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของอวี้ม่านหวานี้ กลับเป็นการช่วยตนอีกแรง “อนุอวี้กล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง ในเมื่อยามนี้เจ้าก็เป็นอนุแล้ว ข้ายังจะจากไปทำไมอีก? เรื่องการหย่าร้าง ก็ให้ถือเสียว่าไม่เคยพูดถึงเถอะ”อวี้ม่านหวา “?”ไม่ใช่นะ นี่ เหตุใดจึงไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้เล่า?ฉีจื่อฟู่ถอนใจอย่างโล่งอกทันที แม้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา ที่จะให้หรงจือจือเป็นอนุ แต่อย่างน้อย นางก็ไม่พูดถึงเรื่องการหย่าร้างแล้วหรงจือจือจับตามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตระหนกของอวี้ม่านหวา “ที่สีหน้าของอนุอวี้ไม่น่ามองถึงเพียงนี้ หรือการที่ข้าอยู่ต่อ ทำให้เจ้าไม่พอใจแล้ว?”อวี้ม่านหวาฝืนยิ้มว่า “ไม่…ไม่ใช่! ในใจของท่านพี่ฟู่มีพี่หญิงอยู่ หากพี่หญิงจากไป ท่านพี่ฟู่จะต้องเสียใจแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น น้องจะหวังให้พี่หญิงจากไปได้อย่างไร?”เมื่อฉีจื่อฟู่ฟังจบ ก็เหลือบมองอวี้ม่านหวาอย่างตื้นตัน “ม่านหวา…”เมื่อเห็นพฤติกรรมอันน่าทุเรศของเขา เจาซีก็โมโหจนหน้าเขียวใจของหรงจือจือกลับสงบนิ่ง ไร้ระลอกคลื่น เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 94

    ในเมื่อเฉินเยี่ยนซูลงมือแล้ว หรงจือจือก็ไม่ใช่พวกไม่รู้ถึงความปรารถนาดีของผู้อื่นจึงหยิบยืมคำพูดของเฉินเยี่ยนซู มาทำให้อวี้ม่านหวาสงบเสงี่ยมลงหน่อยอวี้ม่านหวาก็หวาดกลัวจนหดร่างด้วยความสั่นสะท้านไปครู่หนึ่งจริงๆนางถานกล่าวด้วยความโมโหว่า “หรงจือจือ ในท้องของม่านหวา…”หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางถาน มองไปที่ฉีอวี่เยียนนิ่งๆ “น้องสามี ข้าวางแผนว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง จะจัดงานชมดอกไม้ในนามของท่านแม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? ส่วนเรื่องเทียบเชิญ ก็จะให้คนในเรือนของข้าไปส่งเอง”ตามกฎหมายของแคว้นต้าฉี หากบิดามารดาเสียชีวิต บุตรธิดาต้องไว้ทุกข์สามปี หากผู้เป็นปู่ย่าวายชนม์ ชนรุ่นหลานต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาหนึ่งปีไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วหรือไม่ ล้วนเป็นเช่นเดียวกับยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงแก่กรรม หรงจือจือจึงไม่สะดวกที่จะใช้ชื่อตนไปจัดงานเลี้ยงทุกประเภทเมื่อฉีอวี่เยียนได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นทันที “พี่สะใภ้ จริงหรือ?”ในแคว้นต้าฉี การจัดงานประชุมบทกวี เป็นการพบปะสังสรรค์ของเหล่าบัณฑิต ส่วนการจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ ส่วนมากล้วนเป็นงานดูตัวที่เหล่าฮูหยินผู้สูงศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 95

    กล่าวจบ หรงจือจือก็สาวเท้าจากไปฉีอวี่เยียนดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา “ท่านแม่ นี่ดีเหลือเกิน ข้ายังกังวลว่าข้าจะได้แต่งงานไม่ดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะยังวางแผนให้ข้า”นางถาน “ล้วนเป็นเพราะลูกเสียนของข้าศึกษาตำรามา จึงไปเกลี้ยกล่อมนางได้สำเร็จ เจ้าต้องขอบคุณน้องเจ้าให้ดี!”ฉีจื่อเสียนได้หน้าก็ยิ่งยินดี แต่ในใจก็รู้สึกแปลกอยู่บ้าง เพราะวันนี้หรงจือจือไม่ไว้หน้าเขาเลยชัดๆ หรือว่ามาคิดได้เอาภายหลังกัน?ใช่แน่แล้ว คำพูดของตนมีเหตุผลจะตาย การที่หรงจือจือเชื่อฟังก็เป็นเรื่องสมควรแล้วฉีอวี่เยียนรีบกล่าวว่า “ต้องขอบคุณน้องชายแล้ว!”ซิ่นหยางโหวส่งขันทีอาวุโสหยางจากไป เมื่อกลับมาก็เห็นพวกเขากำลังเริงร่า เมื่อสอบถามจนรู้สาเหตุ ก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกทีหนึ่งจากนั้นก็มองฉีจื่อฟู่ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “จือจือกลับมาคิดเพื่อครอบครัวนี้อีกครั้ง คิดว่าในใจคงยังมีเจ้าอยู่ ในอนาคต เจ้าจงอย่างทำเรื่องโง่ๆ อีก คืนนี้ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนจือจือให้ดีๆ ซะ!”ฉีจื่อฟู่ “ขอรับ!”เขาจะไม่อยากนอนกับจือจือได้อย่างไร?อวี้ม่านหวากำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แต่กลับไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว……เมื่อกลับมาถึงเรือนหลัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 96

    เพียงแต่ตอนนั้น เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีถูกกัด หลังคุณหนูตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องด้วยความตกใจของนาง ก็รีบดูบาดแผลให้เขา ทว่า ทันทีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินเอ่ยปากกลับพูดว่า ในป่ารกร้างเช่นนี้ถึงกับมีงูมากัดเขา แต่ไม่เอ่ยว่าเป็นเพราะช่วยคุณหนูเลยสักคำตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังงีบหลับอย่างสะลึมสะลือ จึงไม่ทราบเรื่องนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และสังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงมีเพียงเจาซีเท่านั้นในใจของเจาซีนั้น รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มิได้เปิดโปงอย่างหุนหัน เพียงสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวประโยคหนึ่งในภายหลัง ตอนส่งท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจากไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีเจตนาใดกันแน่?”ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินมิได้ตอบ เพียงกล่าวว่า “ขอแม่นางโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้บอกให้คุณหนูของเจ้ารู้”เจาซีคิดว่า น่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูของนางเกิดภาระทางใจ จึงรับปากไปต่อมาท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจึงได้จากไปพร้อมกับลูกน้องที่มารับเขาหรงจือจือมองเจาซีอย่างแปลกใจทีหนึ่ง “เหตุใจเจ้าจึงมั่นใจเพียงนี้?”เจาซีจึงได้สติกลับมา “นี่…”นางคิดว่า ในเมื่อตอนนั้นรับปากท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินไปแล

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 148

    #หรงจือจือ “ใช่เจ้าค่ะ ยังมีชีวิตอยู่! ในเมื่อท่านแม่คิดว่าตงหลิงดีมาก และคำนึงถึงน้องเสียนในทุก ๆ เรื่องใช่หรือไม่เจ้าคะ? เจาซี ส่งคนไปรับเขาจากหมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาอวี๋เสียเถอะ!”“ประจวบเหมาะกับเมื่อสองเดือนก่อน ข้าได้ยินว่าท่านปู่ของเขาเสียชีวิตแล้ว สามารถกลับมาปรนนิบัติน้องเสียนได้พอดี”“บ่าวรับใช้ที่ดีเช่นนี้ ไม่ควรทิ้งไว้ด้านนอก! รอเขากลับมาแล้ว ข้าก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียหน่อย และต่อไปค่อยให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมที่ดีของท่านแม่เจ้าค่ะ”นางถานรีบกล่าว “ไม่…ไม่ใช่ ตงหลิงนี่ หรือว่าจะ…”หรงจือจือกล่าวขัดจังหวะ “ท่านแม่บอกไม่ใช่หรือเจ้าคะ ว่านี่คือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับน้องเสียน ข้าบอกว่าเขาไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่ดี ท่านแม่ก็บอกว่าข้าใส่ร้าย แถมยังอยากส่งข้าไปที่ว่าการอีก ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ท่านพูดเอง ลูกสะใภ้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ !”ฉีจื่อเสียนกลับดวงตาเปล่งประกาย และรีบกล่าว “รับกลับมาเถอะ รีบรับกลับมาเสียเถอะ! ข้าคิดถึงเขาแล้วจริง ๆ ข้าจะไปรับด้วยตนเอง!”นางถานร้อนใจจนแทบจะกระทืบเท้า “หยุด! ห้ามไป!”ฉีจื่อเสียนไม่พอใจอย่างมาก ขมวดคิ้วและมองนางถาน “เหตุใดถึงห้ามไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 147

    “ท่านแม่และคนฝั่งครอบครัวท่านต่างหาก ที่ทำลายอนาคตของน้องเสียนกับน้องสาวสามีซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีบางครั้งลูกสะใภ้เองยังสงสัยว่า พวกเขาเป็นเด็กที่ท่านเก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า”นางถานโกรธจนแทบระเบิด “หรงจือจือ เจ้ายังกล้ายุยงอีกรึ!”หรงจือจือ “ลูกไม่มีเจตนาจะยุยง เจาซีกับลูกเติบโตมาด้วยกัน หากท่านไม่เชื่อ สามารถถามนางที่เติบโตมาด้วยกันได้ ว่าข้าดูแลครอบครัวนี้ดีมาโดยตลอดหรือไม่”หรงจือจือจงใจเน้นย้ำคำว่า “เติบโตมาด้วยกัน” ถึงสองครั้งแล้วคำพูดนี้สะกิดความทรงจำบางอย่างของนางถานเข้าจริง ๆ ด้วยนางถานราวกับได้ไพ่เด็ดอะไรมาก็มิปาน หันกลับไปกล่าวต่อฉีจื่อเสียนว่า “ลูกเสียน เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตงหลิงที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กกับเจ้า หายไปที่ใดแล้ว?”ได้ยินนางถานถามเช่นนี้ หรงจือจือก็ปรากฏรอยยิ้มที่พึงพอใจในดวงตา สตรีโง่เขลานางนี้ ในที่สุดก็ตกหลุมพรางแล้วฉีจื่อเสียนชะงักเล็กน้อย “ตง…ตงหลิงหรือ? ก่อนหน้านี้พวกท่านบอกว่า ท่านตาของเขาป่วยหนัก จึงเมตตาอนุญาตให้เขาไปรักษาตัวในชนบท แถมอนุญาตให้ตงหลิงไปดูแลไม่ใช่หรือขอรับ?”ตงหลิงเป็นเด็กที่เกิดในเรือน ท่านปู่ของเขาเป็นบ่าวรับใช้ของจวนโหว ตอนนั้นเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 146

    หรงจือจือยังกล่าวเสริมอีกว่า “บอกเขาว่า ท่านแม่โปรดปรานสร้อยข้อมือชิ้นนั้นมาโดยตลอด แค่นางมอบสร้อยข้อมือให้ข้า ถึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าน้องเสียนยังทุ่มเทเพื่อข้าอยู่ เช่นนั้นข้าก็จะยิ่งทำเต็มที่เพื่อเขามากขึ้นเช่นกัน”“อย่าว่าแต่หาอาจารย์เลย ในอนาคตน้องเสียนอยู่ในราชสำนัก จะขอให้ท่านพ่อข้าช่วยวิ่งเต้นให้เขา ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”ความเห็นแก่ตัว และคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นอันดับหนึ่ง ถือเป็นประเพณีของคนสกุลฉี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ในสมองของฉีจื่อเสียนเต็มไปด้วยการตามหาอาจารย์ที่ดีเช่นนี้แล้ว ผลประโยชน์ของผู้ใดที่เขายอมเสียสละไม่ได้บ้าง?เจาซีรีบกล่าว “เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วยามฉีจื่อเสียนก็เข้ามาอย่างรีบร้อน และนำสร้อยข้อมือที่อยู่ในมือมอบให้หรงจือจือ “พี่สะใภ้ นี่คือสร้อยข้อมือที่ท่านแม่โปรดปรานที่สุดขอรับ...”หรงจือจือดวงตาเปล่งประกาย “ท่านแม่ยอมยกให้ข้าจริง ๆ หรือ?”นางย่อมรู้ว่าฉีจื่อเสียนจะไม่ทำให้นางผิดหวังหากสร้อยข้อมือเป็นของฉีจื่อเสียน เขาคงจะไม่ยอมยกให้ ไม่แน่ว่าอาจจะหยิบยกเหตุผลมากมายมาพูดกับตนเอง แต่สร้อยข้อมือเป็นขอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 145

    หรงจือจือ “ไปเถอะ!”การเสแสร้งกับเขาอยู่ตลอดเวลา หรงจือจือก็เหนื่อยมากเช่นกัน ทำให้สับสนประมาณนี้คงจะพอแล้วฉีจื่อเสียนออกไปจากที่นี่แล้ว หลังกลับเรือนของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นจริง ๆ และกล่าวกับชุนเซิงว่า “นายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตได้เหมาะจริง ๆ ! สกุลหรงมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่ให้ความสำคัญกับหรงจือจือ พอยายแก่นั่นเสียชีวิต หรงจือจือก็ทำได้เพียงคิดแผนการทุกอย่างให้จวนโหวของพวกข้าเท่านั้น”“ในอดีต แม้นางไม่ได้สัญญาอะไรกับข้า แต่หากฝั่งท่านสวีเจรจาไม่สำเร็จ ก็ยังจะหาคนอื่นมาให้ข้าอยู่ดี! ความจริงท่านเจียงดูถูกข้า หรือคิดว่าข้าเองก็ชื่นชอบเขางั้นหรือ? เขามักจะตำหนิข้าอยู่เสมอ”“หากนายหญิงผู้เฒ่าหรงเสียชีวิตเร็วกว่านี้ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะให้หรงจือจือเปลี่ยนอาจารย์ให้ข้าไปแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์จากการดูถูกของคนแซ่เจียงนั่น!”ชุนเซิงรู้สึกทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงเปิดปากเอ่ย “คุณชายสี่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฮูหยินซื่อจื่อก็เป็นคนคิดแผนการเพื่อท่าน ท่านพูดเช่นนี้ มันไม่สมควรจริง ๆ ขอรับ…”ฉีจื่อเสียนมองเขาด้วยความไม่พอใจ “มีอะไรไม่สมควรกัน? เจ้าก็แค่ใจอ่อนเหมือนสตรี! ทางที่ดี ยายแก่นั่นจง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 144

    บนรถม้าระหว่างกลับจวนโหว หรงจือจือดูตกตะลึงเล็กน้อย และอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าเหตุใดเสิ่นเยี่ยนซูถึงมีเวลาช่วยนางสืบเรื่องเหล่านี้ตามหลักแล้ว คนแบบเขานั้นนั่งอยู่ตำแหน่งสูงในท้องพระโรง อำนาจล้นฟ้า เรื่องเล็กน้อยของเรือนหลังนี้ อีกฝ่ายไม่ควรจะใส่ใจ และยิ่งไม่คิดจะสนใจเสียด้วยซ้ำจึงจะถูกเมื่อเห็นคุณหนูของตนนั่งกระสับกระส่ายเจาซีก็อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณหนู ท่านมีข้อสงสัยอะไรหรือเจ้าคะ?”น้อยนักที่หรงจือจือจะมีท่าทีสับสน นางกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เพียงแต่ประหลาดใจกับความหวังดีของท่านเสนาบดีที่มีต่อข้าก็เท่านั้น บางที ข้าอาจไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไป และที่เขาทำแค่เพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น?”กลับคิดไม่ถึงว่า เจาซีจะกล่าวเช่นนี้ “ข้าน้อยรู้สึกว่า ท่านเสนาบดีคงจะชอบท่านแน่ ๆ เจ้าค่ะ ในฐานะท่านสมุหราชเลขาธิการ แถมยังต้องว่าราชการแทน อีกทั้งยังมีงานรัดตัวเช่นน้้น เหตุใดต้องรอคุณหนูไปพบด้วยตนเองอยู่ที่นั่น เพียงเพื่อให้คนมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่านด้วยล่ะเจ้าคะ”“เรื่องนี้ส่งบ่าวรับใช้คนใดมาทำก็ได้ไม่ใช่หรือ? ยังอ้อมค้อมเช่นนี้ และให้นางเซินเป็นธุระให้อีก แรงจูงใจที่เขาต้องการจะพบคุณหนู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 143

    ต่อจากนั้นนางก็เห็นบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกำแพงกำลังชมภาพวาดอยู่ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ท่วงท่าสง่างาม จึงทำให้นึกถึงกวีบทหนึ่งขึ้นมาที่ว่า กองหินดั่งหยก ต้นสนสีเขียวเรียงรายดั่งมรกต บุรุษงามโดดเด่นเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าด้านข้างเขามีองครักษ์ยืนอยู่คนหนึ่งหลังหรงจือจือพาเจาซีเข้ามาในห้อง ก็คุกเข่าแสดงความเคารพอย่างสุภาพ “คารวะท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ!”ดวงตาที่ปกติเย็นชาของเสิ่นเยี่ยนซูคู่นั้น กำลังมองไปที่หรงจือจือ และถูกเติมเต็มด้วยเงาร่างของนางในทันทีราวกับฟ้าดินไร้ระเบียบ ราวกับจันทราไร้แสงสว่างโลกมนุษย์อันกว้างใหญ่ไพศาล ท่ามกลางแสงสีอันฟุ้งเฟ้อ เหลือนางเพียงคนเดียว ที่เปล่งประกายเจิดจรัส และโดดเด่นเกินกว่าผู้ใดเขากล่าวเสียงเรียบ “แม่นางหรงลุกขึ้นเถอะ”นางเซินที่ยืนอยู่ด้านหลัง เห็นสายตาของเสิ่นเยี่ยนซู ก็ปรากฏความเศร้าหมองขึ้นมาในแววตาแวบหนึ่ง แต่ไม่นานก็ฝืนยิ้มออกมา “เช่นนั้นท่านเสนาบดีคุยกับคุณหนูหรงเชิญคุยเป็นการส่วนตัวเถอะ ข้าจะไปรอที่ด้านนอกเจ้าค่ะ”ทันทีที่พูดจบ ก็ถอยออกไปหรงจือจือก็ยืดตัวขึ้น สองมือประสานกันไว้ด้านหน้า ยืนอย่างนอบน้อม พลางกล่าวเสียงเบา “ขอบ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 142

    หรงจือจือลงมาจากรถม้า สั่งเหล่าคนรับใช้รออยู่นอกโรงน้ำชาชั้นล่าง และเข้าไปด้านในพร้อมกับสตรีนางนั้นจากนั้นก็ถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบควรเรียกฮูหยินเช่นไรหรือ?”อันที่จริงเพราะอีกฝ่ายมวยผม นางจึงถามเช่นนี้สตรีนางนั้นยิ้มเล็กน้อย และกล่าว “ข้าเซินหย่า คุณหนูเรียกข้าว่านางเซินก็พอแล้ว ปีนั้นท่านพ่อตัดสินใจให้ข้าแต่งงานแก้เคล็ดกับท่านพี่ ในขณะนั้นน้องชายเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อไปสอบ กลับถูกคนใส่ร้ายจนเข้าคุก จึงไม่สามารถช่วยออกหน้าแทนข้าได้”“แต่งานแต่งในวันนั้นท่านพี่ดันมาเสียชีวิต บ้านแม่สามีปฏิบัติต่อข้าไม่ดี เซินเฮ่อผู้เป็นน้องชายจึงรับข้ากลับมา บัดนี้เป็นม่ายอาศัยอยู่บ้านมารดาเจ้าค่ะ”หรงจือจือนึกขึ้นราวกับเคยได้ยินชื่อเซินเฮ่อคนนี้มาก่อนไม่ถือว่าเกิดในครอบครัวยากจน แต่เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร คิดๆ ดูแล้วการกระทำของบิดามารดานาง เป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์ทางบ้านยากลำบาก แถมไม่ได้ให้ความสำคัญกับบุตรสาวอีกเพียงแต่คำพูดและการกระทำของนางเซิน ทำให้หรงจือจือประหลาดใจจริง ๆ นางก็ไม่ปิดบังความคิดของตนเอง “ฮูหยินคล้ายจะเผยความในใจให้กับคนที่ไม่สนิทอย่างข้าฟังอยู่นะ”พวกนางทั้งสองพบ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 141

    เจาซีถอนหายใจเบา ๆ พลางกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “โชคดีที่ก่อนหน้านี้ท่านขอหนังสือหย่า และไม่วางแผนจะอยู่กับเขาต่อ มิเช่นนั้นลองคิดดู แค่อนุอวี้ยุยงไม่กี่คำ ฉีจื่อฟู่ก็อยากมอบหนังสือปลดภรรยาให้ท่าน เช่นนั้นจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรเล่าเจ้าคะ!”ขณะที่พูด เจาซีก็โกรธจนขอบตาแดงก่ำไปหมดแล้วเพียงแต่นางนึกอะไรขึ้นมาได้อีก “แต่เมื่อครู่หากท่านโหวกับคุณชายสี่โน้มน้าวซื่อจื่อไม่ได้ แม้หนังสือปลดภรรยาจะไม่กระทบชื่อเสียงของท่าน พวกเราก็ต้องออกจากจวนโหว หลังจากไปแล้วการแก้แค้นจะไม่ยากขึ้นหรือเจ้าคะ?”นางถานยายแก่จอมเจ้าเล่ห์ที่สมควรตายนางนั่นยังมีชีวิตอยู่!หรงจือจือหลุดขำออกมาเสียงหนึ่ง “เจ้าวางใจเถอะ ซิ่นหยางโหวกับฉีจื่อเสียนจะโน้มน้าวเขาแน่ และขอเพียงซิ่นหยางโหวบังคับ ก็จะทำให้ให้เขาฉีกหนังสือปลดภรรยาได้แล้ว”เจาซีเห็นความมั่นใจของคุณหนู ก็วางใจไปหลายส่วนแล้ว แต่ยังคงกล่าวว่า “หากทราบเช่นนี้ ตอนออกจากจวนน่าจะส่งคนเข้าไปแอบฟังเสียหน่อยนะเจ้าค่ะ”หรงจือจือกล่าวอย่างราบเรียบ “ไม่มีอะไรน่าฟังหรอก ก็แค่สองพ่อลูกร่วมมือกัน สอนฉีจื่อฟู่ว่าได้รับผลประโยชน์แล้วค่อยถีบหัวส่งข้าก็เท่านั้นเอง”“และบอกฉีจ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 140

    หญิงสาวที่ถูกปลดนั้นเสียหายมากกว่าการหย่ามาก จะกลายเป็นที่น่าขันของทั้งแคว้นต้าฉี!นางหมกมุ่นกับชื่อเสียงขนาดนั้น สกุลหรงใส่ใจชื่อเสียงมากถึงขนาดนั้น เอาไว้เห็นหนังสือปลดภรรยาจากเขาแล้ว นางก็จะเข้าใจเองว่า เขาสามารถทำให้นางตกสู่นรกได้ด้วยกระดาษแผ่นเดียว ไม่อาจพลิกฟื้นเมื่อต้องอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวลนลาน นางต้องไม่กล้าทำเช่นนี้กับม่านหวาอีกแน่นอน!ในท้องของม่านหวามีลูกของเขาอยู่ ลูกของเขาก็เปรียบเสมือนลูกของหรงจือจือเช่นกันไม่ใช่หรือไร? อนาคตก็ต้องเรียกหรงจือจือว่าท่านแม่มิใช่หรือ? การที่นางรังแกแม่ผู้ให้กำเนินของลูกเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลชัดๆ!อวี้ม่านหวาตาเป็นประกาย นางพูดยุแยงต่อ “ท่านพี่ฟู่ ฮูหยินซื่อจื่ออาจจะโมโหเพียงชั่ววูบเพราะโกรธเคืองเรื่องเตาอุ่นมือก็เป็นได้ ท่านอย่าได้ถือสาหาความกับนางเลยเจ้าค่ะ…”แล้วก็เป็นไปดังคาด ฉีจื่อฟู่ได้ฟังดังนี้ก็ยิ่งโมโห “ก็แค่เตาอุ่นมืออันเดียว ข้าถูกทำร้ายจนมีสภาพนี้ ส่วนของก็ถูกนางเอากลับคืนไปแล้ว นางยังจะมีอะไรให้ไม่พอใจอีก?”“เจ้ารู้ความขนาดนี้ ไม่ว่าอะไรก็ยอมให้นางทุกอย่าง แต่นางกลับเอาแต่ใช้อำนาจ ข้าคิดถูกแล้วที่จะให้นางเป็นอนุ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status