แชร์

บทที่ 36

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ก็เห็นฉีอวี่เยียนพุ่งออกมาอย่างเร่งร้อน

มายืนอยู่เบื้องหน้าของหรงจือจือ เชิดคางสั่งการอย่างผยองว่า “พี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจพี่ชายของข้าอยู่บ้าง แต่เมื่อท่านไปจวนอ๋องเฉียน ห้ามกล่าวคำพูดที่เกิดผลลบต่อข้าเด็ดขาด ท่านได้ยินแล้วหรือไม่?”

หรงจือจือขำแล้ว ดูท่า แท้จริงแล้วฉีอวี่เยียนเองก็รู้เช่นกัน ว่าครอบครัวพวกนางทำผิดต่อตน ดังนั้นจึงได้กลัวว่า ตนจะกล่าวสิ่งที่ส่งผลเสียต่อนางออกมาเพราะความไม่พอใจ

เมื่อเห็นหรงจือจือมิได้รับปากในทันที ฉีอวี่เยียนก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอำมหิตว่า “หากท่านกล้ากล่าววาจาเกี่ยวกับข้าในแง่ร้ายแม้เพียงครึ่งคำ ข้าก็จะบอกให้พี่ชายขอข้าหย่าท่าน ให้ท่านไม่อาจเงยหน้าในเมืองหลวงแห่งนี้ได้อีกเลย!”

หรงจือจือ “รู้แล้ว”

เมื่อรู้แล้ว นางก็สามารถกล่าวเรื่องราวมากมายที่ไม่ส่งผลดีต่อฉีอวี่เยียนได้อย่างวางใจแล้ว

เดิมยังคิดว่า หากตนทำลายการหมั้นหมายและชื่อเสียงของฉีอวี่เยียน จะเกินไปหน่อยหรือไม่ แต่บัดนี้นางกลับพบว่า คนตระกูลฉีค่อนข้างมีความสามารถนัก ทุกครั้งล้วนสามารถทำให้นางสามารถพูดทุกสิ่งได้ดังใจ โดยไม่ต้องรู้สึกเป็นภาระด้านคุณธรรมแม้แต่น้อย

ฉีอวี่เยียนก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 37

    หรงจือจือเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยปากว่า “เป็นข้าที่ทำผิดต่อพระชายา”จากนั้น หรงจือจือก็เล่าพฤติกรรมต่างๆ ในหลายวันนี้ของฉีอวี่เยียนให้พระชายาฟังอย่างไม่ขาดตก ทว่านางมิได้ตัดสินใด เพียงแต่กล่าวถึงมุมมองของตนออกไปอย่างมีระเบียบเท่านั้นอย่างเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนและนางเซี่ยได้ฟัง สีหน้าก็ยิ่งเคร่มขรึมขึ้นเรื่อยๆสุดท้าย หรงจือจือกล่าวว่า “ตามหลักแล้ว ไม่ควรนำเรื่องไม่งามในบ้านมาเปิดเผยต่อภายนอก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ควรพูดออกมา แต่เนื่องจากการแต่งงานครั้งนี้มีข้าเป็นผู้มาขอ หากไม่กล่าวกับพระชายาให้ชัดเจน ในใจข้าก็ไม่อาจให้อภัยตนเองเช่นกัน”กล่าวจบ นางก็จะลุกขึ้นยืนทำการคารวะครั้งใหญ่ เพื่อแสดงถึงการขอขมาทว่า พระชายาอ๋องเฉียนขัดขวางนางไว้ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นดอก! แม้แต่ตัวเจ้าเองก็ถูกพวกเขาทั้งบ้านหลอกเช่นกัน แม้บ้านข้าจะพลอยถูกทำให้เดือดร้อนไปด้วย แต่เจ้าจึงจะเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุด แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่เหตุผลแค่นี้ข้ายังพอเข้าใจอยู่!”“นั่งลงเถิด! แม้เจ้าจะช่วยข้าไว้ แต่ตอนนั้น ที่หมั้นหมายก็มิใช่เพราะบุญคุณในเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะฉีอวี่เยียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 38

    เมื่อคนถูกไล่ออกไปแทบจะหมดแล้วพระชายาอ๋องเฉียนจึงได้เอ่ยปากอย่างลังเล “จือจือ ข้าเห็นเจ้าดั่งลูกหลานของตนจริงๆ จึงได้ถามเจ้าตามตรง มิได้มีเจตนาจะดูหมิ่นเจ้าอย่างแน่นอน ยังหวังว่าเจ้าอย่าโกรธเคืองอย่างเด็ดขาด”นี่กล่าวจนหรงจือจืองุนงงกว่ายิ่งเดิม ที่แท้เป็นคำถามใดกันแน่ จึงได้ร้ายแรงถึงขั้นนี้แล้ว?แม้ในใจของนางจะรู้สึกประหลาดใจ ทว่าบนใบหน้าก็ยังคงน่ารักเชื่อฟัง “พระชายา ท่านพูดมาเถิด ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นใด ในใจของข้าย่อมรู้ดี ไม่มีทางเข้าใจท่านผิดแน่เจ้าค่ะ”ในวันนี้ การที่พระชายายืนอยู่ข้างนางในเรื่องของฉีอวี่เยียนเยี่ยงนี้ หากหรงจือจือยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาร้ายต่อตนอีก เช่นนั้น หรงจือจือก็ออกจะไม่รู้ดีชั่วแล้วจริงๆพระชายาอ๋องเฉียนจึงได้วางใจลง แล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็จะถามแล้ว! ก่อนหน้านี้ตอนที่เจ้าแต่งไป ร่างกายของฉีจื่อฟู่ก็ไม่ค่อยจะดี จากนั้นไม่กี่วันเขาก็ไปแคว้นเจา เมื่อกลับมาก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ดังนั้นพวกเจ้า พวกเจ้า…”เห็นพระชายาอ๋องเฉียนอ้อมค้อมไปมากมาย สุดท้ายยังคงอ้ำๆ อื้งๆ มิได้กล่าวประเด็นสำคัญออกมาหรงจือจือจึงกล่าวว่า “พระชายา ท่านก็พูดมาตามตรงเถ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 39

    นางก็มิได้เขลา จึงกล่าวว่า “พระชายา ข้ายังไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เกรงว่าต้องผิดต่อความหวังดีของท่านแล้วเจ้าค่ะ”นางไม่เคยคิดจริงๆ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับฉีจื่อฟู่ ความมั่นใจที่นางมีต่อการแต่งงานล้วนสลายไปหมดแล้ว ภายหน้า ก็คิดเพียงจะคอยแสดงความกตัญญูอยู่ข้างกายของท่านย่า ปรนนิบัตินางในบั้นปลาย และในยามนี้ ตัวนางยังอยู่ในบันทึกวงศ์ตระกูลของตระกูลฉีอยู่เลย แล้วจะสนทนาเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจหรงจือจือในตอนนี้ เป็นฮูหยินของฉีจื่อฟู่ เพื่อหลานชาย นางสามารถทำหน้าหนาแย่งชิงคนของผู้อื่นได้ แต่หรงจือจือกลับไม่อาจรับปากด้วยความยินดีได้ในทันที เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ตีความว่า หรงจือจือเป็นสตรีที่ไร้ความสำรวมแล้วตนมิได้มองหรงจือจือผิดไปจริงๆพระชายาอ๋องเฉียนกล่าวว่า “ในเรื่องนี้ เจ้าก็มิต้องรีบร้อนปฏิเสธ ข้ารู้ว่า หลายวันนี้จิตใจของเจ้ากำลังสับสน รอจนเจ้าหย่าร้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าค่อยใคร่ครวญคำพูดของข้าก็ได้”“บัดนี้ เหิงเอ๋อร์เองก็รับหน้าที่อยู่ในสำนักฮั่นหลิน ในภายภาคหน้ายังจะสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่ออีก กับเจ้าแล้ว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 40

    หรงจือจือจะรู้ได้อย่างไรว่า ในใจของหยางหมัวมัวกำลังคิดสิ่งใดยามนี้จึงได้แต่อมยิ้มมองไปที่นางเซี่ย “ในเมื่อพระชายาซื่อจื่อกล่าวว่าติดค้างน้ำใจข้าหนหนึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะทำหน้าด้านขอแล้วนะเจ้าคะ”เมื่อหยางหมัวมัวฟังมาถึงจุดนี้ ก็ยิ่งอึดอัด หนี้น้ำใจนี้เมื่อขอไปแล้ว วันหน้าหากนางหรงคิดจะเปลี่ยนใจ แต่งให้กับคุณชายใหญ่ ก็ไม่อาจทำได้แล้วนางเซี่ยกลับพอใจกับการรู้ความของหรงจือจือเป็นอย่างมาก “อย่างนั้นเจ้าก็ลองพูดมาดูว่า เจ้าคิดจะให้ข้า ชายาซื่อจื่อผู้นี้ทำสิ่งใดให้เจ้ากัน?”หรงจือจือ “เรื่องการบอกให้ฉีอวี่เยียนเป็นอนุนั้น ยังขอรบกวนให้พระชายาซื่อจื่อ ช่วยโยนความผิดทั้งหมดไปที่แม่สามีผู้นั้นของข้าด้วยเจ้าค่ะ”สายตาที่นางเซี่ยมองหรงจือจือ อดไม่ได้ที่จะลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย “จือจือเกรงว่าคนตระกูลฉีจะคิดโยงมาถึงตัวเจ้า แล้วโทษเจ้ากระนั้นหรือ?”หรงจือจือยิ้มน้อยๆ ว่า “ในเมื่อวันนี้พระชายาซื่อจื่อเปิดอกพูดกับข้า เช่นนั้นข้าก็จะขอกล่าวตามตรง สามปีมานี้ ขอเพียงนางถานต้องการจะร้องขอสิ่งที่เกินกำลังให้ฉีอวี่เยียน ล้วนให้ข้าวุ่นวายเป็นธุระให้นาง ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจ เสียทั้งเงินใช้ทั้งพลังงาน สิ่งท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 41  

    พระชายาอ๋องเฉียนกล่าว “นี่จะมีอะไรเป็นไปไม่ได้? คนอย่างเจ้าด้อยกว่าเจ้าฉีจื่อฟู่คนนั้นที่ไหนกัน กล่าวถึงชาติตระกูลแล้วไม่มีผู้ใดจะเทียบเจ้าได้ นางหรงเปลี่ยนมาสมรสกับเจ้า ก็ถือเป็นเรื่องมงคลสำหรับนางและสกุลหรงแล้ว” “และอีกอย่าง ต่อจากนี้ในจวนก็มีข้าซึ่งเป็นย่าของเจ้าคอยดูแลนาง จะไม่สุขกายสบายใจกว่าการใช้ชีวิตอยู่กับนางถานอีกหรือ? ไว้นางหย่าร้างแล้ว หากสกุลหรงไม่ยินยอม ข้าจะยอมเสียหน้า ไปช่วยเจ้าสู่ขอด้วยตนเอง!” ถึงแม้ว่าพระชายาอ๋องเฉียนจะคิดไม่ออก ว่าสกุลหรงจะมีเหตุผลใดที่จะไม่ยินยอม จีอู๋เหิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็รีบคุกเข่าต่อหน้าท่านย่าทันที พลางกล่าวด้วยความตื้นตัน “เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับที่ท่านย่าเมตตาให้อภัยในความดื้อรั้นของหลาน! หากได้สมรสกับบุตรสาวคนโตสกุลหรงแล้ว ตลอดชีวิตนี้หลานจะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว และข้ากับนางจะตั้งใจดูแลท่านย่า กตัญญูตอบแทนบุญคุณอย่างดีขอรับ” พระชายาอ๋องเฉียนยิ้มพลางเอ่ย “หากมิใช่นางเจ้าก็ไม่ยอมสมรสกับผู้ใด หากข้าไม่อภัยให้เจ้าแล้วจะทำอย่างไรได้หรือ? เพียงแต่ประโยคที่ว่า ‘ตลอดชีวิตนี้จะไม่ร้องขอสิ่งใดอีกแล้ว’ จากนี้อย่าได้พูดออกมาอีกเชียว ในเมื่อเจ้าจะ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 42  

    หรงจือจือยิ้มบาง ๆ ได้แต่รู้สึกว่าเจาซีช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน ไม่ว่าคนนอกจะดูถูกดูแคลนนางอย่างไร ทว่าในสายตาของเจาซี ตนเองดีที่สุดในทุกด้านแล้ว คนอื่นที่พลาดตนเองไป จะต้องรู้สึกเสียใจทั้งสิ้น หรงจือจือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง “เอาล่ะ รีบเช็ดน้ำตาได้แล้ว ประเดี๋ยวหากมีคนเห็นเข้า เกรงว่าจะเล่าลือกันไปแบบไม่มีสาเหตุอีก” เจาซีผงกศีรษะอย่างว่าง่าย และรับผ้าเช็ดหน้าไว้ ครั้นปลอบโยนเจาซีเรียบร้อย หรงจือจือก็สงบจิตใจกลับมาอยู่กับตนเอง หวนคิดถึงถ้อยคำของนางเซี่ยแล้ว ก็รู้สึกว่าไอเย็นยะเยือกระลอกหนึ่งพลันไล่ขึ้นมาจากฝ่าเท้า ถ้อยคำว่าร้ายเหล่านั้นบาดลึกจนทำให้รู้สึกเหน็บหนาวแม้นอยู่ในเดือนหก ฤดูหนาวในวันนี้ ช่างเย็นเยือกเสียเหลือเกิน ทว่านางจะไม่มีวันถูกทำลายลงได้ และนางก็จะไม่ยอมให้ตนเองถูกทำลายลงเด็ดขาด ท่านย่าสอนให้นางเข้มแข็งและกล้าหาญเด็ดขาด นางหรือจะทำให้ท่านย่าต้องผิดหวัง? ครั้นกลับมาถึงจวนโหวแล้ว หรงจือจือสั่งให้บ่าวรับใช้จุดถ่านไฟ กระทั่งร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ก็สั่งด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนบอกให้เจาซีไปนำกระดาษและพู่กันมา จากนั้นก็เริ่มเขียนหนังสือหย่าด้วยความตั้งอกตั้งใจเป็นที่สุ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 43  

    เฉินหมัวมัวโกรธจนหน้าถอดสี ขึงตาจ้องหรงจือจือพลางเอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านคิดให้ดี! แม่สามีของทำกำลังไม่สบาย หากท่านปฏิเสธไม่ดูแลปรนนิบัติท่านยามป่วยไข้จะมีโทษอย่างไร?” หากมิใช่เพราะมีเพียงฝีมือและแรงบีบนวดของนางหรงเท่านั้น ที่สามารถทำให้ฮูหยินรู้สึกสบายตัวได้แล้ว ตนเองไม่มีทางถ่อมาถึงที่แห่งนี้แน่ หรงจือจือเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ข้าบอกแล้ว ว่ามือข้าไม่มีแรง ให้ท่านแม่ลองคิดดูเอาเองเถิด หากเรื่องที่ฝืนบังคับให้ลูกสะใภ้ที่กำลังไม่สบายไปบีบนวดให้ตนเอง ถูกเล่าลือออกไปถึงคนข้างนอกจะน่าฟังหรือไม่น่าฟัง” สาวใช้เฉินกล่าว “กำลังไม่สบาย? ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าเห็นอยู่ว่าท่านร่างกายแข็งแรงดีนะเจ้าคะ!” หรงจือจือเหลือบสายตามองนาง “อะไรกัน? นี่เจ้าเป็นหมออย่างนั้นหรือ?” สาวใช้เฉินถูกตอกหน้าจนสะอึกไป นางพลันรู้สึกคับแค้นใจขึ้นมา ก็เอ่ยว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ บ่าวขอเตือนท่านไว้อย่างหนึ่ง บัดนี้เป็นเพราะทุกคนให้เกียรติท่ามหาราชครูหรงอยู่ ถึงได้เรียกท่านว่าฮูหยินซื่อจื่อ!” “ซื่อจื่อหมายมั่นตั้งใจแล้วว่าจะให้องค์หญิงม่านหวาเป็นภรรยาเอก ความจริงพวกข้าควรจะเรียกท่านว่าอนุด้วยซ้ำ แต่เพราะฮูหยินมีเมตตา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 44  

    ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่แห่งนี้คือเรือนของหรงจือจือเลย นางควบคุมอำนาจการดูแลงานบ้านงานเรือนภายในจวนโหวมาแล้วสามปี ด้วยความสามารถในการควบคุมบ่าวรับใช้ของนาง ตราบใดที่มิใช่สวนฉางโซ่วแล้ว การจะจัดการกับสาวใช้เฉินเพียงคนเดียว ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน อวี้หมัวมัวโบกมือ บ่าวรับใช้หลายคนก็เดินเข้ามา มัดตัวสาวใช้เฉินไว้ สาวใช้เฉินคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าหรงจือจืออย่างไม่เต็มใจถึงที่สุด ปากก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าบ่าวรับใช้ผู้ซึ่งรับหน้าที่ลงโทษ เดินเข้าไปก็จัดการตบปากเต็มแรงไปหลายหน จนคำพูดของสาวใช้เฉินกระจุยกระจายหายไปหมด นางกัดฟันกรอด ๆ “ฮูหยินซื่อจื่อ เจ้า…เจ้า…ตบข้า ฮูหยินท่านไม่…มะ…ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ นางจะต้อง…ไม่ปล่อยเจ้า…อย่างเด็ดขาด…” เห็นสาวใช้เฉินมาถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกผิด ยังกล้าใช้วาจาคุกคามข่มขู่หรงจือจือ หรงจือจือเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ประเดี๋ยวตอนโบย มิต้องออมมือ บาดแผลจะสาหัสเพียงใดล้วนเป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับมันแล้ว” อวี้หมัวมัวรับคำ “เจ้าค่ะ!” สาวใช้เฉินถูกตบจนหน้าบวม ครั้นได้ยินวาจานี้ ก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด เจาซียังคงโกรธเคืองกับสิ่งที่สาวใช้เฉิน

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 100  

    แต่เขาคิดจนหัวแตก ก็ไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย คนยังคงไม่สามารถขึ้นไปอยู่บนเตียงหลังเดียวกับหรงจือจือ รู้สึกเพียงว่า ในใจของตนกระวนกระวายอย่างที่สุด ปากคอยิ่งแห้งผากกว่าเดิม อวี้ม่านหวารับรู้ได้ว่า ใจของเขาไม่อยู่ที่นี่ จึงกล่าวด้วยหยาดน้ำตาที่ขังคลอในเบ้าตาว่า “ท่านพี่ หรือว่าท่านไม่ปรารถนาจะมาหาข้า? ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านก็ไปหาพี่หญิง…ไม่สิ ท่านก็ไปหาฮูหยินซื่อจื่อเถอะ” พูดจบ ก็เริ่มซับน้ำตา ในอดีต ฉีจื่อฟู่มีความอดทนให้การปลอบนางอย่างมาก ทว่าวันนี้ ความคาดหวังอันเต็มอกที่จะได้ร่วมหอกับหรงจือจือถูกดับลงสิ้น จากที่เดิมที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว หนนี้ จึงขมวดคิ้วเหลือบตามองนางคราหนึ่ง แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าแสร้งเป็นปวดท้อง เพื่อเรียกให้ข้ามาหรือ?” อวี้ม่านหวาถูกทำให้พูดไม่ออก ฉีจื่อฟู่รู้สึกว่านางช่างประหลาดนัก ปวดท้องอะไรกัน? เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ กระทั่งลูกไม้เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานเล็กๆ พวกนี้ของนาง เขาก็มองไม่ออกอย่างนั้นหรือ? แล้วบัดนี้ ยังจะมาเล่นตัวเพื่อการใดอีก? อวี้ม่านหวาเริ่มหลั่งน้ำตา “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าเช่นนี้? ข้าเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 99

    ตงจื้อกล่าวอย่างคิดว่าตนมีเหตุผลว่า “แต่ข้าคิดว่า ซื่อจื่อ ท่านจึงจะเป็นดั่งฟ้าของฮูหยินซื่อจื่อมิใช่หรือขอรับ? ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงจะสำคัญเช่นไร ก็ไม่มีทางสำคัญเท่าการทำให้ท่านเบิกบานใช่ไหมขอรับ?”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้ามืดมนลงแล้ว “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก !”ตนเป็นสามีของจือจือ นางควรจะให้ความสำคัญกับตนเป็นอันดับแรกในทุกเรื่องชัดๆในเวลานั้นเอง ก็มีข้ารับใช้อีกคนเข้ามารายงานว่า “ซื่อจื่อ อนุอวี้บอกว่าท้องของนางรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง บอกให้ท่านไปอยู่เป็นเพื่อนนางขอรับ!”ฉีจื่อฟู่ “รู้แล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ในเมื่อหรงจือจือไม่รู้จักรับน้ำใจของผู้อื่น เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางเดียวดายไปเถอะ มีคนมากมายที่รักข้า ข้าก็มิใช่ว่าต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวเสียหน่อย!“ชิวอี้ เจ้าจงส่งความไปบอกเรือนหลัน ให้ฮูหยินซื่อจื่อสำนึกตนให้ดี คิดดูว่าจะขอโทษข้าเช่นไร ไม่เช่นนั้น ถึงเวลาคลอดบุตรภรรยาเอกออกมาไม่ได้ ก็จงอย่าได้มาขอร้องข้าแล้วกัน!”ชิวอี้สั่นสะท้านขึ้นมา เหลือบมองตงจื้อคราหนึ่ง แล้วคุกเข่ากล่าวว่า “ซื่อจื่อ ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นเด็กรับใช้รับหน้าที่ช่วยจัดการธุระต่างๆ ไปส่งข่าวดีไหมขอร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 98

    หรงจือจือมองไปที่ตงจื้อ ถามอย่างราบเรียบที่แฝงไปด้วยความเย็นชาและเย้ยหยันว่า “คำพูดที่บอกไม่ได้ข้าสวมชุดไว้ทุกข์ เป็นเจ้าหรือซื่อจื่อที่พูด?”ตงจื้อตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “เป็นข้าพูดเองขอรับ ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าก็พูดไปเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้า…”หรงจือจือกล่าวด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ข้ารับใช้ในจวนนี้ ล้วนต่างก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้ว แต่ละคนต่างกล้ามาสั่งสอนข้า ว่าควรจัดการเรื่องราวอย่างไร คิดว่าครั้งก่อนที่โบยบ่าวรับใช้แซ่เฉินนั่นไป คงยังไม่พอจะเชือดไก่ให้ลิงดูกระมัง”ตงจื้องงแล้ว นี่ฮูหยินซื่อจื่อหมายความว่าอย่างไรกัน?หรงจือจือ “เด็กๆ! ลากออกไปโบยซะ! ครั้งก่อนสั่งสอนบ่าวแซ่เฉินนั่นเช่นไร วันนี้ก็จงสั่งสอนเขาเช่นนั้น!”ตงจื้อรีบกล่าวว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดกัน? ข้าหวังดีต่อท่านจริงๆ นะขอรับ หรือท่านไม่อยากปรนนิบัติซื่อจื่อพักผ่อนแล้วหรือ? หากโบยข้า ซื่อจื่อจะต้องไม่พอใจแน่!”หรงจือจือคิดในใจว่า อย่างนั้นย่อมดีที่สุด ทางที่ดีให้ฉีจื่อฟู่ไร้ความสุขทุกคืน ไม่พอใจตนทุกวัน จะได้ไม่คิดถึงเรื่องร่วมเตียงกันที่น่าขยะแขยงแบบนี้อีกนางไม่แม้จะเงยหน้า ไม่ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 97

    หรงจือจือ “ถูกแล้ว คำพูดพวกนั้น จะไม่ทำให้เจ้าพลอยเดือดร้อน และยังจะช่วยเจ้าให้พ้นผิดด้วย แต่หากเจ้าไม่วางใจ ไม่ยินดีช่วยก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่บังคับ”ทว่า ชุนเซิงกลับโขกศีรษะให้หรงจือจือครั้งหนึ่ง “ในตอนนั้น ชีวิตนี้ของข้าก็เป็นฮูหยินซื่อจื่อท่านที่ช่วยกลับมา ข้าจดจำพระคุณของท่านได้ ข้าเชื่อว่าท่านไม่มีทางทำร้ายข้า เรื่องนี้ข้าจะช่วยท่านขอรับ”หรงจือจือกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เช่นนี้ก็ดีนัก ลำบากเจ้าแล้ว”เจาซีก้าวเข้าไปเพื่อยัดตั๋วเงินให้ชุนเซิงแต่ชุนเซิงกับยืนกรานไม่ยอมรับ “ฮูหยินซื่อจื่อ เดิมบุญคุณที่ช่วยชีวิต ก็ควรตอบแทนอยู่แล้ว! และตอนนั้น ยังเป็นข้าที่บอกว่าตนเองก็อยากร่ำเรียนหนังสือ ท่านถึงได้จัดให้ข้าไปเป็นเด็กรับใช้เรื่องเรียนของคุณชายสี่”“เวลานี้ ข้าพอรู้อักษรอยู่บ้าง จึงเข้าใจหลักการและเหตุผลจำนวนหนึ่ง บุญคุณที่ท่านมีต่อข้า ดุจดั่งการให้กำเนิดใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ หากมอบเงินให้ข้า กลับจะเป็นการดูหมิ่นข้านะขอรับ”คำพูดของชุนเซิง มิได้อยู่เหนือความคาดหมายของหรงจือจือเลยเพราะหลายปีมานี้ แม้สัญญาขายตัวของเขาจะอยู่กับนางถาน ทว่า เรื่องของฉีจื่อเสียนนั้น ชุนเซิงก็มักมารายงา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 96

    เพียงแต่ตอนนั้น เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีถูกกัด หลังคุณหนูตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องด้วยความตกใจของนาง ก็รีบดูบาดแผลให้เขา ทว่า ทันทีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินเอ่ยปากกลับพูดว่า ในป่ารกร้างเช่นนี้ถึงกับมีงูมากัดเขา แต่ไม่เอ่ยว่าเป็นเพราะช่วยคุณหนูเลยสักคำตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังงีบหลับอย่างสะลึมสะลือ จึงไม่ทราบเรื่องนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และสังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงมีเพียงเจาซีเท่านั้นในใจของเจาซีนั้น รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มิได้เปิดโปงอย่างหุนหัน เพียงสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวประโยคหนึ่งในภายหลัง ตอนส่งท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจากไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีเจตนาใดกันแน่?”ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินมิได้ตอบ เพียงกล่าวว่า “ขอแม่นางโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้บอกให้คุณหนูของเจ้ารู้”เจาซีคิดว่า น่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูของนางเกิดภาระทางใจ จึงรับปากไปต่อมาท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจึงได้จากไปพร้อมกับลูกน้องที่มารับเขาหรงจือจือมองเจาซีอย่างแปลกใจทีหนึ่ง “เหตุใจเจ้าจึงมั่นใจเพียงนี้?”เจาซีจึงได้สติกลับมา “นี่…”นางคิดว่า ในเมื่อตอนนั้นรับปากท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินไปแล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 95

    กล่าวจบ หรงจือจือก็สาวเท้าจากไปฉีอวี่เยียนดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา “ท่านแม่ นี่ดีเหลือเกิน ข้ายังกังวลว่าข้าจะได้แต่งงานไม่ดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะยังวางแผนให้ข้า”นางถาน “ล้วนเป็นเพราะลูกเสียนของข้าศึกษาตำรามา จึงไปเกลี้ยกล่อมนางได้สำเร็จ เจ้าต้องขอบคุณน้องเจ้าให้ดี!”ฉีจื่อเสียนได้หน้าก็ยิ่งยินดี แต่ในใจก็รู้สึกแปลกอยู่บ้าง เพราะวันนี้หรงจือจือไม่ไว้หน้าเขาเลยชัดๆ หรือว่ามาคิดได้เอาภายหลังกัน?ใช่แน่แล้ว คำพูดของตนมีเหตุผลจะตาย การที่หรงจือจือเชื่อฟังก็เป็นเรื่องสมควรแล้วฉีอวี่เยียนรีบกล่าวว่า “ต้องขอบคุณน้องชายแล้ว!”ซิ่นหยางโหวส่งขันทีอาวุโสหยางจากไป เมื่อกลับมาก็เห็นพวกเขากำลังเริงร่า เมื่อสอบถามจนรู้สาเหตุ ก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกทีหนึ่งจากนั้นก็มองฉีจื่อฟู่ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “จือจือกลับมาคิดเพื่อครอบครัวนี้อีกครั้ง คิดว่าในใจคงยังมีเจ้าอยู่ ในอนาคต เจ้าจงอย่างทำเรื่องโง่ๆ อีก คืนนี้ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนจือจือให้ดีๆ ซะ!”ฉีจื่อฟู่ “ขอรับ!”เขาจะไม่อยากนอนกับจือจือได้อย่างไร?อวี้ม่านหวากำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แต่กลับไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว……เมื่อกลับมาถึงเรือนหลัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 94

    ในเมื่อเฉินเยี่ยนซูลงมือแล้ว หรงจือจือก็ไม่ใช่พวกไม่รู้ถึงความปรารถนาดีของผู้อื่นจึงหยิบยืมคำพูดของเฉินเยี่ยนซู มาทำให้อวี้ม่านหวาสงบเสงี่ยมลงหน่อยอวี้ม่านหวาก็หวาดกลัวจนหดร่างด้วยความสั่นสะท้านไปครู่หนึ่งจริงๆนางถานกล่าวด้วยความโมโหว่า “หรงจือจือ ในท้องของม่านหวา…”หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางถาน มองไปที่ฉีอวี่เยียนนิ่งๆ “น้องสามี ข้าวางแผนว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง จะจัดงานชมดอกไม้ในนามของท่านแม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? ส่วนเรื่องเทียบเชิญ ก็จะให้คนในเรือนของข้าไปส่งเอง”ตามกฎหมายของแคว้นต้าฉี หากบิดามารดาเสียชีวิต บุตรธิดาต้องไว้ทุกข์สามปี หากผู้เป็นปู่ย่าวายชนม์ ชนรุ่นหลานต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาหนึ่งปีไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วหรือไม่ ล้วนเป็นเช่นเดียวกับยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงแก่กรรม หรงจือจือจึงไม่สะดวกที่จะใช้ชื่อตนไปจัดงานเลี้ยงทุกประเภทเมื่อฉีอวี่เยียนได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นทันที “พี่สะใภ้ จริงหรือ?”ในแคว้นต้าฉี การจัดงานประชุมบทกวี เป็นการพบปะสังสรรค์ของเหล่าบัณฑิต ส่วนการจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ ส่วนมากล้วนเป็นงานดูตัวที่เหล่าฮูหยินผู้สูงศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 93

    หรงจือจือกำลังปวดหัวว่าไม่มีเหตุผลจะใช้อยู่ต่อ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนส่งหมอนมาให้ตอนง่วงพอดีคำพูดเสแสร้งที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของอวี้ม่านหวานี้ กลับเป็นการช่วยตนอีกแรง “อนุอวี้กล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง ในเมื่อยามนี้เจ้าก็เป็นอนุแล้ว ข้ายังจะจากไปทำไมอีก? เรื่องการหย่าร้าง ก็ให้ถือเสียว่าไม่เคยพูดถึงเถอะ”อวี้ม่านหวา “?”ไม่ใช่นะ นี่ เหตุใดจึงไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้เล่า?ฉีจื่อฟู่ถอนใจอย่างโล่งอกทันที แม้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา ที่จะให้หรงจือจือเป็นอนุ แต่อย่างน้อย นางก็ไม่พูดถึงเรื่องการหย่าร้างแล้วหรงจือจือจับตามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตระหนกของอวี้ม่านหวา “ที่สีหน้าของอนุอวี้ไม่น่ามองถึงเพียงนี้ หรือการที่ข้าอยู่ต่อ ทำให้เจ้าไม่พอใจแล้ว?”อวี้ม่านหวาฝืนยิ้มว่า “ไม่…ไม่ใช่! ในใจของท่านพี่ฟู่มีพี่หญิงอยู่ หากพี่หญิงจากไป ท่านพี่ฟู่จะต้องเสียใจแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น น้องจะหวังให้พี่หญิงจากไปได้อย่างไร?”เมื่อฉีจื่อฟู่ฟังจบ ก็เหลือบมองอวี้ม่านหวาอย่างตื้นตัน “ม่านหวา…”เมื่อเห็นพฤติกรรมอันน่าทุเรศของเขา เจาซีก็โมโหจนหน้าเขียวใจของหรงจือจือกลับสงบนิ่ง ไร้ระลอกคลื่น เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 92

    อวี้ม่านหวาจะคาดได้อย่างไรว่า ขันทีอาวุโสหยางผู้นี้ไม่เพียงมาประกาศราชโองการที่ทำจิตใจของตนหนักอึ้งหดหู่เท่านั้น แถมยังพูดถึงเรื่องความเป็นตายขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกเมื่อฟังคำพูดนี้ของอีกฝ่ายจบ นางก็หวาดกลัวจนท้องเริ่มปวดแปลบขึ้นมาแล้ว!นางถานรีบประคองนาง “องค์หญิง…”เมื่อขันทีอาวุโสหยางได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองนางถานอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ฮูหยิน แคว้นเจาล่มสลายไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีองค์หญิงอันใดแล้ว หรือว่า จวนโหวของพวกท่านมีความคิดเป็นอื่น?”นางถานตกใจจนสะดุ้ง รีบกล่าวว่า “มิกล้า! ข้าแค่พูดผิดไปชั่วขณะเท่านั้น ขอหยางกงกงโปรดอย่าได้ถือสาเลย!”ขันทีอาวุโสหยางแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง สะบัดแส้ในมือทีหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว!”ซิ่นหยางโหว “ข้าจะไปส่งกงกง!”ขันทีอาวุโสหยางก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า ซิ่นหยางโหวต้องการประจบตน บัดนี้ฉีจื่อฟู่ทำลายอนาคตตัวเอง หนทางเบื้องหน้าของจวนโหวจึงน่าเป็นห่วงรอจนพวกเขาออกไปแล้วฉีจื่อฟู่มองไปทางหรงจือจือ ขมวดคิ้วถามว่า “จือจือ เจ้ารู้จักท่านอัครมหาเสนาบดีหรือ?”หรงจือจือสงบความคิดลง นางก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินเยี่ยน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status