Share

บทที่ 29

Author: สั่งไม่หยุด
ทว่าสุดท้ายในตอนนี้ก็ยังเอ่ยกับพี่ชายของตนว่า “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะท่านพี่ไม่ใช่หรือ? หากท่านพี่ไม่ลดให้พี่สะใภ้เป็นอนุ นางจะเปลี่ยนไปเช่นนี้หรือ?”

สีหน้าของฉีจื่อฟู่คล้ำดำเขียวระลอกหนึ่งซีดเผือดระลอกหนึ่ง

ทว่าฉีอวี่เยียนเอ่ยต่ออีก “แต่ก็ดี ตั้งแต่ท่านพี่ลดให้นางเป็นอนุ นางก็ใจกว้างขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปขอนางหนึ่งร้อยตำลึง นางก็ให้ตั้งสองร้อยตำลึง”

“ตอนนี้เราต้องการเยอะสุดเพียงสามสิบหาบ แต่นางดันเป็นฝ่ายออกปากให้สินเดิมข้าตั้งเยอะแยะเช่นนี้ ก็แปลว่าอย่างไรแล้วสตรีจะให้เคยตัวไม่ได้ ท่านพี่ท่านทำถูกต้องแล้ว!”

ครั้นฉีจื่อฟู่นึกขึ้นได้ว่าอย่างไรหรงจือจือก็ยอมชักสินเดิมออกมามากมายขนาดนั้น เขาก็ค่อย ๆ ใจเย็นลงเช่นกัน ในใจของจือจือมีตนอยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นนางจะไม่ให้ก็ย่อมได้

ที่นางโกรธคงเป็นเพราะเรื่องลดเป็นอนุ รอผ่านไปอีกสองสามวันเรื่องทุกอย่างลงตัวแล้ว นางค่อย ๆ ยอมรับความจริงได้แล้ว ก็จะกลับไปเป็นอย่างแต่ก่อนแน่นอน

เขาเอ่ยกับฉีอวี่เยียนว่า “พี่สะใภ้เจ้าพูดถูก ท่านแม่ถูกเจ้าทำให้โกรธจนเป็นลมไป เราสองพี่น้องคอยดูแลปรนนิบัติอยู่ที่นี่กันเถอะ!”

ฉีอวี่เยียนเบะ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Nittaya Yanpanya
น่าเบื่อเสียเวลา
goodnovel comment avatar
Nittaya Yanpanya
ยืดเยื้อไม่เข้าประเด็นหลักสักทั
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 30

    วันนี้คือวันคิดบัญชี บ่าวรับใช้ที่ดูแลเอาบัญชีทั้งหมดมาวางไว้ตรงหน้าหรงจือจือ รวมถึงเงินตำลึงที่ได้รับมาของทั้งฤดูใบไม้ร่วง ทั้งหมดห้าพันกว่าตำลึงเงินแต่หลังหรงจือจือตรวจสอบทรัพย์สินคงเหลือและตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ชักออกไปสี่พันแปดร้อยตั๋วเงิน ฉะนั้นผู้ดูแลหลี่จึงลำบากใจด้วยเหตุนี้หรงจือจือเอ่ยขึ้นชืด ๆ “ผู้ดูแลหลี่ ตอนแรกที่ข้าแต่งเข้ามา บัญชีร้านบางส่วนของจวนโหวขาดทุน ต้องการเงินโปะไปก่อน ถึงจะดูว่าสร้างกำไรได้หรือไม่”“สี่พันแปดร้อยตำลึงนี้ เป็นสินเดิมที่ข้านำมาจากบ้านเดิม เพียงแค่ให้จวนโหวยืมชั่วคราว ต้องมีการลงบัญชีทั้งสิ้น”“ตอนนี้ร้านมีกำไร ที่ขาดทุนก็เปลี่ยนเป็นรายได้แล้ว ข้าจะเอาเงินทุนของตัวเองคืน มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”นางไม่ได้คิดดอกเบี้ย ก็นับว่าบุญโขแล้วผู้ดูแลหลี่ “พูด...พูดเช่นนี้ไม่ถูกนะขอรับ แต่ฮูหยินซื่อจื่อ อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านแบ่งเป็นสัดส่วนเช่นนี้ นี่...”ลูกสะใภ้ควักเงินช่วยที่บ้าน ยังต้องเอาคืนอีก ฮูหยินซื่อจื่อไม่กลัวว่าทางฮูหยินจะไม่พอใจหรือ?หรงจือจือหัวเราะเบา ๆ ออกมาเสียงหนึ่ง นางมองผู้ดูแลหลี่พลางเอ่ยว่า “ผู้ดูแลหลี่ แม้ท่านจะเป็นคนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 31

    เมื่อนึกถึงจุดนี้ นางก็กล่าวกับเจาซีว่า “ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ท่านปรมาจารย์ซื่อคง บอกว่าบัวไหมสวรรค์ดอกที่สองนั้น ข้าไม่ต้องการแล้ว ให้ท่านปรมาจารย์จัดการได้ตามสะดวกเลย”ทุกคนต่างรู้ว่า นางเคยวิงวอน ร้องขอดอกบัวไหมสวรรค์ให้ฉีจื่อฟู่แต่นอกจากปรมาจารย์ซื่อคงและเจาซีที่ติดตามนางทั้งวันแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ดอกบัวไหมสวรรค์ที่นางขอมานั้น ทั้งหมดมีสองดอกเนื่องจากพิษบนร่างของฉีจื่อฟู่ได้รับมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จำเป็นต้องรับประทานสองดอกจึงจะหายดี แต่เนื่องจากฤทธิ์ยาของดอกบัวไหมสวรรค์แรงกล้าเกินไป ร่างกายที่อ่อนแอในตอนนั้นของเขารับไม่ไหว จึงได้แต่กินดอกที่สองในอีกสามปีให้หลังทว่าไม่ได้รับประทานดอกที่สอง ในไม่ช้า ร่างกายก็จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นเหมือนดังเก่าหากแต่ยามนั้น ปรมาจารย์ซื่อคงมิได้มอบดอกบัวไหมสวรรค์ทั้งสองดอกแก่นาง แต่กล่าวว่า สามปีให้หลัง หากตนคิดว่ายังมีความจำเป็น ค่อยกลับมารับไป และยังบอกตนมิให้กล่าวเรื่องนี้ต่อผู้ใดก่อนหน้านี้ หรงจือจือเห็นว่า ฉีจื่อฟู่กลับมาในระยะเวลาสามปีพอดี ก็ถอนใจอย่างโล่งอก ทว่ายังไม่ทันได้กล่าวเรื่องนี้กับเขา คิดไม่ถึงว่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 32

    เกรงว่าในหัวนางคงมีถุงขนาดใหญ่อย่างไร้สาเหตุ จึงได้คิดว่าอาจมีสักวันที่คุณหนูจะเสียใจ คงมีวันหนึ่งที่ซื่อจื่อจะรู้ว่าตนทำผิดเมื่อเห็นท่าทางโมโหฟึดฟัดของฉีจื่อฟู่ หรงจือจือเพียงแต่ยิ้มบางๆ เท่านั้น “อนุชั้นต่ำ? ท่านพี่คิดว่าตระกูลหรงของข้าไร้คนแล้วจริงหรือ?”สีหน้าของฉีจื่อฟู่ชะงักลง ในใจก็เข้าใจดีว่า ต่อให้ราชครูหรงจะอุปนิสัยดีเพียงใด เกรงว่าไม่มีทางยอมให้บุตรสาวของตนเป็นอนุชั้นต่ำแน่ เพราะอนุชั้นสูงกับอนุชั้นต่ำแตกต่างกันมากเกินไปนั่นเท่ากับเป็นการด่ามหาราชครูหรงว่าเลี้ยงบุตรสาวที่ไม่คู่ควรแก่การยกย่องออกมา ถึงเวลานั้น เกรงว่าอีกฝ่ายคงรวบรวมพรรคพวกในฝ่ายตนมาเล่นงานเขาแล้วแต่เขาโมโหจริงๆ!ท่านแม่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ไม่ง่ายเลยที่อาการจะดีขึ้นหน่อย หรงจือจือทำเช่นนี้ ก็ทำให้ท่านแม่โมโหจนสุขภาพเสียอีกแล้วนางก็ไม่กลัวว่าหากท่านแม่เป็นอันใดขึ้นมา ตนจะไม่มีวันให้อภัยนางไปตลอดชีวิตหรือ?หรงจือจือยังคงมองฉีจื่อฟู่ แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ไม่เร่งร้อนว่า “ท่านพี่ ท่านคิดเสร็จแล้วหรือยัง? จะให้ข้าเป็นอนุชั้นต่ำหรือไม่”ฉีจื่อฟู่ขมวดคิ้ว มองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตำหนิ “ข้าก็แค่กำลังโมโห พ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 33

    หรงจือจือ “ดังนั้นในสายตาของท่านพี่ การที่ร่างกายของท่านหายดีแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือข้าสินะ?”ฉีจื่อฟู่ก็มิได้กล่าวผิด นางทำเพื่อสถานะของตนในจวนโหวจริงๆในเมื่อแต่งให้ซื่อจื่อของจวนโหว ก็ย่อมต้องเป็นนายหญิงของจวนโหว เป็นตัวอย่างที่ดีให้เหล่าน้องสาวในตระกูล ย่อมไม่อาจปล่อยให้เขาเอาแต่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยไปตลอดได้แต่การที่ฉีจื่อฟู่สามารถลงมาเดินเตร็ดเตร่บนพื้นเหมือนคนปกติได้ถึงสามปี หรือนี่มิใช่การได้ติดหนี้น้ำใจนางหรือ? ประโยชน์ที่เขาได้รับมิใช่มากกว่านางมากหรือ?แล้วเหตุใดจึงถูกเขาพูดจนราวกับว่ามีแต่นางที่ได้ประโยชน์เล่า?เมื่อคิดเช่นนั้น หรงจือจือก็หัวเราะอย่างเย้ยหยันอีกคราว่า “หลังจากท่านพี่ถูกข้ารักษาจนหายดี ลงจากเตียงได้แล้ว ผลงานแรกที่ทำ ก็คือข้ามแม่น้ำรื้อสะพานทิ้ง เฉดหัวผู้มีพระคุณทิ้ง ให้ภรรยาเอกเช่นข้าไปเป็นอนุ คิดว่าในสายตาของท่าน นี่ก็เป็นประโยชน์ที่ข้าหาให้ตนเองด้วยกระมัง”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ยินถึงจุดนี้ ก็กล่าวอย่างด้วยความโมโหว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน? เจ้าคิดจะบอกว่า เจ้าเสียใจที่ไปขอยามารักษาข้าจนหายอย่างนั้นหรือ?”ในเวลานี้ ใบหน้าที่อ่อนโยนข

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 34

    หากถกกันในแง่คุณูปการต่อแคว้นต้าฉี่แล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉิน ‘เฉินเยี่ยนซู’ ท่านสมุหราชเลขาธิการ ผู้เป็นอดีตอัครมหาเสนาบดีแห่งรัชสมัยก่อนที่ยังรับราชการในสมัยปัจจุบัน และได้รับการนับถือจากฮ่องเต้ประดุจบิดาในฐานะ ‘เซียงฟู่’ สามารถกล่าวได้ว่า เขาเปรียบได้กับแสงสุริยาและจันทรา ส่วนฉีจื่อฟู่เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ก็เป็นได้เพียงแสงหิ่งห้อยเท่านั้น”หากสามารถช่วยท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินได้จริง ก็จะยิ่งทำให้ความปรารถนาของหรงจือจือ ในการสร้างคุณประโยชน์ต่อแคว้นต้าฉีสัมฤทธิผลยิ่งกว่าเดิม!เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา กล่าวกับฉีจื่อฟู่ด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพี่วางใจเถิด วันหลังข้าจะไม่พูดถึงเรื่องการรักษาท่านจนหายดีอีกแล้ว!”เพราะอีกไม่เกินสามเดือน ท่านก็จะต้องกลับไปนอนอีกครั้งแล้ว แล้วนางจะไปพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีกทำไมทว่า หรงจือจือยังคงกล่าวว่า “แต่ช่วงนี้ หากมีผู้อื่นต้องการเอ่ยถึง ข้าก็ไม่อาจไปควบคุมปากของพวกเขาได้ ถึงเวลานั้น ยังต้องขอให้ท่านพี่ เอ่ยคำพูดที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ให้พวกเขาฟังอีกครั้ง จะได้ทำให้พวกเขาหยุดปากเสีย”ฉีจื่อฟู่ “…”ถ้อยคำที่เขาเอ่ยเมื่อครู่พวก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 35

    คุณหนูกล่าวว่าวันนี้พระชายาอ๋องเฉียนจะเป็นฝ่ายเรียกหานาง ก็หามาจริงๆ แล้วหรงจือจือย่อมปรารถนาอย่างที่สุด เนื่องจากนางไม่อยากอยู่ใต้หลังคาเดียวกับฉีจื่อฟู่อยู่พอดี จึงลุกยืนขึ้นทันที “เมื่อพระชายาเชื้อเชิญย่อมไม่อาจชักช้า จงไปเตรียมรถม้าเถิด!”ฉีจื่อฟู่มองไปที่หรงจือจือ แล้วสั่งการว่า “ท่านแม่ไม่พอใจอย่างมาก ต่อความวุ่นวายที่นางเซี่ยมาก่อไว้เมื่อคืน ในเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนให้ความสำคัญกับเจ้า เช่นนั้นเจ้าจงบอกให้พระชายาตำหนินางเซี่ยให้ดี จะมาดูแคลนตระกูลของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร! ”หรงจือจือฟังจนตกตะลึงไปแล้ว พระชายาอ๋องเฉียนให้ความสำคัญกับนางกว่าคนทั่วไปขั้นหนึ่ง นางก็ลำพองจนลอยไปถึงฟ้า ไม่รู้ตำแหน่งฐานะของตนแล้ว?เกรงว่านางคงต้องหยิบยืมความกล้าจากสวรรค์ จึงจะไปล่วงเกินนางเซี่ยเพื่อฉีอวี่เยียน เพราะนางเซี่ยมิใช่แค่ชายาซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องเฉียน แต่ยังเป็นพี่สาวแท้ๆ ของไทเฮาองค์ปัจจุบันอีกด้วยเห็นหรงจือจือมองตนอย่างตะลึงค้างฉีจื่อฟู่ก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมกัน? เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ยังไม่อาจพูดแทนท่านแม่และน้องสาวข้าสักคำหรืออย่างไร?”“เจ้ายังคงคิดจริงหรือว่า ที่พระชายาอ๋องเฉี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 36

    ก็เห็นฉีอวี่เยียนพุ่งออกมาอย่างเร่งร้อนมายืนอยู่เบื้องหน้าของหรงจือจือ เชิดคางสั่งการอย่างผยองว่า “พี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจพี่ชายของข้าอยู่บ้าง แต่เมื่อท่านไปจวนอ๋องเฉียน ห้ามกล่าวคำพูดที่เกิดผลลบต่อข้าเด็ดขาด ท่านได้ยินแล้วหรือไม่?”หรงจือจือขำแล้ว ดูท่า แท้จริงแล้วฉีอวี่เยียนเองก็รู้เช่นกัน ว่าครอบครัวพวกนางทำผิดต่อตน ดังนั้นจึงได้กลัวว่า ตนจะกล่าวสิ่งที่ส่งผลเสียต่อนางออกมาเพราะความไม่พอใจเมื่อเห็นหรงจือจือมิได้รับปากในทันที ฉีอวี่เยียนก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอำมหิตว่า “หากท่านกล้ากล่าววาจาเกี่ยวกับข้าในแง่ร้ายแม้เพียงครึ่งคำ ข้าก็จะบอกให้พี่ชายขอข้าหย่าท่าน ให้ท่านไม่อาจเงยหน้าในเมืองหลวงแห่งนี้ได้อีกเลย!”หรงจือจือ “รู้แล้ว”เมื่อรู้แล้ว นางก็สามารถกล่าวเรื่องราวมากมายที่ไม่ส่งผลดีต่อฉีอวี่เยียนได้อย่างวางใจแล้วเดิมยังคิดว่า หากตนทำลายการหมั้นหมายและชื่อเสียงของฉีอวี่เยียน จะเกินไปหน่อยหรือไม่ แต่บัดนี้นางกลับพบว่า คนตระกูลฉีค่อนข้างมีความสามารถนัก ทุกครั้งล้วนสามารถทำให้นางสามารถพูดทุกสิ่งได้ดังใจ โดยไม่ต้องรู้สึกเป็นภาระด้านคุณธรรมแม้แต่น้อยฉีอวี่เยียนก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 37

    หรงจือจือเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยปากว่า “เป็นข้าที่ทำผิดต่อพระชายา”จากนั้น หรงจือจือก็เล่าพฤติกรรมต่างๆ ในหลายวันนี้ของฉีอวี่เยียนให้พระชายาฟังอย่างไม่ขาดตก ทว่านางมิได้ตัดสินใด เพียงแต่กล่าวถึงมุมมองของตนออกไปอย่างมีระเบียบเท่านั้นอย่างเมื่อพระชายาอ๋องเฉียนและนางเซี่ยได้ฟัง สีหน้าก็ยิ่งเคร่มขรึมขึ้นเรื่อยๆสุดท้าย หรงจือจือกล่าวว่า “ตามหลักแล้ว ไม่ควรนำเรื่องไม่งามในบ้านมาเปิดเผยต่อภายนอก ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ควรพูดออกมา แต่เนื่องจากการแต่งงานครั้งนี้มีข้าเป็นผู้มาขอ หากไม่กล่าวกับพระชายาให้ชัดเจน ในใจข้าก็ไม่อาจให้อภัยตนเองเช่นกัน”กล่าวจบ นางก็จะลุกขึ้นยืนทำการคารวะครั้งใหญ่ เพื่อแสดงถึงการขอขมาทว่า พระชายาอ๋องเฉียนขัดขวางนางไว้ “เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นดอก! แม้แต่ตัวเจ้าเองก็ถูกพวกเขาทั้งบ้านหลอกเช่นกัน แม้บ้านข้าจะพลอยถูกทำให้เดือดร้อนไปด้วย แต่เจ้าจึงจะเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุด แม้ข้าจะอายุมากแล้ว แต่เหตุผลแค่นี้ข้ายังพอเข้าใจอยู่!”“นั่งลงเถิด! แม้เจ้าจะช่วยข้าไว้ แต่ตอนนั้น ที่หมั้นหมายก็มิใช่เพราะบุญคุณในเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะฉีอวี่เยียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้า

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 329

    เกรงว่านอกจากองค์หญิง และท่านหญิงที่เข้าออกวังบ่อย ๆ เช่นเดียวกับท่านเสนาบดีเหล่านั้น และฮูหยินของขุนนางใหญ่คนสำคัญที่พบเห็นตามงานเลี้ยงบ่อย ๆ แล้ว ท่านเสนาบดีก็ไม่ค่อยรู้จักสตรีสูงศักดิ์นัก จะไม่รู้จักหรงเจียวเจียวก็ธรรมดาในสีหน้าตกตะลึงของหรงเจียวเจียวเผยความอับอายออกมาสายหนึ่งหรงซื่อเจ๋อรีบลุกขึ้นออกไป แล้วช่วยน้องสาวของตนแก้สถานการณ์ “ท่านเสนาบดี นี่คือหรงเจียวเจียวน้องสามของข้าอย่างไรเล่า ท่านนี่ชอบล้อเล่นจริง ๆ!”เฉินเยี่ยนซู “ไม่รู้จัก”ในตอนนี้ หรงจือจือที่สุขุมและเก็บอารมณ์ไว้ข้างในมาตลอดได้ยินดังนั้น ก็อยากจะโพล่งขำออกมา เพียงแต่หากตนหัวเราะเยาะน้องสาวของตัวเองตรงนี้ กลับไปเกรงว่าบิดาจะไม่พอใจเป็นแน่ จึงพยายามอดกลั้นเอาไว้หรงซื่อเจ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวขึ้นพร้อมยิ้มแห้ง ๆ ว่า “ตอนนี้ไม่รู้จัก วันข้างหน้าจะยิ่งสนิทสนมกันแน่นอน! ฮ่า ๆ ๆ...”ครั้นทุกคนได้ยินดังนั้น ก็ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน คิดแล้วท่านเสนาบดีคงเพียงคิดจะเกี่ยวดองกับจวนมหาราชครู ทว่าเขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าหรงเจียวเจียวหน้าตาเป็นเช่นไร ฉะนั้นก็เลยไม่รู้จักหรงเจียวเจียว?เช่นนี้ก็พอจะอธิบายได้เพียงแต่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 328

    หลี่จ้าวเหิงที่เดินเข้ามาคู่กับเฉินเยี่ยนซู เห็นท่านเสนาบดีเกรี้ยวกราว ก็ตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี และรีบกล่าวตำหนิหลี่เซียงเหยา “นังลูกไม่รักดี ยังไม่คุกเข่าขอโทษท่านเสนาบดีอีก!”หลี่เซียงเหยาเองก็ตกใจแทบแย่เช่นกัน ตอนนี้บิดานางเป็นขุนนางขั้นสี่ ถูกย้ายเข้ามาในเมืองหลวง ได้ยินข่าวคราวว่าจะได้เป็นเสนาบดีฝ่ายพิธีการตำแหน่งนี้ในแคว้นต้าฉี ก็เป็นแค่ขุนนางชั้นล่างขั้นสามเท่านั้น ต่อหน้าท่านเสนาบดีไม่พอให้ชายตามอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแค่ท่านเสนาบดีเอ่ยมาแค่คำเดียว บิดาก็อาจออกไปจากเมืองหลวงได้เลย จากเลื่อนขั้นก็จะกลายเป็นลดตำแหน่งนางรีบคุกเข่า “ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านเสนาบดีอภัยโปรดอภัย! ข้าเพียงมีเจตนาปกป้องพี่หญิงเจียวเจียวเท่านั้น ถึงได้กล่าวคำพูดเลอะเลือนเช่นนี้ออกมา”ที่กล่าวเช่นนี้ออกมา เพราะหวังให้ท่านเสนาบดีให้อภัยตน เพราะเห็นแก่หน้าคู่หมั้นของเขาท้ายที่สุดคนอื่น ๆ ก็ตอบสนองกลับมาต่างพากันคารวะ “คารวะท่านเสนาบดี”หากอีกฝ่านเป็นเพียงราชเลขาธิการ ฮูหยินขั้นสูงบางคน เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องคารวะเลย เพียงแต่อีกฝ่ายดันยังเป็นบิดาบุญธรรมของฝ่าบาท ตอนนี้ฝ่าบาทเห็นเขายังต้องค้อมตัวคารวะ ยิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 327

    หรงเจียวเจียวที่ถูกชมจนจิตใจเบิกบานมีความสุข ก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของตน นางมองไปที่หรงจือจือ “พี่หญิง เหตุใดท่านจึงไม่พูดไม่จาเล่า? หรือว่าท่านไม่ดีใจกับข้าหรือ?”หรงซื่อเจ๋อแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “นางดีใจ? คิดว่านางอิจฉาจะตายอยู่แล้วมากกว่า!”“อย่างไรผู้หญิงที่สกุลฉีไม่ต้องการอย่างนาง ชาติหน้าก็ยังเพ้อฝันถึงเรื่องหมั้นหมายดี ๆ เช่นนี้ไม่ได้ ต่อให้ทำหน้าหนาคิดจะไปเป็นอนุให้ท่านเสนาบดี คิดแล้วท่านเสนาบดีก็ยังไม่เอา!”หรงเจียวเจียวฟังไปขอบตาก็พลางแดงไป “ก็จริง เมื่อวานพี่หญิงถึงได้บอกว่ากลัวข้าดีใจจนถึงขีดสุดแล้วต้องพบเจอกับความโศกเศร้า แต่งงานเข้าจวนเสนาบดีไม่ได้ พี่หญิงต้องเกลียดข้ามากแน่ ๆ!”ครั้นนางพูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนก็เจ้าพูดทีข้าพูดที และเริ่มตำหนิหรงจือจือกันขึ้นมาแล้วครั้นเทียบกับหรงจือจือที่เคยช่วยชีวิตท่านเสนาบดีมาก่อน แน่นอนว่าหรงเจียวเจียวฮูหยินในอนาคตของท่านเสนาบดี ควรค่าให้พวกเขาเอาใจยิ่งกว่า“ท่านหญิง ไม่ว่าอย่างไร คุณหนูสามก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่าน ท่านพูดจาเช่นนี้ มโนธรรมของท่านยังมีหรือไม่?”“นั่นน่ะสิ หรือว่าตนอิจฉาจนไม่ไหว จึงทนเห็นน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 326

    ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 325

    เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 324

    “ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status