วันนี้รถม้าของหรงจือจือพังเสียหาย หากไม่ใช่ฝีมือของนางหวางก็คงเป็นฝีมือของหรงเจียวเจียว นางไม่สบอารมณ์มากยิ่งมาได้ยินถ้อยคำไร้สาระของหรงจือจือก็ยิ่งหมดความอดทนนางหันไปคว้าข้อมือของหรงเจียวเจียวหรงเจียวเจียวตกใจ “ท่านจะทำอะไร?”หรงจือจือจ้องนาง “มาสิ! พวกเราไปที่จวนของท่านราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปถามเขาว่าช่วยเหลือข้าทุกครั้งเพราะเจ้าจริงหรือไม่”“หากเป็นเพราะเจ้าจริง เช่นนั้นต่อไปก็ขอให้เขาอยู่ห่างข้าให้ไกลหน่อย ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา!”นี่เป็นความในใจของหรงจือจือเช่นกัน หากเฉินเยี่ยนซูช่วยนางเพราะหรงเจียวเจียวจริงๆ เช่นนั้นนางก็ไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากเขามีหลายเรื่องที่นางสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง เหตุใดต้องยอมให้หรงเจียวเจียวมาพูดให้รู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่เรื่อยด้วย?หรงจือจือเห็นถึงความบ้าคลั่งในดวงตาหรงจือจือก็รู้สึกว่าความอดทนที่อีกฝ่ายมีต่อตัวเองมาถึงขีดจำกัดแล้วนางรีบชักข้อมือตัวเองออก “หรงจือจือ ท่านบ้าไปแล้วหรือ? มีคนที่ใดไปถามเรื่องแบบนี้กัน?”หรงจือจือยิ้มเยาะ “ทำไม เจ้าไม่กล้ารึ?”หรงเจียวเจียว “ข้าเป็นห่วงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลต่างหาก…”หรงจือจือ
“แต่หากนางกลายเป็นฮูหยินราชเลขาธิการก็จะต่างออกไป”จากนั้น นางก็เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกขาวของเฉินเยี่ยนซูผู้สงบนิ่งแม้ภูเขาไท่ซานจะพังถล่มต่อหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำหลังจากได้ยินในสิ่งที่นางพูดเฉินเยี่ยนซู “ตะ แต่งงานกับนางหรือ?”เซิ่งเฟิงหันหน้าไปทางอื่นด้วยความรังเกียจ ผู้ใดจะไปเชื่อกัน! ว่าท่านราชเลขาธิการผู้เก่งกาจด้านการวางกลยุทธ์จะติดอ่างเมื่อพูดถึงการแต่งงานกับนางในใจจงเจิ้งอวี๋เห็นสีหน้าของเฉินเยี่ยนซูแล้วยังจะมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีกกัน?นางรู้สึกประหลาดใจมาก ที่แท้แล้ว ราชเลขาธิการเฉินผู้ซึ่งถูกชาวโลกมองว่าไร้หัวใจก็มีนางในใจมาตั้งนานแล้วนางพูดว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านราชเลขาธิการลองตรองดูเถิดว่าวิธีที่ข้าพูดเป็นวิธีที่ดีที่สุดจริงหรือไม่?”“ถึงแม้ว่าการแต่งงานจะถูกกำหนดโดยพ่อแม่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ของท่านหญิงค่อนข้างพิเศษ”“นางเป็นคนฉลาด ข้ามองว่าหากท่านตระเตรียมคำพูดไปคุยกับนางด้วยตัวเอง นางอาจจะตอบตกลงก็เป็นได้”“เวลานี้ก็เย็นมากแล้ว ชิงหวาขอตัวกลับก่อน”ไม่ว่าผู้ใดก็รักสวยรักงามทั้งนั้น นางยอมให้ใบหน้าดวงงามของหรงจือจือถูกทำลายไม่ได้จริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงมาพูดเรื่องนี
หลังจากที่หรงจือจือกลับถึงจวนก็ไม่ได้รีบกลับไปที่เรือนของตัวเองแต่อย่างใด แต่ไปที่ห้องหนังสือของมหาราชครูหรงมหาราชครูหรงเห็นนางเข้ามาก็เลิกคิ้วถาม “เรื่องที่คุกชั้นใน จัดการราบรื่นดีหรือไม่?”หรงจือจือ “ทุกอย่างราบรื่นดีเจ้าค่ะ”หรงจือจือไม่ได้ตอบอะไรมาก ส่วนมหาราชครูหรงก็ไม่ได้ถามอะไรมากเช่นกัน เรื่องที่ศาลหลงสิงมีเฉินเยี่ยนซูคอยดูอยู่ ไม่ต้องให้เขายื่นมือเข้าไปยุ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ยิ่งไม่มีเหตุผลให้เข้าไปยุ่งด้วยเหตุนี้จึงพูดเพียงว่า “เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?”หรงจือจือพูดเสียงเบา “วันนี้รถม้าของลูกล้อหัก ท่านพ่อน่าจะทราบดีว่านั่นเป็นรถม้าที่ท่านย่าสั่งทำให้ข้า”บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนมากเกินไป มหาราชครูหรงฟังถึงตรงนี้ก็เข้าใจแล้วเขาขมวดคิ้วถาม “เจ้าคิดว่าเป็นฝีมือผู้ใด?”หรงจือจือ “ลูกไม่ทราบเจ้าค่ะ”มหาราชครูหรงเปลี่ยนคำถาม “เช่นนั้นเจ้าอยากให้จัดการเรื่องนี้อย่างไร?”หรงจือจือพูดด้วยความเคารพ “ลูกหวังเพียงว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”นางรู้จักบิดาของตัวเองดีเพียงใดอย่างไรนั้นหรือ? ครั้งนี้นางไม่ได้เป็นอ
พูดเพียงว่า “ประเดี๋ยวเจ้าส่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับไปให้จือจือสักหน่อย ถือว่าปลอบขวัญนาง”ภายในใจนางหวางไม่ยินดีแม้แต่น้อย กระนั้นกลับพูดได้เพียงว่า “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”หลังจากที่นางหวางออกจากห้องหนังสือ สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังเรือนเฮ่าเย่ว์ครั้นได้พบกับหรงเจียวเจียวก็พูดว่า “เจ้าได้สั่งให้คนไปทำอะไรกับล้อรถของพี่หญิงเจ้าหรือไม่?”หรงเจียวเจียวหลบสายตา “เรื่องนี้ ท่านแม่…”เห็นนางมีอาการเช่นนี้ ยังจะมีสิ่งใดที่นางหวางไม่เข้าใจอีกกัน?นางขมวดคิ้วว่า “เมื่อครู่นี้ท่านพ่อของเจ้าเรียกข้าไปดุด่าก็เพราะเรื่องนี้! ต่อไปอย่าได้ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก หากนางตกรถม้าตายอยู่ด้านนอกจริงๆ พวกเราทุกคนจะอับอายขายหน้ากันหมด”หรงเจียวเจียวมุ่ยปากพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นจะปล่อยให้นางมีชีวิตราบรื่นต่อหน้าพวกเราเช่นนี้ตลอดไปหรือ?”นางหวาง “มีวิธีที่ใช้จัดการนางอยู่เยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องทำให้ท่านพ่อของเจ้าโมโห”หรงเจียวเจียวบ่นเสียงเบา “ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว เหตุใดยังให้ความสำคัญต่อท่านพ่อเป็นอันดับแรกในทุกๆ เรื่องอยู่อีก”นางหวางมองนางตาขวาง หรงเจีย
หรงจือจือเย้ยหยันเบา ๆ เสียงหนึ่ง “ที่ข้าหยดบนปะการัง เป็นยาบำรุงอย่างดี ยาบำรุงขนานนี้ไม่มีรสชาติ สีแดง หยดบนปะการังเลือดสองหยด หมอประจำจวนย่อมมองไม่ออกอยู่แล้ว”“ปกติหรงเจียวเจียวจะใช้รังนกร่วมกับยานี้ ย่อมรู้สึกไม่สบายตัวเป็นธรรมดา”ร่างกายอ่อนแอก็จะไม่สบาย บำรุงมากเกินไปก็จะไม่สบายเช่นกันปกติบ่าวรับใช้ในเรือนของหรงเจียวเจียวไม่กินรังนก ย่อมไม่ได้เจ็บป่วยตามไปด้วย“ใช่ว่าหมอประจำจวนไม่เคยเอะใจว่าหรงเจียวเจียวบำรุงเยอะเกินไปหรือเปล่า แต่เคยตรวจดูของที่นางกินแล้ว ข้อสงสัยนี้ย่อมถูกตัดไปเช่นกัน”เจาซีตกตะลึง “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่บ่าวรู้ว่า ยาบำรุงชั้นดีก็สามารถทำร้ายคนได้ สมแล้วที่เป็นฝีมือของหมอเทวดาผู้เฒ่า บ่าวจะเช็ดปะการังให้สะอาดและเก็บอย่างดีเจ้าค่ะ”หรงจือจือพยักหน้า “ไปเถอะ”ไม่นาน สาวใช้จ้าวก็นำคนมาส่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ กล่าวพร้อมเสแสร้งยิ้ม “ท่านหญิง นี่เป็นสิ่งที่ฮูหยินมอบให้ท่านเพิ่มเติม ท่านดูและเลือกเอาเถอะเจ้าค่ะ”หรงจือจือกวาดสายตามองทีหนึ่ง นางหวังรู้จักทำให้คนคลื่นไส้เสียจริงเสื้อผ้าพวกนี้สวยงามฉูดฉาดทุกตัว ล้วนเป็นแบบที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ เ
แต่ไม่คิดเลยว่า หรงจือจือกลับคลี่ยิ้ม “ข้ากับฮูหยินหรง ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเท่านั้น มีอะไรให้ตัดใจไม่ได้กัน?”“เครื่องทองเยอะขนาดนี้ คิดแล้วหากนำมาหลอมรวมกัน คงได้สักสองชั่งเป็นแน่”“หลังจ้าวหมัวมัวกลับไป ก็ฝากขอบคุณฮูหยินหรงแทนข้าด้วยนะ”เจาซีรีบก้าวเข้าไป แล้วนำเครื่องทองทั้งหมดมาเก็บขาของสาวใช้จ้าวกลับอ่อนลง “คุณหนู ทองพวกนี้เป็นทองที่ช่างมีชื่อเสียงทำขึ้นมาทั้งนั้น หากนำไปหลอมหมด จะน่าเสียดายแค่ไหน คุณหนู...”หรงจือจือฉีกยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “เสียดายหรือไม่เสียดาย ก็ไม่จำเป็นต้องให้จ้าวหมัวมัวเป็นห่วง จ้าวหมัวมัว ขอให้ตัวเองมีความสุขมาก ๆ เถิด”“จริงสิ แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้า ยินดีช่วยเจ้าเป็นอย่างมาก จ้าวหมัวมัวจดจำคำนี้เอาไว้ให้ดีล่ะ”สาวใช้จ้าวได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงวิงเวียนศีรษะตาลายไประลอกหนึ่ง! ช่วยตนอะไรกัน นางไม่ทำร้ายตนก็ไม่เลวแล้ว! เดี๋ยวกลับไปอยู่ต่อหน้าฮูหยิน ตนจะอธิบายอย่างไร ตนเป็นคนออกความคิดนี้เองด้วย!เดิมทีช่วงนี้ฮูหยินก็สงสัยตนอยู่แล้ว คราวนี้เยี่ยมไปเลย?หรงจือจือ “ส่งแขก”จ้าวหมัวมัวทำสีหน้าอมทุกข์ พร้
หรงจือจือเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาไม่ต่างจากมองคนโง่คนหนึ่ง กระทั่งแฝงการเย้ยหยันเอาไว้สองสามส่วนหรงซื่อเจ๋อหน้าคล้ำดำเขียวไปหมด “ท่านมองด้วยสายตาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”หรงจือจือ “ความหมายง่ายมาก ท่านพ่อเป็นคนให้ยา ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าและหรงเจียวเจียวเลย ต่อไปไม่ต้องเอาแต่เฝ้าคิดถึงแล้ว”หรงซื่อเจ๋อกล่าวขึ้นอย่างยากจะเชื่อ “ท่านไม่ให้?”หรงจือจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เจาซี!”เจาซีนำยาสองขวดที่คุณหนูใช้ให้ตน เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้มาวางบนโต๊ะหรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ อีกว่า “ยาสองขวดนี้ได้ผลดีกับแผลภายนอกเป็นอย่างมาก ในเมื่อที่ตัวเจ้ากับเจียวเจียวมีแผล ให้พวกเจ้าคนละขวด ก็ไม่เป็นไร ส่วนมากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”หรงซื่อเจ๋อจ้องยาสองขวดนั้น พลางถามหรงจือจือ “แบ่งให้ข้าแค่สองขวด ท่านจะไล่ขอทานหรือ?”หรงจือจือแอบแสยะยิ้มอยู่ในใจ นี่เรียกว่าไล่ขอทานแล้วหรือ?หลายปีมานี้ หรงซื่อเจ๋อและหรงเจียวเจียว เคยให้ของอะไรตนบ้าง? ตนอยู่ที่จวนพวกเขา ยังสู้ขอทานไม่ได้เลยนางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงชืด ๆ “เจ้าจะไม่เอาก็ได้ ข้าย่อมไม่บังคับให้เจ้ารับไปอยู่แล้ว หากไม่ม
หลังจากเขาออกไปเจาซี “คุณหนูเจ้าคะ ก่อนหน้านี้คุณหนูให้บ่าว หาขวดลายครามที่เหมือนกับขวดที่หมอเทวดาใส่ยาให้คุณหนูเป๊ะ ๆ มาสองขวด แล้วใส่ยารักษาอาการบาดเจ็บทั่วไปเข้าไป คิดว่าคงคาดการณ์ถึงวันนี้แล้ว”หรงจือจือยกจอกชาขึ้นมา แล้วตอบกลับชืด ๆ “บนตัวพวกเขายังมีบาดแผลอยู่ และข้าก็มียาดี หากข้าไม่ให้กระทั่งยา ท่านพ่อรู้เข้าคงไม่พอใจแน่”“จะคิดว่าคนเป็นพี่สาวคนโตเช่นข้า ปฏิบัติกับน้องชายน้องสาวไม่ดี เช่นนี้ สถานการณ์ที่จวนของข้ามีแต่จะยิ่งยากขึ้น”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สู้หลอกพวกเขาสักนิดสักหน่อยทำเช่นนี้ ดูผิวเผินทุกคนก็พอจะยอมรับได้...ไหนเลยหรงซื่อเจ๋อจะรู้ว่า ที่ตนถืออยู่ในมือ ไม่ใช่ยาดีอะไรเขาออกมาจากเรือนอี่เหมย สีหน้าบูดบึ้งจนแทบจะบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว เขาส่งขวดลายครามให้อวี้เล่อขวดหนึ่ง “เดี๋ยวเจ้าเอาไปให้เจียวเจียวที”อวี้เล่อ “คุณชายรอง คุณชายไม่เอาไปให้ด้วยตัวเองหรือเจ้าคะ?”หรงซื่อเจ๋อ “ไม่ไป”เขาจะไปได้อย่างไร? เขาพูดกับเจียวเจียวอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะเอายามาจากหรงจือจือให้หมด แถมยังบอกว่าจะให้ชุดกระโปรงที่หรงเจียวเจียวอยากได้อีกด้วย ทว่าตอนนี้ล่ะ?เขาจะเสียหน้
สวีเจ๋อไม่โง่ถึงขนาดตั้งใจจะไปต่อต้านอาจารย์ของตนเองหรอก ก็แค่ไม่พอใจเสิ่นเยี่ยนซูเท่านั้นเขาสั่งการอย่างใจเย็น “ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน คำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายขุนนางออกจากตำแหน่งในปีหน้าก็จะส่งออกมา ลู่อวี๋ซินมีความประพฤติที่ไม่ดี แจ้งเสนาธิการฝั่งซ้ายของกรมขุนนาง ปลดเขาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องอธิบายรายละเอียดของเหตุผล”เซินเฮ่อ “ขอรับ”ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนและราชเลขาธิการ การแต่งตั้งหรือโยกย้ายอาลักษณ์ในกรมโยธาธิการคนเดียว ท่านเสนาบดีไม่จำเป็นต้องให้เหตุผล......เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อบ้านหวงก็ส่งบัตรเยี่ยมไปที่จวนมหาราชครู เพื่อแสดงเจตนาว่าเสิ่นเยี่ยนซูต้องการจะเข้าไปเยี่ยมเยียนพ่อบ้านหวง “ท่านเสนาบดี รอจวนมหาราชครูตอบกลับมาแล้ว บ่าวจะไปรายงานท่านขอรับ”เสิ่นเยี่ยนซูหยักหน้า “อืม”หลังจากขานรับ เขาก็นั่งอยู่บนรถม้า ไปยังพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าในท้องพระโรงหลายวันมานี้รักษาบาดแผล การเข้าเฝ้าเช้าควรได้รับยกเว้นไปหลายวัน เพียงแต่เขาไม่มีเวลาว่างมากนัก เพราะเรื่องที่ฝ่าบาททรงลังเล ล้วนส่งมาให้เขาตัดสินใจทั้งหมดภาระราชการไม่มีละเลย แต่บาดแผลบนร่างกายกลับหายช้าลงเสียเล็กน้อย
เสิ่นเยี่ยนซูชะงักไปเล็กน้อยเซิ่งเฟิงก็รีบกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าคงไม่ได้เห็นว่ากลยุทธ์ของเจ้าไร้ประโยชน์ จึงจงใจมาขู่ท่านเสนาบดีหรอกกระมัง?”เซินเฮ่อตัวชาไปหมดแล้ว จึงรีบกล่าว “เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้ายังจะล้อเล่นได้อีกหรือ?”จากนั้น เขาก็เล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลู่อวี๋ซินทั้งหมดให้ฟังหลังพูดจบ เซินเฮ่อถ็ถาม “ท่านเสนาบดี ตอนที่ท่านขอแต่งงานกับมหาราชครูหรง ได้พูดชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นบุตรสาวคนใดขอรับ?”คำถามนี้กลับถามไปยังเสิ่นเยี่ยนซูแล้วเขากล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่น่าจะเป็นหรงจือจือ”เซิ่งเฟิงก็กล่าวต่อทันทีว่า “คนปกติก็คงคิดว่าเป็นคุณหนูใหญ่สกุลหรงกระมัง ตอนนั้นมหาราชครูหรงได้ถามก่อนแล้วว่า ท่านเสนาบดีมองเรื่องที่คนนอกพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่หรงว่าอย่างไร”“ท่านเสนาบดีพูดไปว่าข่าวลือย่อมหยุดลงที่ผู้มีปัญญา จากนั้นเขาก็คุยเรื่องแต่งงานแล้ว”“หรือว่าประโยคหน้าถามถึงบุตรสาวคนโต และประโยคหลังกลับพูดถึงบุตรสาวคนเล็กงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง มหาราชครูหรงบ้าไปแล้วหรือไร?”คนคนนี้พูดคุย แบบนั้นก็กระโดดข้ามไปมาเกินไปแล้ว!คนปกติที่ใดจะพูดคุยอย่
ในฐานะที่เขาเป็นลูกศิษย์ของท่านเสนาบดี เขาจะต้องรู้ให้ได้ และเขาไม่เชื่อว่าลู่อวี๋ซินจะกล้าไม่พูด!แม้เช่นนี้จะเป็นการเปิดเผยความจริงเรื่องที่ตนเองแอบฟังคนอื่นคุยกัน แต่เพื่อความสุขของท่านเสนาบดี เขาไม่สนใจเรื่องนี้มากนักแต่ทว่านั่งรถม้าออกไปได้ไม่นาน บ่าวรับใช้ก็บอกว่า เห็นรถม้าของจวนสกุลลู่แล้วเซินเฮ่อคิดสักพัก ก็ให้คนตามไปกลับพบว่าอีกฝ่ายไปหอคณิกาขณะที่กำลังวางแผนว่าจะคุยเรื่องนี้กันวันหลัง สุดท้ายกลับเห็นเกี้ยวของเซียวจวิ้นอ๋องก็จอดอยู่ที่ปากประตู และลู่อวี๋ซินยังก้าวไปคารวะอยู่ด้านหน้าเซียวจวิ้นอ๋องอย่างนอบน้อมเซินเฮ่อรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ธรรมดา จึงแอบตามเข้าไปแล้วแม่เล้าเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว “คุณชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านชอบแม่นางแบบใดหรือ ข้าน้อยจะจัดเตรียมให้ท่านเองเจ้าค่ะ...”เซินเฮ่อกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าอยากรู้ว่าสองคนนั่นมาคุยอะไรกัน”รอยยิ้มที่อยู่ใบบนหน้าของแม่เล้าแข็งค้าง “คุณชายพูดล้อเล่นแล้ว พวกแขกคนอื่น ๆ คุยอะไรกัน ท่านจะรู้ได้อย่างไร ให้ข้าน้อยจัดคนมาให้ท่านเสียสองสามคนไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ...”เซินเฮ่อยื่นเงินให้นางหนึ่งใบ “นี่คือเงินห้
เซิ่งเฟิง “...”เจ้ารู้จักหาเหตุผลในตัวเองนี่นะครานี้เสิ่นเยี่ยนซูนิ่งเงียบลง ก็กล่าวเพียงว่า “ลำบากเจ้าแล้ว ข้ายังมีน้ำหมึกที่ประเมินราคาไม่ได้อยู่ ประเดี๋ยวจะส่งคนเอาไปให้เจ้าทีหลังแล้วกัน”เซินเฮ่อยืดอกและเชิดคางขึ้น พลางยิ้มออกมาด้วยฟันขาวใหญ่อีกครั้ง “ขอบคุณท่านเสนาบดีมากขอรับ!”แถมยังมองเซิ่งเฟิงอย่างยั่วยุอีกครั้งหนึ่งเซิ่งเฟิง “?”บางครั้งยังรู้สึกว่าเซินเฮ่อป่วยหรือไม่ แม้ทุกคนจะแข่งขันกันทั้งแบบเปิดเผยหรือซ่อนเร้นเพื่อชิงตำแหน่งคนสำคัญอันดับหนึ่งของท่านเสนาบดี แต่คนผู้นี้กลับมักจะทำตัวราวกับหญิงสาวในเรือนหลังที่แย่งชิงความโปรดปรานอยู่เสมอช่างทำให้รู้สึกหนาวสะท้านใจจริง ๆเมื่อเห็นเสิ่นเยี่ยนซูยังคงดูกลยุทธ์พวกนั้นอยู่ เซิ่งเฟิงก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านเสนาบดี สิ่งนี้ยังมีอะไรน่าดูอีกหรือขอรับ?”เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวด้วยเสียงเรียบว่า “ดูเสียหน่อย วันหลังจะได้รู้ว่าควรจะคุยกับนางอย่างไร”หลายครั้งที่พบนาง ก็มักจะหาบทสนทนาไม่เจอมาโดยตลอดหรือจะบอกว่าเพราะกังวลว่าหัวข้อของเขา นางจะไม่สนใจ จึงมักจะนิ่งเงียบจนเกินไปอยู่เสมอแต่กลยุทธ์สามร้อยข้อที่เซินเฮ่อให้มา แม้จะวนเว
นางก็ไม่ได้พูดแข็งกร้าวเกินไป เพียงแค่กล่าวว่า “ลูกจะเชื่อฟังท่านพ่อ และพิจารณาให้ดีเจ้าค่ะ”สีหน้าของมหาราชครูหรงอ่อนลงเล็กน้อย พลางพยักหน้าเบา ๆ และกล่าว “ไปเถอะ! ท่านแม่ของเจ้าเลอะเลือนไปบ้าง แต่นางถึงอย่างไรก็ให้กำเนิดเจ้า เจ้าอย่าได้โต้เถียงกับนางเลย!”คำพูดนี้ของเขา ไม่ได้เกินความคาดหมายของหรงจือจือเลยแม้แต่น้อยท่านพ่อเป็นคนให้ความสำคัญกับความกตัญญูมากที่สุด เพราะเหตุนี้ จนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยบอกท่านพ่อเลยว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนางหวังถึงจุดทะเลาะกันจนขาดสะบั้นไปนานแล้วหากพูดเช่นนี้แล้ว นางหวังจะโดนดุ ส่วนตนเองไม่แน่ว่าจะต้องโดนตีหรงจือจือ “ลูกขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”มหาราชครูหรงพยักหน้าเล็กน้อย หลังนางจากไป เขาก็ถอนหายใจยาว ๆ ทีหนึ่ง หากบุตรสาวสามารถแต่งงานกับลู่อวี๋ซินอย่างเชื่อฟัง และใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีได้ ตนเองก็ถือว่ามีคำอธิบายต่อท่านแม่แล้ว……เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ และกลับเรือนของตนเอง หรงจือจือก็พบกับหรงซื่อเจ๋อนางไม่มองเขา และยิ่งไม่มีความคิดจะทักทายท่าทางเช่นนี้ ทำให้หรงซื่อเจ๋ออึดอัดใจ “หรงจือจือ เจ้าไม่เห็นข้าหรือ?”หรงจือจือทำเป็นไม่ได้ยินหรงซื
เมื่อหรงจือจือเพิ่งกลับถึงเรือนของตน นางหวังก็ปรี่เข้ามาราวกับคนเสียสติ เงื้อฝ่ามือหมายจะทำร้าย ทว่านางกำนัลเฉินคว้าข้อมือนางไว้ได้ทัน ยังบิดมันอย่างแรงในที่สุดนางหวังก็กรีดร้องออกมา “อ๊าก...”นางกำนัลเฉินก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าเฉยเมย “ฮูหยิน บ่าวเคยเรียนท่านแล้วว่าบ่าวพอมีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง หากใครบังอาจไม่เคารพท่านหญิง บ่าวจะไม่ไว้หน้าเป็นอันขาด” สีหน้าของนางหวังบิดเบี้ยว นางกุมแขนที่เจ็บปวดแทบขาดใจ มองหน้านางกำนัลเฉิน “เจ้ากล้าทำร้ายข้าจริงๆ หรือ?”นางนึกว่าอีกฝ่ายคงแค่มาทำทีขู่ให้กลัว แต่บัดนี้นางเพิ่งรู้ว่าตนเองคิดผิดมหันต์ กระดูกข้อมือแทบจะแหลกละเอียด!นางกำนัลเฉินเตือนว่า “ท่านหญิงเจ้าคะ บ่าวเป็นทูตของฮ่องเต้!”นางหวังตวัดสายตาอย่างดุดัน “แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกสาวข้าเจียวเจียว กำลังจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี หากเจ้ากล้าหือกับข้า เจ้าจะไม่มีวันได้ตายดี!”นางกำนัลเฉินกล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่สะทกสะท้าน “เช่นนั้นบ่าวก็ขอให้ฮูหยินทำให้บ่าวตายสมใจปรารถนาเถิดเจ้าค่ะ”นางหวัง “เจ้า...”นางเบนสายตาจากนางกำนัลเฉินอย่างเคียดแค้น พยายามสงบสติอารมณ์ นางกำนัลเฉินเป็นแม่นมของฮ่องเ
“ตอนนี้ข้าไม่ใช่สะใภ้ตระกูลฉี ไม่มีอำนาจจัดการเด็กในท้องของอวี้ม่านหวา หากข้าทำจริง ย่อมต้องถูกลงโทษ”ฉีจื่อฟู่รีบกล่าวว่า “ข้าก็กลัวเจ้าจะถูกลงโทษ อยากจะช่วยเจ้า ถึงได้มานี่! ถ้าไม่ไหวจริงๆ เจ้าก็บอกว่า ข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าไปทำแท้ง นั่นลูกของข้า ข้ามีสิทธิ์ที่จะไม่เอา อย่างนี้เจ้าก็จะพ้นผิดไปได้!”หรงจือจือหมดแรงจะต่อว่าเขาจริงๆ “ต่อไปนี้ท่านอย่าคิดจะช่วยข้าเลย การที่ท่านไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้า ก็คือการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว”“จำไว้ ข้าหรงจือจือไม่คิดจะลดตัวไปจัดการกับเด็กที่ยังไม่เกิด ท่านเอาแต่พูดว่ารักข้า แต่ท่านไม่เคยเข้าใจข้าอย่างแท้จริงเลย”เมื่อกล่าวจบแล้ว นางไม่มองฉีจื่อฟู่อีกแม้แต่แวบเดียว ก้าวเร็วๆ เข้าจวนตระกูลหรงไปฉีจื่อฟู่ “จือจือ…”แต่ก็ไม่ได้รับแม้แต่การเหลียวหลังกลับมามอง ประตูใหญ่ของจวนตระกูลหรงปิดลงต่อหน้าเขาชิวยี่กระซิบเสียงเบาอย่างกระอักกระอ่วน “คุณชาย บ่าวก็บอกแล้วว่า ท่านควรจะถามก่อนว่าใช่ท่านหญิงทำหรือไม่…”นี่พอมาถึงก็ตัดสินว่าท่านหญิงผิดเลย ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ท่านหญิงโกรธแล้วฉีจื่อฟู่ขมวดคิ้วกล่าว “มีอะไรต้องถามอีก? เรื่องนี้มันไม่ชั
หยางหมัวมัวมองสีหน้าของนายหญิงของตน ก็เข้าใจทุกอย่างในทันทีในใจนางถอนหายใจ นางรู้ว่าวันนี้ต้องมาถึงในที่สุดนางเซี่ยก็กัดฟัน นางเชื่อว่าบุตรชายของนางจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ตราบใดที่ผ่านพ้นไปได้ ก็ถือว่าผ่านพ้นเคราะห์กรรมรักนี้ไปได้แม้นางจะเสียใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำผิด!ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น......เมื่อหรงจือจือเพิ่งกลับมาถึงหน้าประตูจวนหรง นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “จือจือ”นางขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ หันไปมองกลับกลายเป็นฉีจื่อฟู่เขากลับมาด้วยความมุ่งมั่น แม้จะลุกจากเตียงไม่ได้ ก็ยังนั่งรถเข็นมาถึงหน้าประตูจวนตระกูลหรงฉีจื่อฟู่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าว “จือจือ ข้าขอคุยกับเจ้าตามลำพังได้หรือไม่”หรงจือจือรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น นางกำลังจะเบนสายตาหนีฉีจื่อฟู่ก็กล่าว “เป็นเรื่องของม่านหวา! ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเรื่องของม่านหวา”หรงจือจือลังเลไปชั่วขณะ คิดในใจ หรือว่าฉีจื่อฟู่จะรู้เรื่องราวเบื้องลึกอะไรบางอย่าง นางจึงกล่าวเสียงเรียบ “คุยกันตามลำพังไม่จำเป็นหรอก ท่านมีอะไรก็พูดตรงนี้เถอะ”ฉีจื่อฟู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมอ
เป็นดังคาด เมื่อนางเซี่ยได้ฟัง แววตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน ขอบคุณเจ้ามากที่ใส่ใจ”กล่าวจบ นางก็ตบมือหรงจือจือเบาๆ “ตระกูลเดิมของข้ายังมีหลานชายอีกหลายคน ที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ละคนก็เป็นจวี่เหริน ทั้งยังไม่มีนิสัยเสียอะไร หากเจ้าถูกใจใคร ก็บอกข้าได้เลย ข้าจะเป็นแม่สื่อให้เจ้าเอง!”ในสายตาของนางเซี่ย หรงจือจือไม่คู่ควรกับบุตรชายคนโตของนาง แต่ตระกูลเซี่ยมีทายาทมากมาย จะจับคู่ให้สักคนก็ไม่เป็นไรหากบุตรชายคนเล็กของนางได้แต่งงานกับจงเจิ้งอวี๋ หรงจือจือก็ถือว่าทำคุณงามความดีให้นางอย่างใหญ่หลวง อีกทั้งวันนี้หรงจือจือก็แสดงออกได้ดีมาก นางก็เป็นคนที่มีน้ำใจตอบแทนผู้อื่นเช่นกันหรงจือจือยิ้ม “พระชายาซื่อจื่อเกรงใจเกินไปแล้ว”นางเซี่ย “ข้าพูดจริงนะ! เจ้าลองคิดดูให้ดี”นางเซี่ยก็มีเจตนาส่วนตัวเช่นกัน หากหรงจือจือแต่งงานออกเรือนไปเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เลือกจีอู๋เหิง บางทีบุตรชายของนางอาจจะไม่คิดถึงนางอีกหรงจือจือ “ข้าจะจดจำไว้ ขอบคุณพระชายาซื่อจื่อ ข้าขอตัวกลับก่อน”ฟังดูน่าขันยิ่งนัก แม้แต่นางเซี่ยที่ดูถูกนางเช่นนี้ มองว่านางไม่คู่ควรกั