“ตอนนี้น้องสาวของเจ้าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ไม่สามารถแต่งงานได้ แต่ตามกฎแคว้นต้าฉี การแลกใบเทียบดวงชะตาเพื่อกำหนดไว้ชั่วคราวก่อนก็สามารถทำได้”หรงจือจือรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หรงเจียวเจียวอยากจะพูดคุยเรื่องแต่งงานกับท่านเสนาบดีเสิ่น? นางนึกถึงคนที่เย็นชาและสูงศักดิ์ผู้นั้นขึ้นมา พลางนึกถึงน้องสาวที่เหมือนจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่ความจริงกลับโง่เขลาและร้ายกาจคนนั้นความจริงเป็นเรื่องยากมากที่จะคิดว่า สองคนนี้เหมาะสมกันเพียงแต่เรื่องแต่งงาน ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะสามารถแทรกแซงได้ ดังนั้นคำพูดเหล่านี้ยิ่งไม่อาจพูดออกไปได้นางจึงแค่พยักหน้าพลางกล่าว “ท่านพ่อวางใจ ลูกไม่เคยมีความคิดเหลวไหลเช่นนั้นเจ้าคะ”แม้พระชายาอ๋องเฉียนดูเหมือนจะชอบตนเอง ทว่านางเซี่ยล้วนไม่ยอมให้ตนเองเข้าไปในเรือน ยิ่งไปกว่านั้นจวนเสนาบดียังมีความขัดแย้งกับสกุลหรงอีกเพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า ท่านพ่อที่ไม่เคยชอบเสิ่นเยี่ยนซูเลย จะมีความคิดอยากให้ท่านเสนาบดีเป็นลูกเขยขึ้นมาได้มหาราชครูหรงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ “เจ้ากลับไปเถอะ!”......หรงจือจือกลับมายังเรือนอี่เหมยซึ่งเป็นที่อาศัยก่อนตนเองจะแต่งงานออกไปกลับคิด
นางหวังกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เก็บไว้ที่ห้องข้าง หากอับชื้นขึ้นมาจะทำเช่นไร? เจ้าให้จือจือทำความสะอาดเสียหน่อย และอาศัยอยู่ห้องข้างก็ได้แล้ว”อวี้หมัวมัวขมวดคิ้วแน่น เพราะคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางหวังจะไร้เหตุผลเช่นนี้ให้ความสำคัญกับคุณหนูสามมากกว่าคุณหนูใหญ่ก็แล้วไป แต่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นของคุณหนูสาม ก็ยังสำคัญกว่าคุณหนูใหญ่อย่างนั้นหรืออวี้หมัวมัวยิ้มพลางกล่าว “ฮูหยิน คำพูดนี้ของท่าน หากคนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน ยังจะคิดว่าท่านเป็นมารดาที่ไม่เมตตา และลำเอียงเข้าข้างคุณหนูสามอีกนะเจ้าคะ”เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยนางหวังจะคำนึกถึงชื่อเสียงเสียหน่อยคิดไม่ถึงว่านางหวังจะหัวเราะเสียงเย็นพลางกล่าว “ข้าจะลำเอียงแล้วมันทำไมหรือ? เจียวเจียวของข้าเป็นคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ สิ่งของที่เอาออกสู่สังคมไม่ได้อย่างจือจือคนนั้นก็สามารถเทียบได้เช่นนั้นหรือ?”หรงเจียวเจียวก็ส่งเสียงฮึในลำคอ และกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “นางไร้ค่าที่เพิ่งหย่าร้างและกลับมาบ้าน ยังจะทำตัวเย่อหยิ่งในจวนอีกหรือ?”“การที่ให้นางอาศัยอยู่ห้องข้างของเรือนอี่เหมยได้ ถือเป็นการให้เกียรติจากท่านแม่แล้ว นางยังคิดจะเอาเช่นไรอีก? ให้นางมาอ
หรงจือจือหลุดขำออกมา นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายพูดเหล่านี้ออกมาอย่างมั่นใจเช่นนี้ได้อย่างไรหรงเจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา ส่วนตนเองก็ไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเขาแล้วเช่นนั้นหรือ?นางกล่าวเสียงเรียบว่า “เจ้าพูดได้ถูกต้อง ข้าโชคร้ายมาก”ไม่รู้เพราะเหตุใด หรงซื่อเจ๋อถึงดูเหมือนจะโกรธมากขึ้น หลังจากได้ยินประโยคนี้เขามองหรงจือจือ ยิ้มเสียงเย็นพลางกล่าว “ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าเจ้าโชคร้าย เช่นนั้นเจ้ายังไม่รีบตอบตกลงด้วยความซาบซึ้งในเมตตาอีกหรือ? นั่นก็เพราะเจียวเจียวถือว่าเจ้าเป็นพี่หญิงจากใจจริง ถึงไม่รังเกียจเจ้าอย่างไรเล่า!”หรงจือจือ “ข้ากลับคิดต่างจากเจ้า ในเมื่อรู้ว่าข้าโชคร้าย เจ้าไปหาคนที่เป็นมงคลและนำโชคดีกว่านี้ มาทำเสื้อผ้าให้หรงเจียวเจียวไม่ดีกว่าหรือ”“มิเช่นนั้นหากนางถูกข้าลากจนในอนาคตต้องหย่าร้างไปด้วยจะทำเช่นไร? ถึงตอนนั้น เจ้าที่เข้ามาหาข้าเพื่อต้องการเสื้อผ้าชุดนี้ไป ก็จะเป็นผู้กระทำผิดเช่นกัน”หรงซื่อเจ๋อ “เจ้า...”ในช่วงขณะนั้นเขาถึงกับถูกทำให้ฉุนจนไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรหรงจือจือกล่าวต่ออีกว่า “อีกอย่างเจ้าบอกว่า ฉีจื่อฟู่มีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ในเมื่อเจ้าช
แม้แต่หรงจือจือก็มักจะรู้สึกว่า มีคนยุยงอยู่ระหว่างกลาง แต่หรงซื่อเจ๋อไม่ยอมพูดอะไรเลย และแม้จะมีเรื่องเข้าใจผิด ก็ไม่รู้จะแก้ไขที่ส่วนใดดีหรงซื่อเจ๋อกล่าวด้วยดวงตาที่มืดมน “ไม่มีอะไรเข้าใจผิดทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องสกปรกที่เจ้าทำ! ข้าแค่กลัวว่าหากพูดออกไป เจ้าจะอับอายจนถึงแก่ความตายก็เท่านั้น!”“คำพูดไร้สาระพวกนี้วันหลังไม่จำเป็นต้องพูดขึ้นอีก ทว่าชุดกระโปรงนี่เจ้าแค่บอกมาว่าจะทำหรือไม่แค่นั้น หากไม่ทำ เจ้าอย่ามาโทษที่ข้าไม่ยอมรับเจ้าว่าเป็นพี่หญิงในภายหลังก็แล้วกัน!”ทันทีที่พูดคำนี้ หรงซื่อเจ๋อก็สะบัดชายเสื้อ และก้าวเท้ายาวจากไปเจาซีมองหรงจือจืออย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นหรงจือจือรู้สึกหดหู่เล็กน้อย นางไหนเลยจะไม่รู้ว่าคุณหนูกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อก่อนพี่น้องมีความผูกพันที่ลึกซึ้ง แต่ตอนนี้กลับเดินมาถึงจุดนี้มันจะดีกว่าหากไม่ผูกพันกันตั้งแต่แรก เพราะมันจะยิ่งทำให้เศร้าใจและทรมานมากขึ้นเจาซีกระซิบถาม “คุณหนู เช่นนั้นเสื้อผ้านี้ ท่าน...จะทำหรือไม่เจ้าคะ?”นางคิดว่าไม่ควรทำแต่เมื่อก่อนคุณหนูดันใส่ใจน้องชายคนนี้มาก ตราบใดที่คุณหนูสามารถทำได้ ก็จะตอบรับคำขออยู่เสมอในน้
หรงจือจือใส่ใจหรงซื่อเจ๋อคนนี้มากเพียงใด ในใจของหรงจือจือย่อมรู้ชัดแน่นอนตอนเป็นเด็กพี่รองคนนี้ของตน นอกจากท่านย่าที่อยู่ในเรือนแห่งนี้ ยังเป็นเพียงคนเดียวที่เต็มใจใกล้ชิดกับหรงจือจือ ดังนั้นหรงจือจือจึงหวงแหนเขามากเช่นกันเมื่อเห็นหรงซื่อเจ๋อพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นหรงเจียวเจียวเองก็รู้ว่า เรื่องนี้เป็นที่มั่นใจเก้าในสิบแล้ว......เที่ยงของวันรุ่งขึ้นหรงจือจือเห็นเจาซีเข้ามาด้วยด้วยสีหน้าแปลก ๆ และเอ่ยปากรายงานว่า “คุณหนู เจ้าพวกนักเล่านิทานด้านนอกมากมาย พากันพูดเรื่องของท่านกับสกุลฉีมั่วซั่วไปหมดแล้วเจ้าค่ะ...” “เห็นได้ชัดว่าสกุลฉีทำให้ท่านผิดหวัง ภายหลังกลับพูดเหมือนว่าท่านทำผิดต่อสกุลฉีเสียนี่”“บ่าวไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนผู้คนต่างด่าทอคนสกุลฉี แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตอนนี้ถึงเริ่มด่าท่านแล้ว”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “เพราะข้าในเมื่อก่อน เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่น่าสงสารที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และทนทุกข์อย่างถึงที่สุดในสายตาของชาวโลก พวกเขาจึงเห็นใจข้าบ้างเป็นธรรมดา” “แต่ตอนนี้ข้าหย่าร้างแล้ว ข้าทำให้พวกเขารู้ว่า ตอ
แต่นางเซี่ยไม่ยอมรับในตัวนางหรงจือจือพูด “ต่อไปอย่าพูดเรื่องพวกนี้อีก ในเมื่อข้ารับปากนางเซี่ยไปแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะกลับคำ”“เอาแต่คิดเรื่องพวกนี้ไปก็มีแต่จะเพิ่มความคิดที่ไร้ประโยชน์ให้กับเจ้า หรือหากแพร่งพรายออกไปก็จะกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งสองฝ่าย”ไม่รู้ว่าการกระทำของจีอู๋เหิงวันนี้จะทำให้เกิดข่าวลือหรือไม่เจาซีตอบอย่างไม่เต็มใจนัก “บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าหัวใจของเจาซีกำลังหลั่งโลหิต ที่คุณหนูต้องพลาดจากบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้สองนายบ่าวคุยกันถึงแค่ตรงนี้คนเฝ้าประตูเดินเข้ามารายงาน “คุณหนู ฉีอวี่เยียนมาหาขอรับ ร้องโวยวายอยู่ด้านนอกว่าต้องการพบท่าน!”เมื่อนึกถึงยามที่ออกจากสกุลฉีเมื่อวาน ฉีอวี่เยียนข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเพื่อบีบให้หรงจือจือทิ้งสินเดิมไว้ ครั้นได้ยินว่าอีกฝ่ายมาหาในวันนี้ หรงจือจือก็ย่อมรู้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนเอ่ยปากตอบทันทีว่า “ไม่พบ!”นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าตัวเองออกจากสกุลฉีมาแล้ วแต่ก็ยังจะโดนคนสกุลฉีตามหลอกหลอนไม่เลิกอีก นางคิดว่าตราบใดที่คดีของอวี้ม่านหวายังไต่สวนไม่เสร็จสิ้น สกุลฉีก็น่าจะต้องปวดหัวกับเรื่องน
หรงเจียวเจียวฟังถึงตรงนี้ก็รีบพูดตาม “นั่นสิเจ้าคะพี่หญิง อย่าก่อเรื่องอีกเลย รีบตามคุณหนูสามจากสกุลฉีกลับไปเถิด”“การที่นางมารับถึงที่นี่ก็แสดงให้ถึงความจริงใจของสกุลฉี จะเล่นตัวก็เล่นแค่พอเป็นพิธี เล่นมากไปจะหมดความหมาย”นางว่าจบก็ดันฉีอวี่เยียนเบาๆ “ยังไม่รีบพูดจาดีๆ กับพี่หญิงของข้าอีก?”ฉีอวี่เยียนฟังหรงเจียวเจียวพูดแบบนี้แล้ว มีหรือจะเห็นหรงจือจืออยู่ในสายตาอีก มองว่าก็แค่เศษสวะที่อยากตามตัวเองกลับสกุลฉีแต่ชอบวางท่าเล่นตัวพูดเย้ยหยันว่า “หรงจือจือ ข้าพูดในสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว จะกลับหรือไม่กลับก็แล้วแต่! ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด”หรงเจียวเจียวมองหรงจือจือ “ท่านพี่ คุณหนูสามสกุลฉีโมโหแล้วเจ้าค่ะ หากท่านยังไม่รีบกลับไป ทำให้ผลประโยชน์ตกเป็นของสตรีคนอื่นขึ้นมาจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”“ข้าเพียงแต่กลัวว่าผลประโยชน์จะตกไปเป็นของผู้อื่น กลัวว่าท่านจะหยิ่งในศักดิ์ศรี ด้วยเหตุนี้จึงต้อนรับนางแทนท่าน”“สกุลฉีเป็นครอบครัวอันเพียบพร้อมที่หาได้ยากยิ่ง พี่เขยเป็นคนดีที่หาได้ยากเช่นกัน แม้ว่าช่วงนี้จะทำผิดพลาดไปเล็กน้อย แต่ข้าก็เชื่อว่าเขาจะแก้ไขปรับปรุงได้อย่างแน่นอน ท่านรีบไปเก็บของเถิด!”
หรงจือจือพูดจบก็หันตัวเดินนำเจาซีจากไปหรงเจียวเจียวรีบร้องขึ้น “หรงจือจือ ท่านจะไปไหน? นางมาหาท่านนะ!”ฉีอวี่เยียนเข้ามาคว้าแขนหรงเจียวเจียวเอาไว้ “ไม่ ข้ามาหาเจ้าต่างหาก! จะมาหานางทำไม?”“ความจริงแล้วข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าตั้งแต่แรกเห็น! จริงสิ ขนาดหรงจือจือยังมีปะการังต้นใหญ่ เจ้าเป็นที่โปรดปรานของครอบครัวขนาดนี้ คิดว่าท่านแม่ของเจ้าน่าจะมอบให้อย่างน้อยสองต้นใช่หรือไม่?”“รอให้ถึงวันที่ข้าแต่งงานออกเรือน เจ้าแบ่งให้ข้าต้นหนึ่งได้หรือไม่? ข้าขอแค่ต้นเดียวเท่านั้น ถือว่าไม่มากเกินไปกระมัง?”“พี่หญิงของเจ้าตระหนี่มาก ตอนนั้นข้าขอร้องจนปากเปียกปากแฉะ แต่นางกลับไม่ยอมยกให้แม้เพียงครึ่งต้น เจ้าทั้งใจกว้างทั้งใจดีขนาดนี้ คิดว่าคงไม่ใจแคบกระมัง?”หรงเจียวเจียว “เจ้า เจ้า…”นางไม่เคยพบเจอคนไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน มันทำให้นางโมโหจนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรต่อดีที่ทำให้นางโมโหหนักเข้าไปอีกก็คือ ฉีอวี่เยียนมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “แม้ว่ารูปโฉมจะด้อยกว่าพี่หญิงของเจ้าไปบ้างและมีกิริยามารยาทสง่างามไม่เท่านาง แต่ก็ถือว่าสะสวย”“แต่หากครอบครัวพวกข้าต้องมีสะใภ้ที่โดดเด่นไม่เท่าเดิม
ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา
เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า
“ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท
เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่
เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค
เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช
เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง