“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน
“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”
“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”
สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่
“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”
หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อนๆ ที่เธอสุมไฟไว้ให้กองเบ้อเริ่ม แน่นอนว่าปณาลีกระโจนเข้าไปในกองไฟเรียบร้อยแล้ว
.
.
‘วิทิต’ บก. หนังสือพิมพ์ รูปหล่อพ่อรวย แต่ไม่ได้ทำตัวป้อสาวไปวันๆ เพราะเขาน่ะหนุ่มทำงานตัวจริงเสียงจริง คนรูปหล่อทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเพราะเมื่อออกมาจากห้องประชุมก็ต้องมาเจอปณาลียั่วโมโหเอาอีก ดวงตาคมของเหยี่ยวข่าวตวัดขึ้นมองเจ้าของใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มอย่างไม่พอใจ เพราะปณาลีนั้นไม่ได้สลดลงเลย
“อย่ามาบ้าน่ะเมี่ยง มาสายตั้ง 2 ชั่วโมง เข้าประชุมก็ไม่ทัน แล้วนี่จะยังมาวุ่นวายกับข่าวของพี่อีก พี่ว่าเราน่ะกินยาเขย่าขวดบ้างนะ รับผิดชอบกับงานตัวเองให้ได้ไม่ใช่มาทำตัวเอ๋อๆ แบบนี้” วิทิตหัวเสียหนักเมื่อคนนั่งตรงกันข้ามส่งยิ้มมาให้
“โธ่! เมี่ยงก็แค่มาไม่ทันประชุมเท่านั้นเอง พี่วิทิตจะโมโหทำไมนักหนาคะ”
“อ้อเหรอ... ผู้ถือหุ้น 20% มาไม่ทันดูงบประมาณของปีหน้า ถือว่าเป็นเรื่องไม่น่าโมโหใช่ไหม นี่ดีนะที่พี่เลี่ยงไปว่าเรายังไม่มา เลยถือเอาวาระอะไรมาตัดสินใจไม่ได้ แต่ถ้าหากผู้ถือหุ้นคนอื่นเขาไม่ยอมขึ้นมาล่ะ พี่ไม่ต้องทำงานตามแพลนของพวกเขาเหรอ เรานี่คิดอะไรก็เป็นเล่นไปหมดนะเมี่ยง”
วิทิตส่งสายตาดุๆ มาที่ปณาลีอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ปณาลีก็ทำหน้าตาสำนึกผิดพร้อมทำหัวหดจนน่าหมั่นไส้ อีกเรื่องหนึ่งที่พนักงานไม่รู้แต่เขารู้ก็คือ นักข่าวสาวร่างกะทัดรัดคนนี้มีหุ้นใน ‘ข่าวสารบ้านเรา’ ถึง 20% ด้วยกัน
ทำให้เมื่อมีการประชุมผู้ถือหุ้น ปณาลีก็ต้องเข้าประชุมด้วยทุกครั้งในฐานะทายาทของ ‘วิสิทธิ์วงศ์” แต่ปณาลีกลับไม่ค่อยจะสนใจ ทำให้เขาต้องปวดหัวอยู่เสมอ
แต่อีกทางเขาก็เอ็นดูปณาลีอยู่มาก อาจเป็นเพราะพ่อแม่สนิทสนมจนมาลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน และเขาก็เห็นปณาลีเป็นน้องสาวที่น่ารักมาตลอด เมื่อเขาเอ็นดูปณาลีมากกว่าพนักงานคนอื่นๆ เธอจึงถูกกลั่นแกล้งและถูกอิจฉาจากพนักงานคนอื่นเสมอ ดีที่ว่าสาวน้อยคนนี้มีนิสัยลุยๆ กล้าได้กล้าเสีย หากบอบบางร่างน้อยกระทบกระเทือนจิตใจอะไรไม่ได้ มีหวังเขาคงต้องปวดหัวมากกว่านี้อีกเป็น 2 เท่าแน่
“พี่วิทิต... เมี่ยงขอโทษนะคะ” ใช้น้ำเสียงอ่อนหวานออดอ้อน กระพือขนตางอนงามขึ้นลงอย่างเว้าวอน
“ก็เมี่ยงอะมั่นใจว่ายังไงพี่วิทิตก็ต้องแก้ปัญหาได้อยู่แล้วแหละ เอางี้ดีไหมคะ เมี่ยงจะเซ็นต์มอบอำนาจให้พี่วิทิตตัดสินใจทุกอย่างเลย พี่วิทิตจะได้ไม่ต้องวุ่นเพราะเมี่ยงอีกไง และเมี่ยงก็จะได้ทำงานได้อย่างสบายใจไทยแลนด์”
“เฮ้ย! จะบ้าเหรอ อาโพธจะได้มายิงพี่ทิ้งน่ะสิ”
วิทิตร้องโวยวายเมื่อนึกถึง ‘ท่านผู้กำกับประโพธ วิสิทธิ์วงศ์’ นายตำรวจเกษียณราชการ ซึ่งเป็นพ่อของปณาลี ความเฮี้ยบของท่านนั้นรู้กันดี แต่ให้เฮี้ยบแค่ไหนก็แพ้ทางไอ้หน้าตากวนๆ ทะเล้นๆ ของลูกสาวคนนี้อยู่ดีนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้เขารวบอำนาจแบบนั้นเขาก็ไม่เสี่ยงล่ะ แม้ว่าทั้งพ่อแม่ของเขาและของเธอจะอยากให้เป็นทองแผ่นเดียวกันมากขนาดไหน แต่สำหรับเขากับปณาลีก็เป็นได้แค่พี่น้องเท่านั้น
“นะ... พี่วิทิตนะ ให้เมี่ยงไปตามข่าวนี้เถอะ เมี่ยงอยากทำ นะพี่นะ...”
ปณาลีเปลี่ยนเรื่องพลางขยับเข้ามาเกาะแขนของวิทิตอย่างออดอ้อนเพราะเธออยากตามข่าวนี้จริงๆ และวิทิตก็รู้ดีว่าเพราะข่าวนี้แหละที่ทำให้เธอเบนเข็มอยากมาเป็นนักข่าว แทนที่จะหันไปรับราชการเหมือนกับพ่อ
“ไม่ได้หรอกเมี่ยง ถึงพี่อยากให้เราทำ แต่ก็ให้ไม่ได้ เพราะข่าวมันปิดไปแล้ว หลักฐานที่มีก็ไม่พอจะไปเอาผิดใครเขาได้ด้วย”
วิทิตมองใบหน้าสวยใสน่าเอ็นดูนั้นด้วยแววตาจริงจัง ข่าวอื่นเขาคงตัดใจให้ปณาลีไปทำได้ แต่ข่าวนี้มันอันตรายมากเกินไป เรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง
“จริงเหรอคะ ไม่ใช่ว่าพี่วิทิตเห็นเมี่ยงเป็นผู้หญิง” แน่นอนล่ะสายตามีพิรุธของวิทิตตอบออกมาว่า ‘ใช่’
“เมี่ยงทำได้นะคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ทำข่าวได้เหมือนกันแหละ บางข่าวน่ะผู้หญิงก็ทำได้ดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เมี่ยงก็พิสูจน์ตัวเองให้พี่เห็นแล้วว่าเมี่ยงทำได้ เมี่ยงติดตามข่าวสารบ้านเมืองตามที่พี่แนะนำแล้วไง นั้นข่าวนี้ก็ควรจะเป็นของเมี่ยงสิ”
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลาเช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”“ครับนายหัว”..ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลา
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครม
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครม
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลาเช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”“ครับนายหัว”..ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลา
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อน
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ