ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลา
เช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย
“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”
“ครับนายหัว”
.
.
ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลาบุญโชคช่วย’ ไปทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยมีตลาดใหญ่ๆ อยู่ที่จังหวัดใหญ่ในแต่ละภาค เช่น ภาคใต้ก็จะวิ่งไปที่ภูเก็ต ภาคตะวันออกไปที่ชลบุรี ภาคตะวันตกไปที่สมุทรสาคร ภาคกลางไปที่ตลาดไทย ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือนั้น ห้องเย็นที่ตลาดไทรับผิดชอบด้านการจัดส่งทั้งหมด
และตอนนี้เขาก็ได้ตลาดใหม่มาเพิ่ม ก็คือ การส่งขายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงทำสัญญาใดๆ เพราะต้องขอดูปริมาณสัตว์น้ำที่จะหาได้ในแต่ละวันด้วย เพราะหากรับปากไปแล้วเขาทำไม่ได้ มันจะกลายเป็นปัญหามากกว่าที่จะได้กำไร เพราะลำพังธุรกิจ ‘เรือลอบหมึก’ ที่ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับครอบครัว เขาก็ยังไม่สามารถจัดหาหมึกศอกได้พอเพียงต่อความต้องการของตลาดญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ
เพราะความต้องการอาหารทะเลในแต่ละวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นๆ ซึ่งคำกล่าวที่ว่า ‘ไทยเป็นครัวของโลก’ นั้นเป็นความจริง แต่จะมีกี่คนกันล่ะที่รู้ว่าอาหารที่กินกันอยู่ทั่วโลกนี้ โดยเฉพาะอาหารทะเลนั้นส่วนใหญ่ส่งออกจากประเทศไทย เพราะไทยนั้นถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารอยู่มากจริงๆ
ไกรมองดูคนงานคัดปลาที่มีทั้งคนของเขาและคนของเรือประมงที่จอดเทียบท่านั่งอยู่ปะปนกัน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็นคนงานต่างชาติ คนงานไทยนั้นมีน้อย จนอาจพูดได้ว่าคนไทยไม่สู้งานหรือหากจะคิดอีกทางก็คือ คนไทยในพื้นที่มีช่องทางทำกินได้มากกว่า มีสวน มีไร่ มีนาทำ ดังนั้นอาชีพคัดปลาจึงกลายเป็นงานหลักของแรงงานต่างชาติไปโดยปริยาย จะมีคนไทยปนบ้างก็น้อยเต็มทน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่รับช่วงแพปลาต่อจากผู้เป็นแม่ เขาก็ยังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องแรงงานต่างชาติจะทำอะไรให้หนักใจ จะมีก็เพียงคนงานของเขาบางคนที่คะนองไปหลีสาวต่างชาติเข้า ถ้ารักและให้เกียรติกันก็ได้ตกแต่งเป็นเมียผัวกันไป แต่ถ้าไปทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่และจะข่มเหงกัน เขาก็เคยต้องไล่ออกมาแล้ว เพราะถือว่า ‘อยู่ร่วมกันต้องเท่าเทียม’ ไม่ใช่นึกว่าเป็นเจ้าบ้านแล้วจะไปกดขี่ข่มเหงคนต่างบ้านต่างถิ่น เพราะถ้าคิดอย่างนั้นเขาเองก็จัดอยู่ในกลุ่ม ‘ต่างด้าว’ เหมือนกัน เพราะพ่อของเขาก็เป็นอเมริกันเต็มขั้น
“ทำไมนายหัวถึงจะเปิดแพเพิ่มล่ะครับ ที่มีอยู่ผมก็ว่ามันพอนะครับ”
ใหญ่แสดงความคิดเห็นในทันทีที่นายหัวไกรเอ่ยความต้องการออกมา เพราะเขาคิดว่าแพปลาบุญโชคช่วยนั้นก็มีความกว้างขวางเพียงพอสำหรับการรองรับเรือประมงที่จะเข้ามาเทียบท่าในแต่ละวันอยู่แล้ว การขยายแพเพิ่มต้องลงทุนมหาศาลและอาจได้ไม่คุ้มเสีย
เนื่องจากเรือประมงต่างๆ ก็มีแพปลาเจ้าประจำผูกขาดกันอยู่แล้ว ไอ้ที่จะออกเรือใหม่นั้นก็น้อยเต็มทน เพราะเด็กรุ่นใหม่ก็ไปทำงานต่างถิ่นกันเสียมาก จะให้มารับงานสานต่อครอบครัวก็มีน้อย ดีไม่ดีต่อไปบุญโชคช่วยอาจต้องเพิ่มเรือและจ้างคนงานเพิ่มเสียอีก เพื่อให้ได้ปริมาณสัตว์น้ำตามจำนวนที่ต้องจัดส่งประจำวัน ดังนั้นการเปิดแพใหม่จึงไม่ก่อให้เกิดรายได้กับบุญโชคช่วยในยามนี้อย่างแน่นอน
“เรือลากกู้ก็สลับกันเข้า 7 วันบ้าง 10 วันบ้าง ไอ้ปัญหาคลื่นลมมันก็ไม่แน่นอนนะครับ ถ้าเปิดแพเพิ่มเราก็อาจจะมีปัญหาเรื่องคนงานได้ ตอนนี้ก็ยิ่งหายากอยู่ด้วย”
ปัญหาใหญ่อีกอย่างก็คือเรื่องคนงาน ที่ทำยังไงก็แก้ไม่ตก คนไทยก็ไม่มี คนต่างชาติก็ต้องเสี่ยงกับการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอีก
“ฉันได้ตลาดมาเพิ่มน่ะพี่ใหญ่ ก็เลยอยากจะขยับขยายให้มันดีกว่านี้ อีกอย่างเวลาคลื่นลมแรง เรือลากกู้จะได้เทียบท่าได้อย่างสะดวกด้วย” ไกรตอบคำถามในสิ่งที่ใหญ่เป็นกังวล
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครม
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ
“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อน
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครม
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลาเช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”“ครับนายหัว”..ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลา
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อน
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ