“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”
“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”
‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน
“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”
“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”
“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครมาผมจับฝึกหมดแหละ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวก็ชิงลาออกกันไปเอง”
ที่ใหญ่พูดแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าขณะนี้แรงงานต่างชาตินั้นหายาก ยิ่งมาเกิดกรณีที่แพปลาบุญโชคช่วยไปพัวพันกับการลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ก็ยิ่งทำให้ถูกจับตามอง ลำพังจะหาแรงงานคนไทยก็ยากพอกัน เพราะเด็กรุ่นใหม่ก็มีแต่จะขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไอ้ที่จะมาทำงานแพปลานั้นก็หายากเต็มที ดังนั้นขอให้ได้มาเถอะ หญิงหรือชายก็ได้เขาไม่เกี่ยงเพศ ยิ่งได้เป็นเพศที่ 3 ที่ 4 เขายิ่งชอบ เพราะคนเหล่านั้นน่ะทำงานทนกว่าเพศปกติด้วยซ้ำ
“ถ้าได้เป็นลูกผสมก็ได้นะครับ”
“อะไรลูกผสม” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มปนขำๆ ของหัวหน้าคนงานร่างยักษ์
“ก็พวกกระทิงกระท้อนยังไงล่ะครับ ผมชอบนะทำงานทนดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า... ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่มีรสนิยมแบบนี้ งั้นเดี๋ยวฉันจะไปคัดจากที่ร้านให้ เผื่อมีใครมาสมัครงานเพิ่มจะได้สลับมาให้พี่ใหญ่สักคนสองคน จะหาไอ้ที่หน่วยก้านดีๆ ไว้ให้พี่ก็ละกัน”
“โธ่... นายหัวล้อผมอีกแล้วนะครับ แค่เมียผู้หญิงแท้ๆ ผมยังปวดหัวไม่เว้นวัน ถ้าได้เป็นกระท้อนมา มีหวังผมคงหัวแบะเช้าแบะเย็นแน่ๆ เอาเป็นว่าตามที่นายหัวสะดวกเถอะครับ ผมไม่อยากให้มีปัญหาอีก แค่ครั้งที่แล้วยังจบไม่สวย ครั้งหน้าขอให้อย่ามีนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง พี่ใหญ่ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันดูเอง”
ครั้งที่แล้วที่มีปัญหาก็คือ เมื่อแพปลาบุญโชคช่วยถูกซัดทอดจากเจ้าของเรือหาปลาที่ลักลอบนำเอาแรงงานต่างชาติเข้ามาในเมืองไทย เขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับกระบวนการ ‘ค้ามนุษย์’ จนเป็นข่าวครึกโครมไปทั้งประเทศ
แต่โชคดีที่ ‘สารวัตรนฬป’ หรือ ‘ปลาช่อน’ เพื่อนสนิทสมัยเด็กของเขาเป็นเจ้าของคดีนี้
นฬปรู้นิสัยเขาดีว่าไม่มีวันคิดทำอะไรชั่วๆ แบบนั้นแน่ คนงานต่างชาติที่เขาจัดจ้าง ไม่ว่าจะเป็นในแพปลา รีสอร์ต หรือที่ร้านอาหาร เขาก็ให้สิทธิ์เท่าเทียมกับแรงงานไทยทุกอย่าง ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะค้ามนุษย์อย่างที่กล่าวหาได้อย่างแน่นอน
นฬปช่วยหาหลักฐานให้ทุกอย่างจนรู้ว่าเขาถูกซัดทอดจาก ‘เฮียมังกร’ เจ้าของ ‘แพปลามังกรฟ้า’ ซึ่งเป็นแพปลาคู่แข่ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานพอที่จะไปเอาผิดเฮียมังกรได้ เพราะเจ้าของเรือประมงเมื่อถูกจับได้ว่าปรักปรำเขาให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ ก็เกิดเปลี่ยนใจเป็นรับผิดแต่เพียงผู้เดียวเพราะไม่กล้าซัดทอดว่าเฮียมังกรเป็นผู้ว่าจ้าง
และแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาได้กว่า 3 เดือน แต่ก็ไม่มีใครจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้เขาและครอบครัวได้ เพราะคนเข้าใจก็มี คนไม่เข้าใจก็มี และมีอีกหลายคนโดยเฉพาะสื่อท้องถิ่นที่เป็นพวกของเฮียมังกร พยายามปลุกปั่นกระแสว่าเขายัดเงินให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้เขาพ้นข้อกล่าวหาครั้งนี้
ผลจากข่าวไม่ดีที่ถูกป้ายสีก็ทำให้เขาอยากจะตลบหลังเฮียมังกรให้หลาบจำ ยิ่งสื่อท้องถิ่นจับจ้องในการรับคนงานต่างชาติของเขา รวมทั้งแทบจะตั้งกล้องจับผิดเรือประมงที่เข้ามาเทียบท่าที่แพปลาบุญโชคช่วย แม้แต่รถห้องเย็นก็ไม่ถูกละเว้น เขายิ่งต้องทำให้เฮียมังกรรู้พิษสงของจ้าวทะเลอย่างเขาบ้าง คนอย่าง ‘นายหัวไกร’ จะไม่ยอมให้ใครมาลูบคม เขาจะทำทุกอย่างให้ไอ้เฮียมังกรต้องสิ้นชื่อ แม้แต่การเป็นสายให้กับตำรวจ
‘ไอ้ช่อน ข้าจะเป็นสายให้เอ็ง ชื่อเสียงของข้าต้องได้คืนมาจากชื่อเสียๆ ที่ไอ้มังกรมันทำไว้ ข้าจะกระชากหน้ากากนักบุญของมันออกมาให้ได้’
‘เอ็งแน่ใจเหรอวะไกร มันเสี่ยงนะโว้ยไอ้สิ่งที่เอ็งจะทำ และข้าก็ไม่มีทางหานายหัวไกรคนใหม่ไปคืนแม่ของเอ็งได้หรอกนะ’
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ
“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อน
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลาเช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”“ครับนายหัว”..ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลา
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เห็นด้วยครับ ตอนแรกคิดว่านายหัวจะต่อแพเพิ่มเพราะกลัวว่าพวกเรือลากกู้จะลำบากเสียอีก”“นั่นก็ส่วนหนึ่งล่ะพี่ ถึงเรือลากกู้จะเข้าอาทิตย์ละครั้ง ฉันก็อยากให้พวกเขาสะดวกนะ พี่ใหญ่ดูสิ มันแออัดไปหมด อีกอย่างฉันอยากแยกพื้นที่สำหรับรถห้องเย็นของเรือทัวร์โดยเฉพาะด้วย ตอนนี้มันปนกันไปหมด เวลารถจะเข้าจะออก ต้องมาคอยทั้งระวังคนทั้งระวังรถด้วยกันอีก จะขึ้นน้ำแข็ง จะเติมน้ำมัน ลำบากไปหมด”‘เรือทัวร์’ คือ เรือขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ไปตักถ่ายหมึกจากเรือลอบหมึกที่จะเข้าท่า 2 เดือนครั้ง หากไม่มีเรือทัวร์ไปตักหมึกถ่ายออกมาเพื่อส่งให้กับรถห้องเย็นที่จะขนส่งหมึกเหล่านี้ไปต่างประเทศ ระยะเวลา 2 เดือนกว่าที่เรือลอบหมึกจะเข้าฝั่ง หมึกก็จะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพแช่เย็น ความสดใหม่คงจะไม่มีไปถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน“ถ้านายหัวคิดแบบนั้นผมก็เห็นด้วยครับ แล้วเรื่องคนงานล่ะครับ จะไม่มีปัญหาเหรอ”“ตรงนั้นพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเอง เออ... สรุปคนงานพี่ใหญ่ขาดกี่คนล่ะ”“5 คนครับ ขอผู้หญิง 2 ผู้ชาย 3 ถ้าเป็นไปได้นะครับ แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น แรงงานหายาก ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ นายหัวส่งใครม
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลาเช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย“พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม”“ครับนายหัว”..ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลา
ปณาลีลักไก่ว่าตัวเองเป็นคนหาข่าวได้ ไม่ใช่ว่าเพิ่งรู้จากหนูนาเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้“เฮ้อ! เมี่ยง...” วิทิตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง“เมี่ยง ดูปากพี่นะ เรื่อง มัน จบ ไป แล้ว ไม่ มี หลัก ฐาน โอเค! เข้าใจนะ! ไปๆๆ ไปทำงานได้แล้ว ข่าวที่พี่ให้หาไปถึงไหนแล้ว นี่อย่าบอกนะว่ามัวแต่ยุ่งเรื่องนี้จนลืมข่าวของพี่น่ะ ไอ้ที่ให้ทำก็ไม่ทำ ไอ้ที่ไม่ให้ทำก็จะทำ ฮึ่ม...”วิทิตอารมณ์ขึ้นทำท่าฮึ่มๆ จะกินเลือดกินเนื้อปณาลี ส่งผลให้นักข่าวสาวรู้สึกสยองจนต้องรีบออกมาจากห้อง บก. โดยด่วน และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่ออกมาเจอหนูนาอยู่นอกห้อง ปณาลีจึงต้องทำเป็นเชิดหน้ายิ้มราวกับได้รับชัยชนะอันใหญ่หลวง“ว่าไงเมี่ยง พี่วิทิตให้เมี่ยงทำไหม” หนูนายิ้มกว้างถลาเข้ามาถามทันที“หึ” ปณาลีสั่นหน้ายิ้มแหย“อ้าว! ทำไมล่ะ ข่าวออกจะดัง ถ้าเราเปิดโปงพวกนั้นได้นะ หนังสือพิมพ์เราต้องได้ขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่แน่ ไม่ต้องเป็นยักษ์ตัวน้อยตัวนิดอยู่แบบนี้”หนูนาพูดด้วยสีหน้าจริงจังดูหวังดีสุดๆ แต่สายตานั้นจับจ้องมองแต่เพียงใบหน้าสวย หวังจะเห็นกิริยาตรงกันข้ามกับคำสั่ง และสายตามุ่งมั่นของปณาลีก็ทำให้หนูนาต้องยิ้มกว้
“ข่าว... ข่าวอะไรคะพี่ ขอข่าวใหม่ๆ บ้างนะคะ ไม่ใช่สมัยพระเจ้าเหาก็เอามาบอกเมี่ยงอะ เมี่ยงขี้เกียจถูกพี่วิทิตด่าอีก” อดไม่ได้ที่จะเหน็บแต่สีหน้าก็ยังคงยิ้ม เพราะการสร้างศัตรูในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ควรภาคภูมิใจสักนิด ยังไงก็ต้องได้พึ่งพากัน“จ้า... ฉันเข้าใจดี คราวที่แล้วมันผิดพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่”“แล้วข่าวอะไรเหรอคะพี่”สีหน้าและแววตาอยากรู้สุดๆ ของปณาลีทำให้หนูนาต้องยิ้ม ใช่เธอพูดถูก คราวที่แล้วน่ะมันพลาดที่ไม่สามารถทำให้ปณาลีกระเด็นออกไปจากที่นี่ได้ แต่คราวนี้น่ะไม่พลาดแน่ เพราะยัย ‘เมี่ยงคำ’ ตัวแสบคงจะทำให้ บก.วิทิต อยากจะเคี้ยวหล่อนจนแหลก หากรู้ว่านักข่าวสาวคนโปรดไปแหย่เท้าหาผู้มีอิทธิพลเข้า และเธอก็มั่นใจเต็ม 100% ว่าคนอย่างปณาลีจะไม่ทำให้ข่าวนี้เงียบหายเป็นเป่าสากเหมือนที่หลายๆ คนต้องการแน่“กินอุดมการณ์ไปเถอะยัยเมี่ยงเอ้ย! แกได้ตกงานแน่ ช่วยไม่ได้อยากเป็นคนโปรดของพี่วิทิตสุดหล่อเอง แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่อย่ามาแข่งความสวยกับฉัน เพราะหล่อนจะไม่มีวันชนะ อิอิ...”หนูนายืนป้องปากหัวเราะคิกคักอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อคนด้านในกำลังเคลื่อนตัวสู่ห้องประชุมชั้นบนสุด พร้อมข่าวร้อน
“เอี๊ยด!!” เสียงเบรกห้ามล้อของมอเตอร์ไซค์คันเล็กกะทัดรัดประหยัดน้ำมันที่แล่นมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวแกงได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าของรถจะวาดต้นขาเรียวเล็กลงมายืนอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางทะมัดทะแมงสุดๆ หมวกกันน็อคสีแปร๊ดไม่ต่างจากรถถูกถอดออกก่อนจะสะบัดศีรษะไปมา รวบเส้นผมหยักศกยาวเคลียไหล่ด้วยผ้ารัดผมสีดำที่คล้องอยู่ที่ข้อมืออย่างลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้ม ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ทั้งที่การแต่งกายนั้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าสักนิดชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนาดพอดีตัวกับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแต่คล้ายไม่ได้ซักมาสัก 10 ปี ประกอบกับย่ามหนังใบเก่งสะพายแล่งพร้อมกระเป๋าใส่กล้องคล้องคอ ท่าทางแมนเกินหญิงบ่งบอกถึงอาชีพเสี่ยงๆ ที่เธอภูมิใจนักหนา เมื่อจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ฝ่ามือบอบบางก็ลูบไล้เจ้ารถคู่ชีพอย่างขอบอกขอบใจที่เจ้าสองล้อเพื่อนเกลอพาเธอฝ่าดงรถติดมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่บุบสลายไปสักตารางนิ้วเดียวตึกสูง 9 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศของหนังสือพิมพ์ยักษ์ไม่ใหญ่เท่าไรของเมืองไทยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือจุดหมายที่ต้องการมาถึงให้ไวที่สุดแ