ขณะที่เวียงพิงค์ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน จากมือที่น้อยพยายามผลักไสและทุบตี กลับกลายเป็นวางแหมะบนแผงอกกว้างพร้อมกับจับสาบเสื้อสูทของเขาเอาไว้ ส่วนมือหนาของเขาก็เริ่มสะเปะสะปะซุกซนตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงมาถึงหัวไหล่ ลูบไล้ช้าๆ กระทั่งถึงต้นแขนก่อนจะรั้งเธอเข้ามากอดแนบและยังคงจูบเร่าร้อนเช่นเดิม แล้วเอื้อมมือข้างขวาลงไปลูบไล้สะโพกเต่งตึง เวียงพิงค์ได้สติรีบบิดตัวหนี แต่ไม่พ้นเมื่อเขาถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของด้วยการบีบเค้นและขยำเบาๆ “อืม” เวียงพิงค์ครางอู้อี้อยู่ในลำคอเมื่อถูกรุกราน แต่มือหนากลับทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการลูบลงไปจนถึงเรียวขา แล้วอยู่ๆ เขาก็สอดแทรกฝ่ามือร้อนๆ เข้าไปใต้ชายกระโปร่ง“อืม!” เธอพยายามทัดทานและบิดหนี กระทั่งฝ่ามือร้อนๆ เริ่มลูบไล้สะโพกกลมกลึงผ่านกางเกงชั้นใน และตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาเคลื่อนฝ่ามือมาทางด้านหน้าจนได้พบกับสิ่งที่เธอหวงแหน และเขาอยากได้พร้อมกับตีราคาให้เรียบร้อย ซึ่งพบว่ามันน่าหลงใหลมากเพราะได้สัมผัสกับความอวบนุ่มภายใต้กางเกงชั้นในตัวสวย“พระเจ้า” เขาถอน
คาเมรอนยังคงปรนเปรอเธอด้วยการลากลิ้นอุ่นๆ โลมไล้ไปทั่วทั้งหน้าท้องจนถึงท้องน้อย และจับที่ชุดของเธอเอาไว้ค่อยๆ รูดลงจากเอวอย่างช้าๆ เพื่อลุ้นว่าความงามตรงหน้าจะน่าหลงใหลเพียงใด“คุณ... พอเถอะค่ะ พิ้งค์กลัว” เวียงพิงค์ยังมีสติมากพอที่จะห้ามปราม ทว่าเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะรั้งชุดลงมาจึงถึงต้นขา ทำให้เนินเนื้ออวบนุ่มโผล่เผยยั่วตาพร้อมกับมีไหมพรมสีดำอ่อนๆ ปกคลุมเพียงเล็กน้อย ราวกับสาวแรกรุ่น เขาใจเต้นระทึกกับความงามที่ยังปิดสนิทแน่นราวกับไม่เคยมีผีเสื้อตัวใดลองลิ้มชิมความหวาน และเขาหมายจะเป็นตัวแรกและตัวเดียวเสียเต็มประดาเวียงพิงค์ได้แต่หลับตาพริ้มหนีความน่าอับอายในครั้งนี้ พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เช่นเดิม เมื่อเขารั้งชุดลงไปกองที่ปลายเท้าทั้งหมด ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบไล้เนินสวาทเบาๆ“พระเจ้า คุณสวยมาก” เขาออกปากชมด้วยความลืมตัว จากนั้นจึงส่งผ่านลิ้นอุ่นออกมาแตะเบาๆ ที่กลีบกุหลาบนั้น ความร้อนจากลิ้นสากทำให้หญิงสาวสะดุ้งและเสียวซ่าน เมื่อเขาสอดแทรกลิ้นอุ่นลึกล้ำจนถึงเกสรเล็กๆ ที่กระ
“อืม” เขาครางออกมาเบาๆ อย่างพอใจเมื่อเธอตอบรับและไม่ขัดขืน จากนั้นมือหนาที่ประคองใบหน้าเธออยู่เคลื่อนลงมาโอบกระชับรอบเอวเธอเอาไว้ และกอดแนบแน่นจนกายเป็นเนื้อเดียว แผงอกกว้างเปลือยเปล่าเบียดแน่นกับเนินอกอวบอย่างตั้งใจ ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือลงไปลูบไล้สะโพกกลมกลึงและบีบเค้นหนักๆ และลูบเลยลงไปถึงเรียวขาทั้งสองข้าง แต่ชั่วอึดใจเขาจับเรียวขาทั้งสองข้างยกและอุ้มเธอให้เกี่ยวขาเอาไว้ที่เอวซึ่งเธอยอมทำตามอย่างว่าง่ายเช่น ด้วยอารมณ์ที่กำลังเตลิดเขาไม่รอช้ารีบอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนขณะที่ริมฝีปากยังคงบดขยี้กันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน พร้อมกับเสียงหายใจหอบพร่า เมื่อมาถึงเตียงนอนเขาจึงนั่งลงตรงขอบเตียงโดยที่เธอนั่งคร่อมอยู่บนตักทำให้รู้สึกถึงกายแกร่งภายใต้กางเกงชั้นในกำลังบดเบียดกับช่อกุหลาบนุ่ม “อืม” เธอครางในลำคอเบาๆ เมื่อเขาเคลื่อนฝ่ามือหนาบีบเค้นสะโพกอีกครั้ง“อืม อย่า...” อยู่ๆ เธอกลับห้ามปรามขณะที่มือของเขายังควบคุมสะโพกให้ขยับโยกอยู่“ทำไม ไม่ชอบเหรอ หรือมันสู้ปากของผมไม่ได้” เขากระซิบแผ่วเบาอ่อนโยนแต่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย“เปล่าค่ะ พิ้งค์ คือพิ้งค์... มัน อืม” เธอพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่เขากลับใ
“อืม” เธอกดกลั้นเสียงครางเอาไว้ด้วยการกัดริมฝีปาก ขณะที่เขากำลังลากลิ้นอุ่นสากลงมาตามทรวงอกอวบอิ่มเต่งตึงเย้ายวนใจ พลางเอื้อมมือขึ้นมากอบกุมเอาไว้และบีบนวด กระทั่งร่างบางสั่นสะท้านแอ่นกายเหยียดรับสัมผัสด้วยความทรมาน และยิ่งเสียวซ่านเมื่อลิ้นอุ่นตวัดหยอกเย้าหมุนวนเมล็ดทับทิมสีหวาน“ซี๊ดดดด อ่า...” ความเสียวซ่านทำให้เธอเผลอครางออกมาเบาๆ พลางหลับตาพริ้ม “ชอบหรือเปล่า” เขาถามเสียงพร่าทว่ายังใช้ริมฝีปากครอบครองอกสวย พร้อมกับมือหนาบีบนวดเค้นคลึงเพื่อปลุกอารมณ์ของเธอให้ลุกโชน เนิ่นนานกระทั่งเขาพอใจจึงได้เลื่อนริมฝีปากจูบลงมาตามหน้าท้องแบบราบที่ขยับไหวเพราะหายใจแรง จากนั้นลิ้นอุ่นจึงส่งออกมาตวัดลากวนจนกระทั่งถึงใต้สะดือ“อย่า! อืม” เธอออกปากห้ามปรามทั้งที่สติกำลังจะหลุดลอย แต่เขาไม่รอช้ายิ่งห้ามก็เท่ากับร่างกายกำลังต้องการ เขาจึงลากลิ้นร้อนๆ ต่ำลงมาจนถึงเนินเนื้อนุ่มอวบ แล้วแตะลิ้นลงไปบนกลีบกุหลาบเบาๆ แต่ทำเอาเธอสะดุ้ง“อ๊ะ” เธอครางออกมาด้วยความตกใจพลางยกสะโพกขึ้นอย่างลืมตัว ทว่าเขาตวัดหางตามองชั่วครู่ ก่อนจะส่งลิ้นอุ่นโลมเลียไปตามกลีบกุหลาบที่ปิดแน่นสนิทช้าๆ และลากขึ้นลงอย่างใจเย็น แต่ร่างบ
“หนึ่งอาทิตย์ไม่ได้แปลว่าให้คุณกลับบ้าน และผมไม่ได้หมายความว่าครั้งเดียวจบ ไม่สนุกหรือไง ไม่ชอบเหรอ” ให้ตายสิเขาถามออกมาได้ยังไง ไม่มีใครตอบได้หากไม่ใช่คู่รัก เสร็จแล้วถึงจะถามว่าชอบหรือเปล่า แต่นี่เธอถูกบังคับ จริงอยู่อารมณ์นั้นมันอาจจะชอบ... “ไม่!” เธอตอบอย่างหนักแน่นและเสียงเข้มพร้อมกับดวงตาคู่สวยมองเขาราวกับจะฆ่าเพราะความโกรธ“ไม่ แล้วใครครางลั่นห้อง ใครขอร้องอ้อนวอนผม ยอมรับมาเถอะไม่ต้องอาย เวลาอารมณ์มันพาไปใกล้จะถึงจุดสุดยอดก็เป็นกันทุกคน แต่เสร็จแล้วกรุณายอมรับเสียว่า ชอบ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน แต่นุ่มนวล พลางยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งเธอเกลียดรอยยิ้มนี้“หยาบคาย”“อืม นึกย้อนดู คุณใช้ปากเก่งเหมือนกันนะ เสียดายที่ผมไม่ได้บอกให้... มันคงจะเร่าร้อนไม่น้อยเลย” เขายั่วยุเธอด้วยน้ำเสียงพร่า “คุณมัน...” เธอไม่รู้จะด่าเขาด้วยคำไหนเพราะเสียเปรียบทุกอย่างจึงได้แต่ดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดพ้นไปจากเงื้อมมือทว่ามือหนาก็แข็งราวกับเหล็ก“ก็ตัวเองครางน่ะ รับไม่ได้เหรอ หืม เอาใหม่ก็ได้นะ” “ไม่ ปล่อยพิ้งค์!” “ผมบอกว่าอย่ามาขึ้นเสียงและผมจะไม่ปล่อย เพราะมันยังไม่จบ” จบคำเขาจึงรั้งเธอเข
“เห็นผู้หญิงไร้ค่า และคุณกำลังเห็นพิ้งค์เป็นแบบนั้น ไร้ค่าใต้อานัสของคุณและเงินคุณ” “รู้ไว้ก็ดี และทำให้ดีที่สุดจำไว้” พูดจบเขาก็ก้มลงจูบเธอเสียดื้อๆ จนแทบตั้งตัวไม่ทัน“อืม” เพราะความตกใจทำให้เวียงพิงค์ร้องอู้อี้และดิ้นนิดหน่อย แต่เมื่อเขามอบความอ่อนโยนให้เธอจึงหยุดดิ้นและจูบตอบเขาตามอารมณ์ที่กำลังก่อตัว อยากเกลียดตัวเองที่กำลังหลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้ “พอแล้วค่ะ พอแล้ว” เธอผลักเขาออกและห้ามเบาๆ ก่อนจะเมินหน้าหนี“น้ำเสียงไม่หนักแน่น” เขาบอกอย่างเป็นต่อและยิ้มบางๆ“คุณ... จูบบ่อยเกินไปแล้ว ปากพิ้งค์แทบจะ...” เธอจำเป็นต้องบอกความจริงและอยากรู้เหลือเกินว่าเขาทำกับคนอื่นแบบนี้บ้างหรือไม่ แต่คำตอบอาจจะทำให้เธอเจ็บปวดก็เป็นได้ “ก็ปากมีไว้จูบนี่ ฮืม หรืออยากให้ผมทำอย่างอื่น เอาอีกไหมจ๊ะจ๋า” ทำไมคำว่า จ๊ะจ๋ะของเขามันทำให้เธอเขินอายหน้าแดงขนาดนี้ บ้าจัง“ไม่ ไม่เอาแล้ว ง่วงแล้วค่ะ” เธอแสร้งโกหกไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่อยากจะดื้อดึงกับเขาอีกแล้ว แต่เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะเธอจะแผลงฤทธิ์ให้ดู“งั้นเรียกจ๋าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นไม่ให้นอน ขอเพราะๆ นะครับ” เขาเองก็ไม่ได้พูดเพราะกับเธอเสียหน่อย“พิ้งค์ไม่..
“สวัสดีค่ะพี่รัช ขอโทษค่ะที่ทำให้รอสายนาน” เวียงพิงค์กดรับสายและทักทายอย่างสุภาพพลางปรายตามองคนใจร้ายที่ยืนจับชายผ้าห่มรอฟังเธอพูด“ไม่เป็นไรจ้ะ พิ้งค์เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง พี่เป็นห่วงนอนไม่หลับเลยกลัวท่านประธานจะไม่พอใจเอามากๆ” น้ำเสียงปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“คือ...ใช่ค่ะ ท่านก็...” เวียงพิงค์ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดีว่าท่านประธานไม่พอใจแค่ไหน “ท่านดุมากไหมพิ้งค์ ฮืม” พิรัชถามน้ำเสียงหม่น“ก็... ค่ะ... ดุ... ดุเหมือน... ดุเหมือนหมา! กัดมั่วไปหมด” คำว่าดุเหมือนหมาเธอตั้งใจหันมาว่าให้เขาชัดๆ แถมยังลั้กคิ้วหลิ่วตาใส่ จนเขาขึงตาจ้องมองเธอราวกับจะเอาเรื่องเลยทีเดียว“แล้วพิ้งค์กำลังมาทำงานหรือเปล่า” “เอ่อ พี่รัช... คือพิ้งค์ พิ้งค์คงยังไปทำงานไม่ได้ในตอนนี้ พิ้งค์...” “ว่าไงนะ! เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า นี่โดนดุนิดหน่อยถึงกับไม่อยากมาทำงานเลยเหรอ ไม่เอาน่าพี่รออยู่นะ” “เปล่าค่ะพี่รัช เขาสั่งพักงานพิ้งค์หนึ่งอาทิตย์ เพื่อทบทวนตัวเอง”“พักงาน! ให้ตายสิ โอ้ยพิ้งค์พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ แล้วจะทำไงละจ้ะ หืม”“พี่รัชไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวพิ้งค์ก็จะไปทำงานตามเดิม เจอกันอาทิตย์หน้านะค
“อุ้ย! ว้าย!” หญิงสาวสะดุ้งและร้องอุทานด้วยความตกใจ เพราะอยู่ๆ วงแขนของเขาก็ตวัดรัดรอบเอวแล้วรั้งเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลัง“นี่ พิ้งค์บอกให้ไปอาบน้ำ” เธอว่าและดิ้นจนสุดแรงแต่เขาก็กอดรัดเสียแน่น“ผมต่างหากที่สมควรจะสั่งคุณ และอย่างที่คุณบอก ทำให้คุ้มซิ” เขาพูดและกัดกรามแน่นพลางเอื้อมมือลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอผ่านชุดคลุมพร้อมกับซุกไซ้ใบหน้าลงไปตรงบริเวณซอกคอและดูดเม้มหนักๆ “นี่! หยุดนะ! คนไม่รักษาคำพูด” เธอว่าพลางวาดฝ่ามือหนักๆ ลงไปตามแขนของเขา แถมด้วยการทุบหนักๆเพียะ! เพียะ! เพียะ! เธอฟาดที่หลังมือของเขาไม่ยั้งแต่มือหนาแทบไม่สะทกสะท้าน“ผมไม่รักษาคำพูดตรงไหน” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงอู้อี้“ก็ตรงนี้แหละ อืม ปล่อย คน... บ้า...” “ตีไปเถอะผมไม่เจ็บหรอก เพราะผมกำลังจะได้ขึ้นสวรรค์แทนความเจ็บปวด” พูดจบเขาก็ถลกชายเสื้อคลุมเธอขึ้นและสอดแทรกฝ่ามือเข้าไปล้วงลึกถึงด้านใน และก็พบกับความว่างเปล่าที่นวลเนียนน่าสัมผัส“คุณ! ไม่เอา... พอก่อน ให้พิ้งค์แต่งตัวนะคะ” เธอพยายามยกขาขึ้นหนีบกันเอาไว้ เพื่อไม่ให้มือฝ่าหนาเข้าครอบครองและแสดงความเป็นเจ้าของต่อส่วนนั้น“จะแต่งตัวไปไหน ในเมื่อผมบอกว่าพักงานคุ
“อ๊ะ! ซี๊ดดดด อ่า คาเมล” ด้วยความเสียวซ่านทำให้เธอกดกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความคิดถึง ความปรารถนา และทะยานพุ่งสู่จดหมายที่ปลายขอบฟ้า ร่างบางกระตุกเกร็งและแอ่นสะโพกยกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจิกที่ตัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาเพื่อปลดปล่อยความทรมาน ผ่านไปชั่วครู่ร่างกายเริ่มผ่อนคลายล่องลอยราวกับอยู่กลางท้องฟ้า เสียงหายใจหอบพร่ากระชั้นด้วยความเหนื่อย คาเมรอนยังคงอ้อยอิ่งจูบซับความหวานกระทั่งพอใจ แล้วจึงขยับกายขึ้นไปหาพร้อมกับจูบที่ริมฝีปากบางอย่างปลอบโยนอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าขึ้นมาคลุมให้ แล้วยิ้มหวานพลางเอื้อมมือขึ้นเสยผมที่เลื่อนมาปิดใบหน้าออกให้อย่างอ่อนโยน แต่เวียงพิงค์แปลกใจไม่น้อยที่เขายอมทำตามคำขอร้องของเธอ “ทำไมคุณถึงได้ยอม ทั้งที่เมื่อก่อน...” เธอถามอย่างแปลกใจ“เมื่อก่อนผมไม่ยอมใช่ไหม จะเอาให้ได้ใช่หรือเปล่า ก็ตอนนี้ร่างกายคุณไม่โอเคจะให้ผมบังคับเหรอ คุณจะไม่เกลียดผมมากกว่านี้หรือยังไง” เขากระซิบบอกเสียงนุ่มแล้วก้มหน้าจูบที่หน้าผากเนียนเบาๆ แต่เนิ่นนานจนไม่อยากจะละจากกันเลยทีเดียว“ผมรักคุณ” เขากระซิบเบาๆ อีกครั้งทว่าหลั
เท่านั้นยังไม่พอมือหนาซุกซนของเขาลูบเข้ามาจนถึงเรียวขาด้านใน ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับเนินสวาทอวบนุ่ม แต่เขากลับต้องชะงักเพราะมันเกลี้ยงเกลาสะอาดจน... “พระเจ้า” เขาครางออกมาเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นพลางลูบไล้ฝ่ามือลงบนเนินสวาทช้าๆ พร้อมกับบดเบียดนิ้วแกร่งกับช่อกุหลาบนุ่มๆ อย่างเอาใจ สร้างความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวจนแทบคลั่ง เพราะไม่ได้อยู่ใกล้เขามานาน “อื้อ! ไม่ได้ค่ะ ไม่เอา” เธอเริ่มห้ามปรามอีกครั้งพร้อมกับผลักมือของเขาออก “ทำไมไม่ได้ ผม... ผมเอ่อ” เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกขัดใจชอบกล แต่ไม่ได้หงุดหงิดอะไรเพียงแต่ร่างกายของเขากำลังต้องการเท่านั้นเอง “พิ้งค์เพิ่งคลอด คุณเข้าใจไหมคะ คุณหมอเย็บไหมละลาย ถ้าละลายแล้วก็ใช่ว่าคุณจะ...” เธอบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อืม! ผัวเมียอยู่ด้วยกันมันก็ต้องการจะให้ทำยังไงครับจ๋า หืม” ให้ตายสิเขาโมเมคิดว่าเธอใจอ่อนแล้วสิท่า “ไม่ต้องทำ ปล่อยพิ้งค์” พอเธอพูดจบเท่านั้นแหละเขาก็ตวัดเธอเข้าไปกอด “ไม่ทำไม่ได้ คุณหมอสั่ง” คนบ้ามาอ้างอิงคำสั่งหมอ หมอไม่ได้สั่งให้มีอะไรกันเสียหน่อย เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว เธอคิดพลางมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “หมอไม่ได้สั่งแบบนี
“คุณหนีผมมาทำไม ทิ้งผมมาทำไม ที่สำคัญไม่บอกผมสักคำว่าท้อง” “พิ้งค์ไม่ได้มีค่ากับคุณ เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะคุณรังแกพิ้งค์ ลูกเกิดมาเพราะคุณไม่ได้ตั้งใจ และคิดเหรอว่าคุณจะรับผิดชอบ” เธอบอกพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่รับผิดชอบ ผมเป็นคนนะ และคนๆ นี้ก็รักคุณ ไม่ได้ดูดายเมื่อรู้ว่าคุณมาที่นี่”“หึ ไม่ได้ดูดายอย่างนั้นเหรอคะ คุณไม่ได้สนใจพิ้งค์ด้วยซ้ำ”“โรงพยาบาลที่ราคาถูกผิดปกติ แท็กซี่เจ้าประจำของคุณ และค่าใช้จ่ายในบ้านที่แม่คุณอาจจะหยิบยื่นให้ สงสัยหรือเปล่า” ให้ตายสิอย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเขา เธอคิดและได้แต่ร้องไห้“ผมอยากมาหาคุณเหลือเกินพิ้งค์ แต่เพราะผมโง่ถึงรอคอยอะไรบ้าๆ จนทำให้คุณโกรธผมขนาดนี้ แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยอยู่ห่างคุณกับลูกเลย” “คุณเป็นคน... เป็นฝีมือคุณ” “เป็นฝีมือผม ใช่ ผมอยากดูแลคุณอยากรับผิดชอบ แต่เพราะรู้ว่าคุณเกลียดผมมาก หากคุณรู้ก็กลัวว่าคุณไม่รับ ขอโทษนะครับได้ไหม” เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมกริบด้วยความรู้สึกหลากหลาย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร“ให้โอกาสผมได้ไหม เริ่มต้นกันใหม่นะครับ”“พิ้งค์เป็นแค่... พิ้งค์ไม่มีค่าอะไร” เธอยังคงคิดว่าตัวเองต่ำต้อ
“แต่คุณน่ะทะลึ่ง ไปไหนก็ไปพิ้งค์ง่วง จะนอนแล้วไม่ต้องมากวนด้วย” พอพูดจบเธอก็คลานขึ้นเตียงทันทีแล้วแสร้งทำเป็นหลับ คาเมรอนจึงออกมาจากห้อง เพื่อจะเข้าครัวทำอาหารที่หมอแนะนำ นั่นคือแกงเลี่ยงเพียงอย่างเดียวก่อน แม้ว่าจะทำไม่เป็นก็ตาม แต่อ่านวิธีทำแล้วเข้าใจ ทุกอย่างก็ง่ายในทันที เมื่อลงมือทำเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้เวียงพิงค์จะต่อต้าน แต่การทะเลาะกันนิดหน่อยเหมือนเป็นสัญญาณดี เพราะอย่างน้อยเวียงพิงค์ไม่ได้ขับไล่ไสสงเขาอย่างหนักหน่วง เหมือนวันแรกที่มาเหยียบที่นี่จ “หวังว่าคงจะทานได้นะครับ” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ เพราะไม่มั่นใจว่ามันจะอร่อยเพียงใด แต่แกงเลี่ยงก็มีแต่ผัก ทานได้หรือไม่ได้ก็ต้องทาน พอทำเสร็จแล้วจึงตักใส่ถ้วยขนาดพอดีไม่ใหญ่มาก เพื่อให้เวียงพิงค์ได้ซดน้ำอุ่นๆ เขาคงไม่รอให้เธอพักผ่อนก่อนหรอก เพราะมั่นใจว่าเธอยังไม่หลับ จึงได้นำแกงเลียงขึ้นไปให้เพราะอยากนำเสนอมาก เขาชิมเองก็โอเค หากเธอรับประทานเข้าไปแล้วน่าจะอร่อยแน่ๆ เขาคิดพลางเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่เธอไม่ได้อยู่ในห้องจังหวะเดียวกันนั้น เวียงพิงค์ออกมาจากห้องน้ำพอดีและแทบจะร้องกรี้ด ด้วยความตกใจเพราะเธอใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจาก
“พิ้งค์พยายามจะเชื่อ แต่เชื่อไม่ลง อย่าพูดให้เหนื่อยเลยค่ะและออกไปพิ้งค์ อยากอยู่คนเดียว” เธอออกปากไล่อีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจออกไปจากห้องด้วยอาการคอตก พยายามที่จะไม่ท้อแท้กับกิริยาหรือคำพูด ที่เธอพูดเสียดแทงหัวใจ เพราะเขารู้ตัวดีและจำได้ว่าเคยพูดให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจมาแล้วอย่างไม่น่าให้อภัย “แค่สองวันก็จะทนไม่ได้แล้วเหรอเรา ทีทำร้ายเขาเต็มๆ หนึ่งอาทิตย์ ทิ้งให้อุ้มท้องคนเดียวจนคลอดอีก เขายังทนได้ หึ เอาเลยพิ้งค์อยากจะลงโทษผมให้สาแก่ใจ ให้เจ็บปวดเจียนตายก็เอา” เขาเอ่ยออกมาลอยๆ และไม่ได้คิดที่จะยอมแพ้เพียงแต่อยากสงบจิตใจเท่านั้นเองขณะเดียวกันมะเหมี่ยวซื้อของเสร็จก็รีบกลับมาทันที พร้อมทั้งขอตัวกลับบ้านเพราะเที่ยงแล้ว เนื่องจากว่าคาเมรอนให้ทำงานเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เวียงพิงค์ต้องถามเหตุผลกันเสียหน่อยว่าทำไมถึงกลับก่อนเวลาสองวันแล้ว“มีอะไรบอกพี่ตรงๆ ก็ได้นะเหมี่ยว ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เวียงพิงค์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่มะเหมี่ยวอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ“คือเหมี่ยว ไม่มีปัญหาอะไรกับที่บ้านหรอกค่ะ แต่แบบว่าพี่พิ้งค์มีคุณเขาดูแลแล้ว เหมี่ยวเลยอยากจะดูแลพี่พิ้งค์ช่วงเช้าครึ่งวันน่ะค่ะ” “
“ก็ได้ครับ” ว่าแล้วเขาก็ค้นหาเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำ ชำระร่างกายภายในห้องนอนนี่เอง ซึ่งเขาใช้เวลาไม่นานนัก ระหว่างนี้มะเหมี่ยวก็ทำอาหารเช้าสำหรับเวียงพิงค์และคาเมรอน เสร็จแล้วเธอก็ขึ้นมาหาเวียงพิงค์ทันที“พี่พิ้งค์สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะคุณ...” มะเหมี่ยวทักทายทั้งสองคนพลางยกมือไหว้“เมื่อวานไปทำธุระครึ่งวันทำไมไม่บอกพี่ล่ะ” เวียงพิงค์ตำหนิเล็กน้อยทว่ามะเหมี่ยวกลับปรายตามองคาเมรอนแทน“คือหนู มันด่วนมากน่ะค่ะเลยไม่ทันได้บอก แต่ฝากบอกผ่านสามีพี่พิ้งค์แล้วนะคะ” สามีอย่างนั้นหรือ ใครสั่งใครสอนให้พูด หรือว่าเขาบอกเอง เวียงพิงค์คิดอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมามองมาคาเมรอนที่ยืนอยู่ปลายเตียง“เหมี่ยวเขาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรน่ะครับ” “คุณเสี้ยมคนของพิ้งค์มากกว่า” “ผมเปล่า กับข้าวเสร็จหรือยัง เอาขึ้นมาให้พี่พิ้งค์ไป แล้วเดี๋ยวจะได้พาพี่พิ้งค์ไปหาหมอ” “พิ้งค์ไม่ได้บอกว่าจะไปนะคะ” การที่เธอไม่ตอบนั่นแหละว่าตกลงแล้ว เขาคิด“ไปเอากับข้าวขึ้นมานะ” คาเมรอนไม่ได้พูดกับเวียงพิงค์แต่หันไปสั่งมะเหมี่ยวแทน“ได้ค่ะคุณ” มะเหมี่ยวรับคำเสร็จก็ออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง“ค
“พรุ่งนี้เราไปหาหมอกันนะ” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นพลางกอดเธอเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม จนกระทั่งเวลาผ่านไปนับชั่วโมง เวียงพิงค์หยุดสั่นแล้วและคิดว่าอาจจะหลับสนิท แต่คาเมรอนไม่ได้หลับด้วย ตลอดเวลาที่กอดเวียงพิงค์เอาไว้ มันทำให้รู้สึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตลอดหลายเดือน พยายามบอกตัวเองไม่ได้ว่าคิดถึงเธอ จึงไม่ยอมตามมาง้อ แต่ให้คนติดตามความเคลื่อนไหวและคอยช่วยเหลืออยู่ จนทนไม่ไหวต้องมาหาด้วยตัวเองเพราะความคิดถึงและนี่น่าจะเป็นกอดแรกที่เขาไม่อยากจะปล่อยเลยแม้แต่นิดเดียว “ผมคิดถึงคุณนะพิ้งค์ คิดถึงคุณเหลือเกิน” เขาเอ่ยกับร่างบางที่หลับสนิทเพราะหากพูดต่อหน้าเธอตรงๆ ก็คงไม่กล้าเช่นกัน“ทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้ผมนะ” เวลานี้คงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพราะได้อยู่ใกล้กัน หากวันพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาก็ไม่แน่ใจว่าเวียงพิงค์อาจจะโกรธเขามากกว่าเดิมก็เป็นได้ ข้อหาขึ้นมานอนร่วมบนเตียงตลอดทั้งคืนคาเมรอนแทบนอนไม่หลับ เพราะบางครั้งเวียงพิงค์ก็มีอาการหนาวสั่น เขาก็ต้องอาศัยอ้อมกอดอุ่นๆ เพื่อคลายความหนาวให้กับเธอ แต่ผ่านไปอีกสักหน่อยเจฟานก็ลุกขึ้นมากินนม เขาก็ต้องลุกขึ้นไปอุ้มเจฟานมาให้ ทำอย่างนี้ตลอดทั้งค
“อย่ามาโกหกดีกว่าครับ เอาเป็นว่าผมนอนข้างนอกก็ได้ แต่คุณต้องเปิดประตูทิ้งเอาไว้ ผมจะได้เห็น” “นี่บ้านฉันคุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งอีกแล้ว” เธอว่า และเขาไม่ได้สั่ง แต่เป็นห่วงต่างหาก“ผมไม่ได้สั่งแต่ขอร้อง ผมเป็นห่วงคุณนะครับพิ้งค์ ไม่ได้คิดที่เข้าไปข้างในเสียหน่อย” “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ นอนหน้าห้อง” เธออนุญาตน้ำเสียงเรียบ“ขอบคุณครับ แล้วลูกหลับหรือยัง” ถามราวกับว่าเป็นลูกของตัวเอง“หลับแล้ว แล้วไม่ต้องเข้าไปในห้อง” เธอห้ามด้วยน้ำเสียงเข้ม ก่อนจะเอี้ยวตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง คาเมรอนจึงวางกระเป๋าเดินทางไว้ตรงประตู แล้วนั่งพิงผนังด้านเดียวกับประตูนั่นเอง ผ่านไปสักห้านาทีเวียงพิงค์ก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่ม วางกองเอาไว้ตรงหน้าเขาพอดี ดูเหมือนเธอเป็นห่วงแต่สีหน้าบูดบึ้ง เขาจึงมองเครื่องนอนสลับกับเงยหน้ามองเธอ“มองอะไร สงสัยอะไร” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่องเสียเหลือเกิน“อ๋อ ใครจะกล้าล่ะครับ คือ... จะเข้านอนแล้วเหรอครับ” “ถ้าไม่เข้านอนตอนนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ลุกบ่อยรู้แล้วนี่คะ” เธอตอบเสียงเรียบพลางเมินหน้าหนี“อย่าปิดประตูนะครับ เผื่อว่าลูกตื่นร้องไห้แล้วคุณลุกไม่
“ก็ต้องลองทานดูครับ ผมทำได้เท่านี้ แต่อยากให้ทานอุ่นๆ จะได้มีแรง เดี๋ยวลูกก็ตื่นคุณก็ต้องอาบน้ำให้แกอีก” เขาบอกอย่างมีเหตุผล แต่ใช่ว่าเธอจะญาติดีกับเขาหรอกนะ แค่อยากมีแรงดูแลลูกเท่านั้นเอง“ก็เอามาสิคะ” เธอสั่งน้ำเสียงเรียบอีกครั้งแต่ยังดีที่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างหรือพูดไม่มีหางเสียง และเมื่อเธอยอมที่จะรับประทานเขาจึงยกเฉพาะถ้วยโจ๊กมาให้เท่านั้นเวียงพิงค์รับถ้วยโจ๊กมาถือเอาไว้ ขณะที่เขากลับยิ้มบางๆ อย่างพอใจ แต่เธอไม่ได้สังเกตเพราะมองที่ถ้วยโจ๊กและบอกไม่ถูกว่ามันน่ารับประทานแค่ไหน แค่รู้จักใส่ต้นหอมผักชีเท่านี้ก็น่าอร่อยแล้ว จากนั้นเธอจึงใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นมาเป่าแล้วชิมคำเล็กๆ โดยที่คาเมรอนก็นั่งลุ้นตัวโก่งเพราะกลัวว่าจะไม่อร่อยพลางสังเกตสีหน้าของเธอด้วย“เป็นไงครับ โอเคไหม” เขาถามอย่างตื่นเต้น เพราะอยากให้เธอตอบว่าอร่อยเหลือเกิน“ไม่โอเคค่ะ” เธอตอบน้ำเสียงเรียบทำเอาคาเมรอนหน้าเจื่อนไปเลยทีเดียว“ไม่อร่อยเลยเหรอครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด และน่าสงสารเลยทีเดียว เวียงพิงค์จึงมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนจะตักโจ๊กรับประทานต่อไป“มันไม่โอเค เพราะมันไม่มีชิ้นเนื้อเลย มีแต่