“ทำไมต้องทำขนาดนั้น ครอบครัวมีปัญหาเหรอ”“ค่ะ แม่ไม่ค่อยสบายทำงานไม่ได้ พิ้งค์เลยต้องหาเลี้ยงแล้วส่งเงินกลับไปให้ท่าน”“ได้ยินมาว่าทำเฉพาะงาน... กลางคืน” ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นคำว่ากลางคืนเสียจริง“ก็กลางวันพิ้งค์เรียน และงานกลางคืนมันก็รายได้ดี” เธอตอบตามความซื่อ“เคยทำงานกลางคืนที่รายได้ดีที่สุดหรือเปล่า” เขาถามอย่างมีเลศนัย ดวงตาวาวโรจน์แต่ใบหน้าเรียบตึง ทว่าคำถามของเขากลับทำให้เวียงพิงค์มองกลับด้วยความสงสัย และคิดว่าเขากำลังดูถูกเธอแน่ๆ“หมายความว่ายังไงคะ พิ้งค์ไม่เข้าใจ”“คุณเข้าใจ คุณไม่ได้โง่ แล้วเคยหรือเปล่า”“ท่าน พิ้งค์ไม่ใช่ พิ้งค์ไม่เคยทำงานแบบนั้น”“ฮ่าๆ ผมอ่านประวัติคุณหมดแล้ว” เขาหัวเราะอย่างนั้นหรือ ให้ตายสิเยาะเย้ยเธอหรือเปล่าเนี่ย“อ่านหมดแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าพิ้งค์จะทำ ทำไมคะถ้าประวัติด่างพร้อยท
“พิ้งค์ก็ไม่ได้ขึ้นมาให้คุณดูถูก และทำตัวน่ารักไม่เป็นด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพิ้งค์ปฏิเสธมันจะเป็นยังไง” ดูเหมือนเธอจะมั่นใจเสียเหลือเกินว่าจะปฏิเสธเขาได้ เขาคิดและยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ เพราะความรู้สึกที่ยังเป็นต่ออยู่“คิดว่าผมจะไล่คุณออกอย่างนั้นเหรอ เปล่าเสียหน่อยมันไม่ง่ายขนาดนั้น กว่าผมจะใช้เวลาเอาคุณมาอยู่ที่นี่รู้ใช่ไหมว่ามันนาน” เอามาอยู่ที่นี่หมายความว่ายังไงกัน แต่เธอจะไม่ถามเพราะอยากจะออกไปจากห้องนี้เสียเต็มประดา“เอาสิ ปฏิเสธ แล้ววันพรุ่งนี้ ผมจะเรียกคุณขึ้นไปหาบนห้องทำงานแทน คิดว่าคนอื่นก็คงจะอยากรู้เพราะผมไม่เคยเรียกใครโดยเฉพาะพนักงานระดับล่าง” จองหอง ทะนงตัวและคิดว่าเธอจะยอมสินะ“คุณต้องการ... ต้องการแค่... คุณดูถูกผู้หญิง ดูถูกพิ้งค์”“ไม่ถูกหรอกมั้ง ฟังข้อเสนอแล้วมันจะแพงขึ้นมาทันที” เขาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ช้าๆ“ถอยไปนะคะพิ้งค์จะกลับ” พูดจบเธอก็เอี้ยวตัวจากไปทันที แต่... เขาแทรกขึ้นเสียก่อน
ขณะที่เวียงพิงค์ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน จากมือที่น้อยพยายามผลักไสและทุบตี กลับกลายเป็นวางแหมะบนแผงอกกว้างพร้อมกับจับสาบเสื้อสูทของเขาเอาไว้ ส่วนมือหนาของเขาก็เริ่มสะเปะสะปะซุกซนตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงมาถึงหัวไหล่ ลูบไล้ช้าๆ กระทั่งถึงต้นแขนก่อนจะรั้งเธอเข้ามากอดแนบและยังคงจูบเร่าร้อนเช่นเดิม แล้วเอื้อมมือข้างขวาลงไปลูบไล้สะโพกเต่งตึง เวียงพิงค์ได้สติรีบบิดตัวหนี แต่ไม่พ้นเมื่อเขาถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของด้วยการบีบเค้นและขยำเบาๆ “อืม” เวียงพิงค์ครางอู้อี้อยู่ในลำคอเมื่อถูกรุกราน แต่มือหนากลับทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการลูบลงไปจนถึงเรียวขา แล้วอยู่ๆ เขาก็สอดแทรกฝ่ามือร้อนๆ เข้าไปใต้ชายกระโปร่ง“อืม!” เธอพยายามทัดทานและบิดหนี กระทั่งฝ่ามือร้อนๆ เริ่มลูบไล้สะโพกกลมกลึงผ่านกางเกงชั้นใน และตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาเคลื่อนฝ่ามือมาทางด้านหน้าจนได้พบกับสิ่งที่เธอหวงแหน และเขาอยากได้พร้อมกับตีราคาให้เรียบร้อย ซึ่งพบว่ามันน่าหลงใหลมากเพราะได้สัมผัสกับความอวบนุ่มภายใต้กางเกงชั้นในตัวสวย“พระเจ้า” เขาถอน
คาเมรอนยังคงปรนเปรอเธอด้วยการลากลิ้นอุ่นๆ โลมไล้ไปทั่วทั้งหน้าท้องจนถึงท้องน้อย และจับที่ชุดของเธอเอาไว้ค่อยๆ รูดลงจากเอวอย่างช้าๆ เพื่อลุ้นว่าความงามตรงหน้าจะน่าหลงใหลเพียงใด“คุณ... พอเถอะค่ะ พิ้งค์กลัว” เวียงพิงค์ยังมีสติมากพอที่จะห้ามปราม ทว่าเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะรั้งชุดลงมาจึงถึงต้นขา ทำให้เนินเนื้ออวบนุ่มโผล่เผยยั่วตาพร้อมกับมีไหมพรมสีดำอ่อนๆ ปกคลุมเพียงเล็กน้อย ราวกับสาวแรกรุ่น เขาใจเต้นระทึกกับความงามที่ยังปิดสนิทแน่นราวกับไม่เคยมีผีเสื้อตัวใดลองลิ้มชิมความหวาน และเขาหมายจะเป็นตัวแรกและตัวเดียวเสียเต็มประดาเวียงพิงค์ได้แต่หลับตาพริ้มหนีความน่าอับอายในครั้งนี้ พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เช่นเดิม เมื่อเขารั้งชุดลงไปกองที่ปลายเท้าทั้งหมด ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบไล้เนินสวาทเบาๆ“พระเจ้า คุณสวยมาก” เขาออกปากชมด้วยความลืมตัว จากนั้นจึงส่งผ่านลิ้นอุ่นออกมาแตะเบาๆ ที่กลีบกุหลาบนั้น ความร้อนจากลิ้นสากทำให้หญิงสาวสะดุ้งและเสียวซ่าน เมื่อเขาสอดแทรกลิ้นอุ่นลึกล้ำจนถึงเกสรเล็กๆ ที่กระ
ภายในโรงแรมหรู ระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ คลาคล่ำไปด้วยสื่อมวลชนคับคั่ง เหล่าคนดังไฮโซและนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทยที่ต่างตบเท้ากันมาร่วมงานประกวดการออกแบบเครื่องประดับ เพื่อเฟ้นหาดีไซเนอร์มาประดับวงการพร้อมทั้งเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทเพชรยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยอย่างบริษัท Grey&M Jewelry จำกัด(มหาชน) โดยการจัดงานครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดของประธานบริษัทคนใหม่อย่าง คาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล ผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปี ที่เพิ่งจะมารับตำแหน่งได้ไม่นาน ด้วยความที่เป็นคนตั้งใจทำงาน เก่ง ไฟแรง จึงอยากได้ดีไซเนอร์เป็นคนรุ่นใหม่ และไฟแรงพอๆ กันมาร่วมงานด้วย เพื่อจะได้มีไอเดียร์แปลกๆ ไม่ซ้ำใครในการตีตลาดอัญมณีเมืองไทย สู่ระดับเอเชีย ไปจนถึงระดับโลก และการประกวดก็ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามสิบคนสุดท้าย เพื่อที่จะขึ้นโชว์ผลงานจริงในค่ำคืนนี้ โดยการสวมใส่ของนางแบบแถวหน้าของเมืองไทย เวียงพิงค์ ขวัญคำ สาวน้อยเมืองเชียงใหม่ หนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขันและเข้ารอบสิบคนสุดท้าย จากการคัดเลือกกว่าหนึ่งร้อยคนผ่านผลงานการวาดภาพในรอบแรก หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีและเพิ่งจะคว้าปริญญาหมาดๆ ทางด้านการออกแบบอ
แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว คาเมรอนเป็นคนที่มีบุคลิก ดุ น่ากลัว น่าเกรงขาม เย็นชา บางครั้งเอาแต่ใจตัวเองและหยิ่งจองหองถือตัวเอามากๆ ไม่ยอมให้ใครเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ คนที่คาเมรอนจะเรียกเข้าห้องทำงานเพื่อไปคุยงานด้วยนั้น จะมีแต่ระดับผู้จัดการขึ้นไปเท่านั้น ส่วนพนักงานตัวเล็กๆ นั้นรอรับคำสั่งจากผู้จัดการอีกต่อหนึ่ง แต่เพราะคาเมรอนเป็นคนที่มีเสน่ห์ ยิ่งเก็บตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้คนทั่วไปอยากจะรู้จักและอยากเข้าถึงตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งได้รู้จากปากต่อปากว่าคาเมรอนหล่อเหลาระดับพระเอกฮอลลีวู้ด ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบด้วยส่วนสูง 189 เซนติเมตร ก็ยิ่งทำให้นักข่าวอยากขอสัมภาษณ์ อยากเห็นหน้า เพราะคาเมรอนคือความลงตัวของสามเชื้อชาติ นั่นคือ ไทย – จีน - อเมริกัน เพราะเจ้าสัวหัสนัยน์เป็นลูกครึ่งไทย - จีน ส่วนมารดานั้นเป็นชาวอเมริกันแท้ๆ แต่มาอยู่เมืองไทยนานนับสามสิบปีทำให้พูดไทยได้คล่องปร๋อ คาเมรอนเป็นทายาทเพียงคนเดียวและมีองค์ประกอบบนใบหน้าครบจนน่าอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่ขาวเหมือนคนจีน ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาแบบหนุ่มอเมริกัน คิ้วหนาเข้ม ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลอ่อน แต่เปลือกตาเล็กแบบคนจีน จมูกโด่งเป็นสั
“ลำดับที่สิบผู้เข้าประกวดคนสุดท้าย นางสาวเวียงพิงค์ ขวัญคำ กับชื่อชุดฤดูผลิรัก” พิธีกรประกาศชื่อเวียงพิงค์เป็นคนสุดท้าย หญิงสาวจึงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วจึงเดินขึ้นเวทีพร้อมกับนางแบบรูปร่างสูงเพรียว ผิวสีน้ำผึ้ง แต่ไม่สามารถบดบังรัศมีความสวย ขาว น่ารักของเธอได้เลย แม้จะตัวเล็กแต่เวียงพิงค์เด่นราวกับดารา เพราะเธอสวยเหมือนดาราอยู่แล้ว จากนั้นเสียงเซ็งแซ่พูดคุยกันเรื่องหน้าตาของเวียงพิงค์ก็ฮอตพอๆ กับการวิจารณ์ความสวยของคอลเล็คชั่นที่เธอออกแบบ พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว เวียงพิงค์ส่งยิ้มหวานโปรยให้กับแขกในงานอย่างอ่อนโยนและเขินอายในที แต่นาทีนี้เองที่เธอได้เห็นคาเมรอนเต็มๆ ใกล้ๆ และต้องรีบหุบยิ้มเพราะไม่อยากให้ใครมองว่าอ่อยประธานบริษัท แม้ในหัวใจจะเต้นตูมตามแทบจะทะลุออกมานอกอก แต่จังหวะเดียวกันนั้นคาเมรอนก็มองมาที่เวียงพิงค์ด้วยดวงตาคมกริบวาวโรจน์ สลับกับมองเครื่องประดับและนางแบบ แต่นางแบบเองก็น่าสนใจไม่น้อย และเช่นเดียวกันเมื่อกรรมการได้เห็นเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายเรียบร้อยทุกคนก็ก้มหน้าให้คะแนน เมื่อโชว์เครื่องประดับเสร็จเวียงพิงค์กลับเข้าหลังเวทีพร้อมกับนางแบบเพื่อพักผ่อนและรอฟั
ทว่าหลังจากเสร็จสิ้นการประกวด คาเมรอนไม่ได้กลับบ้าน แต่กลับขึ้นไปพักในโรงแรมเพราะมีกิจกรรมหลังจากนี้ที่เร่าร้อนกว่า เขาหมายตาเอาไว้แล้วว่าคืนนี้ใครถูกใจมากที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาจะซื้อคอลเลคชั่นของผู้เข้าประกวดเท่านั้น แต่ผู้สวมใส่คอลเลคชั่นก็ไม่พลาดที่จะซื้อตัวมาสังเวยตัณหา เพราะผู้ชายที่เคยนอนกับผู้หญิงทุกคืนอย่างเขามันขาดไม่ได้ ยิ่งได้เห็นนางแบบแต่ละคนเซ็กซี่ ขยี้ใจ มันก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์บางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในใจให้ลุกโชนออกมาบนเตียงนอนนุ่มภายในพักสุดหรู ในความมืดสลัวนั้น มีเพียงแสงสว่างจากภายนอก สาดผ่านกระจกบานใหญ่แบบเลื่อนๆ เข้ามาถึงห้องนอนที่เปิดผ้าม่านเอาไว้ จึงทำให้มองเห็นสองร่างเปลือยไร้เสื้อผ้าของคาเมรอนและนางแบบสาวลูกครึ่ง กำลังนั่งโอบกอดคลอเคลียแนบแน่น พร้อมกับเสียงครางงึมงำในลำคออย่างพอใจ เรือนกายแสนเย้ายวนของเทย่านางแบบสุดเซ็กซี่ ซึ่งเดินแบบให้กับเครื่องเพชรของเวียงพิงค์ กำลังขยับโยกกายเร่าร้อนราวกับพายุ บดเบียดสะโพกกลมกลึงกับกายแกร่งแห่งชายชาตรีแนบแน่น ขณะที่เขาปล่อยให้เธอนั่งอยู่บนตัก พร้อมกับขยับรับจังหวะของหญิงสาวอย่างรุนแรง สองแขนแข็งแกร่งโอบกอดเธอไว้ พลางเล
คาเมรอนยังคงปรนเปรอเธอด้วยการลากลิ้นอุ่นๆ โลมไล้ไปทั่วทั้งหน้าท้องจนถึงท้องน้อย และจับที่ชุดของเธอเอาไว้ค่อยๆ รูดลงจากเอวอย่างช้าๆ เพื่อลุ้นว่าความงามตรงหน้าจะน่าหลงใหลเพียงใด“คุณ... พอเถอะค่ะ พิ้งค์กลัว” เวียงพิงค์ยังมีสติมากพอที่จะห้ามปราม ทว่าเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก่อนจะรั้งชุดลงมาจึงถึงต้นขา ทำให้เนินเนื้ออวบนุ่มโผล่เผยยั่วตาพร้อมกับมีไหมพรมสีดำอ่อนๆ ปกคลุมเพียงเล็กน้อย ราวกับสาวแรกรุ่น เขาใจเต้นระทึกกับความงามที่ยังปิดสนิทแน่นราวกับไม่เคยมีผีเสื้อตัวใดลองลิ้มชิมความหวาน และเขาหมายจะเป็นตัวแรกและตัวเดียวเสียเต็มประดาเวียงพิงค์ได้แต่หลับตาพริ้มหนีความน่าอับอายในครั้งนี้ พร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เช่นเดิม เมื่อเขารั้งชุดลงไปกองที่ปลายเท้าทั้งหมด ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบไล้เนินสวาทเบาๆ“พระเจ้า คุณสวยมาก” เขาออกปากชมด้วยความลืมตัว จากนั้นจึงส่งผ่านลิ้นอุ่นออกมาแตะเบาๆ ที่กลีบกุหลาบนั้น ความร้อนจากลิ้นสากทำให้หญิงสาวสะดุ้งและเสียวซ่าน เมื่อเขาสอดแทรกลิ้นอุ่นลึกล้ำจนถึงเกสรเล็กๆ ที่กระ
ขณะที่เวียงพิงค์ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน จากมือที่น้อยพยายามผลักไสและทุบตี กลับกลายเป็นวางแหมะบนแผงอกกว้างพร้อมกับจับสาบเสื้อสูทของเขาเอาไว้ ส่วนมือหนาของเขาก็เริ่มสะเปะสะปะซุกซนตั้งแต่ต้นคอ ไล่ลงมาถึงหัวไหล่ ลูบไล้ช้าๆ กระทั่งถึงต้นแขนก่อนจะรั้งเธอเข้ามากอดแนบและยังคงจูบเร่าร้อนเช่นเดิม แล้วเอื้อมมือข้างขวาลงไปลูบไล้สะโพกเต่งตึง เวียงพิงค์ได้สติรีบบิดตัวหนี แต่ไม่พ้นเมื่อเขาถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของด้วยการบีบเค้นและขยำเบาๆ “อืม” เวียงพิงค์ครางอู้อี้อยู่ในลำคอเมื่อถูกรุกราน แต่มือหนากลับทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการลูบลงไปจนถึงเรียวขา แล้วอยู่ๆ เขาก็สอดแทรกฝ่ามือร้อนๆ เข้าไปใต้ชายกระโปร่ง“อืม!” เธอพยายามทัดทานและบิดหนี กระทั่งฝ่ามือร้อนๆ เริ่มลูบไล้สะโพกกลมกลึงผ่านกางเกงชั้นใน และตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาเคลื่อนฝ่ามือมาทางด้านหน้าจนได้พบกับสิ่งที่เธอหวงแหน และเขาอยากได้พร้อมกับตีราคาให้เรียบร้อย ซึ่งพบว่ามันน่าหลงใหลมากเพราะได้สัมผัสกับความอวบนุ่มภายใต้กางเกงชั้นในตัวสวย“พระเจ้า” เขาถอน
“พิ้งค์ก็ไม่ได้ขึ้นมาให้คุณดูถูก และทำตัวน่ารักไม่เป็นด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพิ้งค์ปฏิเสธมันจะเป็นยังไง” ดูเหมือนเธอจะมั่นใจเสียเหลือเกินว่าจะปฏิเสธเขาได้ เขาคิดและยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ เพราะความรู้สึกที่ยังเป็นต่ออยู่“คิดว่าผมจะไล่คุณออกอย่างนั้นเหรอ เปล่าเสียหน่อยมันไม่ง่ายขนาดนั้น กว่าผมจะใช้เวลาเอาคุณมาอยู่ที่นี่รู้ใช่ไหมว่ามันนาน” เอามาอยู่ที่นี่หมายความว่ายังไงกัน แต่เธอจะไม่ถามเพราะอยากจะออกไปจากห้องนี้เสียเต็มประดา“เอาสิ ปฏิเสธ แล้ววันพรุ่งนี้ ผมจะเรียกคุณขึ้นไปหาบนห้องทำงานแทน คิดว่าคนอื่นก็คงจะอยากรู้เพราะผมไม่เคยเรียกใครโดยเฉพาะพนักงานระดับล่าง” จองหอง ทะนงตัวและคิดว่าเธอจะยอมสินะ“คุณต้องการ... ต้องการแค่... คุณดูถูกผู้หญิง ดูถูกพิ้งค์”“ไม่ถูกหรอกมั้ง ฟังข้อเสนอแล้วมันจะแพงขึ้นมาทันที” เขาพูดพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ช้าๆ“ถอยไปนะคะพิ้งค์จะกลับ” พูดจบเธอก็เอี้ยวตัวจากไปทันที แต่... เขาแทรกขึ้นเสียก่อน
“ทำไมต้องทำขนาดนั้น ครอบครัวมีปัญหาเหรอ”“ค่ะ แม่ไม่ค่อยสบายทำงานไม่ได้ พิ้งค์เลยต้องหาเลี้ยงแล้วส่งเงินกลับไปให้ท่าน”“ได้ยินมาว่าทำเฉพาะงาน... กลางคืน” ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นคำว่ากลางคืนเสียจริง“ก็กลางวันพิ้งค์เรียน และงานกลางคืนมันก็รายได้ดี” เธอตอบตามความซื่อ“เคยทำงานกลางคืนที่รายได้ดีที่สุดหรือเปล่า” เขาถามอย่างมีเลศนัย ดวงตาวาวโรจน์แต่ใบหน้าเรียบตึง ทว่าคำถามของเขากลับทำให้เวียงพิงค์มองกลับด้วยความสงสัย และคิดว่าเขากำลังดูถูกเธอแน่ๆ“หมายความว่ายังไงคะ พิ้งค์ไม่เข้าใจ”“คุณเข้าใจ คุณไม่ได้โง่ แล้วเคยหรือเปล่า”“ท่าน พิ้งค์ไม่ใช่ พิ้งค์ไม่เคยทำงานแบบนั้น”“ฮ่าๆ ผมอ่านประวัติคุณหมดแล้ว” เขาหัวเราะอย่างนั้นหรือ ให้ตายสิเยาะเย้ยเธอหรือเปล่าเนี่ย“อ่านหมดแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าพิ้งค์จะทำ ทำไมคะถ้าประวัติด่างพร้อยท
“ผมรออยู่” คาเมรอนบอกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเดิม เพราะเวียงพิงค์ยังยืนนิ่งและไม่ยอมหันกลับมาเลย แต่เมื่อได้ยินคำสั่งครั้งที่สอง เธอจึงค่อยๆ เอี้ยวตัวกลับมาอย่างช้าๆ พลางก้มหน้าเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตา แต่ดวงตาคมกริบกลับจับจ้องใบหน้าสวยหวานน่ารักอย่างไม่วางตา ก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อยและมองใบหน้าหวานรูปไข่ ไล่ลงมาที่จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากกระจับบางๆ แต่เอิบอิ่ม สีชมพูระเรื่อด้วย ลิปกลอส แต่มันน่ามองตรงที่เธอกำลังกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความประหม่า ยอมรับว่าอิริยาบทแบบนี้ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงมาก “ทักทายกันหน่อยดีไหม ก่อนจะเริ่มเรื่อง” คาเมรอนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เวียงพิงค์จึงตวัดหางตามองเขาเพียงเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นไหว้“สวัสดีค่ะท่าน ฉันชื่อเวียงพิงค์ค่ะ” เวียงพิงค์กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสั่นและก้มหน้าเช่นเดิม“จะนั่งหรือจะยืนค้ำหัว” คาเมรอนถามแกมตำหนิเล็กน้อย เวียงพิงค์จึงได้เงยหน้าขึ้นมองเขาตรงๆ เพราะเข้าใจว่ากำลังถูกตำหนิ“เอ่อ ขอโทษค่ะ” เวียงพิงค์ก้มหน้าเอ่ยอีกครั้ง แล้วจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับเขาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอย่างที่สุด พร้อมกับรอคำตำหนิจากเจ้านายหนุ่มที่นั่งนิ
ส่วนทางด้านทีมของพิรัชนั้น บางคนก็ยังอยู่แต่บางคนขอกลับขึ้นไปบนห้องเพื่อพักผ่อน ทว่าเวียงพิงค์ยังอยู่ในงานกับพิรัชและอมิตาเช่นเดิม ซึ่งระหว่างที่พิรัชกำลังหาของกินตามซุ้มต่างๆ อยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ทำให้รีบวางทุกอย่างแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อสูททันที พอเห็นเบอร์โทรศัพท์โชว์หราเท่านั้นแหละ อยากเป็นลมมันเสียตรงนี้เลย “คุณพระคุณเจ้า อกอีรัชจะแตก” พิรัชอุทานออกมาเบาๆ พลางยกมือขึ้นทาบหน้าอกด้วยความตกใจไม่กล้ารับสาย แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจเพราะคิดในแง่ดีว่ามันอาจจะไม่เลวร้ายก็เป็นได้“สวัสดีค่ะ เอ้ย! สวัสดีครับท่าน” พิรัชลืมตัวด้วยการลงท้ายแบบผิดๆ แต่ปลายสายก็ไม่ได้ว่าอะไร“คุณรัช ผมบอกแล้วใช่ไหมว่า...” เสียงปลายสายบ่งบอกว่าไม่พอใจและพร้อมที่จะเรียกลูกน้องของพิรัชคนใดคนหนึ่งขึ้นไปหาก็ได้“เอ่อท่านครับ คือเอ่อ... เรื่องนี้รัชรับผิดชอบเองนะครับ คือรัชเทรนน้องไม่ดีพอ เลยทำให้น้องตื่นเต้นบนเวที จำสคริปไม่ได้” พิรัชรีบเสนอตัวแทนทันที แถมยังรู้อีกต่างหากว่าคาเมรอนจะพูดเรื่องอะไร “คุณรัช จุดไหนที่มีปัญหาผมก็ปรับจุดนั้น คนก็เหมือนกัน แล้วไม่ต้องออกหน้ารับแทน คุณได้รับผล
“เอ่อ ฤดูฝนใกล้เข้ามา และตัวแทนของน้ำค้างคือเพชรรูปหยดน้ำเกาะบนกิ่งไม้” เธอจำได้และเริ่มพูดต่อขณะที่นางแบบเดินลงไปหน้าเวทีให้แขกได้ชม ถือว่าเป็นชุดที่เรียบหรูและดูดีอีกหนึ่งชุด และสามารถใส่ออกงานได้อย่างสบายจากนั้นนางแบบก็เดินกลับขึ้นบนเวที“เอ่อ ขอบคุณมากค่ะ” เวียงพิงค์ตัดบทเพราะพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว จากนั้นจึงเดินกลับเข้าหลังเวทีไปเลย ทุกคนไม่โอเคกับความประหม่าของเธอ แต่เพราะความน่ารักและยังเป็นน้องใหม่อยู่ จึงให้อภัยได้ ยกเว้นก็แต่คาเมรอนที่ไม่ให้อภัยในความผิดพลาดครั้งนี้ เขาแทบจะส่ายหน้าด้วยความผิดหวังและโมโหอยู่ในใจ ขณะเดียวกันนางแบบก็เดินโชว์อีกรอบ“พิ้งค์เป็นอะไรมากหรือเปล่า ตื่นเต้นมากไหม ฮืม” พิรัชรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงและตกใจมาก“พี่รัช พิ้งค์ขอโทษค่ะ พิ้งค์สั่นไปหมดเลย เหมือนถูกจับผิด พูดผิดพูดถูกหมดแล้ว จำสคริปไม่ได้ค่ะ” เวียงพิงค์น้ำเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้“ไม่เป็นไร นี่มันครั้งแรกไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดหรอก แต่ดูสั่นๆ ยังไงชอบกล”&n
“ดูท่าทางพวกเราจะหม่องไปเลยถ้าอยู่ในงาน” อมิตาแทรกขึ้น จากนั้นพิรัชจึงหันกลับไปมองทุกคนก่อนจะถาม“สาวๆ หิวกันไหม หาอะไรกินรองท้องก่อนดีหรือเปล่า ถ้าท่านประธานมาเปิดงานแล้วจะหมดโอกาสกินนะ” พิรัชบอกด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรค่ะพี่รัช เสร็จงานแล้วพวกเราค่อยกินดีกว่า ตื่นเต้นไม่กล้าออกไป” อมิตาให้ความเห็นซึ่งทุกคนก็เห็นดีด้วย จากนั้นจึงได้รอเวลาเปิดงาน“สวัสดีครับ แขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน กระผมวาคิม อมรเวช ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท Grey&M Jewelry จำกัด (มหาชน) รับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการบนเวทีในค่ำคืนนี้ ขอต้อนรับแขกทุกท่านเข้าสู่ความหรูเลิศอลังการ ดาวล้านดวง กับอัญมณีที่เลอค่าที่สุดในโลก เพชร! และรออีกเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น คุณคาเมรอน เกรย์ มหัทธนวงศ์สกุล ประธานบริษัท จะเดินทางมาเปิดงานด้วยตัวเองนะครับ แต่ตอนนี้เชิญแขกทุกท่านพักผ่อนอิริยาบถตามสบายนะครับ ขอให้มีความสุขกับค่ำคืนแสนวิเศษนี้ ขอบคุณครับ” จบคำกล่าวต้อนรับของผู้จัดการฝ่ายการตลาด สาวๆ ดีไซน์เนอร
“เรียบร้อย หันไปดูตัวเองในกระจกสิว่าสวยแค่ไหน” พิรัชบอกอย่างชื่นชมขณะที่เพื่อนๆ ก็ต่างพากันมามุงดูเวียงพิงค์กันยกใหญ่“พี่รัชแต่งหน้าทำผมสวยมากเลยอ่ะ แต่งให้น้องบ้างเร็วๆ” ดีไซน์เนอร์คนหนึ่งขอร้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแกมบังคับเล็กน้อย“แต่งเองเป็นอยู่แล้ว ก็แต่งเองสิยะ” พิรัชแสดงอาการแจ๋นๆ ออกมาทันที เพราะนอกเวลางานก็เป็นกันเองกับลูกน้องเสมอ“ไม่เอาอ่ะพี่รัชแต่งสวยนะคะ พรีส!” ดีไซน์เนอร์คนเดิมขอร้อง เวียงพิงค์จึงได้แต่ยิ้มหวานและหันกลับไปมองที่กระจกเงา แล้วต้องอึ้งเมื่อเห็นความสวยน่ารักของตัวเองอีกครั้ง ไม่อยากจะสำคัญตัวเองแต่ว่ามันใช่ เพราะเธอไม่ใช่คนขี้เหร่เลยแม้แต่นิดเดียว“โห๋! ว้าว! พี่รัชแต่งซะ พิ้งค์ ไม่ใช่พิ้งค์เลยค่ะ”“ไม่ใช่พิ้งค์ แต่เป็นนางซิน นี่ขนาดแต่งบางๆ นะถ้าได้ขึ้นไปเดินแบบแล้วล่ะก็ ใครๆ ก็ต้องเหลียวหลังเหมือนกัน” พิรัชไม่ถ่อมตัวเลยเพราะรู้ดีว่าฝีมือการแต่งหน้ายอดเยี่ยม“ไม่ค่อยย