ณ เมืองลอสแอนเจลิส (L.A.) รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในย่านใจกลางเมืองมีตึกไอทีที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันอับต้นๆในแถบยุโรปอยู่ นั่นก็คือบริษัท ไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ป ที่มีผู้บริหารสุดหล่ออย่าง คาเรน เซนโดริก เป็นผู้สืบทอดบริษัทนี้ต่อจากบิดาและมารดาที่เสียชีวิตไป ตั้งแต่เขาอายุยี่สิบสองปี จนเขาสามารถนำพาบริษัทให้ก้าวหน้าจนมีสาขาในประเทศต่างๆกว่าสิบประเทศ จนตอนนี้เขาก็อายุสามสิบสองปีแล้ว เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ทรงอำนาจในแวดวงธุรกิจ และที่หลายคนยังไม่รู้ก็คงจะเป็นเรื่องที่เขาเป็นหลานชายคนโตของท่านลาฮิม ซามัสเซล มหาเศรษฐีในนครดูไบ ที่รวยติดอันต้นๆของโลก เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับบ่อน้ำมัน และผลิตรถซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อดัง รวมไปถึงธุรกิจต่างๆในนครดูไบและอาบูดาบี แต่เพราะพ่อของเขาตัดสินใจแต่งงานกับแม่ของเขาซึ่งเป็นชาวต่างชาติ จึงถูกตัดจากการเป็นทายาทของตระกูล ซามัสเซล แต่เขาก็มีบริษัทด้านไอทีของแม่ให้ดูแล โดยมีท่านลาฮิมคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไป
“นายครับ ท่านลาฮิมต้องการคุยกับนายด่วนครับ” บาคัส ลูกน้องหนุ่มในวัยสามสิบปีเอ่ยบอกเจ้านายของตัวเอง พร้อมกับส่งโทรศัพท์มือถือให้
“อืม” คาเรนรับโทรศัพท์ถือมาก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอามาแนบที่ข้างหูซ้าย
“สวัสดีครับคุณปู่” คาเรนพูดออกไปด้วยเสียงเรียบ ก่อนจะพิงเก้าอี้ไปด้านหลังอย่างผ่อนคลาย
“ได้ข่าวว่าหลานจะจัดงานรวมตัวงั้นเหรอคาเรน” ลาฮิมเอ่ยถามหลานชายคนโตออกไป เพราะเขาพึ่งได้รู้ข่าวจากคามีลหลานชายคนรอง
“คามีลมันบอกอีกแล้วล่ะสิครับ ไอ้นี่มันปากไม่ดีจริงๆ” ราเคนเอ่ยต่อว่าคามีล ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ตอนนี้เป็นทายาทของตระกูลซามัสเซล ส่วนเขาใช้นามสกุลของแม่มาตั้งแต่แรก จึงขอใช้ต่อไปเพื่อจะได้มีคนสืบสกุลทางฝั่งมารดา
“ลองคามีลมันไม่บอกปู่สิ ปู่จะโกธรทั้งคู่เลย” ลาฮิมเอ่ยบอกหลานชายที่เขารักออกไป เขาพยายามดูแลคาเรนให้เหมือนคามีล ถึงแม้ว่าเขาจะเอ่ยบอกว่าคามีลคือทายาทคนเดียว แต่นั่นมันก่อนที่ลูกชายของเขาจะเสียชีวิตไป ตั้งแต่นั้นเขาก็รู้ว่าสมบัติที่เขามี มันไม่เท่ากับความสุขที่เขาได้มีร่วมกับลูกหลานของตัวเอง เขาจึงอยากจะคาเรนให้กลับมาเป็นทายาทอีกคน แทนพ่อของคาเรนที่เสียไป แต่มันก็สายเกินไป เมื่อคาเรนก็ไม่ยอมรับอะไรจากเขาทั้งสิ้น แถมยังบอกจะดูแลบริษัทเอง แต่ด้วยความที่ตอนนั้นคาเรนยังเด็ก เขาจึงช่วยประคับประคองบริษัทของลูกสะใภ้ที่เขาไม่ชอบไว้ เพราะต้องการให้หลานชายได้รักษาบริษัทที่พ่อแม่ของเขารักเอาไว้ โดยการซื้อหุ้นของบริษัทจากนักลงทุนคนอื่นๆมาทั้งหมด เพราะเขาอยากจะให้บริษัทนี้เป็นของคาเรนทั้งหมด แต่คาเรนไม่ยอมจนพยายามพัฒนาบริษัท และในที่สุดคาเรนสามารถซื้อหุ่นจากปู่แบบเขาคืนไปได้เกือบทั้งหมด เหลือเพียงแค่15 %เท่านั้นที่เขาขอคาเรนเก็บไว้
“ปู่มีอะไรกับผมรึเปล่า” คาเรนเอ่ยถามไปตรงๆ เพราะปู่ของเขาคงไม่มีทางโทรมา เพื่อพูดเรื่องแค่นี้กับเขาแน่นอน
“ปู่อยากให้เรามาจัดงามที่ดูไบ ปู่อยากจะให้คนอื่นรู้ว่าปู่ก็มีหลายอีกคน”ลาฮิมเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้า เพราะเขาขอร้องคาเรนมาหลายครั้ง แต่คาเรนก็ไม่ยอม ขนาดให้คามีลกับเคียร่าหลานสาวอีกคนไปพูดโน้มน้าวใจ แต่หลานชายคนนี้ก็ใจแข็งเหลือเกิน
“ผมไปจัดงานที่นั่นได้ แต่ผมไม่อยากเปิดตัวอะไรทั้งนั้นครับปู่ แค่ปู่รักแล้วดูแลผมแบบนี้ ผมก็ว่ามันเกินไปแล้วด้วยซ้ำ” คาเรนเอ่ยบอกไปตามตรง เพราะเขาไม่อยากจะให้ความหวังของปู่ตัวเอง เขารู้ว่าปู่ของเขาพยายามไถ่โทษกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา แต่ภาพที่ปู่เกลียดชังแม่ของเขา มันยังคงวนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา
“คาเรน แกก็รู้ว่าสำหรับแก ปู่ทำได้ทุกอย่าง” ลาฮิมพูดไปอย่างท้อๆ เมื่อคาเรนดูเหมือนจะไม่สนใจเขา
“เอาเป็นว่าผมจะจัดงานที่ดูไบก็แล้วกันครับ แต่อย่างอื่นค่อยว่ากัน” คาเรนเอ่ยบอกไป เพราะเขาก็ไม่อยากให้ปู่ของเขาเสียใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงเท่านี้
“แค่นี้ปู่ก็ดีใจแล้ว ปู่จะรอแกนะคาเรน” ลาฮิมเอ่ยพูดบอกไปก็กดวางสายไป ส่วนคาเรนก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยบอกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ
“บาคัส เปลี่ยนไปจัดงานที่ดูไบ แล้วติดต่อคามีลให้จัดการเรื่องที่พักให้คนของเราด้วย” คาเรนเอ่ยบอกออกไป เพราเขาต้องจัดงานประชุมงบรายได้และหลายๆอย่าง ร่วมกับษริษัทลูกกว่า 10 สาขาทั่วโลก
“กี่ท่านครับนาย” บาคัสถามออกไป เพราะแต่ละสาขาจะต้องมีคนมามากกว่าห้าคน
“เพิ่มจากห้าคน เป็นหกคนก็แล้วกัน ให้มีคนพูดภาษาอาหรับได้ยิ่งดี เพราะปู่ฉันคงจะต้องมายุ่งด้วยแน่” คาเรนเอ่ยบอกไป เพราะอย่างน้อยปู่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นประธานใหญ่ของบริษัทนี้มาก่อน
“ครับนาย งั้นผมจะแบ่งงานเป็นสองอาทิตย์นะครับ จะได้รวบเวลาด้วย” บาคัสเอ่ยบอกไปแล้วจดจำรายระเอียดต่างๆลงในโทรศัพท์
“อืม แค่นี้ก็พอ ส่วนเย็นนี้นายไปเรียกฮาน่ามาหาฉันด้วย” คาเรนเอ่ยบอกไปก็ปัดมือไล่ให้บาคัสออกไป ก่อนจะมองที่หน้าต่างอย่างใช้ความคิด
อีกด้านหนึ่งของโลก ณ ประเทศไทย
รินลดา ชลวัตร หรือทับทิม สาวน้อยหน้าหวานใส่แว่นหนาเตอะที่ใครๆก็เรียกว่าป้า กำลังเดินเข้าไปในบริษัทใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านเศรษฐกิจด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เพราะเธอนอนหลับก็ตีหนึ่งตีสองทุกวัน พอตื่นมาก็ต้องมาทำงานเวลา 8โมงกว่า โชคดีที่คอนโดของเธออยู่ใกล้ๆกับที่ทำงาน เธอจึงไปสายกว่าคนอื่นๆได้ เพราะยังไงเธอก็ไปทัน 8โมงครึ่งอยู่ดี พอมาถึงบริษัทเธอก็ยิ้มทักทายทุกคน จนมาถึงแผนกของตัวเอง
“ยัยทับทิมมาสักทีนะแก แกรู้ไหมวันนี้คุณศิวะเขาจะมาคัดเลือกให้พวกแก ร่วมเดินทางไปดูงานที่ดูไบด้วยแหละ แกต้องไปให้ได้นะ ฉันจะได้มีเพื่อนไปด้วยงานนี้ฟรีตลอดทริปนะยะ” ไอรินที่มารอเพื่อนสาวก็เอ่ยกระซิบบอกออกไปเบาๆอย่างดี้ด้า ที่เธอจะได้ไปดูงานที่ดูไบร่วมกับบริษัทอีกหลายสาขาทั่วโลกของบริษัทไอทีอินเตอร์เนชั่นกรุ๊ปที่พวกเธอทำงานอยู่ เพราะปีนี้ลงทุนจัดงานที่นครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เลยทีเดียว
“จริงเหรอแก แล้วฉันจะไปได้ยังไงเล่า แกอย่าลืมสิว่ายัยชมพู่นางฟาดเรียบไปทุกงาน แล้วฉันคงจะได้ไปกับแกหรอก” รินลดาเอ่ยบอกแล้ว มองไปที่สาวสวยประจำแผนกที่เคยแย่งแฟนของเธอไป
“โอ้ยทับทิม งานนี้แกได้ชัวร์เพราะเขาจะเอาภาษาอาหรับย่ะ ยัยนั่นไม่ได้แน่ ฉันไปก่อนล่ะแกก็เตรียมตัวไว้ล่ะ เดี๋ยวจะได้เข้าห้องประชุมแล้ว” ไอรินเอ่ยบอกเพื่อนสาว แล้วรีบเดินกลับไปทำงานของตัวเองทันที ยังไงงานนี้เพื่อนของเธอไม่พลาดแน่นอน
“เฮ้อ ขอให้ได้ทีเถอะ สาธุ” รินลดาเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“มาสายตลอดแบบนี้ ระวังสักวันจะโดนไล่ออกนะจ้ะทับทิม” ชมพูนุชที่เห็นรินลดามานั่งที่โต๊ะก็เอ่ยแขวะทันที เพราะเธอและรินลดาไม่ถูกกันตั้งแต่เรื่องที่เธอไปแย่งแฟนของรินลดาเมื่อสองปีก่อน นั่นก็คือกวินทร์หนุ่มหล่อแผนกพัฒนาไอทีที่เธอกำลังคบหาอยู่ตอนนี้
“ถ้าฉันจะโดนไล่ ฉันก็คงโดนไปนานแล้วล่ะชมพู่ ฉันว่าเธอสนใจแต่เรื่องของเธอดีกว่าไหม ระวังสักวันกรรมจะตามสนอง” รินลดาเอยพูดแล้วจัดเอกสารบนโต๊ะทำงานโดยไม่ใส่ใจชมพูนุช ที่เอาแต่จิกกัดกับเธอทุกวัน
“วินทร์ขา มาทำอะไรที่นี่คะเนี่ยไม่เห็นจะบอกชมพู่เลย” ชมพูนุชเห็นแฟนหนุ่มเดินมาพร้อมกับเอกสาร จึงรีบเอ่ยทักแล้วเดินเข้าไปกอดแขนอย่างเป็นเจ้าของ“มาประชุมครับ ผมพึ่งรู้เมื่อกี้เองอเดี๋ยวคุณศิวะก็คงตามอีกคน เราไปรอในห้องประชุมกันดีกว่านะชมพู่” กวินทร์เอ่ยบอกแฟนสาวสุดสวยออกไป ก่อนจะมองที่รินลดาด้วยสายตารู้สึกผิดที่เขานอกใจเธอมาคบกับชมพูนุช“ค่ะ อยู่แถวนี้ชมพู่ก็เบื่อเหมือนกันเราไปรอข้างในกันก็ดีค่ะ” ชมพูนุชเอ่ยบอกก็เดินกอดแขนของกวินทร์เข้าไปในห้องประชุม ส่วนรินลดาก็ได้แต่มองอย่างสมเพช คนหนึ่งก็เลวคนหนึ่งก็ชั่วก็สมกันดี เธอยอมรับว่าเสียใจที่กวินทร์นอกใจเธอไปคบกับชมพูนุช แต่พอได้ฟังเหตุผลที่เขาบอกมา มันก็ทำให้เธอไม่เสียใจที่เลิกกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด เพราะเหตุผลที่เธอเลิกกับกวินทร์ก็เพราะเธอเป็นแค่ยัยแว่นเฉิ่มๆไม่สวยเท่าชมพูนุช และเธอก็ไม่ยอมนอนกับเขา เหตุผลแค่นี้แหละที่เขาเลิกกับเธอ เธอจึงไม่เสียใจที่เขาบอกเลิกเขาไป แต่กลับดีใจด้วยซ้ำที่ชมพูนุชเอากวินทร์ออกไปจากชีวิตของเธอ“อ่าวทับทิม ยังไม่เข้าห้องประชุมอีกเหรอ ยืนเหม่อคิดอะไรอยู่” เมษาหัวหน้าแผนกเอ่ยขึ้นด้านหลัง เมื่อเห็นลูกน้องสาวยังยื
“ทับทิม อยู่คุยกับพี่ก่อน” ศิวะใช้คำพูดที่เปลี่ยนไป เพราะไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมแล้ว“คะพี่ศิวะ มีอะไรอีกคะ แค่นี้ทับทิมก็มึนตึ้บแล้วค่ะ นี่ถ้าไปแล้วต้องยุ่งยากขนาดนี้ ทับทิมชักไม่อยากจะไปแล้วเนี่ย” รินลดาเอ่ยบอกแฟนของเพื่อนสาวออกไป ด้วยใบหน้าเครียดๆ“พี่สิต้องเครียด ทั้งบริษัทมีเราพูดอาหรับคล่องอยู่คนเดียว ชมพูนุชก็ได้แค่งูๆปลาๆ เราต้องรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เร็วที่สุดนะทับทิม ไม่งั้นงานนี้พี่ตายแน่ถือว่าเราสงสารพี่กับไอนะ ช่วยพี่หน่อยละกัน” ศิวะเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง“เฮ้อ ทับทิมเปลี่ยนแน่ค่ะ แต่ขอเวลาทับทิมหน่อยสิคะ ”รินลดาเอ่ยตอบออกไป เพราะเธอเข้าใจว่าศิวะต้องรับภาระหนัก เพราะเคยได้ยินว่าเจ้านายใหญ่นั้นดุแล้วก็โหดมากด้วย เพราะทำผิดแค่ครั้งเดียวอาจจะถูกปลดได้“ขอบใจแกมากนะทับทิม”ไอรินเดินเข้าไปจับมือเพื่อนสาวอย่างขอบคุณ เพราะเข้าใจว่าเพื่อนสาวชอบแต่งตัวสไตล์แบบนี้มากกว่าแบบที่เขานิยมใส่กัน“งั้นเดี๋ยวทับทิมไปก่อนนะคะ ไม่อยากให้ใครมองว่าสนิทกับพี่ศิวะแล้วก็ไอ จนได้ไปงานครั้งนี้” รินลดาเอ่ยบอกออกไปก็โบกมือให้ทั้งสองก็เดินออกไปพอออกมาจากห้องประชุมแล้วมานั่งที่โต๊ะทำงาน เพื่อ
“คุณกลับไปก่อนนะลิลลี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันที่กองถ่าย” ภาคดนัยเอ่ยบอกไป เพราะยังไงเขาก็ยังถ่ายละครคู่กับลิลลี่ไม่จบ เขาก็ยังมีเวลาสนุกกับเธออีกนาน“แฟนคุณเหรอคะภาค” ลิลลี่เอ่ยถามด้วยความสงสัยออกไป“ลูกพี่ลูกน้องผมน่ะ ตอนนี้ผมเลยไม่อยากมีปัญหา คุณกลับไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่กองถ่าย” ภาคดนัยเอ่ยบอกแล้วเดินไปเปิดประตูให้ลิลลี่“ค่ะภาค แล้วเจอกันนะคะ จุ๊บ” ลิลลี่พอได้ยินว่าเป็นน้องสาวก็สบายใจ เธอจึงตอบภาคดนัยออกไป พร้อมกับเข้าไปจุ๊บปากของภาคดนัยก่อนกลับ“เอาผ้าคลุมด้วยล่ะ เดี๋ยวเป็นข่าว” ภาคดนัยเอ่ยบอก ลิลลี่ก็เอาผ้ามาคลุม แล้วเดินออกไปทันทีจากนั้นภาคดนัยก็มานั่งทำอาหารให้น้องสาวตัวแสบตามสัญญา ก่อนที่รินลดาจะด่าอีกรอบ“ทับทิม จะตีหนึ่งแล้วนะออกมาทานข้าวเร็ว” ภาคดนัยเข้าไปเรียกรินลดาที่หน้าห้อง ก่อนจะถือจานอาหารออกไปทานที่ระเบียงกว้าง“โอ้ย ทับทิมพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ จะเรียกอะไรนักหนาคะพี่ภาค” รินลดาเดินออกมาด้วยชุดนอนสีชมพูลายการ์ตูน พร้อมกับส่งยิ้มให้พี่ชาย“แล้วดูสิอายุขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแต่งตัวเป็นเด็กๆไปได้ แบบนี้จะมีผู้ชายที่ไหนจะมาชอบ” ภาคดนัยเอ่ยบอกออกไปก็ตักข้าวทานโดยไม่รอให้น้องสาวนั
“จะรออะไรล่ะคะ วันนี้ฮาน่าจะทำให้คุณมีความสุขกว่าผู้หญิงคนไหนๆที่คุณเคยขึ้นเตียงด้วย จนต้องเรียกฮาน่ามาอีกครั้งแน่ค่ะ” ฮาน่าเอ่ยพูดก็ปลดผ้าเช็ดตัวออก แล้วเดินไปนั่งบนตักของคาเรนอย่างยั่วยวน“หึ แค่ครั้งสองครั้งก็พอแล้วมั้ง ผมชอบอะไรที่มันฟิตๆ แต่ตอนนี้ผมชอบหน้าอกคุณนะ มันใหญ่ได้ใจผมดี” คาเรนเอ่ยพูดแล้วขย้ำสองเต้าใหญ่ของนางแบบสาวที่เขาเรียกใช้ให้มาบำเรอสวาทแก่เขาในคืนนี้“อ้า ขย้ำแบบนี้ก็เละกันพอดีค่ะ อ้า” ฮาน่าครางออกมา เมื่อถูกมือใหญ่ขย้ำเต้างามของเธอทั้งสองข้างแรงๆ“ผมอยากเห็นคุณให้ความสุขกับผมแล้วสิ” คาเรนพูดไป ก็ปล่อยมือจากเต้างามแล้วจับสะโพกมนให้ลงไปนั่งกับพื้น จากนั้นเขาก็ปลดกางเกงออกจนน้องชายที่ยังไม่แข็งตัวโชว์เด่นออกมา“ไหนสาวๆเขาบอกว่าคุณเร่าร้อนไงคะ ทำไมถึงแข็งช้าแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าใช้งานมันบ่อยเกินไป” ฮาน่าเอ่ยพูดแล้วมองแก่นกายของคาเรนที่ยังไม่แข็งตัว เพื่อนนางแบบของเธอที่เคยนอนกับเขา ต่างก็บอกว่าเขานั้นแซ่บขนาดไหน แต่ทำไมเขาถึงยังไม่สู้มือของเธอ“มันรอให้เธอปลุกมันอยู่ไงล่ะ เดียวเธอจะรู้ว่ามันทำให้เธอครางได้ขนาดไหน” คาเรนเอ่ยพูดแล้วมองหน้าของนางแบบสาวอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะไ
“ทับทิม หืม นี่แกจริงๆเหรอเนี่ย ฉันไม่คิดว่าแกจะเปลี่ยนตัวเองได้เริ่ดขนาดนี้นะเนี่ย ไม่น่าล่ะถึงไม่ยอมมาเข้าคอร์สกับพวกเรา ที่แท้แอบไปทำเองซะจนฉันจำไม่ได้เลยนะยะ” ไอริณแซวเพื่อนสาวออกไป เพราะเจอกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รินลดายังไม่ได้มั่นใจขนาดนี้“สวยมากเลยทับทิม แบบนี้สิถึงกับสมกับที่พี่เลือกไป”ศิวะเอ่ยอย่างชื่นชมรินลดา ที่เธอยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่องานได้ขนาดนี้“ไม่เห็นจะสวยอะไรมากมาย จริงไหมคะวิน” ชมพูนุชเอ่ยไปแล้วเบะปากใส่รินลดา ก่อนจะถามแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่กวินทร์ไม่ได้ตอบเพราะกำลังมองรินลดาอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะทิ้งผู้หญิงที่สวยขนาดนี้“วินคะ วิน” ชมพูนุชเห็นกวินทร์ไม่ตอบเธอ เธอจึงหันไปมองจนเห็นกวินทร์มองรินลดาไม่วางตา"ครับ ครับ" กวินทร์เอ่ยพูดออกไปอย่างติดขัด เพราะมัวแต่อึ้งกับรินลดาคนใหม่ที่ต่างจากเมื่อก่อนมาก ทั้งขาว ทั้งสวย ทั้งอึ๋ม เซ็กซี่ยั่วใจเขาจริงๆ“ฮ่าๆ เสียดายเหรอคะคุณกวินทร์ ที่ยัยทับทิมสวยขนาดนี้ ถึงมองตาเยิ้มแบบนี้”ไอรินเอ่ยพูดแซวก็ไม่ลืมทิ้งระเบิดใส่กวินทร์ให้ชมพูนุชหึง“เปล่า เปล่าครับ ผมแค่ไม่เคยเห็นทับทิมในมุมนี้ก็เท่านั้นเอง” กวินทร์รีบแก้ตัว เพราะไม่อย
หลังจากที่รินลดาและเมษาเข้ามาพักในห้องที่ทางบริษัทใหญ่จัดให้ก็ถึงกับมองอย่างทึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้อยู่ในที่หรูๆแบบนี้อีกหรือเปล่า“พี่เมขา ทับทิมขออาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอคิดจะออกไปเดินเล่นชมรอบๆโรงแรมต่อ“เอาสิ พี่ขอหลับสักแปปละกัน เดี๋ยวค่อยอาบน้ำทีหลัง ตอนนี้พี่อยากจะนอนบนเตียงนุ่มๆนี่สักที” เมษาเอ่ยพูดก็กระโดขึ้นเตียงของตัวเองทันที เพราะห้องนี้มีสองเตียงและยังเป็นห้องใหญ่ที่มีระเบียงชมวิวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน“งั้นเดี๋ยวทับทิมอาบน้ำเสร็จ ขอไปเที่ยวสักนิดนะคะพี่เม ส่วนมื้อเย็นถ้ามาไม่ทันฝากพี่บอกพี่ศิวะกับยัยไอให้หน่อยนะคะ” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอกลัวจะเที่ยวจนเพลิน เพราะนี่ก็จะสามโมงเย็นของเวลาที่ดูไบแล้วด้วย“ระวังตัวด้วยล่ะทับทิม พี่เป็นห่วง” เมษาเอ่ยบอกออกไป เธอก็อยากจะไปเที่ยวนะ แต่สังขารของเธอด้วยวัยสี่สิบห้าปีคงไม่ไหว เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนมากกว่า“รับทราบค่ะพี่เม” รินลดาเอ่ยบอกก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเมษาก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนด้านคาเรนที่เดินทางมาถึง ก็ไม่ยอมไปพักที่คฤหาสน์ของปู่ของเขา เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว จึ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คิดว่าผมเป็นเพื่อนของคุณก็แล้วกันนะครับทับทิม” คามีลเอ่ยบอกออกไป ผู้หญิงคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆ เขาชอบก็ตรงนี้แหละ เพราะเธอคงจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร เธอถึงเอ่ยออกมาแบบนั้น แต่ก็ดีอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเงิน“ค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนะคะคุณคามีล” รินลดาเอ่ยบอกออกไปอย่างเขินๆ เพราะไม่มีใครใส่ใจเธอและเทคแคร์เธอดีแบบเขา เธอชักจะชอบผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ซะแล้ว รินลดาคิดในใจก็เดินเข้าไปนั่งในรถของคามีล จากนั้นเขาก็พาเธอขับรถไปเที่ยวชมดูนครดูไบในยามเย็นจนมาถึงที่ทะเลทรายซาฟารี ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลเท่าใดหนัก แต่ด้วยความที่คามีลขับรถมาเร็วมากจึงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น“ฉันพึ่งเคยเห็นทะเลทรายเป็นครั้งแรกแรกเลยนะคะ เมื่อกี้ตอนลงจากเครื่องก็ว่าสวยแล้ว พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้แล้วก็ยิ่งสวยค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็มองไปยังทะเลทรายอันกว้างขวาง เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่ออกมากับคามีล“ไปถ่ายรูปเก็บไว้สิครับ เดี๋ยวผมจะถ่ายให้” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปที่ทะเลทราย ก่อนจะขับเข้าไปอีกนิด เพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆให้กับหญิงสาว จนกระทั่งเขามาจอดรถก่อนจะเป็นเนินทะเลทราย“
ด้านรินลดาพอลงจากรถของคามีลและเดินเข้าโรงแรมมา ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาหาเธอทันทีจนเธอมองอย่างสงสัย“คุณลงจากรถของคุณคามีลมาใช่ไหมครับ” เจเดนลูกน้องของคาเรนเอ่ยถามออกไป เมื่อเขามีหน้าที่มารอรับผู้หญิงที่คุณคามีลส่งมาให้กับเจ้านายของเขา“อ่อค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” รินลดาเอ่ยพูดเป็นภาษาอังกฤษตอบกลับไปแล้วทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ว่าชายตรงหน้าถามเธอเพราะอะไร“งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” เจเดนเอ่ยบอกไป แล้วเชิญให้หญิงสาวเดินไปยังลิฟท์ส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุด เพราะเข้าใจว่าเธอคือคนที่คามีลส่งมา“ ไปไหนคะ” รินลดาเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะอยู่ๆก็จะให้เธอไปไหนก็ไม่รู้“เจเดน นั่นใช่ผู้หญิงที่คุณคามีลส่งมาใช่ไหม” บาคัสที่เดินออกจากลิฟท์มาเอ่ยถามก็มองไปที่ผู้หญิงสวยที่มาพร้อมกับเจเดน“ใช่ ฉันกำลังจะพาขึ้นไปหานายพอดี” เจเดนบอกไปก็มองหน้าของบาคัส“งั้นไปกันเลย ตอนนี้นายโมโหใหญ่แล้ว ส่วนคุณตามผมมา” บาคัสบอกไปก็พารินลดาเข้าไปในลิฟท์ ก็กดขึ้นไปยังชั้นที่เจ้านายของเขาพักอยู่อย่างรวดเร็ว“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ” รินลดาเอ่ยพูดออกไปก็พยายามจะกดเปิดลิฟท์ เพราะกลัวชายทั้งสองคนนี้ ที่พาเธอเข้ามาในลิ
“ทับทิมครับ ออกไปสิครับ” กวินทร์เอ่ยบอกก็เขย่าตัวร่างบางเบาๆ ก่อนจะปล่อยเธอให้เดินออกไปเอง“อ่อ” รินลดาตอบไปก็เดินด้านหน้าช้าๆ ก่อนจะยิ้มให้ทุกคนแบบงงๆ“เยี่ยมไปเลย” คามีลตบที่ขาของตัวเองแล้วมองร่างบางบนเวทีอย่างปลาบปลื้ม ส่วนลาฮิมที่มองหลานชายดีอกดีใจจนออกนอกหน้าก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เขากับสังเกตที่หลานชายคนโตมากกว่าที่แอบยิ้มมุมปากร้ายกาจออกมาราวกับหมาจิ้งจอก เขาก็รู้สึกว่าคาเรนคงจะสนใจผู้หญิงนั้นที่ได้ตำแหน่งไปแน่ แต่แค่ไม่แสดงออกมาเหมือนคามีลก็เท่านั้นเอง หวังว่าคงไม่แย่งกันจนทะเลาะกันบานปลายหรอกนะ ลาฮิมคิดในใจ“ขอเชิญทุกคนด้านหลังลงไปก่อนนะคะ ค่ะ ต่อไปขอเชิญคุณ คาเรน เซนโดริก มามอบรางวัลให้กับผู้ชนะของเราด้วยนะคะ” พิธีก่อนเอ่ยบอกไปก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น ส่วนรินลดาที่ได้ยินชื่อของคาเรนเธอก็ใจหายไปทันที เพราะเธอต้องเจอกับเขาแบบใกล้ชิดอีกครั้ง“คาเรน ฉันขอไปมอบรางวัลแทนได้ไหมวะ” คามีลเอ่ยถาม เพราะเขาถูกใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ เขาจึงลองเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มอย่างลุ้นๆ“ฉันจะมอบรางวัลให้เธอเอง นายนั่งดูก็พอคามีล” คาเรนเอ่ยบอกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็ลุกขึ้น แล้วกระตุกยิ้มอยากเยือกเย็น ในที่สุดเขาก็
ด้านคาเรนพอนั่งที่โต๊ะแล้วก็มองจ้องที่ร่างบางอย่างไม่วางตา ก่อนจะแลมองเห็นคามีลก็มองร่างบางไม่ต่างจากเขา เขาก็รู้สึกอยากจะจับร่างบางมาทำโทษให้เข็ด ยิ่งมองชุดเกาะอกของเธอเขาก็ยิ่งหงุดหงิดที่เต้าใหญ่พ่นล้นออกมา ทำไมไม่รู้จักหาอะไรมาคลุมนะ คาเรนคิดในใจด้วยความร้อนใจอยากจะให้งานนี้จบไวๆฟารีดที่นั่งตรงกลางระหว่างคาเรนและคามีลก็รับรู้ถึงสิ่งที่สองหนุ่มกำลังมอง นั่นก็คือสาวสวยที่นั่งโต๊ะข้างๆ งานนี้พี่น้องคงไม่มาชอบผู้หญิงคนเดียวกันหรอกนะ เขาไม่อยากจะปวดหัวกับสองคนนี้จริงๆ เพราะต่างก็แรงด้วยกันทั้งคู่หลังจากที่คาเรนพูดเปิดงานไป ก็เริ่มมีการแสดงขึ้นไปโชว์เรื่อยๆ จนกระทั่งการแสดงสุดท้ายของงานจบ พิธีกรก็ออกมาพูดว่า“เอาล่ะค่ะทุกท่าน ตอนนี้ก็ได้เวลาสำคัญของงานแล้วนะคะ ว่าพนักงานของบริษัทสาขาไหน จะสวยและหล่อที่สุดในงานวันนี้ เราขอเชิญตัวแทนทั้งชายและหญิงของแต่ละสาขาขึ้นมาบนเวทีได้เลยค่ะ ”พิธีกรเอ่ยบอกออกไป จนโต๊ะของศิวะทำหน้างงเพราะไม่รู้ว่าจะมีการประกวดนี้“ทับทิมกับวิน คุณสองคนไปเป็นตัวแทนสาขาของเราละกัน ถือว่าช่วยบริษัทของเรานะ” ศิวะเอ่ยบอกไป เพราะไม่มีทางเลือก จะให้เขาและไอริณออกไปก็ไม่ได้
“รู้แบบนี้ฉันไม่จัดของเด็ดๆไปให้นายหรอก เฮ้อ ปู่ครับ ผมไปนั่งรอในงานก่อนนะครับ ป่านนี้ฟารีดมันคงมารออยู่ที่งานแล้วล่ะ” คามีลเอ่ยบอกก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอามือจัดชุดสูทของตัวเองให้เรียบร้อย“งั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ ส่วนเราก็รออยู่นี่ก่อนก็แล้วกัน รอให้พิธีกรเรียกชื่อก็ค่อยออกไป” ลาฮิมเอ่ยบอกก็ลุกขึ้นเช่นกันโดยมีเคียร่าหลานสาวคนสวยคอยช่วยพยุงเดินออกไป“คามีล ขอบใจนายที่ส่งของเด็ดๆมาให้ฉันนะ มันถูกใจฉันมาก” คาเรนเอ่ยบอกไปขณะที่คามีลกำลังจะเดินออกไป เดี๋ยวก็ได้รู้กันว่าคามีลมันรู้จักกับผู้หญิงของเขาในฐานะอะไร“หึ เห็นนายชอบฉันก็ดีใจ เดี๋ยวเจอกันข้างนอกละกัน ไปล่ะ”คามีลเอ่ยบอกแล้วเดินตามปู่และน้องสาวของเขาที่เดินเข้าในงานไป โดยใช้ประตูหลังเวทีที่สามารถเดินลัดไปหน้าเวทีได้เลยโดยไม่ต้องไปอ้อมเดินมาจากหน้างานพอทั้งสามคนออกไปจากห้องก็เหลือแต่คาเรนและบาคัสและลูกน้องอีกประมาณสามสี่คนที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับคาเรนคามีลที่เดินออกมาก็มีลูกน้องพาเขาและปู่ของเขาที่มีน้องสาวเดินตามมาด้วยไปนั่งยังโต๊ะหน้าสุดของเวที ที่ตอนนี้มีเพื่อนหนุ่มของเขาซึ่งก็คือฟารีดกำลังนั่งรออยู่ แต่สายตาของเขาดันไปเห็นสาวส
ด้านเจเดนพอสั่งพนักงานให้พากลุ่มคนสาขาประเทศไทยไปนั่งโต๊ะใกล้ๆกับนายของเขา ก็ไม่ลืมจัดเก้าอี้ที่เธอจะได้นั่งใกล้ๆกับเจ้านายของเขา เขาจึงรีบมารายงานนายของเขาที่กำลังนั่งรออยู่บนห้อง“นายครับ ตอนนี้เธอนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ” เจเดนเอ่ยบอกไปก็มองเจ้านายหนุ่ม“ดี ได้เวลาเจอกันแล้วสินะ” คาเรนเอ่ยพูดก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินลงไปรอร่วมงานด้านล่างขณะที่ทุกคนกำลังชมการแสดงบนเวทีอยู่นั้น รินลดาที่นั่งนานจนเมื่อยเธอก็กลัวว่าเธอรอยแดงที่คอของเธอจะโชว์ออกมา เธอจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อเช็ดร่องรอยนี้“เดี๋ยวทับทิมมานะคะพี่เม ขอไปเข้าห้องน้ำแปปนึง” รินลดาเอ่ยบอกออกไป“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมทับทิม” เมษาเอ่ยถามออกไปอย่างมีน้ำใจ แต่รินลดาก็ส่ายหัวแล้วบอกว่าจะไปเอง เธอจึงได้แต่มองตามร่างบางที่เดินออกไปเข้าห้องน้ำด้านนอกรินลดามาเข้าห้องน้ำ แล้วรีบทารองพื้นที่รอยแดงเพิ่มอีก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแต่ก็ดันชนกับใครสักคนเข้า“โอ้ย! ขอโทษค่ะฉันไม่ทันมอง” รินลดาพูดสำเนียงภาษาอังกฤษด้วยความตกใจ ก่อนจะเงยมองคนที่เธอชนพร้อมกับอึ้งไปเมื่อผู้ชายที่เธอชน คือคนที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไปเมื่อคืน เธ
ด้านรินลดาพอวางสายจากพี่ชายก็รีบทารองพื้นที่รอยแดงหนาๆเพื่อปกปิดรอยจนมันแนบเนียน จากนั้นก็เริ่มแต่งหน้าเพื่อรอให้เมษามาช่วยเธอทำผม พอเกือบจะหกโมงเย็นไอริณก็เดินเข้าห้องมาพร้อมกับชุดไทยอีกชุดหนึ่ง ก่อนจะมีเมษาเดินตามเข้ามา“เป็นไงบ้างทับทิม แกดีขึ้นรึยัง” ไอริณเอ่ยถามเพื่อนสาว เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนของเพื่อนสาวและเมษา“ดีขึ้นแล้วแหละ ตอนนี้ฉันพร้อมทำงานแล้ว เมื่อเช้าฉันขอบคุณแกมาเลยนะไอที่ช่วยคุยกับพี่ศิวะให้” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้กับเพื่อนสาว“งั้นเดี๋ยวน้องไอช่วยน้องทับทิมแต่งหน้าไปก่อนนะคะ พี่จะไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน” เมษาเอ่ยบอกไป เพราะเธอก็ต้องใส่ชุดไทยในงานเลี้ยงนี้เช่นกัน“พี่เมไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ไอจัดการเอง” ไอริณเอ่ยบอกไปก็นั่งลงข้างๆเพื่อนสาว แล้วมองหน้าเพื่อนสาวว่าควรจะแต่งแบบไหนดี“ไม่ต้องหรอก ฉันแต่งเองก็ได้ แกรีบไปแต่งตัวแกดีกว่านะ ฉันแต่งเองได้สบายมาก” รินลดาเอ่ยบอกไป ก็ทำให้เพื่อนสาวดูว่าเธอทำได้“อืมก็ได้ อ่อลืมบอกไปคือฉันขอเปลี่ยนชุดกับแกหน่อยได้ไหมอะทับทิม พอดีตอนที่ฉันวัดชุดนี้เมื่ออาทิตย์ก่อนนู้นมันยังใส่ได้นะ แต่พอฉันมาลองใส่วันนี้แล้วมันรูดซิปผ้าซิ่นไม
เวลาผ่านไปนานกว่าสามชั่วโมง บาคัสก็นำประวัติของรินลดาที่เขาไปรวบรวมให้ลูกน้องสืบมา มาให้กับเจ้านายของเขาอย่างรวดเร็ว“นายครับ นี่คือประวัติทั้งหมดของคุณรินลดาครับ” บาคัสเอ่ยบอกก็ยื่นซองสีน้ำตาลให้กับเจ้านายของตัวเอง“อืม” คาเรนรับซองประวัติของรินลดามา ก็เปิดดูทันที ก่อนจะเห็นรูปของเธอตั้งแต่ยังใส่แว่นหนาๆอยู่ จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสวยเปรี้ยวเข็ดฟัน คาเรนอ่านข้อความทุกอย่าง อย่างละเอียดจนไปสะดุด ที่เธอเคยเป็นแฟนกับคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันในครั้งนี้“บาคัส แฟนเก่าของยัยนี่เป็นพนักงานของเราที่มาประชุมด้วยใช่ไหม” คาเรนถามออกไปเพื่อความแน่ใจ“ครับนาย แต่ตอนนี้นายกวินทร์กำลังคบกับผู้หญิงอีกคนที่อยู่แผนกเดียวกันกับคุณรินลดาครับ ซึ่งเธอก็มาด้วยและตอนนี้ก็พักห้องเดียวกันครับนาย” บาคัสเอ่ยบอกไปตามที่เขารู้คาเรนก็พยักหน้ารับรู้ เพราะนายกวินทร์คงจะไม่มีปัญหาอะไร ก่อนจะอ่านประวัติต่อไป จนเจอรูปของรินลดากับผู้ชายคนหนึ่งที่สนามบิน“แล้วไอ้นี่มันเป็นใคร” คาเรนเอ่ยถามก็โยนรูปลงบนโต๊ะให้ลูกน้องหนุ่มดู“นายคนนี้ชื่อภาคดนัยครับนาย เขาเป็นดารานักแสดงที่ประเทศไทยครับ เขาพึ่งจะมีข่าวว่ามาส่งคุณรินลดาที่สนา
“ไม่ร้อนเหรอทับทิม เราไม่สบายอยู่นิ” เมษาเอ่ยถาม เมื่อเห็นการแต่งตัวของรินลดาเข้าไป“อ่อ ไม่ร้อนค่ะพี่เม ทับทิมดีขึ้นแล้วค่ะพี่” รินลดาโกหกออกไป เพราะเธอต้องปกปิดร่องรอยของเธอที่ถูกชายคนนั้นทำให้เป็นรอยแดงเต็มลำคอ ขนาดใช้เหรียญขูดแล้วยังไม่จางไปเลยสักนิด เธอจึงใส่เสื้อตัวนี้แทน อย่างน้อยมันก็คลุมถึงคอของเธอ“อ่อ พี่ลืมบอกไป คุณศิวะให้รินพักผ่อนก่อนนะ บ่ายนี้ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมก็ได้ เพราะท่านประธานใหญ่จะมางานเลี้ยงเย็นนี้ ทับทิมก็ค่อยรอไปงานเลี้ยงตอนเย็นก็แล้วกันนะ” เมษาเอ่ยบอกออกไป“ค่ะพี่เม ฝากขอโทษพี่ศิวะด้วยนะคะ” รินลดาพูดไปอย่างโล่งใจ เพราะถ้าขืนได้ไปนั่งประชุม แล้วต้องต่อด้วยงานเลี้ยง เธอได้ตายแน่วันนี้“ขอบคุณน้องไอเถอะ เมื่อเช้าพอเราตัวร้อน น้องไอรีบขอคุณศิวะให้เรานอนพักเลยนะ” เมษาเอ่ยบอก เพราะเมื่อเช้าถ้าไม่ได้ไอริณล่ะก็ รินลดาคงได้ไปนั่งประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว“ค่ะพี่เม ฝากบอกยัยไอให้ทับทิมด้วยก็แล้วกันนะคะพี่” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร“อ่อทับทิม นี่ชุดไทยที่คุณศิวะเตรียมมาให้ใช่ไหม พี่เตรียมไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวเย็นๆพี่กลับมา พี่จะมาช่วยแต่งตัวนะ” เมษาเอ่ยบอกแล้วแ
หลังจากที่ออกมาจากห้องของคนเลวคนนั้นด้วยสภาพที่เหมือนกับถูกรุมโทรม รินลดาก็รีบลงลิฟท์มาที่ชั้นของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เพราะกลัวว่าเมษาจะตื่นมาเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เธอจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเอาน้ำล้างคราบไคลกลิ่นคาวกับสิ่งที่เธอไปเจอมา ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ“ขออย่าให้ฉันได้เจอแกอีกเลย ไอ้โรคจิต” รินลดาพูดไปก็ร้องไห้ไป ก่อนจะเอามือขัดผิวตัวเองแรงๆ อย่างรู้สึกเสียใจ จากนั้นรินลดาก็นั่งแช่น้ำร้องไห้สักพักก็แต่งตัวใหม่ แล้วหายาแก้ปวดในกระเป๋าที่พกมาขึ้นมากิน เพื่อคลายความเจ็บที่ร่องสาวของตัวเอง เพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องไปนั่งดูงานประชุมอีกนาน ซึ่งร่างกายของเธอเหมือนจะรู้สึกไม่ไหว จากนั้นก็เดินออกไปนอนพักก็เกือบจะตีห้าแล้ว ส่วนเมษาก็หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องอะไร จนกระทั่งเช้าด้านคาเรนตื่นมาอีกครั้งก็เกือบจะแปดโมงเช้า เขาก็ขวานหาร่างบางเพื่อจะกอดเธอแต่มันกลับว่างเปล่า จนเขาลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วมองดูรอบเตียงก็เจอเพียงความว่างเปล่า หรือว่าจะอาบน้ำ คาเรนคิดในใจก็ลุกไปยังห้องอาบน้ำ ซึ่งก็ยังว่างเปล่า"วีต้า คุณอยู่ไหน วีต้า" คาเรนเรียกชื่อเมียมาดๆที่เขาพึ่งร่วมรักกับเธอไ
พอคาเรนได้ยินเสียงลูกน้องหนุ่มก็หยุดกระแทกท่อนเอ็นใส่ร่องสาว แล้วหันควับมาที่ลูกน้องหนุ่มด้วยส่ายตาดุ ก่อนจะเอามือกดร่างบางให้นอนแนบไปที่โซฟา เพราะกลัวลูกน้องหนุ่มจะเห็นร่างกายของหญิงสาวเข้าส่วนรินลดาก็หันหน้าที่ซบขอบโซฟามองอย่างอายๆ แต่ก็ไม่มีแรงจะต่อต้านใครได้แล้ว แล้วถ้าเขาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้พร้อมๆกับเธอล่ะก็ เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด"ออกไปบาคัส วันนี้ฉันจะเอาผู้หญิงคนนี้ คนเดียว " คาเรนเอ่ยบอกออกไป เพราะเขายังติดใจร่องสาวของเธออยู่ ส่วนผู้หญิงที่มากับลูกน้องของเขาก็ใช้สายตายั่วยวนซะเหลือเกิน แต่วันนี้เขาจะเอาแค่ยัยนี่ที่กำลังนอนกับเขาคนนี้เท่านั้น"ครับนาย " บาคัสเอ่ยบอกไปก็ทำท่าจะหันหลังกลับ แต่คาเรนเอ่ยพูดก่อน"นายเห็นอะไรบ้างบาคัส" คาเรนเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้อย่างหวงๆ"เปล่าครับผมไม่เห็นอะไรเลยครับ ได้ยินแค่เสียงเท่านั้นครับนาย" บาคัสเอ่ยพูดก็ก้มหน้าลง เพราะเข้าใจน้ำเสียงของเจ้านายหนุ่มอย่างดี ว่ากำลังโกธร"โอ้ย ออกไปสักทีเถอะ จะคุยกันอีกนานไหม" รินลดาที่ทนต่อความเสียวไม่ไหวเอ่ยพูดไปเสียงดัง เพราะแก่นกายที่กดแช่ในร่องสาวของเธอมันตอดรัดจนแน่นร่องไปหมดแล้ว ก่อนจะเริ่มยกตัวขึ้นแต่ก