“ทับทิม หืม นี่แกจริงๆเหรอเนี่ย ฉันไม่คิดว่าแกจะเปลี่ยนตัวเองได้เริ่ดขนาดนี้นะเนี่ย ไม่น่าล่ะถึงไม่ยอมมาเข้าคอร์สกับพวกเรา ที่แท้แอบไปทำเองซะจนฉันจำไม่ได้เลยนะยะ” ไอริณแซวเพื่อนสาวออกไป เพราะเจอกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รินลดายังไม่ได้มั่นใจขนาดนี้
“สวยมากเลยทับทิม แบบนี้สิถึงกับสมกับที่พี่เลือกไป”ศิวะเอ่ยอย่างชื่นชมรินลดา ที่เธอยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่องานได้ขนาดนี้
“ไม่เห็นจะสวยอะไรมากมาย จริงไหมคะวิน” ชมพูนุชเอ่ยไปแล้วเบะปากใส่รินลดา ก่อนจะถามแฟนหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกัน แต่กวินทร์ไม่ได้ตอบเพราะกำลังมองรินลดาอย่างไม่เชื่อว่าเขาจะทิ้งผู้หญิงที่สวยขนาดนี้
“วินคะ วิน” ชมพูนุชเห็นกวินทร์ไม่ตอบเธอ เธอจึงหันไปมองจนเห็นกวินทร์มองรินลดาไม่วางตา
"ครับ ครับ" กวินทร์เอ่ยพูดออกไปอย่างติดขัด เพราะมัวแต่อึ้งกับรินลดาคนใหม่ที่ต่างจากเมื่อก่อนมาก ทั้งขาว ทั้งสวย ทั้งอึ๋ม เซ็กซี่ยั่วใจเขาจริงๆ
“ฮ่าๆ เสียดายเหรอคะคุณกวินทร์ ที่ยัยทับทิมสวยขนาดนี้ ถึงมองตาเยิ้มแบบนี้”ไอรินเอ่ยพูดแซวก็ไม่ลืมทิ้งระเบิดใส่กวินทร์ให้ชมพูนุชหึง
“เปล่า เปล่าครับ ผมแค่ไม่เคยเห็นทับทิมในมุมนี้ก็เท่านั้นเอง” กวินทร์รีบแก้ตัว เพราะไม่อยากทะเลาะกับชมพูนุชตรงนี้
“แล้วนี่มีกระเป๋าแค่ใบเดียวเหรอทับทิม ชุดไทยล่ะเอาไปด้วยหรือเปล่า” ศิวะเอ่ยถาม เมื่อเห็นรินลดาถือลากกระเป๋ามาแค่ใบเดียว
“มีหนุ่มถือมาให้ค่ะ สงสัยคงจะฝ่าแฟนคลับมาไม่ได้” รินลดาเอ่ยบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองด้านหลังของตัวเอง เพราะวันนี้ภาคดนัยยืนยันจะมาส่งเธอให้ได้ แต่พอลงจากรถได้ไม่นานก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป จนเธอต้องรีบเดินหนีมาก่อน
“คงไม่ใช่พี่ภาคหรอกนะ” ไอริณที่ปลื้มภาคดนัยเอ่ยถามอย่างลุ้นๆ เพราะเธอรู้ว่ารินลดาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับภาคดนัย แต่รินลดาขอให้เธอเก็บเป็นความลับเพื่อความสงบของเธอ
“นั่นไง โดนสาวๆรุมอยู่ตรงนั้น” รินลดาเอ่ยบอกแล้วมองไปที่ภาคดนัยด้วยรอยยิ้มขำๆอย่างสงสารพี่ชาย
“โอ้ย หล่อ ล้ำ เหมือนเดิมเลยอ่ะ” ไอรินพูดไปก็มองอย่างสนใจ ทุกคนก็มองตามไม่ต่างกัน แต่ศิวะที่มองอยู่ก็ถึงกับพูดออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อคู่หมั้นคนสวยเล่นอวยผู้ชายคนอื่นต่อหน้าเขา
“ไอ ให้มันน้อยๆหน่อย พี่ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน” ศิวะเอ่ยพูดด้วยเสียงเข้มอย่างหวงๆ เพราะไม่รู้ว่ารินลดาไปรู้จักกับภาคดนัยดาราดังคนนี้ได้อย่างไร
ภาคดนัยขอตัวจากแฟนคลับมาทำธุระสำคัญต่อ จนแฟนคลับปล่อยให้เขาเดินมาหาน้องสาวได้อย่างสะดวกขึ้น ก่อนจะคอยมองอยู่ห่างๆ
“ทิ้งพี่ให้เหนื่อยอีกแล้วนะ รู้แบบนี้พี่ไม่มาส่งหรอก” ภาคดนัยเอ่ยพูดด้วยถ้อยจาหวานๆใส่น้องสาว ก่อนจะยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงานของน้องสาวอย่างเป็นมิตร
“ก็บอกไม่ต้องมาก็ยังจะมาอยู่ได้ สมน้ำหน้า” รินลดาเอ่ยตอบอย่างน่ารัก จนทุกคนที่มองทั้งสองถึงกับสงสัยว่าทั้งสองเป็นอะไรก็ยกเว้นแต่ไอริณที่รู้แล้ว
“คุณคงเป็นคุณศิวะสินะครับ ผมฝากคุณช่วยดูแลทับทิมแทนผมด้วยนะครับ น้องไออีกคนพี่ฝากดูแลทับทิมด้วยนะ” ภาคดนัยเอ่ยบอกทั้งสองพร้อมกับรอยยิ้มหวาน จนไอริณรีบตอบทันที
“ค่ะพี่ภาค ไอจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ พี่ภาคไม่ต้องห่วงนะคะ” ไอริณเอ่ยพูดแล้วยิ้มเขินอย่างไม่ปิดบังก่อนจะรีบเอ่ยแนะนำศิวะออกไป
“อ่อลืมเลย นอกจากพี่ศิวะจะเป็นเจ้านายของยัยทับทิมแล้ว ก็ยังเป็นคู่หมั้นของไอค่ะ” ไอริณเอ่ยพูดเพราะกลัวศิวะจะงอนเธอซะก่อน
“สวัสดีครับ” ศิวะเอ่ยพูดไปกอย่างเป็นมิตรก็จับมือทักทายกันตามมารยาท
“อ่อ สมกันมากเลยครับคุณศิวะน้องไอ” ภาคดนัยเอ่ยบอกออกไปก็หันไปมองอดีตแฟนของน้องสาว ที่เขาเห็นในรูปในห้องนอนของน้องสาวเมื่อหลายปีก่อน มันทำให้เขาจดจำได้อย่างรวดเร็ว เพราะไอ้นี่มันทำให้น้องสาวเขาเจ็บจนเขานึกอยากจะไปจัดการให้เด็ดขาดตั้งแต่ตอนนั้น แต่รินลดาก็ยังใจอ่อนเกินไป ที่จะยอมให้เขาจัดการไอ้หมอนี่
“สวัสดีค่ะ ชมพูนุชหรือชมพู่ค่ะคุณภาคดนัย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ชมพูนุชรีบเสนอตัวเองกับภาคดนัยทันที เพราะเขาเป็นดาราดังที่มีชื่อเสียงมาก ไม่คิดว่าคนอย่างรินลดาจะไปรู้จักกับคนระดับนี้ได้ แถมยังทำตัวสนิทสนมจนเธอนึกอิจฉา
“ครับ” ภาคดนัยเอ่ยไปเท่านั้นก่อนจะหันไปหาน้องสาวทันที เพราะแค่ชื่อเขาก็ไม่อยากจะพูดอะไรด้วยมาก เนื่องจากฟังรินลดาบ่นเรื่องของผู้หญิงคนนี้ให้เขาฟังอยู่บ่อยครั้ง
“อย่าลืมนะ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วย อย่าทำให้พี่คิดถึง แล้วก็นี่เอาไปกดได้เต็มที่เลย” ภาคดนัยเอ่ยพูดแล้วเอาบัตรเครดิตให้กับน้องสาว ก่อนจะกอดน้องสาวอย่างรักใคร่ จนคนที่อยู่รอบๆมองอย่างอึ้ง เพราะไม่รู้ว่ารินลดาเป็นอะไรกับภาคดนัย
“ค่ะพี่ภาค ขอบคุณนะคะ” รินลดาเอ่ยบอกแล้วถอนกอดออกจากพี่ชาย เพราะกลัวเป็นข่าวอีกแค่ยอมให้มาส่งก็มากพอแล้ว
“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปด้านในกันเถอะ เครื่องใกล้ออกแล้วด้วยเดี๋ยวจะได้โหลดกระเป๋ากัน” เมษาเอ่ยบอกหลังจากเงียบอยู่นาน เธอก็อยากจะรู้อยู่หรอกว่าสองคนนี้เป็นอะไรกัน แต่พอเห็นแฟนคลับของภาคดนัยแล้วเธออยากจะรีบไปซะมากกว่า
“งั้นทับทิมไปก่อนนะคะพี่ภาค ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วห้ามเบี้ยวงานเด็ดขาด เข้าใจไหมคะ” รินลดาเอ่ยบอกพี่ชายเพราะจะไปแล้ว
“รู้แล้วน่ายัยขี่บ่น” ภาคดนัยเอ่ยพูดแล้วยิ้มให้น้องสาวพร้อมกับขยี้ผมของรินลดา จนทุกคนสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ก็ไม่กล้าถามอะไร ยกเว้นไอริณที่รู้เรื่องอยู่แล้ว
จากนั้นทุกคนก็เดินไปเช็คอินโหลดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่อง รินลดาที่สวยขึ้นก็มีผู้ชายพากันมองอย่างชื่นชอบ จนเธอรู้สึกแปลกๆ แต่พอเห็นสายตาของกวินทร์ที่มองมาเธอก็ต้องเริ่ดต้องมั่นเข้าไว้ เพราะที่เธออยากสวยไม่ใช่เพราะแค่เรื่องงาน แต่เพราะคำดูถูกของชมพูนุชด้วย ยังไงเธอก็จะทำให้ชมพูนุชกับกวินทร์เจ็บอย่างที่เธอเคยเจ็บ
“หืม สงสัยเจ้านายใหญ่จะรวยมากเลยนะถึงให้เรานั่งชั้นเฟิร์สคลาส พี่ล่ะอยากเห็นตัวจริงจังเลยว่าจะหล่อแบบในหนังสือรึเปล่า” เมษาเอ่ยพูดขณะกำลังเดินเข้ามาในที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบินลำใหญ่
“ไอก็อยากเห็นค่ะพี่เม ว่าจะหล่อจริงรึเปล่าจริงไหมทับทิม” ไอรินเอ่ยพูดตาม ก่อนจะหันไปถามเพื่อนสาว
“ไม่รู้สิ ทับทิมชอบแบบไทยๆแนวฝรั่งแนวแขกแบบนั้น ทับทิมไม่ค่อยชอบอ่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไป แต่ในใจก็คิดว่าเธอก็ไม่ได้ไม่ชอบฝรั่งหรือแขกขาวอะไรพวกนี้ แต่เธอกลัวเรื่องบนเตียงของคนต่างชาติต่างหาก เพราะเขาบอกกันว่าไซส์จะต่างจากคนเอเชียราวฟ้ากับเหว เธอจึงไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ เธอขอแค่หนุ่มไทยหล่อๆดีๆสักคนก็พอ
“ถึงเธอจะชอบ แต่ฉันว่าแบบเธอเขาก็ไม่ชอบหรอกย่ะ” ชมพูนุชเอ่ยแขวะอย่างไม่ชอบใจก่อนจะนั่งลงที่นั่งของตัวเอง
“อย่าไปสนใจเลย ไปนั่งเถอะทับทิม” เมษาเอ่ยพูดแล้วตบไหล่ของรินลดาเบาๆ
จากนั้นทุกคนก็เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งตรงสู่นครดูไบโดยใช้เวลาเดินทางประมาณหกชั่วโมง โดยทางโรงแรมมีรถมารับพวกเขาให้มุ่งหน้าไปสู่โรงแรมอย่างสะดวกสบาย
“เป็นเมืองที่สวยมากเลยนะคะเนี่ย คุ้มแล้วล่ะค่ะที่ทับทิมอุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งนาน” รินลดาพูดไปก็มองวิวผ่านจากข้างในรถอย่างตื่นเต้น
“ไม่แน่นะ มาครั้งนี้ทับทิมอาจจะมีหนุ่มๆกลับไทยด้วยก็ได้ ฮ่าๆ” เมษาที่นั่งมาด้วยเอ่ยกระซิบกระซาบกันอย่างขบขัน
“พี่เมก็ หยุดแซวทับทิมเลยนะคะ ถ้าคนมันใช่ เดี๋ยวมันก็เจอเองแหละค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกออกไป เพราะตั้งแต่เลิกกับกวินทร์เธอก็ไม่อยากเปิดใจให้ใคร เพราะเธอเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ที่สุด
พอถึงหน้าโรงแรมทุกคนก็ลงจากรถ ส่วนกระเป๋าพนักงานก็จะเป็นคนยกไปเก็บไว้ที่ห้องพักของเราเอง พอเข้าประตูของโรงแรมไปก็มีพนักงานยืนเรียงต้อนรับอยู่ ศิวะจึงเดินนำทุกคนเข้าไป พนักงานก็ส่งผ้าเช็ดมือให้ แล้วก็ฉีดน้ำหอมใส่มือก่อนจะยื่นแก้วชาชาของดูไบให้เราดื่ม และสุกท้ายจะให้ช็อกโกแลตกับแขกทุกคนที่เข้าโรงมา ทุกคนก็ทำตามศิวะอย่างรู้งาน เพราะนี่น่าจะเป็นธรรมเนียมในการต้อนรับของชาวดูไบ
“ขอบคุณค่ะ” รินลดาที่อยู่คนสุดท้ายเอ่ยพูดเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งต่างจากทั้งห้าคนที่พูดเป็นภาษาอังกฤษ
“ทำเป็นโชว์ฟอร์ม ฉันก็พูดได้แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดเลย” ชมพูนุชเอ่ยแขวะเมื่อได้ยินรินลดาพูดออกมาเป็นภาษาอาหรับ
“หยุดว่าคนอื่นสักทีเถอะชมพู่ พี่ชักจะเบื่อเธอขึ้นทุกวันแล้วนะ” เมษาเอ่ยบอก เพราะเธอเบื่อเต็มที่แล้ว
“หยุดคุยกันก่อนนะครับ แล้วแยกย้ายกันไปพักก่อนดีกว่านะครับ เพราะพรุ่งนี้เราต้องเจออะไรอีกมาก” ศิวะเอ่ยบอกแล้วมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา
“ก็ดีค่ะ งั้นก็นอนคู่ใครคู่มันนะคะ” ชมพูนุชเอ่ยพูด เมื่อเธอได้นอนคู่กับกวินทร์ตามความต้องการ ส่วนศิวะก็นอนกับไอริณ ส่วนรินลดาก็นอนกับเมษา ยังไงเธอไม่มีทางให้ศิวะคาดสายตาของเธอแน่นอน
หลังจากที่รินลดาและเมษาเข้ามาพักในห้องที่ทางบริษัทใหญ่จัดให้ก็ถึงกับมองอย่างทึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้อยู่ในที่หรูๆแบบนี้อีกหรือเปล่า“พี่เมขา ทับทิมขออาบน้ำก่อนนะคะ เหนียวตัวจะแย่แล้ว” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอคิดจะออกไปเดินเล่นชมรอบๆโรงแรมต่อ“เอาสิ พี่ขอหลับสักแปปละกัน เดี๋ยวค่อยอาบน้ำทีหลัง ตอนนี้พี่อยากจะนอนบนเตียงนุ่มๆนี่สักที” เมษาเอ่ยพูดก็กระโดขึ้นเตียงของตัวเองทันที เพราะห้องนี้มีสองเตียงและยังเป็นห้องใหญ่ที่มีระเบียงชมวิวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน“งั้นเดี๋ยวทับทิมอาบน้ำเสร็จ ขอไปเที่ยวสักนิดนะคะพี่เม ส่วนมื้อเย็นถ้ามาไม่ทันฝากพี่บอกพี่ศิวะกับยัยไอให้หน่อยนะคะ” รินลดาเอ่ยบอก เพราะเธอกลัวจะเที่ยวจนเพลิน เพราะนี่ก็จะสามโมงเย็นของเวลาที่ดูไบแล้วด้วย“ระวังตัวด้วยล่ะทับทิม พี่เป็นห่วง” เมษาเอ่ยบอกออกไป เธอก็อยากจะไปเที่ยวนะ แต่สังขารของเธอด้วยวัยสี่สิบห้าปีคงไม่ไหว เพราะร่างกายต้องการพักผ่อนมากกว่า“รับทราบค่ะพี่เม” รินลดาเอ่ยบอกก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนเมษาก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนด้านคาเรนที่เดินทางมาถึง ก็ไม่ยอมไปพักที่คฤหาสน์ของปู่ของเขา เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว จึ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คิดว่าผมเป็นเพื่อนของคุณก็แล้วกันนะครับทับทิม” คามีลเอ่ยบอกออกไป ผู้หญิงคนนี้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆ เขาชอบก็ตรงนี้แหละ เพราะเธอคงจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร เธอถึงเอ่ยออกมาแบบนั้น แต่ก็ดีอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเงิน“ค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนะคะคุณคามีล” รินลดาเอ่ยบอกออกไปอย่างเขินๆ เพราะไม่มีใครใส่ใจเธอและเทคแคร์เธอดีแบบเขา เธอชักจะชอบผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ซะแล้ว รินลดาคิดในใจก็เดินเข้าไปนั่งในรถของคามีล จากนั้นเขาก็พาเธอขับรถไปเที่ยวชมดูนครดูไบในยามเย็นจนมาถึงที่ทะเลทรายซาฟารี ซึ่งห่างจากตัวเมืองไม่ไกลเท่าใดหนัก แต่ด้วยความที่คามีลขับรถมาเร็วมากจึงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น“ฉันพึ่งเคยเห็นทะเลทรายเป็นครั้งแรกแรกเลยนะคะ เมื่อกี้ตอนลงจากเครื่องก็ว่าสวยแล้ว พอได้มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้แล้วก็ยิ่งสวยค่ะ” รินลดาเอ่ยบอกไปก็มองไปยังทะเลทรายอันกว้างขวาง เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่ออกมากับคามีล“ไปถ่ายรูปเก็บไว้สิครับ เดี๋ยวผมจะถ่ายให้” คามีลเอ่ยบอกก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปที่ทะเลทราย ก่อนจะขับเข้าไปอีกนิด เพื่อหามุมถ่ายรูปสวยๆให้กับหญิงสาว จนกระทั่งเขามาจอดรถก่อนจะเป็นเนินทะเลทราย“
ด้านรินลดาพอลงจากรถของคามีลและเดินเข้าโรงแรมมา ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาหาเธอทันทีจนเธอมองอย่างสงสัย“คุณลงจากรถของคุณคามีลมาใช่ไหมครับ” เจเดนลูกน้องของคาเรนเอ่ยถามออกไป เมื่อเขามีหน้าที่มารอรับผู้หญิงที่คุณคามีลส่งมาให้กับเจ้านายของเขา“อ่อค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” รินลดาเอ่ยพูดเป็นภาษาอังกฤษตอบกลับไปแล้วทำหน้างงๆ เพราะไม่รู้ว่าชายตรงหน้าถามเธอเพราะอะไร“งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” เจเดนเอ่ยบอกไป แล้วเชิญให้หญิงสาวเดินไปยังลิฟท์ส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุด เพราะเข้าใจว่าเธอคือคนที่คามีลส่งมา“ ไปไหนคะ” รินลดาเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะอยู่ๆก็จะให้เธอไปไหนก็ไม่รู้“เจเดน นั่นใช่ผู้หญิงที่คุณคามีลส่งมาใช่ไหม” บาคัสที่เดินออกจากลิฟท์มาเอ่ยถามก็มองไปที่ผู้หญิงสวยที่มาพร้อมกับเจเดน“ใช่ ฉันกำลังจะพาขึ้นไปหานายพอดี” เจเดนบอกไปก็มองหน้าของบาคัส“งั้นไปกันเลย ตอนนี้นายโมโหใหญ่แล้ว ส่วนคุณตามผมมา” บาคัสบอกไปก็พารินลดาเข้าไปในลิฟท์ ก็กดขึ้นไปยังชั้นที่เจ้านายของเขาพักอยู่อย่างรวดเร็ว“นี่พวกคุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ” รินลดาเอ่ยพูดออกไปก็พยายามจะกดเปิดลิฟท์ เพราะกลัวชายทั้งสองคนนี้ ที่พาเธอเข้ามาในลิ
“คัพดีซะด้วย อย่างนี้สิมันส์มือหน่อย” คาเรนเอ่ยพูดไปก็กวาดสายตามองอย่างโลมเลียร่างบาง“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ”รินลดาเอ่ยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อน เพราะตอนนี้เธอเริ่มจะกลัวชายคนนี้จริงๆเข้าแล้ว เมื่อเขากำลังจะถอดเสื้อผ้าของเธอแถมยังมัดมือของเธอไว้อีก“เมื่อกี้เธอยังปากเก่งอยู่เลยนิ เอาสิ ต่อต้านฉันแบบเมื่อกี้สิ เอากระเป๋ามาตบหน้าฉันอีกสิ” คาเรนเอ่ยพูดก็จ้องมองร่างบางอย่างไม่วางตา ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาเจ็บ เขาก็จะทำให้เธอเจ็บเหมือนที่เขาเจ็บ คาเรนคิดไปด้วยสติที่มึนเมา“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าทำอะไรฉันเลยนะ” รินลดายังคงอ้อนวอนชายตรงหน้าที่นั่งควบเธออยู่อย่างไม่ลดละ“มันสายไปแล้วล่ะ ในเมื่อเธอถูกส่งมาบำเรอให้ฉัน ฉันก็จะเอาเธอให้สมกับราคา” คาเรนเอ่ยพูดก็เอามือกระชากชุดเดรสสีแดงของเธอลงไปกองที่เอว“อย่านะ ไอ้เลว ปล่อยฉันนะ” รินลดาเปล่งเสียงด่าออกไปอย่างไม่ยอม พร้อมกับเอามือที่ถูกมัดไว้ทุบตีร่างหนาเพื่อปกป้องตัวเอง“ฤทธิ์มากหนักใช่ไหม” คาเรนเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกธรเมื่อถูกมือเล็ก ฟาดเข้าให้ที่หน้าครั้งหนึ่ง เขาจึงเอามือไปจับที่มือของหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่ ยกขึ้นไปเหนือหัวของเธอแล้วเอาสายเนกไ
“ฉันจะทำให้เธอต้องการฉันยิ่งกว่านี้” คาเรนพูดไปก็เงยหน้ามองร่างบางที่ถูกมัดมืออยู่ แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นคาเรนก็ค่อยๆสอดนิ้วมือของเขาเข้าไปในร่องสาวของเธอจากหนึ่งนิ้วก็เพิ่มเป็นสองนิ้ว แต่เขารู้สึกว่าร่องสาวของเธอคับแน่นมาก แล้วถ้ามันเป็นแก่นกายของเขาล่ะมันจะแน่นขนาดไหน“อ้ะ อ้า อ้า เอา ออก ไป นะ ไม่ อ้อ อ้ะ อ้ะ อ้า อ้า” หญิงสาวครางไปก็เอ่ยบอกไปด้วยความเสียว คาเรนก็เร่งมือซอยเข้าไปในร่องสาวอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งร่างบางกระตุกเกร็งแรงๆ“อ้ะ อ้า อ้าย อ้าย” รินลดาครางเสียวพร้อมกับกระตุกเกร็งร่างของตัวเองอย่างรุนแรง เมื่อเธอรู้สึกเสร็จอย่างที่สุดเป็นครั้งแรก มันช่างต่างจากความสุขที่เธอช่วยตัวเองเป็นไหนๆ ตอนนี้เธอรู้สึกหัวสมองมันโล่งโปร่งไปหมดแล้วคาเรนที่เห็นร่างบางเสร็จไปก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าและกางเกงออกจนหมด เขารูดแก่นกายที่แข็งโด่พร้อมรบสองสามครั้ง แล้วมองร่างบางที่นอนอ้าขาโชว์ร่องสาวต่อหน้าเขาอยู่อย่างโลมเลีย ก่อนจะค่อยๆนั่งลงไปตรงหว่างขาของหญิงสาว แล้วจับขาของเธออ้าออกกว้าง“ไม่นะ อย่านะ แค่นี้ก็พอนะคุณ อย่าทำอะไรฉันเลย” รินลดาเมื่อสติกลับคืนมาก็รีบเอ่ยห้ามร่างหนาที่แทรกตัวเข้ามา
“ ฉันจะไม่ให้ใครมาซ้ำรอยคุณ” รินลดาพูดยังไม่ทันจบ คาเรนก็กระแทกต่อทันทีอย่างรวดเร็วจนรินลดาต้องเอามือมาจับที่แขนของชายหนุ่มที่กำลังยันขอบโซฟาไว้“อ้ะ อ้ะ อ้ะ อ้ะ” รินลดาครางเสียงกระเส่า ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่าเธอสมยอมเขาหรือว่าเธอถูกข่มขืนกันแน่“โอว์ ซี๊ด” คาเรนครางออกมา แล้วเร่งซอยเอวใส่ร่างบางอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเขาใกล้จะถึงขีดสุดแล้วเมื่อโดนกายสาวตอดรัดท่อนเอ็นแน่น“อ้า อ้า เบาหน่อยคุณ อ้ะ อ้ะ” รินลดาครางบอกไป เมื่อชายหนุ่มกระแทกแรงขึ้นจนเธอรู้สึกจุกที่น้องสาว“เบาไม่ได้แล้ว ผมเสียว” คาเรนพูดบอกร่างบาง เขายอมรับว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาเสียวได้ขนาดนี้เลยสักคน ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขกับการมีเซ็กส์“ฉัน ฉัน ไม่ ไหว แล้ว” รินลดาครางบอกไปก็ร้องครางเสียงหลงอย่างสุขสม เมื่อได้พบกับสวรรค์อีกครั้งอย่างเสียวคาเรนก็กระแทกตอกแก่นกายถี่ขึ้น ก่อนจะชักแก่นกายออกมาจากร่องสาว แล้วดึงถุงยางอนามัยออกมา ก่อนจะเอามือรูดแก่นกายที่ตอนนี้กำลังปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธ์ดีลงบนหน้าท้องของหญิงสาวด้วยความเสียว“อ่าส์ ซี๊ด” คาเรนครางไปก็รูดแก่นกายแรงๆเพื่อรีดเอาน้ำรักพ่นออกมาให้ห
พอคาเรนได้ยินเสียงลูกน้องหนุ่มก็หยุดกระแทกท่อนเอ็นใส่ร่องสาว แล้วหันควับมาที่ลูกน้องหนุ่มด้วยส่ายตาดุ ก่อนจะเอามือกดร่างบางให้นอนแนบไปที่โซฟา เพราะกลัวลูกน้องหนุ่มจะเห็นร่างกายของหญิงสาวเข้าส่วนรินลดาก็หันหน้าที่ซบขอบโซฟามองอย่างอายๆ แต่ก็ไม่มีแรงจะต่อต้านใครได้แล้ว แล้วถ้าเขาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้พร้อมๆกับเธอล่ะก็ เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด"ออกไปบาคัส วันนี้ฉันจะเอาผู้หญิงคนนี้ คนเดียว " คาเรนเอ่ยบอกออกไป เพราะเขายังติดใจร่องสาวของเธออยู่ ส่วนผู้หญิงที่มากับลูกน้องของเขาก็ใช้สายตายั่วยวนซะเหลือเกิน แต่วันนี้เขาจะเอาแค่ยัยนี่ที่กำลังนอนกับเขาคนนี้เท่านั้น"ครับนาย " บาคัสเอ่ยบอกไปก็ทำท่าจะหันหลังกลับ แต่คาเรนเอ่ยพูดก่อน"นายเห็นอะไรบ้างบาคัส" คาเรนเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้อย่างหวงๆ"เปล่าครับผมไม่เห็นอะไรเลยครับ ได้ยินแค่เสียงเท่านั้นครับนาย" บาคัสเอ่ยพูดก็ก้มหน้าลง เพราะเข้าใจน้ำเสียงของเจ้านายหนุ่มอย่างดี ว่ากำลังโกธร"โอ้ย ออกไปสักทีเถอะ จะคุยกันอีกนานไหม" รินลดาที่ทนต่อความเสียวไม่ไหวเอ่ยพูดไปเสียงดัง เพราะแก่นกายที่กดแช่ในร่องสาวของเธอมันตอดรัดจนแน่นร่องไปหมดแล้ว ก่อนจะเริ่มยกตัวขึ้นแต่ก
หลังจากที่ออกมาจากห้องของคนเลวคนนั้นด้วยสภาพที่เหมือนกับถูกรุมโทรม รินลดาก็รีบลงลิฟท์มาที่ชั้นของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เพราะกลัวว่าเมษาจะตื่นมาเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เธอจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเอาน้ำล้างคราบไคลกลิ่นคาวกับสิ่งที่เธอไปเจอมา ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ“ขออย่าให้ฉันได้เจอแกอีกเลย ไอ้โรคจิต” รินลดาพูดไปก็ร้องไห้ไป ก่อนจะเอามือขัดผิวตัวเองแรงๆ อย่างรู้สึกเสียใจ จากนั้นรินลดาก็นั่งแช่น้ำร้องไห้สักพักก็แต่งตัวใหม่ แล้วหายาแก้ปวดในกระเป๋าที่พกมาขึ้นมากิน เพื่อคลายความเจ็บที่ร่องสาวของตัวเอง เพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องไปนั่งดูงานประชุมอีกนาน ซึ่งร่างกายของเธอเหมือนจะรู้สึกไม่ไหว จากนั้นก็เดินออกไปนอนพักก็เกือบจะตีห้าแล้ว ส่วนเมษาก็หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องอะไร จนกระทั่งเช้าด้านคาเรนตื่นมาอีกครั้งก็เกือบจะแปดโมงเช้า เขาก็ขวานหาร่างบางเพื่อจะกอดเธอแต่มันกลับว่างเปล่า จนเขาลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วมองดูรอบเตียงก็เจอเพียงความว่างเปล่า หรือว่าจะอาบน้ำ คาเรนคิดในใจก็ลุกไปยังห้องอาบน้ำ ซึ่งก็ยังว่างเปล่า"วีต้า คุณอยู่ไหน วีต้า" คาเรนเรียกชื่อเมียมาดๆที่เขาพึ่งร่วมรักกับเธอไ
“ทับทิมครับ ออกไปสิครับ” กวินทร์เอ่ยบอกก็เขย่าตัวร่างบางเบาๆ ก่อนจะปล่อยเธอให้เดินออกไปเอง“อ่อ” รินลดาตอบไปก็เดินด้านหน้าช้าๆ ก่อนจะยิ้มให้ทุกคนแบบงงๆ“เยี่ยมไปเลย” คามีลตบที่ขาของตัวเองแล้วมองร่างบางบนเวทีอย่างปลาบปลื้ม ส่วนลาฮิมที่มองหลานชายดีอกดีใจจนออกนอกหน้าก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เขากับสังเกตที่หลานชายคนโตมากกว่าที่แอบยิ้มมุมปากร้ายกาจออกมาราวกับหมาจิ้งจอก เขาก็รู้สึกว่าคาเรนคงจะสนใจผู้หญิงนั้นที่ได้ตำแหน่งไปแน่ แต่แค่ไม่แสดงออกมาเหมือนคามีลก็เท่านั้นเอง หวังว่าคงไม่แย่งกันจนทะเลาะกันบานปลายหรอกนะ ลาฮิมคิดในใจ“ขอเชิญทุกคนด้านหลังลงไปก่อนนะคะ ค่ะ ต่อไปขอเชิญคุณ คาเรน เซนโดริก มามอบรางวัลให้กับผู้ชนะของเราด้วยนะคะ” พิธีก่อนเอ่ยบอกไปก็ยิ้มอย่างตื่นเต้น ส่วนรินลดาที่ได้ยินชื่อของคาเรนเธอก็ใจหายไปทันที เพราะเธอต้องเจอกับเขาแบบใกล้ชิดอีกครั้ง“คาเรน ฉันขอไปมอบรางวัลแทนได้ไหมวะ” คามีลเอ่ยถาม เพราะเขาถูกใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ เขาจึงลองเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มอย่างลุ้นๆ“ฉันจะมอบรางวัลให้เธอเอง นายนั่งดูก็พอคามีล” คาเรนเอ่ยบอกลูกพี่ลูกน้องของตัวเองก็ลุกขึ้น แล้วกระตุกยิ้มอยากเยือกเย็น ในที่สุดเขาก็
ด้านคาเรนพอนั่งที่โต๊ะแล้วก็มองจ้องที่ร่างบางอย่างไม่วางตา ก่อนจะแลมองเห็นคามีลก็มองร่างบางไม่ต่างจากเขา เขาก็รู้สึกอยากจะจับร่างบางมาทำโทษให้เข็ด ยิ่งมองชุดเกาะอกของเธอเขาก็ยิ่งหงุดหงิดที่เต้าใหญ่พ่นล้นออกมา ทำไมไม่รู้จักหาอะไรมาคลุมนะ คาเรนคิดในใจด้วยความร้อนใจอยากจะให้งานนี้จบไวๆฟารีดที่นั่งตรงกลางระหว่างคาเรนและคามีลก็รับรู้ถึงสิ่งที่สองหนุ่มกำลังมอง นั่นก็คือสาวสวยที่นั่งโต๊ะข้างๆ งานนี้พี่น้องคงไม่มาชอบผู้หญิงคนเดียวกันหรอกนะ เขาไม่อยากจะปวดหัวกับสองคนนี้จริงๆ เพราะต่างก็แรงด้วยกันทั้งคู่หลังจากที่คาเรนพูดเปิดงานไป ก็เริ่มมีการแสดงขึ้นไปโชว์เรื่อยๆ จนกระทั่งการแสดงสุดท้ายของงานจบ พิธีกรก็ออกมาพูดว่า“เอาล่ะค่ะทุกท่าน ตอนนี้ก็ได้เวลาสำคัญของงานแล้วนะคะ ว่าพนักงานของบริษัทสาขาไหน จะสวยและหล่อที่สุดในงานวันนี้ เราขอเชิญตัวแทนทั้งชายและหญิงของแต่ละสาขาขึ้นมาบนเวทีได้เลยค่ะ ”พิธีกรเอ่ยบอกออกไป จนโต๊ะของศิวะทำหน้างงเพราะไม่รู้ว่าจะมีการประกวดนี้“ทับทิมกับวิน คุณสองคนไปเป็นตัวแทนสาขาของเราละกัน ถือว่าช่วยบริษัทของเรานะ” ศิวะเอ่ยบอกไป เพราะไม่มีทางเลือก จะให้เขาและไอริณออกไปก็ไม่ได้
“รู้แบบนี้ฉันไม่จัดของเด็ดๆไปให้นายหรอก เฮ้อ ปู่ครับ ผมไปนั่งรอในงานก่อนนะครับ ป่านนี้ฟารีดมันคงมารออยู่ที่งานแล้วล่ะ” คามีลเอ่ยบอกก็ลุกขึ้นทันที ก่อนจะเอามือจัดชุดสูทของตัวเองให้เรียบร้อย“งั้นก็ไปพร้อมกันนี่แหละ ส่วนเราก็รออยู่นี่ก่อนก็แล้วกัน รอให้พิธีกรเรียกชื่อก็ค่อยออกไป” ลาฮิมเอ่ยบอกก็ลุกขึ้นเช่นกันโดยมีเคียร่าหลานสาวคนสวยคอยช่วยพยุงเดินออกไป“คามีล ขอบใจนายที่ส่งของเด็ดๆมาให้ฉันนะ มันถูกใจฉันมาก” คาเรนเอ่ยบอกไปขณะที่คามีลกำลังจะเดินออกไป เดี๋ยวก็ได้รู้กันว่าคามีลมันรู้จักกับผู้หญิงของเขาในฐานะอะไร“หึ เห็นนายชอบฉันก็ดีใจ เดี๋ยวเจอกันข้างนอกละกัน ไปล่ะ”คามีลเอ่ยบอกแล้วเดินตามปู่และน้องสาวของเขาที่เดินเข้าในงานไป โดยใช้ประตูหลังเวทีที่สามารถเดินลัดไปหน้าเวทีได้เลยโดยไม่ต้องไปอ้อมเดินมาจากหน้างานพอทั้งสามคนออกไปจากห้องก็เหลือแต่คาเรนและบาคัสและลูกน้องอีกประมาณสามสี่คนที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับคาเรนคามีลที่เดินออกมาก็มีลูกน้องพาเขาและปู่ของเขาที่มีน้องสาวเดินตามมาด้วยไปนั่งยังโต๊ะหน้าสุดของเวที ที่ตอนนี้มีเพื่อนหนุ่มของเขาซึ่งก็คือฟารีดกำลังนั่งรออยู่ แต่สายตาของเขาดันไปเห็นสาวส
ด้านเจเดนพอสั่งพนักงานให้พากลุ่มคนสาขาประเทศไทยไปนั่งโต๊ะใกล้ๆกับนายของเขา ก็ไม่ลืมจัดเก้าอี้ที่เธอจะได้นั่งใกล้ๆกับเจ้านายของเขา เขาจึงรีบมารายงานนายของเขาที่กำลังนั่งรออยู่บนห้อง“นายครับ ตอนนี้เธอนั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ” เจเดนเอ่ยบอกไปก็มองเจ้านายหนุ่ม“ดี ได้เวลาเจอกันแล้วสินะ” คาเรนเอ่ยพูดก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินลงไปรอร่วมงานด้านล่างขณะที่ทุกคนกำลังชมการแสดงบนเวทีอยู่นั้น รินลดาที่นั่งนานจนเมื่อยเธอก็กลัวว่าเธอรอยแดงที่คอของเธอจะโชว์ออกมา เธอจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำก่อนเพื่อเช็ดร่องรอยนี้“เดี๋ยวทับทิมมานะคะพี่เม ขอไปเข้าห้องน้ำแปปนึง” รินลดาเอ่ยบอกออกไป“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมทับทิม” เมษาเอ่ยถามออกไปอย่างมีน้ำใจ แต่รินลดาก็ส่ายหัวแล้วบอกว่าจะไปเอง เธอจึงได้แต่มองตามร่างบางที่เดินออกไปเข้าห้องน้ำด้านนอกรินลดามาเข้าห้องน้ำ แล้วรีบทารองพื้นที่รอยแดงเพิ่มอีก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแต่ก็ดันชนกับใครสักคนเข้า“โอ้ย! ขอโทษค่ะฉันไม่ทันมอง” รินลดาพูดสำเนียงภาษาอังกฤษด้วยความตกใจ ก่อนจะเงยมองคนที่เธอชนพร้อมกับอึ้งไปเมื่อผู้ชายที่เธอชน คือคนที่พรากพรหมจรรย์ของเธอไปเมื่อคืน เธ
ด้านรินลดาพอวางสายจากพี่ชายก็รีบทารองพื้นที่รอยแดงหนาๆเพื่อปกปิดรอยจนมันแนบเนียน จากนั้นก็เริ่มแต่งหน้าเพื่อรอให้เมษามาช่วยเธอทำผม พอเกือบจะหกโมงเย็นไอริณก็เดินเข้าห้องมาพร้อมกับชุดไทยอีกชุดหนึ่ง ก่อนจะมีเมษาเดินตามเข้ามา“เป็นไงบ้างทับทิม แกดีขึ้นรึยัง” ไอริณเอ่ยถามเพื่อนสาว เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนของเพื่อนสาวและเมษา“ดีขึ้นแล้วแหละ ตอนนี้ฉันพร้อมทำงานแล้ว เมื่อเช้าฉันขอบคุณแกมาเลยนะไอที่ช่วยคุยกับพี่ศิวะให้” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้กับเพื่อนสาว“งั้นเดี๋ยวน้องไอช่วยน้องทับทิมแต่งหน้าไปก่อนนะคะ พี่จะไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน” เมษาเอ่ยบอกไป เพราะเธอก็ต้องใส่ชุดไทยในงานเลี้ยงนี้เช่นกัน“พี่เมไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ไอจัดการเอง” ไอริณเอ่ยบอกไปก็นั่งลงข้างๆเพื่อนสาว แล้วมองหน้าเพื่อนสาวว่าควรจะแต่งแบบไหนดี“ไม่ต้องหรอก ฉันแต่งเองก็ได้ แกรีบไปแต่งตัวแกดีกว่านะ ฉันแต่งเองได้สบายมาก” รินลดาเอ่ยบอกไป ก็ทำให้เพื่อนสาวดูว่าเธอทำได้“อืมก็ได้ อ่อลืมบอกไปคือฉันขอเปลี่ยนชุดกับแกหน่อยได้ไหมอะทับทิม พอดีตอนที่ฉันวัดชุดนี้เมื่ออาทิตย์ก่อนนู้นมันยังใส่ได้นะ แต่พอฉันมาลองใส่วันนี้แล้วมันรูดซิปผ้าซิ่นไม
เวลาผ่านไปนานกว่าสามชั่วโมง บาคัสก็นำประวัติของรินลดาที่เขาไปรวบรวมให้ลูกน้องสืบมา มาให้กับเจ้านายของเขาอย่างรวดเร็ว“นายครับ นี่คือประวัติทั้งหมดของคุณรินลดาครับ” บาคัสเอ่ยบอกก็ยื่นซองสีน้ำตาลให้กับเจ้านายของตัวเอง“อืม” คาเรนรับซองประวัติของรินลดามา ก็เปิดดูทันที ก่อนจะเห็นรูปของเธอตั้งแต่ยังใส่แว่นหนาๆอยู่ จนตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นสวยเปรี้ยวเข็ดฟัน คาเรนอ่านข้อความทุกอย่าง อย่างละเอียดจนไปสะดุด ที่เธอเคยเป็นแฟนกับคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันในครั้งนี้“บาคัส แฟนเก่าของยัยนี่เป็นพนักงานของเราที่มาประชุมด้วยใช่ไหม” คาเรนถามออกไปเพื่อความแน่ใจ“ครับนาย แต่ตอนนี้นายกวินทร์กำลังคบกับผู้หญิงอีกคนที่อยู่แผนกเดียวกันกับคุณรินลดาครับ ซึ่งเธอก็มาด้วยและตอนนี้ก็พักห้องเดียวกันครับนาย” บาคัสเอ่ยบอกไปตามที่เขารู้คาเรนก็พยักหน้ารับรู้ เพราะนายกวินทร์คงจะไม่มีปัญหาอะไร ก่อนจะอ่านประวัติต่อไป จนเจอรูปของรินลดากับผู้ชายคนหนึ่งที่สนามบิน“แล้วไอ้นี่มันเป็นใคร” คาเรนเอ่ยถามก็โยนรูปลงบนโต๊ะให้ลูกน้องหนุ่มดู“นายคนนี้ชื่อภาคดนัยครับนาย เขาเป็นดารานักแสดงที่ประเทศไทยครับ เขาพึ่งจะมีข่าวว่ามาส่งคุณรินลดาที่สนา
“ไม่ร้อนเหรอทับทิม เราไม่สบายอยู่นิ” เมษาเอ่ยถาม เมื่อเห็นการแต่งตัวของรินลดาเข้าไป“อ่อ ไม่ร้อนค่ะพี่เม ทับทิมดีขึ้นแล้วค่ะพี่” รินลดาโกหกออกไป เพราะเธอต้องปกปิดร่องรอยของเธอที่ถูกชายคนนั้นทำให้เป็นรอยแดงเต็มลำคอ ขนาดใช้เหรียญขูดแล้วยังไม่จางไปเลยสักนิด เธอจึงใส่เสื้อตัวนี้แทน อย่างน้อยมันก็คลุมถึงคอของเธอ“อ่อ พี่ลืมบอกไป คุณศิวะให้รินพักผ่อนก่อนนะ บ่ายนี้ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมก็ได้ เพราะท่านประธานใหญ่จะมางานเลี้ยงเย็นนี้ ทับทิมก็ค่อยรอไปงานเลี้ยงตอนเย็นก็แล้วกันนะ” เมษาเอ่ยบอกออกไป“ค่ะพี่เม ฝากขอโทษพี่ศิวะด้วยนะคะ” รินลดาพูดไปอย่างโล่งใจ เพราะถ้าขืนได้ไปนั่งประชุม แล้วต้องต่อด้วยงานเลี้ยง เธอได้ตายแน่วันนี้“ขอบคุณน้องไอเถอะ เมื่อเช้าพอเราตัวร้อน น้องไอรีบขอคุณศิวะให้เรานอนพักเลยนะ” เมษาเอ่ยบอก เพราะเมื่อเช้าถ้าไม่ได้ไอริณล่ะก็ รินลดาคงได้ไปนั่งประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว“ค่ะพี่เม ฝากบอกยัยไอให้ทับทิมด้วยก็แล้วกันนะคะพี่” รินลดาเอ่ยบอกไปก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร“อ่อทับทิม นี่ชุดไทยที่คุณศิวะเตรียมมาให้ใช่ไหม พี่เตรียมไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวเย็นๆพี่กลับมา พี่จะมาช่วยแต่งตัวนะ” เมษาเอ่ยบอกแล้วแ
หลังจากที่ออกมาจากห้องของคนเลวคนนั้นด้วยสภาพที่เหมือนกับถูกรุมโทรม รินลดาก็รีบลงลิฟท์มาที่ชั้นของตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เพราะกลัวว่าเมษาจะตื่นมาเห็นสภาพของเธอตอนนี้ เธอจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเอาน้ำล้างคราบไคลกลิ่นคาวกับสิ่งที่เธอไปเจอมา ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ“ขออย่าให้ฉันได้เจอแกอีกเลย ไอ้โรคจิต” รินลดาพูดไปก็ร้องไห้ไป ก่อนจะเอามือขัดผิวตัวเองแรงๆ อย่างรู้สึกเสียใจ จากนั้นรินลดาก็นั่งแช่น้ำร้องไห้สักพักก็แต่งตัวใหม่ แล้วหายาแก้ปวดในกระเป๋าที่พกมาขึ้นมากิน เพื่อคลายความเจ็บที่ร่องสาวของตัวเอง เพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องไปนั่งดูงานประชุมอีกนาน ซึ่งร่างกายของเธอเหมือนจะรู้สึกไม่ไหว จากนั้นก็เดินออกไปนอนพักก็เกือบจะตีห้าแล้ว ส่วนเมษาก็หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องอะไร จนกระทั่งเช้าด้านคาเรนตื่นมาอีกครั้งก็เกือบจะแปดโมงเช้า เขาก็ขวานหาร่างบางเพื่อจะกอดเธอแต่มันกลับว่างเปล่า จนเขาลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วมองดูรอบเตียงก็เจอเพียงความว่างเปล่า หรือว่าจะอาบน้ำ คาเรนคิดในใจก็ลุกไปยังห้องอาบน้ำ ซึ่งก็ยังว่างเปล่า"วีต้า คุณอยู่ไหน วีต้า" คาเรนเรียกชื่อเมียมาดๆที่เขาพึ่งร่วมรักกับเธอไ
พอคาเรนได้ยินเสียงลูกน้องหนุ่มก็หยุดกระแทกท่อนเอ็นใส่ร่องสาว แล้วหันควับมาที่ลูกน้องหนุ่มด้วยส่ายตาดุ ก่อนจะเอามือกดร่างบางให้นอนแนบไปที่โซฟา เพราะกลัวลูกน้องหนุ่มจะเห็นร่างกายของหญิงสาวเข้าส่วนรินลดาก็หันหน้าที่ซบขอบโซฟามองอย่างอายๆ แต่ก็ไม่มีแรงจะต่อต้านใครได้แล้ว แล้วถ้าเขาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้พร้อมๆกับเธอล่ะก็ เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด"ออกไปบาคัส วันนี้ฉันจะเอาผู้หญิงคนนี้ คนเดียว " คาเรนเอ่ยบอกออกไป เพราะเขายังติดใจร่องสาวของเธออยู่ ส่วนผู้หญิงที่มากับลูกน้องของเขาก็ใช้สายตายั่วยวนซะเหลือเกิน แต่วันนี้เขาจะเอาแค่ยัยนี่ที่กำลังนอนกับเขาคนนี้เท่านั้น"ครับนาย " บาคัสเอ่ยบอกไปก็ทำท่าจะหันหลังกลับ แต่คาเรนเอ่ยพูดก่อน"นายเห็นอะไรบ้างบาคัส" คาเรนเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้อย่างหวงๆ"เปล่าครับผมไม่เห็นอะไรเลยครับ ได้ยินแค่เสียงเท่านั้นครับนาย" บาคัสเอ่ยพูดก็ก้มหน้าลง เพราะเข้าใจน้ำเสียงของเจ้านายหนุ่มอย่างดี ว่ากำลังโกธร"โอ้ย ออกไปสักทีเถอะ จะคุยกันอีกนานไหม" รินลดาที่ทนต่อความเสียวไม่ไหวเอ่ยพูดไปเสียงดัง เพราะแก่นกายที่กดแช่ในร่องสาวของเธอมันตอดรัดจนแน่นร่องไปหมดแล้ว ก่อนจะเริ่มยกตัวขึ้นแต่ก