เสวี่ยเหมยตกใจจนแทบกระโดดเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเย่ซิวอยู่ที่ไหนเลย“เขาทำยังไงถึงส่งเสียงมาถึงข้างหูฉันได้อย่างแม่นยำขนาดนี้นะ?”เธอพยายามตั้งสติและสูดหายใจลึก ๆ หลายครั้งเพื่อกดความตื่นเต้นในใจให้สงบ ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ไปยังด้านในโรงแรมเมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุด เธอก็สังเกตเห็นห้องหนึ่งที่ประตูแง้มอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องนี้เสวี่ยเหมยผลักประตูเข้าไปแล้วต้องชะงักในห้องนั้นนอกจากเย่ซิวแล้วยังมีผู้หญิงอีกสี่คนที่แต่ละคนมีรูปร่าง หน้าตา และบุคลิกที่โดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงามระดับยอดเยี่ยมบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจนแม้แต่เสวี่ยเหมยเองก็อดอิจฉาไม่ได้เย่ซิวหันมามองเธอแล้วยิ้ม “กินอะไรมารึยัง?”เสวี่ยเหมยพยักหน้า “กินแล้วค่ะ งั้นเราไปสนามบินเลยไหมคุณเย่?”“สนามบินเหรอ?” เย่ซิวยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องไปสนามบินหรอก เอ้า ดูนี่”ปิ๊ง!!เสียงดังกังวานของกระบี่ดังขึ้นในห้องกระบี่หงส์โบยบินพุ่งออกมาจากปากของเย่ซิว ก่อนจะขยายตัวจนมีความยาวสามเมตรและกว้างครึ่งเมตรผู้หญิงอีกสี่คนในห้องไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรเพราะก่อนหน้านี
เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเย่ซิว เสวี่ยเหมยก็ก้มหน้าลงและไม่กล้าสบตากับเขาใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินว่า “ตกลง ฉันยอม”เธอทำใจไว้แล้วสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดหากเมื่อถึงเวลาที่เธอพบท่านอาจารย์ และท่านยังยืนกรานให้เธอแต่งงานกับหลิวคุน เธอก็คงต้องจำใจทำตามแต่ถ้าเธอจะต้องเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตให้กับใครสักคน เธอยอมยกมันให้เย่ซิวดีกว่าให้ผู้ชายคนนั้นเย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมยังไม่ได้บอกเงื่อนไข คุณก็ตอบตกลงแล้วเหรอ?”คราวนี้เสวี่ยเหมยเป็นฝ่ายชะงัก เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความสับสนก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองอาจเข้าใจผิดด้วยความเขิน เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “งั้นเงื่อนไขของคุณคืออะไรคะ!”“ผมต้องการถือหุ้นในบริษัทของคุณอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์” คำขอของเขาเรียกได้ว่าเหมือนสิงโตอ้าปากกว้างทรัพย์สินในเครือของเสวี่ยเหมยครอบคลุมกว่าหนึ่งร้อยอุตสาหกรรม และทุกอย่างยังดำเนินการไปได้สวยเย่ซิวรู้ว่าเขายังไม่มีทรัพยากรมากพอ และต้องการเงินทุนจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่อเขาต้องการให้ผู้หญิงรอบตัวทะลวงเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานตามที่เล่าขานกันมาในสมัยโ
แต่กระบวนการนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์นักพลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายของเธอขับสารตกค้างและสิ่งสกปรกออกมาจำนวนมากสิ่งสกปรกสีดำไหลออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างกาย แถมยังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางเธอยังผายลมออกมาเป็นระยะจนเธอรู้สึกอับอายและอยากจะหาที่ซ่อนตัวในตอนนี้ พวกเขาได้ออกจากเมืองหลวงมาอยู่ในป่าลึกกลางภูเขาแล้วเย่ซิวที่สังเกตเห็นว่าด้านล่างมีน้ำตกขนาดเล็กพอดี จึงปรับทิศทางกระบี่หงส์โบยบินแล้วลงจอดที่ข้างน้ำตกเขามองเสวี่ยเหมยที่ใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ย “ลงไปล้างตัวเถอะ”เสวี่ยเหมยไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอวางกระเป๋าสะพายลงข้าง ๆ ก่อนจะกระโดดลงน้ำไปทันทีจนเกิดเสียงดังตูมร่างของเธอเหมือนปลาที่ว่ายไปใต้ก้นแม่น้ำอย่างคล่องแคล่ว เธอไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า เพียงใช้แรงน้ำจากน้ำตกก็เพียงพอที่จะชะล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายแล้วจากนั้นเย่ซิวใช้โอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณของตัวเองไม่กี่นาทีต่อมา เสวี่ยเหมยก็ขึ้นจากน้ำมาที่ฝั่ง ร่างของเธอเปียกชุ่มไปหมด เสื้อผ้าที่สวมใส่แนบติดกับตัวทุกส่วนเนื่องจากเธอสวมชุดกีฬาเนื้อบางสีขาวที่ระบายอากาศได้ดี เมื่
เสวี่ยเหมยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา นิ้วของเธอพิมพ์ข้อความลงบนหน้าจออย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งข้อความไปให้หลิวคุนเนื้อหาข้อความเขียนว่า ‘ฉันอยู่กับผู้ชายที่พี่เจอเมื่อวานและตอนนี้ฉันกำลังจะมีอะไรกับเขาแล้ว’เธอกดส่งข้อความแล้วปิดโทรศัพท์ทันทีหัวใจของเธอเต้นรัว ขณะจ้องมองไปที่เย่ซิวด้วยความลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณเย่คะ ฉันอยากบำเพ็ญตนคู่กับคุณ”ในสถานที่อันเงียบสงบและห่างไกลผู้คนเช่นนี้ กับชายหญิงสองคนที่อยู่ด้วยกัน ท่ามกลางแอลกอฮอล์และบรรยากาศที่พาให้จิตใจไขว้เขว สิ่งที่จะเกิดขึ้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้บรรยากาศเริ่มเต็มไปด้วยความโรแมนติกและยั่วยวนแต่เย่ซิวกลับส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่ได้”คำตอบของเขาทำให้เสวี่ยเหมยตกตะลึงจนพูดไม่ออกสร้างบรรยากาศมาถึงขนาดนี้แล้ว และเธอเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างกายเย่ซิวเลย เธอจึงถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะคะ?”เย่ซิวมีเหตุผลของเขาเองด้วยลักษณะพิเศษของพลังที่เสวี่ยเหมยฝึกฝนมา ทำให้เธอต้องได้รับการดูแลแตกต่างจากคนอื่นพูดกันตามตรง กำลังภายในของเธอตอนนี้แทบไม่ได้มีประโยชน์กับระดับ
แม้ว่าเย่ซิวจะดูดซับพลังวิญญาณจากที่นี่ทั้งหมด แต่ปริมาณที่ได้ยังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของพลังที่เขามีอยู่“ศิษพี่ทุกคน ฉันกลับมาแล้ว!”เสวี่ยเหมยตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น เสียงของเธอถูกส่งผ่านด้วยพลังภายใน ทำให้กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็วเสียงนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ทันทีประตูบ้านไม้แต่ละหลังเปิดออกทันที ชายหนุ่มที่ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดารีบวิ่งออกมา เมื่อพวกเขาเห็นเสวี่ยเหมย ต่างก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง“ศิษย์น้อง เธอกลับมาทำไมตอนนี้?”“หลิวคุนไม่ได้ไปหาเธอเหรอ? หรือเขาไม่ได้บอกความปรารถนาสุดท้ายของอาจารย์เราให้เธอเหรอ?”“ไม่สิ เพียงเวลาสั้น ๆ แบบนี้เธอกลับมาได้ยังไงแบบนี้?”“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”คำถามมากมายถูกโยนใส่เสวี่ยเหมยจนเธอไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเธอจึงตอบเลี่ยง ๆ ไป และเอ่ยด้วยความร้อนใจ “อาจารย์อยู่ที่ไหน ฉันต้องพบท่านก่อน!”“ท่านกำลังนอนพักอยู่ ช่วงนี้ท่านหลับบ่อยมาก วันหนึ่งนอนอย่างน้อยสิบสามถึงสิบสี่ชั่วโมง ดูเหมือนว่าท่านอาจจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์แล้ว”คนที่ตอบเธอคือศิษย์พี่
ศิษย์พี่ชายไม่กี่คนของเสวี่ยเหมยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นทุกคนก็หัวเราะฮ่า ๆ“ศิษย์น้องหญิง ไม่ได้เจอหน้ามาสักพัก ดูเหมือนเธอจะมีอารมณ์ขันขึ้นมากทีเดียว”“ต้นขาของไอ้หนูนี่ยังบางไม่เท่าแขนของฉันด้วยซ้ำ บนตัวเองก็ไม่มีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งเล็ดลอดออกมา เขาจะสามารถสู้ชนะพวกเราได้?”“ศิษย์น้องหญิง เธอคงไม่ใช่ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของไอ้หนูนี่หลอกแล้วหรอกนะ? โชคดีที่เธอกลับมาหาเรา อย่างน้อยเราก็สามารถช่วยเธอแก้ไขข้อผิดพลาดได้”…… เสวี่ยเหมยตบหน้าผาก รู้เลยว่าเรื่องไม่ดีแล้วเธอรู้ถึงอุปนิสัยของศิษย์พี่ชายเหล่านี้ดี แต่ละคนดื้อรั้นเหมือนวัวไม่ว่าตัวเองจะอธิบายยังไง พวกเขาก็ล้วนไม่เชื่อวิธีเดียวคือปล่อยให้พวกเขาได้รับบทเรียนสักหน่อย เมื่อรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านี้น่ากลัวแค่ไหนก็จะว่าง่ายแล้วคิดได้แบบนี้ เธอก็โค้งคำนับไปทางเย่ซิวอย่างลึกซึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า "ศิษย์พี่ชายไม่กี่คนนี้ของฉันไม่ใช่คนเลว ขอคุณโปรดยั้งมือ สั่งสอนบทเรียนพวกเขาเล็กน้อยก็พอแล้ว"เย่ซิวพยักหน้า สาวน้อยคนนี้รู้ความกว่าแต่ก่อนมาก ฝ่ามือใหญ่ตบลงไปร่างบอบบางของเสวี่ยเหมยสั่นสะท้าน ใบหน้าของเธอแดงไปห
ศิษย์พี่หลายคนลูบหัวอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก็จริง ถ้าก่อนที่จะลงมือเสวี่ยเหมยบอกพวกเขาว่าชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยจนนน่าตกใจซึ่งอยู่ตรงหน้านี้เป็นปรมาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง พวกเขาไม่ทีทางเชื่ออย่างแน่นอนในความเป็นจริงเย่ซิวแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์อาวุโสไม่รู้กี่เท่าแต่เสวี่ยเหมยขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปเถอะการแสดงออกของเย่ซิวไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก "อย่าพูดเรื่องไร้สาระให้มาก พาผมไปพบอาจารย์ของคุณเถอะ จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ผมจะได้กลับ"ไม่กล้าชักช้า รีบพาเย่ซิวไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของอาจารย์ทันทีนี่คือผู้อาวุโสที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น เขานอนปิดตาสนิทอยู่บนเตียง คลุมผ้าห่มไว้ การหายใจช้ากว่าคนปกติมากบนตัวมีกลิ่นอายของความเสื่อมสลายเล็ดลอดออกมามองแวบแรกก็รู้เลยว่าอยู่ได้ไม่นานแล้วมองดูอาจารย์ที่รักและเอ็นดูตัวเองตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ เสวี่ยเหมยก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดปากไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องไห้ออกมาศิษย์พี่ชายหลายคนเมื่อได้เห็นฉากนี้ ก็ทำได้แค่ลอบถอนหายใจในความเป็นจริง พวกเขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถช่วยชีวิตอาจารย์ของพวกเขากลับมาได้
“เธอชื่อเย่ซิวใช่หรือเปล่า อาจารย์ของเธอต้องชื่อเจียงอี้แน่!”หัวใจของเย่ซิวสั่นไหว ประกายแสงคมปลาบพุ่งออกมาจากดวงตาของเขาพริบตานั้นออร่าที่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังตกลงไปในหุบเหวลึก กระทั่งได้กลิ่นลมหายใจแห่งความตายแต่ความรู้สึกนี้มาเร็วก็หายไปอย่างรวดเร็ว เย่ซิวกลับคืนสู่ความสงบ และมองไปที่ผู้อาวุโส "คุณรู้ได้ยังไง?"เสวี่ยเหมยเองก็มองไปที่ผู้อาวุโสด้วยความตกใจมาก เป็นไปได้ไหมว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องอะไรกันมาก่อน?ผู้อาวุโสพยักหน้า เผยสีหน้าที่หวนนึกถึงอดีต "แน่นอน เมื่อก่อนฉันน่ะตามจีบอาจารย์ของเธออยู่นานมากแต่ยายแก่นั่นไม่ชอบฉันที่แก่กว่าเขาห้าถึงหกปี เลยปฏิเสธฉันตั้งหลายครั้งตอนที่เธอยังเด็ก ฉันยังเคยอุ้มและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับเธอด้วย เจ้าเด็กเหลือขอนี่ มีครั้งหนึ่งยังเคยฉี่รดหน้าฉันด้วยซ้ำ"ถึงเป็นเย่ซิว เขาก็ยังอดไม่ได้หน้าแดงเมื่อได้ยินคำพูดนี้เสวี่ยเหมยยกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะเบา ๆ คิดไม่ถึงว่า เย่ซิวตอนเด็กจะน่ารักขนาดนี้เย่ซิวสามารถรู้สึกได้ว่าผู้อาวุโสคนนี้ไม่ได้พูดโกหก จึงประสานหมัดแล้วพูดออกไป “ผู้น้อยเย่ซิวคารวะผู้อาวุโส”
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ