แต่สิ่งที่เย่ซิวคิดหลังจากเห็นรายงานนี้ คือในพื้นที่นั้นมีค่ายกลที่ทรงพลังเพื่อปกปิดสภาพที่แท้จริงเอาไว้หรือไม่ยังมีดาวเคราะห์ดวงอื่น รวมถึงดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดีที่ถูกสำรวจมานานแล้ว มันไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์ แต่จะเป็นอย่างไรหากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญตน?ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้แม้เย่ซิวจะไม่หายใจสักสองสามปีก็ไม่เป็นไรตัวตนที่ทรงพลังพวกนั้นกระทั่งไม่หายใจเลยตลอดชีวิตก็ไม่เป็นไรด้วยซ้ำสิ่งที่โลกนี้เปิดเผยให้เขาเห็น ขนาดยอดภูเขาน้ำแข็งก็ยังนับไม่ได้ ยังมีความลับอีกมากมายรอให้เขาไปสำรวจอยู่เย่ซิวแสร้งทำเป็นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ไม่ได้เจาะลึกปัญหานี้นานเกินไปนัก แต่จริง ๆ แล้วหยิบขวดยาออกมาจากแหวนผนึกของสองขวด หนึ่งขวดสีดำและอีกหนึ่งขวดสีแดงเขายื่นมันให้ผู้อาวุโส "ผู้อาวุโส นี่เป็นโอสถที่ผมหลอมขึ้นมา ถ้าคุณกินโอสถเม็ดสีขาววันละหนึ่งเม็ด สภาพร่างกายของคุณจะกลับไปอยู่ที่อายุประมาณห้าสิบปีในครึ่งเดือนจากนั้นกินโอสถในขวดสีแดงนี้จะช่วยให้คุณทะลวงไปสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้”สิ่งเหล่านี้มีค่ามากในโลกภายนอก แต่สำหรับเย่ซิวตอนนี้ พวกมันไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ให้ก็ให้ไปแต่ศิ
“ยังต้องถามอีกเหรอ แน่นอนว่าต้องเป็นคุณที่นอนพื้น ส่วนผมนอนบนเตียงไง” เย่ซิวพูดอย่างเป็นธรรมชาติมากเสวี่ยเหมยแสร้งทำเป็นโกรธ เท้าเอวแล้วมองเขาอย่างโกรธเคือง "บ้าเอ๊ย คุณปล่อยให้ฉันที่เป็นผู้หญิงบอบบางแบบนี้นอนพื้นได้ลงคอเหรอ?แถมที่นี่ยังเป็นหุบเขาลึกและป่าโบราณ แถมตอนกลางคืนอากาศก็ชื้นมากด้วย!”เย่ซิวไม่ได้โต้เถียงกับเธอ ถอดรองเท้า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงทันที พร้อมห่มผ้าห่มเขาอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกและป่าโบราณมาตั้งแต่เด็ก จึงใกล้ชิดกับสภาพแวดล้อมนี้เป็นพิเศษหวนนึกไปถึงฉากที่อยู่ด้วยกันกับอาจารย์คืนนี้ไม่บำเพ็ญตนแล้ว ผ่อนคลายสักครั้งก็แล้วกันเมื่อเห็นเย่ซิวปีนขึ้นเตียงแล้ว เสวี่ยเหมยก็กระทืบเท้าเบา ๆ ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมลูกใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ชื่นชมมันเธอมองไปที่เย่ซิว หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็ขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังจากนั้นยกมุมผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปเหมือนลูกแมวตัวน้อยหัวใจของเธอเต้นตึกตักอย่างแรง รู้สึกประหม่าเป็นอย่างมากเธอกลัวว่าเย่ซิวจะไล่เธอลงจากเตียง แบบนั้นตัวเองคงอับอายมากแต่หลังจากรอไประยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเย่ซิวไม่มีท่าทีจะไล่เ
เมื่อคืนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนได้ก้าวไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัยลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ แล้วใส่เสื้อผ้า เดินไปที่อ่างล้างหน้า และเริ่มแปรงฟันน้ำที่นี่ล้วนมาจากน้ำพุบนภูเขา น้ำจึงหวานมากเย่ซิวเองก็ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่งตัว นั่งขัดสมาธิ และเริ่มดูดซับพลังฟ้าดินเขาค้นพบมานานแล้วว่ายามเช้าตรู่มีพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดของวันการบำเพ็ญตนในเวลานี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นสองเท่าผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากเองก็เลือกบำเพ็ญตนในตอนเช้าตรู่เพื่อที่จะได้รับแสงแรกของวันเมื่อถึงเจ็ดโมงเช้า เย่ซิวก็ผลักเปิดประตูแล้วเดินออกไปเสวี่ยเหมยเพิ่งทำและกินอาหารเช้าไปเมื่อสักครู่แม้ว่าตอนนี้เขาจะกินหรือไม่กินอาหารก็ไม่สำคัญ แต่เย่ซิวก็ยังคงรักษานิสัยเดิมของตัวเองไว้เสมอถ้าไม่ทานอาหารบ่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะเกิดความชินชาและไม่ถือว่าตัวเองเป็นมนุษย์อีก ซึ่งแบบนี้อันตรายมาก“เป็นยังไงบ้าง? เมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่า?” จู่ ๆ ผู้อาวุโสที่ฟื้นตัวและย้อนวัยกลับมาหลายสิบปีก็เดินออกมาจากในห้อง ข้างหลังเธอมีลูกศิษย์ตามมาด้วยหลายคน“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านอาจารย์” เสวี่ยเหมยทักทายอย่างอ่อนหวาน จากนั้นเดินไปข้างหน้า
แม้ว่าเย่ซิวจะเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่เมื่อเห็นสถานการณ์จริงภายในถ้ำเขาก็ยังตกใจอย่างหนักสิ่งแรกที่เห็นก็คือกล่องใส่เครื่องประดับและทองคำกล่องแล้วกล่องเล่า มีอย่างน้อยหลายร้อยกล่อง รวมกันแล้วน่าจะมากกว่าร้อยตันสมมติว่าทองทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของจริงยังมีเครื่องประดับเหล่านั้น แม้ว่าเย่ซิวจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ แต่ก็เห็นได้ว่ามีคุณค่าไม่น้อยแค่สิ่งของที่อยู่ชั้นนอกสุด เย่ซิวประมาณการคร่าว ๆ ว่าควรมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านล้านบาทแล้วเดินลึกเข้าไปข้างใน มันคืออาวุธและชุดเกราะจำนวนมาก สามารถเห็นสัญญาณของการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่ยังคงขึ้นสนิมเข้าไปข้างในอีก มันคือชั้นหนังสือที่เรียงรายหนังสือข้างต้นทั้งหมดถูกเก็บไว้ในถุงสุญญากาศ นั่นคือตำราความรู้ลับของสำนักต่าง ๆ เดินลึกเข้าไปข้างในมากยิ่งขึ้น มีโต๊ะเล็กอยู่หนึ่งตัว ด้านบนวางป้ายวิญญาณที่สลักอักษรไม่กี่ตัวไว้ว่า ‘บรรพบุรุษตระกูลหลง’“รู้สึกตกใจใช่ไหมล่ะ?” ผู้อาวุโสหันมามองเย่ซิว "มองเห็นป้ายวิญญาณนี้เธอก็ควรจะเดาได้แล้ว ถูกต้อง ฉันเป็นลูกหลานของตระกูลหลง ซึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ก่อนสิ่งของข้างในเหล่า
สิ่งของที่วางอยู่บนชั้นวางนี้แต่ละชิ้นดูเก่าแก่และโบราณมากมีกริช กระจกทองสัมฤทธิ์ กระถางธูป และอื่น ๆ อีกมากมายเหตุผลที่เขาหยุด เป็นเพราะกระบี่หงส์โบยบินในจุดตันเถียนของเขาจู่ ๆ ก็กระสับกระส่ายขึ้นมามันปล่อยคลื่นพลังที่แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการออกมากลืนบางสิ่งบางอย่างซึ่งวางอยู่บนชั้นวางนั้นเย่ซิวผู้ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ย่อมไม่ยอมปล่อยให้กระบี่หงส์โบยบินทำเช่นนี้เขาจึงยื่นมือไปที่ชั้นวางแล้วลูบสิ่งของที่อยู่บนนั้นทีละชิ้น ๆเมื่อนิ้วแตะสัมผัสกับเตาหลอมเตาหนึ่ง กระบี่หงส์โบยบินก็มีปฏิกิริยารุนแรงที่สุดนี่คือเตาที่ภายนอกมีพื้นผิวเป็นสนิม เมื่อมองแวบแรก ดูเหมือนว่ามันจะทำขึ้นจากเหล็ก แต่เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด จะพบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นสัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเตานี้น่าจะเป็นสมบัติเวทมนตร์ที่น่าทึ่งชิ้นหนึ่งอย่างไรก็ตามไม่สามารถทำการทดลองที่นี่ได้เขามองไปที่ผู้อาวุโส "ท่านอาจารย์ ผมเลือกอันนี้"ผู้อาวุโสสงสัย “เตานี้มีอะไรพิเศษเหรอ?”โดยพื้นฐานแล้วเธอได้ทำการศึกษาของทุกอย่างข้างในนี้แล้ว แต่ไม่พบอะไรที่พิเศษเย่ซิวส่ายหัว "ผมก็ดูไม่ออกว่ามันมีอะไรพิเศษ แค
เตาซึ่งแต่เดิมมีขนาดเท่าฝ่ามือ จู่ ๆ ขยายออกจนสูงเท่าคนหนึ่งคน สนิมบนพื้นผิวด้านนนอกหลุดออกไปอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยแสงสีแดงเพลิงออกมาเสียงแกร๊งดังก้องไปทั่ว ฝาถูกเปิดออก มังกรเพลิงซึ่งเกิดจากเปลวไฟที่ควบแน่นตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากข้างในนั้นพื้นที่โดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตามังกรเพลิงดูเหมือนจะมีชีวิต มันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาและคำรามอยู่กลางอากาศ ระเบิดเสียงคำรามซึ่งเป็นของมังกรเสวี่ยเหมยที่กำลังแช่น้ำพุร้อน หันกลับมาและเห็นฉากตรงหน้านี้ ริมฝีปากสีแดงที่เย้ายวนของเธอก็อ้ากว้างจนกลายเป็นรูปตัวโอเย่ซิวขยับมือของเขา จากนั้นปลดปล่อยพลังวิญญาณแต่ละสายออกมาบังคับให้มังกรเพลิงกลับเข้าไปในเตาด้วยท่าทางที่อหังการ์มากเตาตกลงกับพื้น แสงที่ปลดปล่อยออกมาจากเตาก็ค่อย ๆ จางลง เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเตาพื้นผิวถูกแกะสลักด้วยลวดลายของสมุนไพรต่าง ๆ และลูกไฟ ทำให้ผู้คนรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความมีระดับเย่ซิวเข้าใจวิธีใช้งานเตาหลอมนี้แล้ว มันเป็นเตาหลอมโอสถเตาหนึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากแม้จะอยู่ในยุคที่ผู้บำเพ็ญตนเฟื่องฟูที่สุดก็ตามพูดว่ามีค่าควรเมือง ก็ยั
พวกเขาทั้งสองเดินอยู่บนถนนที่พลุกพล่านของเมืองหลวง เสวี่ยเหมยมองไปที่เย่ซิวอย่างอาลัยอาวรณ์ "นี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้ายังไงมาค้างคืนที่บ้านของฉันดีไหม?"เย่ซิวเป็นเหมือนยาพิษร้าย ยิ่งอยู่กับเขาเป็นเวลานานก็จะยิ่งเสพติดเย่ซิวตบหน้าเธอเบา ๆ ทำให้สาวงามหน้าบูดบึ้งอยู่พักหนึ่ง "ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำ อย่าลืมข้อตกลงระหว่างเราล่ะ รีบโอนหุ้นมาอยู่ภายใต้ชื่อของผมโดยเร็วที่สุด"“ก็ได้” อารมณ์ของเธอไม่ค่อยจะสูงเท่าไหร่นักเย่ซิวลงมืออีกครั้งราวกับสายฟ้า ตบเธอเบา ๆ อีกทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "รีบบำเพ็ญตนสิ เมื่อคุณทะลวงไปถึงจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้ว ถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะถูกผมกิน"เสวี่ยเหมยแลบลิ้นออกมา "นั่นจะยากเกินไปแล้วนะ อีกอย่างใครจะให้คุณกินกัน พวกชอบคิดเองเออเอง หึ!"พูดจบก็บิดสะโพกและแยกทางกับเย่ซิวเย่ซิวส่ายหัวและหัวเราะ ดูเหมือนว่าผู้หญิงไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ชอบที่จะปากไม่ตรงกับใจตัวเองเย่ซิวดูเวลา เมื่อเห็นว่ายังไม่ถึงแปดโมงเช้า ก็ครุ่นคิดสักครู่แล้วเตรียมไปยังบ้านเช่าของชูตงไม่ได้ฝึกอบรมสาวน้อยคนนี้มาหลายเดือน ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว…… “นางสารเลว ยังไม่รีบเปิดประตู
ตู้ม!ชายคนหนึ่งเตะประตูเหล็กอย่างแรง ทำให้ประตูเหล็กทั้งบานยุบลงไป บนกำแพงข้าง ๆ เองก็มีรอยแตกหลายรอยปรากฏขึ้นด้วย“ฉันจะถามเธออีกครั้ง จะเปิดประตูไหม ถ้าไม่เปิดจะงัดเข้าไปแล้วนะ”คนเหล่านี้เคยมาที่นี่สองสามครั้งแล้ว ความอดทนก็หมดไปนานแล้วเช่นกัน อีกอย่างพวกเขาอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าชูตงหน้าตาเป็นอย่างไรใช่แล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าสร้างเรื่องในตอนกลางวัน เพราะตอนนั้นการออกลาดตระเวนของตำรวจค่อนข้างแน่นหนาปกติพวกเขาจึงมาในตอนเย็นเท่านั้น ดังนั้นจนถึงตอนนี้จึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าชูตงมาก่อนถ้าพวกเขาได้เห็นรูปร่างหน้าตาของชูตง เกรงว่าคงอดใจไม่ไหวและถูกล่อลวงให้ทำเรื่องที่เลวร้ายได้หัวใจของชูตงสั่นสะท้านไปทั้งดวง วินาทีนี้เธอรู้สึกได้เลยว่าตัวเองตื่นตระหนกอย่างที่สุดเธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและก้มดูเวลา เธอแจ้งความไปแล้วแต่ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าที่ตำรวจจะมาถึงคราวนี้คนข้างนอกที่มาดุร้ายเป็นพิเศษ นี่ทำให้เธอซึ่งไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนรู้สึกหวาดกลัวโครม!เสียงกึกก้องดังขึ้นอีกครั้ง ประตูเหล็กถูกเตะจนเสียรูปอย่างหนัก ถ้ามีอีกครั้ง เช่นนั้นประตูบานนี้จะถูกพวก
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ