เย่ซิววางหลัวอีอีลงบนโซฟาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเทน้ำใส่แก้วพร้อมใส่พลังวิญญาณลงไปเล็กน้อย เขาพยุงเธอขึ้นมาเพื่อป้อนน้ำให้ดื่มแต่เนื่องจากเธอยังคงหมดสติอยู่ น้ำจึงไม่สามารถไหลลงลำคอได้ เย่ซิวจึงไม่มีทางเลือก ต้องอมเอาน้ำไว้ในปากก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดปากของหลัวอีอีแล้วป้อนน้ำให้เธอดื่มจนหมดแก้วไม่นานนัก หลัวอีอีก็ส่งเสียงครางเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ“อย่านะ ปล่อยฉัน ไอ้คนชั่ว คนสารเลว!” เธอกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวเย่ซิวกอดร่างนุ่มนิ่มของเธอไว้แน่น “ใจเย็น ๆ ผมเอง ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”ดวงตาของหลัวอีอียังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความทรงจำของเธอหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาก่อนหมดสติ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเย่ซิว เธอจึงค่อย ๆ สงบลงและหันไปมองเขาด้วยความคุ้นเคย“เย่ซิว เป็นนายจริง ๆ ใช่ไหม? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่ฝันหรอก ผมเอง”“ฮือ ๆ ๆ” หลัวอีอีร้องไห้ฟูมฟาย “เย่ซิว ศักดิ์ศรีฉันถูกทำลายไปแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้ฉันตายเถอะ”เย่ซิวยิ้มแห้ง “คุณไม่ได้ถูกทำลายอะไรเลย ทุกอย่างปลอดภัยดี”“ฮือ ๆ ๆ นายอย่
เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?” หลัวอีอียืดอกอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ แต่นายก็คงแค่มีเงินบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นมหาเศรษฐีหรอก”เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะปู่ของเธอเป็นถึงผู้ว่าการเมือง ไม่มีทางที่จะยอมให้หลานสาวไปเป็นภรรยาน้อยใครเด็ดขาด แต่เขาก็อยากแกล้งเธอเล่น จึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักครีมผิวหยกไหม?”“รู้จักสิ” หลัวอีอีตอบด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นสินค้าชื่อดังของประเทศหลงเถิงเลยนะ เพื่อน ๆ ในห้องเรียนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใช้กันหมด”“ครีมผิวหยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง”หลัวอีอีหัวเราะ “เย่ซิวน้อย นี่แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน นายขี้โม้ขึ้นเยอะเลยนะ”เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เย่ซิวพูดมันเหลือเชื่อเกินไปจนหลัวอีอีไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวไหวไหล่ “ผมพาคุณไปดูที่บริษัทก็ได้นะ”หลัวอีอีกลอกตาใส่เขา ทำหน้าตาราวกับอ่านใจเขาออก “ถ้านายอยากได้ฉันก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ถ้านายตามจีบฉันอย่างจริงใจ ฉันอาจจะยอมเป็นแฟนนายก็ได้นะ”เย่ซิวคร้านจะอธิบายต่อ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ย “คุณคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัท”
แต่ทันใดนั้น หลัวอีอีก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา เธอหันไปมองเย่ซิว “พอแล้ว เราไปกันเถอะ ที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ที่เราควรมาหรอก”ตอนนี้บริษัทสตาร์รี่สกายกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีคนอยากเข้าทำงานมากที่สุด หลัวอีอีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บริษัทนี้เหมือนอยู่บนหอคอยสูงที่คนธรรมดาอย่างเธอทำได้แค่เงยหน้ามองอย่างเคารพเย่ซิวเดินนำหน้าไป “ถ้าคุณไม่ตามมา ระวังจะเสียใจทีหลังนะ”“นี่ นาย…” หลัวอีอีเรียกเขาพลางย่ำเท้าลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วตัดสินใจวิ่งตามเขาไป“สวัสดีครับ คุณเย่”ยามที่แต่งตัวเรียบร้อยตรงทางเข้าต่างพากันโค้งให้เขาอย่างสุภาพหลัวอีอีที่วิ่งตามมาถึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างหูเย่ซิว “นี่มันเรื่องอะไรกัน นายจ้างยามที่นี่มาเล่นละครกับนายเหรอ?”เย่ซิวไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงดี “ใช่ ๆ ๆ”หลัวอีอีตกตะลึงก่อนจะบ่น “ฉันรู้แล้วล่ะว่านายต้องการอะไร ไว้ฉันจะพิจารณาอีกทีนะว่าจะเป็นแฟนนายดีไหม”เย่ซิว “???”เขาทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจเลยว่าสาวน้อยคนนี้คิดไปถึงไหนแล้วทั้งสองเดินเข้าไปในบริษัท พนักงานที่พบเห็นเย่ซิวต่างพากันทักทายอย่างนอบน้อมทันใดนั้นเอง
สามวันก่อน ครีมผิวหยกและยามังกรพยัคฆ์จำนวนมากถูกส่งไปยังกว่าห้าสิบประเทศที่พัฒนาแล้วผ่านการขนส่งทางอากาศและทางเรือ ทุกขั้นตอนดำเนินการเสร็จสิ้น โฆษณาก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย รอเพียงคำสั่งจากเย่ซิว ก็สามารถทำให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศหลงเถิงได้แล้วเมื่อเย่ซิวออกคำสั่ง ช่องทางต่าง ๆ ก็เริ่มดำเนินการทันที ชาวเน็ตต่างประเทศจำนวนมากก็สังเกตเห็นว่ามีโฆษณาตัวหนึ่งกำลังแพร่หลายอย่างกว้างขวางเนื้อหาโฆษณาช่างแสนจะโอ้อวดเช่น ‘แค่เม็ดเดียวก็ทำให้คุณแข็งแกร่งดุจพยัคฆ์’ ‘สินค้าที่ทำให้ภรรยาของคุณทั้งรักทั้งเกลียด’ และอื่น ๆ ในทำนองนี้อีกไม่น้อยตอนแรกไม่ค่อยมีใครเชื่อ เพราะโฆษณาดูโอ้อวดเกินไป แต่ด้วยการยิงโฆษณาอย่างต่อเนื่องเลยมีผู้ชายบางกลุ่มที่รู้สึกไม่พอใจกับชีวิตเริ่มสนใจและตัดสินใจลองซื้อดู แม้ว่ายามังกรพยัคฆ์จะมีราคาสูงถึงสองแสนห้าหมื่นบาทต่อเม็ด แต่สำหรับผู้ชายที่ไปหาหมอมาหลายแห่งแล้วแต่ก็ยังไม่หาย พวกเขามองว่านี่อาจเป็นความหวังสุดท้ายแล้วเมื่อพวกเขาได้รับสินค้าแล้ว ก็รีบลองทานเข้าไปทันทีด้วยความรู้สึกกังวลปนมีหวัง ผลลัพธ์ก็ปรากฏอย่างรวดเร็ว ภายในไม
หลังจากสั่งการเรื่องต่าง ๆ เสร็จ เย่ซิวจึงถามขึ้นว่า “ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในประเทศเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งตอบว่า “ถือว่าพอใช้ได้ครับ แต่ไม่ฮิตเหมือนในต่างประเทศ กำไรก็ไม่มากเท่าไหร่”ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในต่างประเทศมีต้นทุนไม่ถึงสองพันห้า แต่สามารถขายได้ถึงสองแสนห้าหมื่น แต่ของที่ขายในประเทศ ต้นทุนอยู่ที่หนึ่งหมื่น แต่ขายได้เพียงหนึ่งหมื่นเก้าพันบาทนอกจากนี้ โฆษณาของสินค้าภายในประเทศก็ไม่ได้เน้นความอลังการ จะขายในรูปแบบอาหารเสริมสุขภาพมากกว่าแต่ด้วยการรับรองจากครีมผิวหยก ยามังกรพยัคฆ์ก็ยังคงขายได้ดีไม่น้อยเย่ซิวพยักหน้ารับหลังจากนี้บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาดูแลมากแล้ว เพียงแค่ทำตามแผนงานที่วางไว้ก็เพียงพอเมื่ออุดช่องโหว่ที่หอการค้าไป๋ชวนทิ้งไว้เรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็ตั้งใจจะเดินทางไปประเทศคาบูเพื่อชำระแค้นให้สิ้นซากประมาณบ่ายสองกว่า เย่ซิวออกจากบริษัทก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวไปเยี่ยมหลัวอีอีที่มหาวิทยาลัย เพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเขาโทรแจ้งครอบครัวของหลัวอีอีล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพอพ่อแม่เธอรู้เรื่องก็สบายใจขึ้นมากถึงขนาดพูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากจะจับคู่เขากับ
“ที่รัก ทำไมถึงมาช้าจัง ฉันรอตั้งนานแล้วนะ”หลัวอีอีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะควงแขนเย่ซิวพร้อมขยิบตาให้เขาเย่ซิวเอ่ยเสียงเบาให้มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน “ค่าตัวผมแพงมากเลยนะ”หลัวอีอีตอบกลับทันควัน “นายอยากได้อะไรล่ะ ฉันไม่มีเงินหรอก...”“งั้นคุณต้องจ่ายด้วยเลือดแล้วล่ะ”หลัวอีอีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเพิ่งเข้าใจความหมายสองแง่สองง่ามนี้ “คนลามก”บทสนทนาสั้น ๆ ของพวกเขา หากมองจากภายนอกก็ดูเหมือนคู่รักที่หยอกล้อกันอย่างหวานชื่นเฉินหย่งฮ่าวอิจฉาตาร้อน เขาลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหาหลัวอีอี พร้อมกับกัดฟันเอ่ย “อีอี เธอยอมจ้างคนมาแสดงแทนที่จะมาเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ!”หลัวอีอีส่งเสียงหึ “ใครบอกว่าฉันแสดง เขาเป็นแฟนของฉันจริง ๆ ต่างหาก”เธอเอ่ยพร้อมกับกอดแขนของเย่ซิวแน่นขึ้นเฉินหย่งฮ่าวตะโกนด้วยความโมโห “ฉันไม่เชื่อ เธอหลอกฉัน!”หลัวอีอีทั้งโกรธทั้งเหนื่อยใจ คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาที่คอยตามพันแข้งพันขาไม่มีวันเลิกราหลัวอีอีจึงยืนเขย่งปลายเท้าแล้วหอมแก้มเย่ซิวเพื่อสลัดเขาออกไปเสีย ก่อนจะหันไปมองเฉินหย่งฮ่าว “ตอนนี้นายเชื่อหรือยัง นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนยอม
เฉินหย่งฮ่าวเป็นคนที่รู้จักแพ้ชนะ จึงโอนเงินให้ในทันทีหลัวอีอีได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าภายในไม่ถึงนาที เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ว้าว สิบล้าน ฉันกลายเป็นเศรษฐีตัวน้อยไปแล้ว”เย่ซิวจูงมือหลัวอีอี “ไปเถอะ วันนี้คุณเลี้ยงข้าวผมนะ”หลัวอีอียิ้มหวาน “ได้เลยค่ะ ที่รัก”ทั้งคู่เดินคุยไปหัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุขเฉินหย่งฮ่าวที่ก่อนหน้านี้ดูมีท่าทีสิ้นหวัง จู่ ๆ ก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมา “เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ ผู้หญิงรายล้อมไม่ขาด ถ้างั้นก็ถึงเวลาใช้แผนนั้นแล้ว!”หลังจากทานข้าวเสร็จ หลัวอีอีก็ชวนเย่ซิวไปดูหนัง กว่าจะดูจบก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วหลัวอีอีดูตื่นเต้นทั้งวี่ทั้งวันอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเธอดูสดใสเปล่งประกายกลางดึก ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามถนน หลัวอีอีหมุนตัวไปรอบ ๆ เย่ซิวเหมือนนกน้อย “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นเศรษฐีไปซะแล้ว”แม้บ้านเธอจะมีฐานะร่ำรวย แต่พ่อแม่ก็เข้มงวดมาก เดือนหนึ่งให้เงินใช้แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นเมื่อก่อนเธอได้แต่มองเพื่อน ๆ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ กระเป๋า และเครื่องสำอางด้วยความอิจฉาเย่ซิวเตือน “อย่าเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยล่ะ”
“พ่อแม่ของฉันติดหนี้พนันจำนวนมหาศาลแล้วหนีไป ทิ้งฉันกับน้องสาววัยสิบขวบไว้ตามลำพังค่ะเจ้าหนี้มาตามทวงเงินฉันทุกวัน ฉันไม่มีทางเลือก ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วทำงานวันละสามที่เพื่อหาเงินใช้หนี้ค่ะ”ด้วยวรยุทธ์ของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถจับสังเกตได้อย่างง่ายดายว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาพูดความจริงหรือโกหก และหญิงสาวคนนี้ก็กำลังพูดความจริงเย่ซิวเอ่ยถาม “ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกเท่าไหร่ครับ”“สามสิบห้าล้านกว่า ๆ ค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา สองมือที่หยาบกร้านจับชายเสื้อไว้แน่นเธอดูเหมือนเด็กสาววัยเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น แต่ฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้านยิ่งกว่าคนวัยสามสิบถึงสี่สิบปี เธอต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าที่ตัวเองควรจะรับเย่ซิวถอนหายใจ เขามีความสามารถพอที่จะช่วยหญิงสาวใช้หนี้ได้ แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะการสอนให้จับปลาดีกว่าให้ปลา การให้เงินโดยตรงเป็นวิธีที่ต่ำต้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครแน่เย่ซิวตั้งใจว่าจะสืบประวัติของเธออีกสักระยะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็จะให้เธอมาทำง
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่