เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?” หลัวอีอียืดอกอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ แต่นายก็คงแค่มีเงินบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นมหาเศรษฐีหรอก”เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะปู่ของเธอเป็นถึงผู้ว่าการเมือง ไม่มีทางที่จะยอมให้หลานสาวไปเป็นภรรยาน้อยใครเด็ดขาด แต่เขาก็อยากแกล้งเธอเล่น จึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักครีมผิวหยกไหม?”“รู้จักสิ” หลัวอีอีตอบด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นสินค้าชื่อดังของประเทศหลงเถิงเลยนะ เพื่อน ๆ ในห้องเรียนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใช้กันหมด”“ครีมผิวหยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง”หลัวอีอีหัวเราะ “เย่ซิวน้อย นี่แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน นายขี้โม้ขึ้นเยอะเลยนะ”เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เย่ซิวพูดมันเหลือเชื่อเกินไปจนหลัวอีอีไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวไหวไหล่ “ผมพาคุณไปดูที่บริษัทก็ได้นะ”หลัวอีอีกลอกตาใส่เขา ทำหน้าตาราวกับอ่านใจเขาออก “ถ้านายอยากได้ฉันก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ถ้านายตามจีบฉันอย่างจริงใจ ฉันอาจจะยอมเป็นแฟนนายก็ได้นะ”เย่ซิวคร้านจะอธิบายต่อ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ย “คุณคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัท”
แต่ทันใดนั้น หลัวอีอีก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา เธอหันไปมองเย่ซิว “พอแล้ว เราไปกันเถอะ ที่แบบนี้ไม่ใช่ที่ที่เราควรมาหรอก”ตอนนี้บริษัทสตาร์รี่สกายกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีคนอยากเข้าทำงานมากที่สุด หลัวอีอีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บริษัทนี้เหมือนอยู่บนหอคอยสูงที่คนธรรมดาอย่างเธอทำได้แค่เงยหน้ามองอย่างเคารพเย่ซิวเดินนำหน้าไป “ถ้าคุณไม่ตามมา ระวังจะเสียใจทีหลังนะ”“นี่ นาย…” หลัวอีอีเรียกเขาพลางย่ำเท้าลงกับพื้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วตัดสินใจวิ่งตามเขาไป“สวัสดีครับ คุณเย่”ยามที่แต่งตัวเรียบร้อยตรงทางเข้าต่างพากันโค้งให้เขาอย่างสุภาพหลัวอีอีที่วิ่งตามมาถึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบข้างหูเย่ซิว “นี่มันเรื่องอะไรกัน นายจ้างยามที่นี่มาเล่นละครกับนายเหรอ?”เย่ซิวไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไงดี “ใช่ ๆ ๆ”หลัวอีอีตกตะลึงก่อนจะบ่น “ฉันรู้แล้วล่ะว่านายต้องการอะไร ไว้ฉันจะพิจารณาอีกทีนะว่าจะเป็นแฟนนายดีไหม”เย่ซิว “???”เขาทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจเลยว่าสาวน้อยคนนี้คิดไปถึงไหนแล้วทั้งสองเดินเข้าไปในบริษัท พนักงานที่พบเห็นเย่ซิวต่างพากันทักทายอย่างนอบน้อมทันใดนั้นเอง
สามวันก่อน ครีมผิวหยกและยามังกรพยัคฆ์จำนวนมากถูกส่งไปยังกว่าห้าสิบประเทศที่พัฒนาแล้วผ่านการขนส่งทางอากาศและทางเรือ ทุกขั้นตอนดำเนินการเสร็จสิ้น โฆษณาก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อย รอเพียงคำสั่งจากเย่ซิว ก็สามารถทำให้ผู้คนจากทั่วโลกได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศหลงเถิงได้แล้วเมื่อเย่ซิวออกคำสั่ง ช่องทางต่าง ๆ ก็เริ่มดำเนินการทันที ชาวเน็ตต่างประเทศจำนวนมากก็สังเกตเห็นว่ามีโฆษณาตัวหนึ่งกำลังแพร่หลายอย่างกว้างขวางเนื้อหาโฆษณาช่างแสนจะโอ้อวดเช่น ‘แค่เม็ดเดียวก็ทำให้คุณแข็งแกร่งดุจพยัคฆ์’ ‘สินค้าที่ทำให้ภรรยาของคุณทั้งรักทั้งเกลียด’ และอื่น ๆ ในทำนองนี้อีกไม่น้อยตอนแรกไม่ค่อยมีใครเชื่อ เพราะโฆษณาดูโอ้อวดเกินไป แต่ด้วยการยิงโฆษณาอย่างต่อเนื่องเลยมีผู้ชายบางกลุ่มที่รู้สึกไม่พอใจกับชีวิตเริ่มสนใจและตัดสินใจลองซื้อดู แม้ว่ายามังกรพยัคฆ์จะมีราคาสูงถึงสองแสนห้าหมื่นบาทต่อเม็ด แต่สำหรับผู้ชายที่ไปหาหมอมาหลายแห่งแล้วแต่ก็ยังไม่หาย พวกเขามองว่านี่อาจเป็นความหวังสุดท้ายแล้วเมื่อพวกเขาได้รับสินค้าแล้ว ก็รีบลองทานเข้าไปทันทีด้วยความรู้สึกกังวลปนมีหวัง ผลลัพธ์ก็ปรากฏอย่างรวดเร็ว ภายในไม
หลังจากสั่งการเรื่องต่าง ๆ เสร็จ เย่ซิวจึงถามขึ้นว่า “ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในประเทศเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งตอบว่า “ถือว่าพอใช้ได้ครับ แต่ไม่ฮิตเหมือนในต่างประเทศ กำไรก็ไม่มากเท่าไหร่”ยามังกรพยัคฆ์ที่ขายในต่างประเทศมีต้นทุนไม่ถึงสองพันห้า แต่สามารถขายได้ถึงสองแสนห้าหมื่น แต่ของที่ขายในประเทศ ต้นทุนอยู่ที่หนึ่งหมื่น แต่ขายได้เพียงหนึ่งหมื่นเก้าพันบาทนอกจากนี้ โฆษณาของสินค้าภายในประเทศก็ไม่ได้เน้นความอลังการ จะขายในรูปแบบอาหารเสริมสุขภาพมากกว่าแต่ด้วยการรับรองจากครีมผิวหยก ยามังกรพยัคฆ์ก็ยังคงขายได้ดีไม่น้อยเย่ซิวพยักหน้ารับหลังจากนี้บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาดูแลมากแล้ว เพียงแค่ทำตามแผนงานที่วางไว้ก็เพียงพอเมื่ออุดช่องโหว่ที่หอการค้าไป๋ชวนทิ้งไว้เรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็ตั้งใจจะเดินทางไปประเทศคาบูเพื่อชำระแค้นให้สิ้นซากประมาณบ่ายสองกว่า เย่ซิวออกจากบริษัทก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวไปเยี่ยมหลัวอีอีที่มหาวิทยาลัย เพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างเขาโทรแจ้งครอบครัวของหลัวอีอีล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพอพ่อแม่เธอรู้เรื่องก็สบายใจขึ้นมากถึงขนาดพูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากจะจับคู่เขากับ
“ที่รัก ทำไมถึงมาช้าจัง ฉันรอตั้งนานแล้วนะ”หลัวอีอีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะควงแขนเย่ซิวพร้อมขยิบตาให้เขาเย่ซิวเอ่ยเสียงเบาให้มีแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน “ค่าตัวผมแพงมากเลยนะ”หลัวอีอีตอบกลับทันควัน “นายอยากได้อะไรล่ะ ฉันไม่มีเงินหรอก...”“งั้นคุณต้องจ่ายด้วยเลือดแล้วล่ะ”หลัวอีอีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเพิ่งเข้าใจความหมายสองแง่สองง่ามนี้ “คนลามก”บทสนทนาสั้น ๆ ของพวกเขา หากมองจากภายนอกก็ดูเหมือนคู่รักที่หยอกล้อกันอย่างหวานชื่นเฉินหย่งฮ่าวอิจฉาตาร้อน เขาลุกขึ้นทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหาหลัวอีอี พร้อมกับกัดฟันเอ่ย “อีอี เธอยอมจ้างคนมาแสดงแทนที่จะมาเป็นแฟนฉันอย่างนั้นเหรอ!”หลัวอีอีส่งเสียงหึ “ใครบอกว่าฉันแสดง เขาเป็นแฟนของฉันจริง ๆ ต่างหาก”เธอเอ่ยพร้อมกับกอดแขนของเย่ซิวแน่นขึ้นเฉินหย่งฮ่าวตะโกนด้วยความโมโห “ฉันไม่เชื่อ เธอหลอกฉัน!”หลัวอีอีทั้งโกรธทั้งเหนื่อยใจ คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาที่คอยตามพันแข้งพันขาไม่มีวันเลิกราหลัวอีอีจึงยืนเขย่งปลายเท้าแล้วหอมแก้มเย่ซิวเพื่อสลัดเขาออกไปเสีย ก่อนจะหันไปมองเฉินหย่งฮ่าว “ตอนนี้นายเชื่อหรือยัง นายก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนยอม
เฉินหย่งฮ่าวเป็นคนที่รู้จักแพ้ชนะ จึงโอนเงินให้ในทันทีหลัวอีอีได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าภายในไม่ถึงนาที เธอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “ว้าว สิบล้าน ฉันกลายเป็นเศรษฐีตัวน้อยไปแล้ว”เย่ซิวจูงมือหลัวอีอี “ไปเถอะ วันนี้คุณเลี้ยงข้าวผมนะ”หลัวอีอียิ้มหวาน “ได้เลยค่ะ ที่รัก”ทั้งคู่เดินคุยไปหัวเราะไปด้วยกันอย่างมีความสุขเฉินหย่งฮ่าวที่ก่อนหน้านี้ดูมีท่าทีสิ้นหวัง จู่ ๆ ก็เผยสีหน้าเย็นชาออกมา “เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ ผู้หญิงรายล้อมไม่ขาด ถ้างั้นก็ถึงเวลาใช้แผนนั้นแล้ว!”หลังจากทานข้าวเสร็จ หลัวอีอีก็ชวนเย่ซิวไปดูหนัง กว่าจะดูจบก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วหลัวอีอีดูตื่นเต้นทั้งวี่ทั้งวันอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเธอดูสดใสเปล่งประกายกลางดึก ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามถนน หลัวอีอีหมุนตัวไปรอบ ๆ เย่ซิวเหมือนนกน้อย “วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นเศรษฐีไปซะแล้ว”แม้บ้านเธอจะมีฐานะร่ำรวย แต่พ่อแม่ก็เข้มงวดมาก เดือนหนึ่งให้เงินใช้แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้นเมื่อก่อนเธอได้แต่มองเพื่อน ๆ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ กระเป๋า และเครื่องสำอางด้วยความอิจฉาเย่ซิวเตือน “อย่าเอาเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยล่ะ”
“พ่อแม่ของฉันติดหนี้พนันจำนวนมหาศาลแล้วหนีไป ทิ้งฉันกับน้องสาววัยสิบขวบไว้ตามลำพังค่ะเจ้าหนี้มาตามทวงเงินฉันทุกวัน ฉันไม่มีทางเลือก ต้องลาออกจากโรงเรียนแล้วทำงานวันละสามที่เพื่อหาเงินใช้หนี้ค่ะ”ด้วยวรยุทธ์ของเย่ซิวในตอนนี้ เขาสามารถจับสังเกตได้อย่างง่ายดายว่าคนที่อ่อนแอกว่าเขาพูดความจริงหรือโกหก และหญิงสาวคนนี้ก็กำลังพูดความจริงเย่ซิวเอ่ยถาม “ตอนนี้ยังเหลือหนี้อีกเท่าไหร่ครับ”“สามสิบห้าล้านกว่า ๆ ค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงแผ่วเบา สองมือที่หยาบกร้านจับชายเสื้อไว้แน่นเธอดูเหมือนเด็กสาววัยเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น แต่ฝ่ามือของเธอกลับหยาบกร้านยิ่งกว่าคนวัยสามสิบถึงสี่สิบปี เธอต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งเกินกว่าที่ตัวเองควรจะรับเย่ซิวถอนหายใจ เขามีความสามารถพอที่จะช่วยหญิงสาวใช้หนี้ได้ แต่เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้น เพราะการสอนให้จับปลาดีกว่าให้ปลา การให้เงินโดยตรงเป็นวิธีที่ต่ำต้อยที่สุดยิ่งไปกว่านั้น เขายังดูออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง เกรงว่าคงจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครแน่เย่ซิวตั้งใจว่าจะสืบประวัติของเธออีกสักระยะ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาก็จะให้เธอมาทำง
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหว่านเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความโกรธของเย่ซิว แม้จะเป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์ก็ตาม แต่เธอก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้เธอไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย หลังจากจดจำเบาะแสเล็กน้อยที่เย่ซิวให้ไว้ เธอก็รีบลงมือจัดการทันทีหลังจากวางสายแล้ว เย่ซิวจึงหันมาเยียวยาอาการบาดเจ็บของหลัวอีอีโชคดีที่เธอได้รับเพียงผลกระทบจากคลื่นกระแทกเท่านั้น จึงไม่ร้ายแรงมากไม่กี่นาทีต่อมา หลัวอีอีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาพร้อมความมึนงง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยิน...”เย่ซิวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ความปรารถนาที่จะล้างแค้นในใจเขาเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนไม่ว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เย่ซิวจะไม่มีทางปล่อยให้รอดไปได้!เมื่อเย่ซิวอธิบายจบ ดวงตาของหลัวอีอีก็เริ่มแดงก่ำ “ผู้หญิงคนนั้นน่าสงสารมากนะ เธอยังมีน้องสาวอีกคนนี่ แล้วเธอจะอยู่ยังไง...”เย่ซิวเอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ผมส่งคนไปตามสืบแล้ว เดี๋ยวจะจัดการให้อีกที”หลัวอีอีเปิดโทรทัศน์ดูในทันที ข่าวกำลังรายงานเกี่ยวกับเหตุระเบิด“ตามข้อมูลรายงาน เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในเขต… เป็นการก่อเหต
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย