ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาว่า หลินโหรวลาออกแล้วและให้คนอื่นทำงานแทนที่ตำแหน่งเธอแล้วเย่ซิวเดาว่าเป็นเพราะเธอเลิกกับหลิวเยวี่ยหง จึงทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้เขาไม่ได้เข้าไปคุย เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านผู้หญิงคนนี้มักจะตั้งแง่กับเขาเสมอ จะเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวทำไมเบียร์หนึ่งโหลถูกนำมาเสิร์ฟ เธอดื่มทีละขวดดื่มไปส่งข้อความเสียงไป“อย่าทิ้งฉันไปได้ไหม?”“ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ”“เหตุผลคืออะไร เราคบกันมาตั้งหลายปี อยากเลิกก็เลิกงั้นเหรอ?”“อ๊ากกก..ตอบสิ อย่าเมินใส่ฉัน”…… ยิ่งร้องไห้ เธอก็ยิ่งเศร้า และยิ่งดื่มหนักขึ้นไปอีกยิ่งดึก จำนวนแขกยิ่งค่อย ๆ เพิ่มขึ้นชายฉกรรจ์สามคนเดินเข้ามาเมื่อเห็นหลินโหรวเมาแอ๋นั่งคุยกับตัวเอง พวกเขาก็ตาลุกวาวทันทีพวกเขาพร้อมใจกันเดินเข้าไป“น้องสาว เธอเมาหรือเปล่า?”“อยู่คนเดียวข้างนอกมันอันตราย ให้พี่ ๆ ไปส่งบ้านดีกว่า”หลินโหรวกะพริบตา "ไสหัวไป ไอ้โสโครก น่าขยะแขยง"ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนไม่ได้โกรธ พวกเขาหัวเราะและพยายามดึงหลินโหรวขึ้นมาเพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!วินาทีต่อมา พวกเขาทั้งสามถูกขวดเหล้าฟาดไปที่ท้ายทอย หน้ามืดเป็นลมหมดสติทันที
คำพูดยั่วยุของหลินโหรวได้ผลอย่างแท้จริง เย่ซิวทนผู้หญิงคนนี้มานานแล้ว ในเมื่อเธอต้องการท้าทายเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องทนอีกต่อไปในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็ได้ปลูกฝังทัศนคติและมุมมองชีวิตที่ถูกต้องให้กับเธอด้วยสิ่งที่เธอเคยเชื่อถือมาก่อนนั้นบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไป สำหรับหลินโหรวที่เป็น ‘ผู้ป่วยขั้นวิกฤติ’ แบบนี้ ต้องได้รับการรักษาด้วยยาแรงเท่านั้นและเพราะเหตุนี้ เย่ซิวจึงทำให้เธอกลับมาในทิศทางที่ถูกต้องเธอเพิ่งจะได้รู้ว่า ความสัมพันธ์ปกติระหว่างชายหญิงนั้นเป็นแบบนี้เองเย่ซิวมองดูเวลาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วเวลาที่เขานัดกับไป๋อวี้เจี๋ยคือสี่ทุ่มครึ่ง หลินโหรวที่เหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวได้หลับสนิทไปแล้ว เย่ซิวจึงออกจากห้องไปโดยไม่รบกวนเธอ ที่นี่ปลอดภัยและสะอาดดี ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดปัญหาอะไรเย่ซิวขับรถออกจากโรงแรมและมาถึงที่พักของไป๋อวี้เจี๋ยตามเวลาที่นัดไว้ แต่เมื่อเขามาถึงหน้าประตู กลับพบว่ามีรองเท้าผู้หญิงอีกคู่หนึ่งวางอยู่ กลิ่นบางอย่างที่ลอยในอากาศทำให้เขารู้ทันทีว่าเป็นของใครเขากดรหัสเปิดประตูด้วยลายนิ้วมือ จนเกิดเสียงติ๊ดดังขึ้นพร้อมกับที่ประตูเปิดออก
ไป๋อวี้เจี๋ยยืนอยู่ตรงหน้าหน้าเย่ซิวในชุดจักรพรรดินีเต็มยศ สุดยอด ชุดที่เธอสวมอยู่คือชุดฮองเฮาที่มักเห็นในละครโทรทัศน์เย่ซิวมองเธอด้วยความตกตะลึง “สวยไหมคะ?” ไป๋อวี้เจี๋ยยืดอกอย่างภาคภูมิใจ พลางเดินมาตรงหน้าเย่ซิว “เห็นฮองเฮาเช่นข้าแล้วยังไม่รีบคารวะอีก!”ต้องยอมรับว่า ด้วยท่าทีที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและบารมีจากการดำรงตำแหน่งสูงส่ง ทำให้เธอดูเหมือนฮองเฮาจริง ๆเย่ซิวดึงเธอเข้ามาใกล้ พลางตีเธออย่างมันเขี้ยว “ถ้าคุณเป็นฮองเฮา งั้นผมก็คงเป็นฮ่องเต้แล้วสิ”ไป๋อวี้เจี๋ยครางออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ “คุณไม่เคยอยากลองทำเหมือนพวกเศรษฐีระดับโลกบ้างเหรอ? คอยควบคุมประเทศเล็ก ๆ ทั่วโลกอย่างลับ ๆ แล้วรอวันที่ลูก ๆ ของคุณเกิดมา พวกเขาก็จะกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิง”เย่ซิวส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอก”หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะเคยมีความคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้เย่ซิวแข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้อีกต่อไป ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดก็ตามเป้าหมายของเขาคือช่วยเหลือประเทศหลงเถิงจัดการศัตรูตัวฉกาจ และพัฒนาเส้นทางการบำเพ็ญเพียรไปให้ไกลกว่าเดิมไป๋อวี้เจี๋ยตอบอืมแบบรับรู้และไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก เธอเอ่ยเสียง
ขณะที่พนักงานเสิร์ฟหญิงอีกคนในร้านเดินถือชามบะหมี่เนื้อแกะร้อน ๆ เข้ามา ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเสียงเบา “เรียบร้อยใช่ไหม?”หญิงสาวตอบกลับ “ไม่มีปัญหาค่ะ ใส่ยาลงไปในบะหมี่เรียบร้อยแล้ว รับรองว่าเธอจะหมดสติแน่นอนหลังจากกินเข้าไป”ชายหนุ่มลูบคางพลางยิ้มด้วยความตื่นเต้น “รีบเอาไปเสิร์ฟเถอะ”พนักงานเสิร์ฟหญิงรับคำก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชายหนุ่มคนนี้เป็นเจ้าของร้าน เพิ่งได้รับช่วงต่อจากพ่อของเขาได้ไม่นาน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลัวอีอีได้มาสมัครงานที่นี่ และเขาก็ตกหลุมรักในความงดงามอันบริสุทธิ์ของเธอทันทีตั้งแต่แรกเห็น ทำให้เขาตัดสินใจรับเธอเข้าทำงานโดยไม่ต้องผ่านการสัมภาษณ์ใด ๆหลังจากนั้น เขาก็พยายามใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะครอบครองเธอให้ได้ แต่หลัวอีอีกลับเป็นคนระมัดระวังตัวสูง ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้จนกระทั่งพนักงานหญิงอีกคนซึ่งเคยถูกเขาเล่นจนหมดสภาพ ได้แนะนำแผนการนี้ขึ้นมา จึงได้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้ขึ้น“มาดูกันว่าคราวนี้เธอจะหนียังไง เธอต้องเป็นของฉัน!” เมื่อเขานึกถึงใบหน้าอันงดงามและรูปร่างอันน่าหลงใหลของหลัวอีอีแล้ว ความปรารถนาที่เขามีต่อเธอก็ปะทุขึ้นมาทันที“เถ้าแก่
ชายคนนั้นแทบอยากจะฉีกเย่ซิวออกเป็นชิ้น ๆ แต่เมื่อคิดถึงหลัวอีอี เขาก็รีบสงบสติอารมณ์ทันที เขาลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะยิ้มแหย ๆ “ผมจะกินครับ คุณอย่าเพิ่งโทรนะ”เขาฝืนความขยะแขยงและกินบะหมี่ทั้งชามรวมถึงน้ำซุปจนหมด ใบหน้าเขาสั่นนิด ๆ ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความอิจฉาทำให้เขาตามืดบอด และสุดท้ายก็ต้องรับผลแห่งการกระทำของตัวเองเย่ซิวเก็บโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะนั่งกินข้าวที่นี่อีกต่อไปแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะสำหรับเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการได้เก็บเกี่ยวหลัวอีอี“หืม?”เย่ซิวหยุดเดินกลางคัน หูขวาของเขาขยับเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยบางอย่าง ทำให้สายตาเขาหันไปมองทางห้องส่วนตัวที่หลัวอีอีอยู่ชายหนุ่มใจเต้นแรง ก่อนจะยิ้มแหยและเอ่ย “คุณลูกค้า มีอะไรเหรอครับ?”เย่ซิวไม่ตอบ เขาเดินตรงไปยังห้องส่วนตัวทันที ชายหนุ่มเริ่มตื่นตระหนก เขารีบไปขวางเย่ซิวเอาไว้ “คุณลูกค้า คุณจะมาก่อเรื่องหรือไง?”เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลบไป ฉันสงสัยว่านายกำลังทำเรื่องผิดกฎหมายอ
ชายฉกรรจ์เจ็ดแปดคนถือทัพพีและตะหลิวในมือ พลางจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่เป็นมิตร“ไอ้หนุ่ม แกนี่ใจกล้าไม่เบา ถึงกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ได้!”“รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่จะโดนฉันสั่งสอนให้เข็ด!”……ชายหนุ่มมั่นใจเต็มที่ คิดว่าเย่ซิวจะต้องเจอจุดจบอย่างแน่นอน แต่เพียงวินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเขาเห็นลูกน้องของตัวเองแต่ละคนถูกเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงจู่ ๆ เขารู้สึกว่าหายใจไม่ออก เพราะถูกเย่ซิวคว้าคอเขาไว้และยกตัวขึ้นเขาถูกเย่ซิวหิ้วเหมือนลูกไก่ไปจนถึงหน้าประตูห้องส่วนตัว จากนั้นเย่ซิวก็ถีบประตูเปิดอย่างแรงเขาเดินเข้าไปด้านในพนักงานหญิงที่อยู่ในห้องส่วนตัวสะดุ้งตกใจสุดขีด เมื่อเห็นคนที่ตัวเองพึ่งพามาตลอดอยู่ในสภาพแบบนั้น ก็กรีดร้องออกมาทันทีชายหนุ่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่สามารถหลุดจากเงื้อมมือของเย่ซิวได้ด้านนอก ลูกค้าหลายคนแอบมองเข้ามา เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขาต่างก็ตะลึง“โอ้พระเจ้า มีผู้หญิงสลบอยู่ในนั้น”“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”……ใบหน้าของพนักงานหญิงซีดเผือดทันที เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน หากถูกจับได้
เย่ซิววางหลัวอีอีลงบนโซฟาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเทน้ำใส่แก้วพร้อมใส่พลังวิญญาณลงไปเล็กน้อย เขาพยุงเธอขึ้นมาเพื่อป้อนน้ำให้ดื่มแต่เนื่องจากเธอยังคงหมดสติอยู่ น้ำจึงไม่สามารถไหลลงลำคอได้ เย่ซิวจึงไม่มีทางเลือก ต้องอมเอาน้ำไว้ในปากก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดปากของหลัวอีอีแล้วป้อนน้ำให้เธอดื่มจนหมดแก้วไม่นานนัก หลัวอีอีก็ส่งเสียงครางเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ“อย่านะ ปล่อยฉัน ไอ้คนชั่ว คนสารเลว!” เธอกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัวเย่ซิวกอดร่างนุ่มนิ่มของเธอไว้แน่น “ใจเย็น ๆ ผมเอง ทุกอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”ดวงตาของหลัวอีอียังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความทรงจำของเธอหยุดอยู่ที่ช่วงเวลาก่อนหมดสติ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเย่ซิว เธอจึงค่อย ๆ สงบลงและหันไปมองเขาด้วยความคุ้นเคย“เย่ซิว เป็นนายจริง ๆ ใช่ไหม? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่ฝันหรอก ผมเอง”“ฮือ ๆ ๆ” หลัวอีอีร้องไห้ฟูมฟาย “เย่ซิว ศักดิ์ศรีฉันถูกทำลายไปแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้ฉันตายเถอะ”เย่ซิวยิ้มแห้ง “คุณไม่ได้ถูกทำลายอะไรเลย ทุกอย่างปลอดภัยดี”“ฮือ ๆ ๆ นายอย่
เย่ซิวเลิกคิ้วขึ้น “จริงเหรอ?” หลัวอีอียืดอกอย่างมั่นใจ “แน่นอนสิ แต่นายก็คงแค่มีเงินบ้างนิดหน่อย ไม่ต้องถึงกับเป็นมหาเศรษฐีหรอก”เย่ซิวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะปู่ของเธอเป็นถึงผู้ว่าการเมือง ไม่มีทางที่จะยอมให้หลานสาวไปเป็นภรรยาน้อยใครเด็ดขาด แต่เขาก็อยากแกล้งเธอเล่น จึงพูดขึ้นว่า “คุณรู้จักครีมผิวหยกไหม?”“รู้จักสิ” หลัวอีอีตอบด้วยความตื่นเต้น “มันเป็นสินค้าชื่อดังของประเทศหลงเถิงเลยนะ เพื่อน ๆ ในห้องเรียนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใช้กันหมด”“ครีมผิวหยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมเป็นคนคิดค้นขึ้นเอง”หลัวอีอีหัวเราะ “เย่ซิวน้อย นี่แค่ไม่ได้เจอกันไม่นาน นายขี้โม้ขึ้นเยอะเลยนะ”เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เย่ซิวพูดมันเหลือเชื่อเกินไปจนหลัวอีอีไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเย่ซิวไหวไหล่ “ผมพาคุณไปดูที่บริษัทก็ได้นะ”หลัวอีอีกลอกตาใส่เขา ทำหน้าตาราวกับอ่านใจเขาออก “ถ้านายอยากได้ฉันก็พูดมาตรง ๆ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมหรอก ถ้านายตามจีบฉันอย่างจริงใจ ฉันอาจจะยอมเป็นแฟนนายก็ได้นะ”เย่ซิวคร้านจะอธิบายต่อ จึงลุกขึ้นแล้วเอ่ย “คุณคงหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยไปที่บริษัท”
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ