มีรอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเหวินฮ่าว แต่แรงในมือกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หนุ่มหน้าละอ่อนตรงหน้าเขาดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยมันเป็นไปได้อย่างไร?!เย่ซิวแอบขำเบา ๆ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าประลองกำลังกับเขาด้วยสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ที่มีพลังมากกว่าเขา คงจะเป็นช้างโตเต็มวัยเท่านั้นเขามองเหวินฮ่าวเหมือนแมวที่กำลังเล่นกับหนู จากนั้นก็เพิ่มแรงในมือเพียงเล็กน้อยไม่นานใบหน้าของเหวินฮ่าวก็เริ่มบิดเบี้ยว อ้าปากหวอ รู้สึกว่ามือของตนเองกำลังจะหัก"พวกเธอมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาทานข้าวกันเถอะ"เมื่อได้ยินคุณย่าของหลินซวงตะโกนเรียก เย่ซิวจึงปล่อยมือเหวินฮ่าวพยายามเก็บอาการอย่างสุดความสามารถ สีหน้าของเขาช่างน่าตลกสิ้นดีริมฝีปากของหลินซวงโค้งขึ้นเมื่อเธอสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างเธอดึงกระเป๋าเป้ของเย่ซิวลงแล้วพูดเบา ๆ “ฉันช่วยเอากระเป๋าไปวางไว้ในห้องของฉันนะ”มุมปากของเหวินฮ่าวกระตุก ความหึงหวงทวีขึ้น รู้สึกอิจฉาตาร้อนเย่ซิวเดินไปที่โต๊ะอาหารตามลำพัง โดยไม่ได้มองเหวินฮ่าวอีกเลยหลินซู่โน้มตัวไปกระซิบเหวินฮ่าว "อย่าไปหลงกลน้องสาวฉันนะ เธอแค่เล่นละครน่ะ ดูทร
หลินซวงหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาอันอ่อนโยนราวสายน้ำอีกครั้ง เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนทันที "คุณเลยอย่าใส่ใจ คุณย่าของฉันไม่ใช่พวกวัตถุนิยม แค่คุณมาเธอก็ดีใจมากแล้ว"คุณย่าของหลินซวงยิ้มพร้อมคีบน่องไก่ให้เย่ซิว "ใช่แล้วล่ะ ฉันมีความสุขมากที่เธอมาที่นี่ ไม่ต้องรู้สึกหนักใจหรอกนะ"เมื่อเห็นเธอต้อนรับเย่ซิวอย่างอบอุ่นมากขนาดนี้ เหวินฮ่าวก็รู้สึกแย่นิดหน่อย เขาแอบส่งสายตาให้หลินซู่อย่างลับ ๆ ต้องรู้ไว้ว่า เพื่อจีบหลินซวงเขาจ่ายเงินก้อนโตแก่ชายไม่เอาไหนคนนี้ไปแล้ว!หลินซู่กลอกตาแล้วพูดว่า "คุณย่าพูดแบบนี้ไม่ถูกนะครับ ไม่สำคัญว่าของขวัญจะแพงแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ต้องมี”“เหวินฮ่าวตั้งใจมาก เขาใช้เวลาหลายวันในการเลือกหยกชิ้นงามนี้ให้กับคุณย่า นั่นแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขา”“แต่ในทางกลับกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มอบอะไรให้เลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใส่ใจคุณย่ากับหลินซวงแม้แต่น้อย”เหวินฮ่าวกดถูกใจให้หลินซู่ในใจหลินซวงกัดฟันแน่น โกรธจนแทบอยากจะเอามีดมาเชือดลูกพี่ลูกน้องของเธอให้รู้แล้วรู้รอดเธอรีบหันไปมองเย่ซิว พร้อมส่งสายตาขอโทษให้เขาเย่ซิวไม่ใช่แฟนตัวจริงของเธอ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกซาบซ
เหวินห่าวมองด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าโอกาสชนะอยู่ในกำมือของเขาแล้วเขาไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถที่จะซื้อสร้อยข้อมือในราคาหลายร้อยล้านได้เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตั้งแต่หัวจรดเท้า เย่ซิวไม่สิ่งใดที่คนรวยควรมีเลยสักอย่างเขาแค่คิดว่าเย่ซิวจะต้องใช้วิธีสกปรกบางอย่างอย่างลับ ๆ แน่ ๆ ถึงได้ทำให้หลินซวงชอบเขาได้เขาคิดในใจว่า อีกเดียวเขาจะทำให้เย่ซิวขายหน้าอย่างแรงได้แน่นอนหลินซู่ก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะมีความสามารถเช่นกัน เขาคิดว่าเย่ซิวกำลังพูดคุยโวโอ้อวดก็เท่านั้นคุณย่าของหลินซวงเปิดกล่องด้วยรอยยิ้มเบิกบานทันทีที่เปิดกล่องออก กลิ่นหอมตามธรรมชาติของไม้กฤษณาก็ลอยฟุ้งกระจายออกมากลิ่นนั้นทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานใจภายในกล่องมีสร้อยข้อมือลูกปัดทรงกลมสีเข้มสนิทหนึ่งเส้นแม้แต่คนที่ไม่รู้จักสิ่งนี้ก็สามารถบอกได้ว่าสร้อยข้อมือลูกปัดเส้นนี้มีความพิเศษคุณย่าของหลินซวงกลั้นหายใจ ในขณะหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วลูบมันอย่างพินิจ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจนั้นยากเกินจะปิดบังได้“ยากนักที่จะได้พบสร้อยข้อมือคุณภาพสูงอย่างนี้ เสี่ยวเย่ สร้อยข้อมือเส้นนี้ราคามากกว่าสอ
“ได้ได้ได้ ฉันจะจำความแค้นนี้ไว้!”เหวินห่าวแทบจะกัดฟันพูดถ้อยคำนี้ แล้วค่อย ๆ หมอบลง ใช้ทั้งมือและเท้าคลานออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด“น้องเขย ผมขอดื่มให้คุณสักเธอ้ว ตั้งแต่เห็นคุณครั้งแรก ผมก็รู้เลยว่าคุณเป็นคนไม่ธรรมดา แล้วผมก็มองคนไม่ผิดจริง ๆ ด้วย”เมื่อเผชิญหน้ากับเธอ้วเหล้าที่หลินซู่ยื่นมา เย่ซิวพูดอย่างเฉยเมยว่า "คุณก็ออกไปด้วย"รอยยิ้มบนใบหน้าหลินซู่ชะงัก เขาอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่เมื่อเห็นแววตาที่ลึกล้ำของเย่ซิว เขาก็เลือกที่จะหุบปากอย่างชาญฉลาดเขาหัวเราะแห้ง ๆ "เอ่อคือว่าผมมีธุระจะต้องสะสาง ขอตัวก่อนนะครับ ทานข้าวให้อร่อยนะครับ"เมื่อเดินไปที่ประตู จู่ ๆ หลินซวงก็พูดขึ้นว่า "ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องไปที่บริษัทอีก"น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งใด ๆหลินซู่ร้อนรนทันที เขามองไปทางคุณย่าราวกับกำลังขอความช่วยเหลือแต่คุณย่าเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิงหลินซู่เสียใจอย่างมาก แต่ตอนนี้ถึงเขาจะเสียใจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์แล้วหากจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ จนทำลายอนาคตอันสดใสของตัวเองจนป่นปี้หลังจากที่แมลงวันน่ารำคาญสองตัวจากไป ทั้งสามก็ทานอาหารอย่างมีความสุ
แม้ว่าหลินซวงจะกระโจนเข้าไปเร็วมากก็ตาม แต่เย่ซิวก็เห็นแล้วว่ามันคืออะไรชุดสีดำสุดเซ็กซี่ ดีไซน์โดดเด่นมาก...เย่ซิวไม่คาดคิดเลยว่าหลินซวง ซึ่งปกติดูเป็นคนจริงจัง จะซื้ออะไรแบบนี้...เขาแทบอดไม่ได้ที่จะใช้ดวงตาที่มีญาณทิพย์ของเขาดูว่าตอนนี้เธอสวมชุดแบบเดียวกันนี้หรือไม่หลินซวงหน้าแดงก่ำจนเลือดแทบจะหยดออกมาแล้ว เธอรีบซ่อนของสิ่งนั้นไว้ด้านหลัง แล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างเย่ซิวหัวเราะอย่างอดไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะซักไซ้ไล่ถามอะไรแต่อย่างใดเขาหยิบผ้าห่มบาง ๆ ขึ้นมาจากเตียง ปูลงบนพื้นแล้วนอนลงนอนดีกว่า จะได้เลี่ยงความกระอักกระอ่วนเมื่อเธอออกมาหลินซวงอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลาสองชั่วโมง เธอขัดตัวจนผิวแทบจะถลอกถึงได้ออกมาฉากเมื่อกี้มันน่าอับอายมากจริง ๆ ความประทับใจที่เย่ซิวมีต่อเธอคงจะหมดลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้วแน่ ๆ เธออยากจะตบตัวเองสักสองที ทำไมเธอถึงได้ประมาทอย่างนี้นะ?เธอค่อย ๆ ชะโงกศีรษะออกมา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังจากนั้นเธอก็เห็นเย่ซิวนอนอยู่บนพื้นเธอเดินไปหาเย่ซิวอย่างเงียบ ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า "คุณเย่ คุณหลับแล้วหรือยัง?
ตอนเช้าเวลาหกโมงครึ่ง เย่ซิวตื่นขึ้นอย่างตรงเวลาแต่ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็เห็นหลินซวงนอนพาดอยู่บนตัวเขาด้วยท่าทางที่ตลกมาก‘คุณผู้หญิง คุณกำลังเล่นกับไฟอยู่นะ’ เย่ซิวกับตัวเองพูดอย่างลับ ๆ เขาอยากจะลุกขึ้น แต่หลินซวงเกาะเขาไว้เหมือนกับปลาหมึกยักษ์ ถ้าเขาใช้แรงมากเกินไป คงจะทำให้เธอตื่นอย่างแน่นอนเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะต้องทำตัวไม่ถูกแน่ช่างเถอะเย่ซิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลับตาอีกครั้ง แล้วบ่มเพาะตนอย่างเงียบ ๆ พอถึงเวลาเจ็ดโมงครึ่ง หลินซวงก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเธอนอนหลับสบายมาก ร่างกายของเธอเหมือนกำลังพิงเตาไฟ ซึ่งอบอุ่นมากวินาทีต่อมา เธอเกือบจะกรีดร้องออกมา รีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว หัวใจร้อนรนกระวนกระวาย‘เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไป?’เธอค่อย ๆ ถอนตัวออกจากร่างกายของเย่ซิว แล้วเดินกลับไปนอนที่เตียงเธอเอาผ้าห่มปิดหน้า ความรู้สึกสับสนแปรปรวนหลังจากนั้นไม่นานเธอก็โผล่หัวออกมา แล้วมองดูเย่ซิวที่อยู่บนพื้น ก่อนจะร้องเรียกเขาสองสามครั้ง“คุณเย่ คุณตื่นหรือยัง?”เรียกอยู่สี่ห้าครั้ง เย่ซิวถึง ‘ตื่น’เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็ยิ้มให้หลินซวงและพูดว่า "อรุณสวัสดิ์"
อัตราการผลิตครีมผิวหยกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนึ่งเดือนหลังจากที่เย่ซิวกลับมาจากหวู่เฉิง สายการผลิตห้าสิบสายก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสวนสมุนไพรมีการปลูกเพิ่มอีกห้าแปลงด้วยการสนับสนุนด้วยปุ๋ยน้ำ อัตราการเจริญเติบโตและคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรจึงเป็นที่น่าพอใจมากปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นห้าล้านกล่องต่อวัน แต่ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการมีบริษัทจำนวนมากที่เอาครีมผิวหยกไปทดสอบ ทำการวิเคราะห์และพยายามลอกเลียนแบบสิ่งที่ประเทศหลงเถิงทำได้ดีที่สุดก็คือการลอกเลียนแบบมีบริษัทที่เกือบจะเลียนแบบได้สำเร็จแล้วบังเอิญว่าเย่ซิวได้เปิดตัวครีมผิวหยกเวอร์ชันอัพเกรดในเวลานี้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ในราคาเท่าเดิมสิ่งนี้ขัดขวางแผนการของบริษัทที่พยายามลอกเลียนแบบครีมผิวหยกเหล่านั้นทันทีเมื่อพวกเขาวิเคราะห์ส่วนผสมของครีมผิวหยกเวอร์ชันอัพเกรดและพยายามลอกเลียนแบบ พวกเขาก็พบว่าไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ และมีความต่างกันไม่น้อยยังมีบริษัทที่ต้องการเปิดตัวครีมเกรดต่ำลงมาหน่อย ลดราคาลงเล็กน้อย และหมายจะยึดตลาดให้ได้แต่เย่ซิวได้จัดตั้งแผนกหนึ่งขึ้นมาเพื่อคอยสังเกตตลาดเป็
ตอนนี้เย่ซิวไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา ๆ อีกต่อไป เขาค่อย ๆ วางลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลง จากนั้น...ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเย่ซิวก็ได้รับพลังทั้งหมดจากไข่มุกราชาแห่งยาสมใจปรารถนาแล้วพลังงานบริสุทธิ์โคจรไปทั่วร่างของทั้งสอง จำนวนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดรอบ จากนั้นจึงแบ่งเป็นสองส่วนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ถูกเย่ซิวดูดซับไว้หมดแล้วร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก กำลังภายในเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณระดับที่สูงขึ้น!พลังวิญญาณหนึ่งสายเทียบเท่ากำลังภายในหนึ่งร้อยสายทัศนวิสัยของเขากว้างไกลออกไปหลายร้อยเมตรในทันที มองเห็นทั่วทั้งสามร้อยหกสิบองศาอย่างทะลุปรุโปร่งนี่ไม่ใช่แค่การมองเห็น แต่เป็นพลังจิต!จากนี้ไป เขาสามารถตรวจจับทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงได้แม้หลับตา และยังสามารถมองทะลุกำแพงได้อีกด้วยช่วงสร้างพื้นฐาน!ตัวเขาในขณะนี้ ได้เปลี่ยนจากร่างกายของมนุษย์ธรรมดาไปสู่ระดับใหม่แล้วด้วยพลังจิตที่ปล่อยออกมา ทำให้ความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายของเขาเพิ่มขึ้นสิบเท่า!‘ไม่รู้ว่าฉันในตอนนี้สามารถต้านทานระเบิดปรมาณูขนาดเล็กได้หรือไม่?’ เย่ซิวคิดในใจยังไม่แน่ใจว่าสามารถไปถึงขั้นนั้นได้หรือยัง
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ