เธอรู้ว่าเย่ซิวมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแต่นี่คือกระดูกที่แตกละเอียด ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการกินยาแผนจีนหรือนวดบำบัดเท่านั้นต้องใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมายในการผ่าตัดและใส่แผ่นเหล็กเข้าไปในกระดูกของผู้ป่วยน่าหลันเหยียนหรานไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้แต่กระนั้น เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีสงสัย เพียงแต่ส่งยิ้มให้อย่างอึดอัดใจเล็กน้อยเท่านั้นชายที่อยู่ตรงมุมห้องหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วและบังเอิญได้ยินสิ่งนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมา "ไอ้บ้านนอก! พูดออกมาได้ โง่จริง ๆ!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อผู้ชายที่เสียงดังน่ารำคาญคนนี้เพียงชั่วครู่นี้เท่านั้นหลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของแฝดสี่แล้ว เขาก็เตรียมที่จะรักษาเหมยชุนก่อน เพราะเธอได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัสเขาบังเอิญมียาสมานแผลติดมือมาด้วยสี่เม็ดเขาเปิดปากของเหมยชุนแล้วป้อนยาเข้าไปเม็ดยาละลายในปากทันที กระแสพลังงานอุ่นไหลไปทั่วร่างกายเพียงไม่นานเหมยชุนซึ่งอยู่ในอาการโคม่าที่กำลังขมวดคิ้วอยู่นั้นก็ผ่อนคลายลงมากจากนั้นเย่ซิวก็เริ่มใช้กำลังภายในเป็น 'กาว' ในการผสานเส้นเอ็นที่ขาดเข้าด้วยกันหลังจากที่เส้นเอ็นทั้งหมดในร่างกายผสานเข้
คนที่บุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยล้วนเป็นคนของหลี่เฟยเมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็แสดงความเห็นตรงกัน“ใช่แล้ว หลี่เฟยเป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจมาก เขาจะไปทำมิดีมิร้ายกับคุณได้ยังไง?”“น่าหลันเยียนหราน ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!”“ฉันคิดว่า คุณเห็นว่าหลี่เฟยยังหนุ่มและมีอนาคตไกล เลยอยากตามจีบเขาสินะ พอเขาปฏิเสธ คุณก็สาดโคลนใส่เขา”……น่าหลันเยียนหรานมองดูคนเหล่านี้ด้วยความไม่เชื่อพวกเขาไม่แม้แต่จะหาหลักฐาน แต่ก็ยังใส่ร้ายเธอสารพัดดวงตาของเธอแดงด้วยความโกรธ และร่างกายของเธอสั่นสะท้าน แต่เธอไม่รู้ว่าจะโต้แย้งกลับไปอย่างไรในขณะที่เธอทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เย่ซิวก็ดึงน่าหลันเหยียนหรานไปข้างหลัง และมองดูกลุ่มคนที่กล่าวหาอย่างกันอย่างหน้าด้าน ๆ พลางพูดอย่างเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณขอโทษเธอ ไม่อย่างนั้นคุณก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย!”หลี่เฟยหัวเราะลั่น "สมองแกมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ตอนนี้แกควรจะคิดหาทางขอความเมตตายังไงเสียมากกว่ามั้ง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากยังไงล่ะ!"ลุงของหลี่เฟยเยาะเย้ย “นายบุกรุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำร้ายหมออย่างไม่สมควร อีกทั้งยังสัม
เย่ซิวเฉยเมย "ถ้าอย่างนั้นเสวี่ยเหมยก็เป็นคนจัดการที่นี่สินะ จัดการได้แย่จริง ๆ""กล้าดีนัก!" ลุงของหลี่เฟยเห็นว่าเย่ซิวเรียกเจ้านายของเขาด้วยชื่อเท่านั้นก็โกรธขึ้นมา "แกมีสิทธิ์อะไรมาเรียกแค่ชื่อของท่าน? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!"ใบหน้าของหลี่เฟยเต็มไปด้วยความดุร้าย "กล้าที่จะเรียกท่านนั้นด้วยชื่อเฉย ๆ ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ออกไป ดีที่สุดแกก็จะได้ออกไปจากที่นี่ในสภาพร่างไร้วิญญาณ!"เย่ซิวเยาะเย้ย "ผมเรียกเธอด้วยชื่อเฉย ๆ แล้วยังไงล่ะ? ผมเคยล่วงเกินเธอมาแล้วด้วย คุณมีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?"สิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริง แต่หลี่เฟยและคนอื่น ๆ คิดว่าเย่ซิวกำลังคุยโว พวกเขาจึงมองเย่ซิวราวกับเป็นธาตุอากาศลุงของหลี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เด็กสารเลว แกกล้าดีเกินไปแล้ว รีบไปเรียกรปภ.มากดให้ไอ้เด็กนี่ให้คุกเข่าลงซะ”มีคนวิ่งออกไปข้างนอก และภายในสองนาที รปภ.กลุ่มใหญ่ก็บุกเข้ามา แต่ละคนถือกระบองไฟฟ้า สีหน้าของพวกเขาดูโหดเหี้ยมลุงของหลี่เฟยชี้ไปที่เย่ซิว "หักขามัน!"น่าหลันเหยียนหรานดึงแขนเสื้อของเย่ซิวอีกครั้ง "รีบไปสิคะ ฉันจะช่วยขวางพวกเขาไว้ให้เอง!"โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แย
จู่ ๆ หลี่เยี่ยนหงก็ตะโกนขึ้นขัดจังหวะคำพูดของหลี่เฟย และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พลันตกใจในขณะที่พวกเขายังคงไม่รู้ถึงสถานการณ์ พวกเขาก็เห็นหลี่เหยียนหงหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวเสียงดังตุ้บ และโค้งคำนับสามครั้งด้วยความเคารพโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ก็มีก้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา“คุณเย่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ เป็นฉันเองที่ละเลยเรื่องระเบียบวินัย และทำให้คุณต้องไม่พอใจ ฉันขอรับโทษด้วยชีวิตค่ะ!”ในเวลานี้ หลี่เยี่ยนหงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อได้รู้เรื่องราวภายใน เธอก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติถึงพลังอันน่าหวั่นเกรงเบื้องหลังชายหนุ่มที่ดูบอบบางและไม่เป็นอันตรายผู้นี้แม้แต่เสวี่ยเหมยในตอนนี้ก็ยังต้องลดทัศนคติของเธอลงและขอโทษเย่ซิวอย่างเป็นทางการฉากนี้ทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึงรองผู้อำนวยการไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามองไปที่เย่ซิวที่ซึ่งหลี่เยี่ยนหงกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ? ผู้ชายคนนี้ก็แค่พวกกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น!"ด้วยสถานะของเขา เขายังคงไม่สามารถเข้าถึงสังคมชนชั้นสูงได้หลี่เยี่ยนหงเพิกเฉยต่อเขา และเงยหน้ามองเย่ซิ
“คุณเย่ ความผิดที่บุคลากรภายใต้บริษัทของฉันทำ สมควรตายจริง ๆ ค่ะฉันเป็นเจ้าของศูนย์รวมความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงทั้งหมด ฉันขอมอบให้คุณเพื่อเป็นการชดเชยแทนคำขอโทษค่ะ”หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ด้วยกลัวว่าเย่ซิวจะเข้าใจผิด เธอจึงกล่าวเสริมว่า “ศูนย์รวมความบันเทิงมีทั้งหมดสิบห้าชั้น มีพื้นที่รวมมากกว่าหนึ่งแสนตารางเมตรขอบเขตธุรกิจเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด ส่วนมูลค่ารวมของศูนย์รวมความบันเทิงนั้นมากกว่าเกินสองหมื่นล้านบาท” น่าหลันเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจมากจนพูดไม่ออกเธอเริ่มนับนิ้วคำนวณ สงสัยว่าต้องทำงานกี่ชาติกว่าจะหาเงินจำนวนนี้ได้ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินคำว่าสองหมื่นล้านนั้นมาจากการสำรวจสำมะโนประชากร...เย่ซิวไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าเห็นด้วยมันไม่ใช่เรื่องของความเป็นและความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้มากนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเต็มใจที่จะยอมรับมันหลี่เยี่ยนหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเย่ซิวชี้ไปที่น่าหลันเหยียนหรานที่ยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้าง ๆ เขา "นี่เพื่อนของผมเอง ถึงทักษะทางการแพทย์ของเธอจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่เลย"หลี่เยี่ยน
ไม่อย่างนั้นก็รอให้เธอฝึกไปจนถึงจุดสูงสุดของวิทยายุทธนี้ หรือรอให้เย่ซิวทะลวงไปได้เท่านั้น"ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว"เย่ซิวเดินออกไปข้างนอกเมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเขา ริมฝีปากของเสวี่ยเหมยก็โค้งงอเป็นนัยเสียดสี "คนขี้ขลาด"หลังจากกลับมาที่บ้าน ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นเลยสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือไปรับเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นมาที่นี่ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจสินทรัพย์มากมาย ดังนั้นจึงต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยจัดการดูแลก่อนอื่นเขามาที่ห้องของไป๋อวี้เจี๋ยเธอกำลังนอนหลับอยู่ มุมปากของเธอมีรอยยิ้มจาง ๆเขาไม่รบกวนเธอและไปที่ห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ประตูยังเปิดแง้มอยู่เขาสามารถมองเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงได้ผ่านรอยแยกประตู เสื้อผ้าของเธอถกขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลขาวของเธอส่วนหลิวอวิ้นกำลังทาครีมผิวหยกบนหลังของเธอตั้งแต่ค้นพบคุณสมบัติพิเศษของครีมนี้ สองแม่ลูกก็คลั่งไคล้มากทาได้ทุกส่วนของร่างกายไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถต้านทานสิ่งล่อใจที่ทำให้ขาวได้หรอกเย่ซิวยืนอยู่ตรงประตูพลางชื่นชมอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปทันทีที่เขากลับมาถึงห้อง โทรศัพท์
เมื่อเย่ซิวเปิดประตูและเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก เขาก็ตกตะลึง "ทำไมถึงเป็นคุณ?"คนคนนั้นคือหลินโหรวใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในวิลล่าหลังนี้คือเย่ซิว เธอก็ตกตะลึงเช่นกันจากนั้นเธอก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และพูดว่า "เอ่อ คุณมียาห้ามเลือดบ้างไหม? เพื่อน... เพื่อนของฉันประสบอุบัติเหตุ"เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานนี้ เธอก็รู้สึกเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี่เธอกำลังเล่นเล่ห์อะไรอีก แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอขึ้นมาจริง ๆ เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย "เขาอยู่ที่ไหน พาผมไปดูหน่อย"หลินโหรวกังวล "คุณจะไปตรวจดูหรือยังไง? คุณรักษาคนได้เหรอ? ฉันเรียกรถพยาบาลแล้ว แต่คงใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึงคุณรีบบอกมาเถอะว่ามียาห้ามเลือดไหม ถ้าไม่มีฉันจะได้ไปถามที่อื่น”เย่ซิวกล่าวว่า "ผมรู้วิธีรักษา รีบพาผมไปที่นั่นเถอะ"“รักษาได้กับผีน่ะสิ!” หลินโหรวตะโกน “คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าคุณเป็นคนแบบไหน ฉันจะไปหาคนอื่น!”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้ตำหนิเธอหลินโหรวมีกลิ่นเลือดติดตัว จมูกของเย่ซิวจึงกระตุกในไม่ช้า เขาก็ระบุร่องรอยของกลิ่น
เย่ซิวและเสวี่ยเหมยนั่งอยู่หลังรถของเธอโซนที่นั่งคนขับกับที่นั่งด้านหลังนั้นแยกจากกัน ดังนั้นคนขับจะไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งใดที่เกิดขึ้นทางด้านหลังเลยนอกจากนี้รถคันนี้ยังมีระบบกันการสั่นสะเทือนแบบอิสระสี่ล้อ ดังนั้นไม่ว่าด้านหลังจะสั่นสะเทือนแค่ไหน ก็ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกภายในรถเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเสวี่ยเหมยไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่เสวี่ยเหมยถอดเสื้อคลุมของเธอออกสวมชุดลูกไม้สีขาวผ้าชีฟองซึ่งเผยให้เห็นรูปร่างที่มีเสน่ห์ของเธออย่างสมบูรณ์แบบหลังจากได้ยินว่าเย่ซิววางแผนที่จะซื้อที่ดิน เธอก็ถามอย่างสงสัย "คุณมีแผนจะทำธุรกิจอะไร?""เครื่องสำอาง"“สายธุรกิจนี้ไม่ง่ายเลยนะ มีคู่แข่งมากเกินไป” เสวี่ยเหมยส่ายหัว เธอไม่มั่นใจในตัวเย่ซิวเท่าไหร่นัก“แค่บริษัทเครื่องสำอางที่จดทะเบียนในประเทศเพียงอย่างเดียวก็เกินห้าสิบบริษัทแล้ว และถ้าคุณนับบริษัทต่างชาติด้วยก็จะมีจำนวนหลายร้อยบริษัทหากคุณไม่มีทักษะและเส้นสาย การแย่งผลประโยชน์จากพวกผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก”เย่ซิวไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้เธอไม่รู้ว่าค
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค