ลู่เสวี่ยเออร์โบกมือเล็ก ๆ ของเธอไปทางเย่ซิว ก่อนสะบัดผมของตัวเอง ผมสีดำปลิวไสวเต็มไปด้วยความเยาว์วัยและความมีชีวิตชีวาจู่ ๆ อารมณ์ของเย่ซิวก็ชัดเจนขึ้นมากเขาผ่านการฝึกฝนอย่างหนักมาทุกรูปแบบตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเขาไม่เคยมีประสบการณ์กับเด็กผู้หญิงทั่วไปเช่นนี้มาก่อนเย่ซิวมุ่งหน้าไปยังคณะศิลปะการต่อสู้ประเทศหลงเถิงในปัจจุบัน ผู้คนทุกคนล้วนใช้ศิลปะการต่อสู้เป็น และมีความรู้ด้านศิลปะการต่อสู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อยดังนั้นทุกมหาวิทยาลัยจะมีคณะศิลปะการต่อสู้เมื่อเย่ซิวมาถึงคณะศิลปะการต่อสู้ บรรยากาศก็เงียบลงทันทีในคณะศิลปะการต่อสู้มีเด็กผู้หญิงเพียงสามคน และพวกเธอทุกคนก็ดูแข็งแกร่งมากสิ่งที่ทักทายเย่ซิวคือดวงตาไร้เมตตาส่วนในเว็บบอร์ดนั้นก็กลายเป็นไวรัลในแวดวงเพื่อนนักศึกษาไปแล้วเย่ซิวเดินไปพร้อมกับเทพธิดาทั้งสองเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นดาวมหาวิทยาลัยเมื่อเทอมแล้ว และลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นดาวมหาวิทยาลัยในเทอมนี้ไม่รู้ว่ามีเด็กหนุ่มกี่คนที่ฝันเพ้อถึงพวกเธอไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าคนส่วนใหญ่ในห้องเรียนนี้ถือว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นคนรักในฝันของพวกเขาตอนนี้เทพธิดาของพวกเขาเดิน
ตึง!เขาเดินไปต่อยกำแพงได้ยินเสียงดังสนั่นและทิ้งรอยหมัดซึ่งมีความหนาประมาณเจ็ดแปดเซนติเมตรเอาไว้บรรดาคนที่ลุกขึ้นจะโจมตีเย่ซิวก็นั่งลงตรงจุดนั้น ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดทั้งห้องเรียนกลายเป็นเงียบกริบเย่ซิวมองไปรอบ ๆ พลางพูดอย่างช้า ๆ “ฉันไม่อยากสร้างปัญหา แค่อยากมาเรียนเงียบ ๆ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่ใครจะมารังแกก็ได้”“ใครก็ตามที่จะโจมตีฉันก็ลองไปคิดดูให้ดีก่อนว่าร่างกายของตัวเองแข็งกว่ากำแพงนี้รึเปล่า”“คนไหนคือหัวหน้าห้อง?”“ฉันเอง…”เด็กหนุ่มผมสั้นลุกขึ้นยืนตัวสั่นเย่ซิวหยิบเงินสองร้อยออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา“นายไปหาคนมาซ่อมแซมกำแพงนี้ทีนะ ถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ผมจะจัดการให้”หัวหน้าห้องเกือบจะร้องไห้ แต่เขาพูดกับตัวเองว่าเงินค่าสองร้อยหยวนไพอจะซ่อมหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้ และเขาก็ต้องจ่ายเพิ่มแต่เขาไม่กล้าพูดอะไรจึงรีบรับเงินแล้วก้มหน้าลงเย่ซิวหามุมนั่งไม่นานอาจารย์ก็มาเขาเห็นรูใหญ่บนกำแพงทันทีจึงถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หัวหน้าห้องลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า “อาจารย์ครับ พอดีกำแพงมันพังลงมาเอง เดี๋ยวผมจะหาคนมาซ่อมหลังเลิกเรียนนะครับ”ครูมีท่าท
ซึ่งดีมากสำหรับคนกินจุอย่างเย่ซิวเย่ซิวถืออาหารไปนั่งตรงมุมจากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากออกแล้วเริ่มกินหลังจากรับประทานอาหารไปได้ครึ่งทาง ก็มีคนหลายคนมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเย่ซิวเงยหน้ามองและเห็นว่าหนึ่งในนั้นเป็นคนรู้จักเก่าหวังเฟยนั่นเองสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ไอ้สารเลว แกทำอะไรกับฉันกันแน่?!”ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สมรรถภาพทางเพศของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลยลองใช้ทั้งยาแผนจีนและยาตะวันตก ก็ไม่เป็นผลแม้จะขอให้ผู้หญิงที่มีเสน่ห์หลายสิบคนมาช่วยก็ยังไม่ได้ผลล้มเหลวหมดทุกวิธีในฐานะคนตัณหากลับอย่างเขาจะยอมรับได้อย่างไรว่าตัวเองไม่อาจเป็นเช่นเก่าก่อนได้?ในขณะที่กำลังสิ้นหวัง เขาก็หาเย่ซิวเจอและเขาก็ยังพาบอดี้การ์ดสองคนมาด้วยสองคนนี้เป็นจอมยุทธ์ระดับสองที่เขาจ้างมาในราคาแพงมหาศาล และพวกเขาก็ทรงพลังมากเขาเห็นด้วยตาตนเองว่าบอดี้การ์ดทั้งสองใช้หมัดทุบแผ่นเหล็กหนาจนยุบลงไปสองสามมิลลิเมตรเย่ซิวเหลือบมองเขา จากนั้นก็ก้มหน้ากินต่อโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียวหวังเฟยทำหน้าดุร้ายพลางคำรามออกมา “ไอ้เด็กนี่ แกได้ยินที่ฉันพูดกับแกไหม? อย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือที่นี่
เย่ซิวเห็นฉากนี้ทันทีที่เขาเดินออกจากโรงอาหาร ความโกรธของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นทันทีเด็กสาวที่ถูกหยอกล้อไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิ่วเมิ่งอิ๋นเดิมทีสถานการณ์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ค่อนข้างน่าสังเวชอยู่แล้วพ่อของเธอป่วยมาหลายปี และเธอต้องแบกรับภาระของครอบครัวเพียงลำพังในที่สุดตอนนี้พ่อของเธอสบายดีแล้ว เธอจึงมีโอกาสได้เรียนหนังสือแต่ใครจะรู้ว่าเมื่อมาเรียนครั้งแรกจะต้องเจอเรื่องแบบนี้เย่ซิวรีบวิ่งไปข้างหน้าและเตะเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำเขาโกรธมาก จึงจัดการอย่างไม่ออมมือคนที่หยอกล้อหลิ่วเมิ่งอิ๋นกระดูกหักหลายท่อนเขาปล่อยเสียงกรีดร้องออกมา พลางนอนราบกับพื้นและจ้องมองไปที่เย่ซิว “ไอ้สารเลว แกเป็นใคร? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาทำร้ายพวกเรา?!”หลิ่วเมิ่งอิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเย่ซิว เธอก็แสดงท่าทางประหลาดใจทันที“พี่เย่ พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เธอรู้สึกตื่นเต้นมากนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่ซิวช่วยเธอเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนี้เย่ซิวมากขึ้นเรื่อย ๆเย่ซิวพูดเสียงอ่อนโยนกับหลิ่วเมิ่งอิ๋น “เธอหลับตาก่อน”หลิ่วเมิ่งอิ๋นหลับตาอย่างเชื่อฟังเย่ซิวเดินไปหาชายที่นอนอยู่บนพื้น เห
พวกผู้ชายก็เริ่มพลิกลิ้นทันที“ไร้สาระ! เราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย คุณคนสวยอย่าถูกเขาหลอกเชียวนะ”“พวกเราเป็นคนซื่อจะตาย จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง?”“ไม่เห็นเหรอว่าเขาทำร้ายพวกเราจนมีสภาพแบบนี้? เขาต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้เราเป็นล้านสิ ถึงจะถูก!”เมื่อฟังความจากทั้งสองฝ่าย เซี่ยซิ่วซิ่วเลือกที่จะเชื่อเย่ซิว เธอจึงพูดด้วยท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม“พวกนายต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูด ต้าเซี่ยกรุ๊ปเป็นของตระกูลฉัน ฉันจะใช้อำนาจทั้งหมดของฉันเพื่อสืบหาสาเหตุของเรื่องนี้”"หากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้พวกนายผิด ฉันรับรองได้เลยว่าจะใช้อำนาจทั้งหมดของตระกูลเซี่ยจับพวกนายเข้าตารางอย่างน้อยสักสองสามปี!”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ท่าทางของคนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปทันทีมีใครบ้างไม่รู้จักต้าเซี่ยกรุ๊ปแห่งเมืองเจียงเฉิงบ้าง นั่นเป็นยักษ์ใหญ่สำหรับพวกเขาทีเดียวหลังจากเห็นท่าทางของคนเหล่านี้ คนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง หยุดโพสต์บนเว็บบอร์ดและหยุดถ่ายรูปเพื่อทำลายชื่อเสียงของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัวเซี่ยซิ่วซิ่วมองไปที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นอีกครั้ง “น้องสาว เมื่อกี้พวกเขารังแกเธอห
“เธออย่าพักในหอพักเลย ฉันกำลังหาบ้านเช่าข้างนอก ถึงตอนนั้นย้ายออกมาอยู่กับฉันเถอะ”เหตุผลหลักเป็นเพราะเย่ซิวคิดได้ว่าเขาต้องฝึกฝนและจัดการบางสิ่ง หากพักอยู่ในหอพักมันจะไม่สะดวกสักเท่าไหร่สำหรับหลิ่วเมิ่งอิ๋น สาวน้อยคนนี้มีบุคลิกอ่อนแอ แต่กลับมีหน้าตาสะสวย มองดูก็รู้ว่าเธอดึงดูดคนได้ง่ายเพียงใดเย่ซิววางแผนที่จะฝึกฝนและสอนทักษะบางอย่างให้เธอ ไม่เช่นนั้นในอนาคตเธอจะถูกรังแกได้ง่าย แต่สิ่งที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นได้ยิน ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาในทันทีใจเธอเต้นแรง ความรู้สึกแปลก ๆ แพร่กระจายไปทั่วท้องนี่คือคำสารภาพรักหรือเปล่า?เซี่ยซิ่วซิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของเธอกวาดไปมาระหว่างทั้งสองในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“พวกเธอสองคนคบกันเหรอ?”เย่ซิวส่ายหัว “เปล่า เธอดูเป็นคนอ่อนแอ เลยกลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งหากพักอยู่ในหอพัก ผมเลยกะจะให้เธอมาพักด้วยสักระยะหนึ่ง ไม่ต้องกังวล ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับเธอ”เซี่ยซิ่วซิ่วคลายหมัดที่กำแน่นออกหลิ่วเมิ่งอิ๋นแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจก็แอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ความอบอุ่นท
เย่ซิวมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ “คุณทำความสะอาดเป็นด้วยเหรอ?”ในความเห็นของเขา ลูกสาวจากตระกูลร่ำรวยอย่างลู่เสวี่ยเอ๋อร์ น่าจะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ย่นจมูกที่น่ารักของเธอ ส่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ “เพื่อนนักศึกษาเย่ อย่าดูถูกฉันสิ ฉันทำงานบ้านบ่อยมากนะ”นี่เป็นเรื่องจริงแม้ว่าครอบครัวของลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะฐานะดี แต่พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้ตามใจเธอมากจนเกินไป บางสิ่งที่เธอควรทำก็ให้เธอทำ หลิ่วเมิ่งอิ๋นก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอกเธอพบว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวนั้นต่างก็ยอดเยี่ยมกว่าเธอทั้งนั้น และเธอไม่อาจแข่งขันด้วยได้เลย“สาวน้อยเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปถามอย่างเป็นห่วงขณะเดียวกันก็เหลือบมองความใหญ่โตของเธอ ที่พอก้มศีรษะลงมันก็บดบังจนมองไม่เห็นเท้าของตัวเองเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว เธอก็ถูกเล่นงานจนหมดท่าทำไมของเธอถึงใหญ่โตได้ขนาดนี้?น้ำเสียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนโยนมาก หลิ่วเมิ่งอิ๋นเงยหน้าขึ้นยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวนักเรียนชายที่ผ่านมาเห็นฉากนี้แทบคลั่งด้วยความอิจฉาสาวงามทั้งสาม ที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ล้วนแส
เย่ซิวหัวเราะเมื่อถูกหญิงสาวทั้งสามมองอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากรอจนอาหารเสร็จแล้ว พวกเธอก็จะรู้เองหลังจากหยิบพวงกุญแจ เย่ซิวก็ออกไปที่ตลาดสดชั้นล่างเพื่อซื้อวัตถุดิบเขาไม่ได้เลือกซื้อของที่แพงเกินไป เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบธรรมดา ๆ ที่มีราคารวมประมาณสองร้อยสามสิบหยวนเท่านั้นเมื่อครู่เขาสำรวจในอะพาร์ตเมนต์แล้ว และพบว่ามีอุปกรณ์ครัวครบครันเครื่องปรุงรสก็มีครบ ขาดเพียงข้าวกับเส้นบะหมี่เขาซื้อข้าวสองถุงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่อง จากนั้นก็ขนกลับไปอย่างสบาย ๆหญิงสาวทั้งสามกำลังทำความสะอาดห้องแม้ว่าเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่พวกเธอก็ทำงานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย การที่ได้พบกับหญิงสาวเช่นนี้สักคนก็นับว่าโชคดีมากแล้ว และเย่ซิวกลับพบพร้อมกันถึงสองคนเย่ซิวไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ เขาเอาของเข้าไปเก็บในห้องครัว แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวนที่ชวนให้น้ำลายสอโชคดีที่ประตูห้องครัวปิดอยู่ ไม่อย่างนั้นกลิ่นนี้คงลอยออกไปข้างนอกจนทำให้สามสาวไม่เป็นอันทำความสะอาดห
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ