เย่ซิวมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ “คุณทำความสะอาดเป็นด้วยเหรอ?”ในความเห็นของเขา ลูกสาวจากตระกูลร่ำรวยอย่างลู่เสวี่ยเอ๋อร์ น่าจะไม่เคยทำงานบ้านมาก่อนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ย่นจมูกที่น่ารักของเธอ ส่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ “เพื่อนนักศึกษาเย่ อย่าดูถูกฉันสิ ฉันทำงานบ้านบ่อยมากนะ”นี่เป็นเรื่องจริงแม้ว่าครอบครัวของลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะฐานะดี แต่พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้ตามใจเธอมากจนเกินไป บางสิ่งที่เธอควรทำก็ให้เธอทำ หลิ่วเมิ่งอิ๋นก้มหน้าลงจนแทบจะชิดอกเธอพบว่าผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเย่ซิวนั้นต่างก็ยอดเยี่ยมกว่าเธอทั้งนั้น และเธอไม่อาจแข่งขันด้วยได้เลย“สาวน้อยเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปถามอย่างเป็นห่วงขณะเดียวกันก็เหลือบมองความใหญ่โตของเธอ ที่พอก้มศีรษะลงมันก็บดบังจนมองไม่เห็นเท้าของตัวเองเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว เธอก็ถูกเล่นงานจนหมดท่าทำไมของเธอถึงใหญ่โตได้ขนาดนี้?น้ำเสียงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนโยนมาก หลิ่วเมิ่งอิ๋นเงยหน้าขึ้นยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวนักเรียนชายที่ผ่านมาเห็นฉากนี้แทบคลั่งด้วยความอิจฉาสาวงามทั้งสาม ที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ล้วนแส
เย่ซิวหัวเราะเมื่อถูกหญิงสาวทั้งสามมองอย่างสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากรอจนอาหารเสร็จแล้ว พวกเธอก็จะรู้เองหลังจากหยิบพวงกุญแจ เย่ซิวก็ออกไปที่ตลาดสดชั้นล่างเพื่อซื้อวัตถุดิบเขาไม่ได้เลือกซื้อของที่แพงเกินไป เพียงแค่ซื้อวัตถุดิบธรรมดา ๆ ที่มีราคารวมประมาณสองร้อยสามสิบหยวนเท่านั้นเมื่อครู่เขาสำรวจในอะพาร์ตเมนต์แล้ว และพบว่ามีอุปกรณ์ครัวครบครันเครื่องปรุงรสก็มีครบ ขาดเพียงข้าวกับเส้นบะหมี่เขาซื้อข้าวสองถุงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่อง จากนั้นก็ขนกลับไปอย่างสบาย ๆหญิงสาวทั้งสามกำลังทำความสะอาดห้องแม้ว่าเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่พวกเธอก็ทำงานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย การที่ได้พบกับหญิงสาวเช่นนี้สักคนก็นับว่าโชคดีมากแล้ว และเย่ซิวกลับพบพร้อมกันถึงสองคนเย่ซิวไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเธอ เขาเอาของเข้าไปเก็บในห้องครัว แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ในไม่ช้าห้องครัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอันเย้ายวนที่ชวนให้น้ำลายสอโชคดีที่ประตูห้องครัวปิดอยู่ ไม่อย่างนั้นกลิ่นนี้คงลอยออกไปข้างนอกจนทำให้สามสาวไม่เป็นอันทำความสะอาดห
“พี่เย่สุดยอดมากเลย หลังจากได้กินอาหารที่พี่ทำแล้ว ฉันก็กินอาหารของคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว”เย่ซิวหัวเราะ นี่ยังไม่ใช่จานเด็ดของเขา อาหารที่ทำวันนี้เป็นเพียงอาหารธรรมดาทั่วไปเท่านั้นหากเขาทำสุดความสามารถและใช้วัตถุดิบชั้นดีในการปรุงอาหารแล้วล่ะก็ จะต้องทำให้พวกเธอกินอาหารคนอื่นไม่ได้อีกเป็นเวลานานอย่างแน่นอน เย่ซิวรับผิดชอบทำความสะอาดอาหารบนโต๊ะ หลังจากทานเสร็จ หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็อาสาลุกขึ้นไปล้างจานส่วนเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไปทำงานที่เหลือต่อให้เสร็จหากพ่อแม่ของพวกเธอได้มาเห็นภาพนี้ พวกท่านคงจะต้องตกใจมากแน่ ๆ ลูกสาวสุดที่รักของพวกเขาทำความสะอาดบ้านอย่างขะมักเขม้นเพื่อผู้ชายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันจนกระทั่งเวลาสองทุ่ม ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และเซี่ยซิ่วซิ่วถึงลุกขึ้นและกล่าวคำอำลาเมื่อเดินออกมาถึงนอกหมู่บ้าน บอดี้การ์ดหญิงของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยืนรอเธออยู่ที่ประตู เมื่อมองไปที่บอดี้การ์ดหญิง จู่ ๆ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เกิดความคิดกล้าหาญขึ้นมาเธอวิ่งเหยาะ ๆ ไปหา ก่อนจะจับมือบอดี้การ์ดหญิง แล้วพูดอย่างออดอ้อน “พี่หมิ่นหมิ่น ฉันอยากย้ายบ้าน”ทั้งสองสนิทกันมาก และหมิ่นหมิ่นก็
เมื่อเปิดประตูก็เห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างน่ารัก ข้างหลังเธอมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่หลายใบวางอยู่“เพื่อนนักศึกษาลู่ นี่คุณ?”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์มีสีหน้าเขินอายเล็กน้อย “เอ่อ... อาหารที่เพื่อนนักศึกษาเย่ทำนั้นอร่อยมาก ฉันกลับไปแล้วพอคิดว่าจะไม่ได้กินอีกก็รู้สึกเศร้ามาก”“ฉันเลยอยากย้ายมาอยู่กับพวกเธอ จะได้เป็นเพื่อนกับน้องหลิ่วด้วย พวกนายชายหญิงอยู่ด้วยกันสองคนจะถูกนินทาได้ง่าย”“สำหรับผู้หญิงแล้วชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังนั้น...เพื่อนนักศึกษาเย่ให้ฉันย้ายมาอยู่ด้วยได้ไหม ฉันจะจ่ายค่าเช่าส่วนหนึ่ง และทำความสะอาดบ้านให้ด้วย”พูดจบ เธอก็กะพริบตากลมโต มองเย่ซิวอย่างประหม่าและคาดหวังเล็กน้อยเหตุผลของลู่เสวี่ยเอ๋อร์นั้นฟังดูสมเหตุสมผล เย่ซิวไม่สามารถหาข้อตำหนิใด ๆ ได้และนี่ก็สอดคล้องกับแผนการต่อไปของเย่ซิวด้วยในเมื่อลู่เสวี่ยเอ๋อร์เสนอตัวจะมาอยู่ร่วมกัน ดังนั้นเขาก็จะสามารถสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับหญิงสาวทั้งสองคนพร้อมกันได้“ได้สิ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมช่วยคุณขนของเข้ามาก็แล้วกัน”คำตอบของเย่ซิวทำให้ดวงตาของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สดใสขึ้นทันที“ขอบคุณนะเพื่อนนักศึกษาเย่ จากน
กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งลอยแตะจมูก เย่ซิวเงยหน้าขึ้นเนื่องจากมุมมองที่พอดี บวกกับที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นโน้มตัวลงมาข้างหน้า คอเสื้อของเธอจึงเปิดกว้าง พอหันไปมอง เย่ซิวก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดทันทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นเธอไม่ได้สวม…มันสร้างผลกระทบทางสายตาต่อเย่ซิวอย่างหนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเอาแต่มองตัวเองเหม่อลอย เธอจึงก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็อุทานเสียงหลงทันที ก่อนจะรีบนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นปิดคอเสื้อตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเห่อร้อนแทบระเหยเป็นไอเย่ซิวเองก็กระอักกระอ่วน และพูดขึ้นอย่างเขินอาย “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เห็นอะไรเลย”เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดอะไรขัดต่อความรู้สึกของตัวเองหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอายมากเช่นกัน เธอก้มหน้างุด ไม่กล้ามองเขาโชคดีที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปิดประตูเดินออกมาพอดี นั่นช่วยคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนลงได้บ้างหลิ่วเมิ่งอิ๋นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้น และตกตะลึงทันที “พี่เสวี่ยเอ๋อร์ ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่ได้?”เย่ซิวก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์สวมสายเดี๋ยวที่ดูเย็นสบายในท่อนบน ส
เย่ซิวรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี และนึกในใจว่า ‘คงไม่ใช่ ใช่ไหม?’สายตาของสองสาวก็จับจ้องไปที่ประตูเช่นกัน“ฉันไปเปิดเองค่ะ” หลิ่วเมิ่งอิ๋นลุกขึ้นจากโซฟา และเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่องผ่านตาแมวออกไปจากนั้นเธอก็นิ่งอึ้ง “เป็นพี่ซิ่วซิ่ว”สีหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเธอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?เย่ซิวเองก็มีสีหน้าแปลก ๆ หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดประตู เซี่ยซิ่วซิ่วที่ยืนอยู่นอกประตูใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องหลิ่ว เจอกันอีกแล้วนะ”ข้าง ๆ เซี่ยซิ่วซิ่วมีกระเป๋าเดินทางสองใบหลิ่วเมิ่งอิ๋นถามขึ้น “พี่ซิ่วซิ่ว นี่พี่…”เย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เดินมาที่ประตูรอยยิ้มของเซี่ยซิ่วซิ่วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอทักทายทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เป็นเพราะอาหารที่เพื่อนนักศึกษาเย่ทำเมื่อครู่ กลับไปแล้วยังติดใจอยู่เลย บางทีฉันอาจไม่สามารถกินอาหารที่คนอื่นทำได้แล้วน่ะสิ”“อีกอย่าง น้องหลิ่วอาศัยอยู่ตามลำพังกับเพื่อนนักศึกษาเย่ เธอเป็นเด็กสาว ดังนั้นจะถูกคนอื่นนินทาได้ง่าย”“ตามคำกล่าวที่ว่าหนึ่งเดียวสู่ทั้งปวง ทั้งปวงสู่หนึ่งเดียว ฉันจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพวกนายด้วย”“ไม่
กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเธอเกร็งขึ้น ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เข้ามาครอบงำเธอ“ผ่อนคลาย”เสียงของเย่ซิวดูเหมือนจะมีมนตร์สะกดลู่เสวี่ยเอ๋อร์มองเข้าไปในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเขานั้นแจ่มชัดมาก ซึ่งจู่ ๆ ก็ทำให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป จิตใจของเธอไม่บริสุทธิ์เหมือนกับเพื่อนนักศึกษาเย่เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายแม้ว่าขณะยืดกระดูกและเส้นลมปราณจะเจ็บมาก แต่เธอก็ยังทนได้ ไม่นานร่างกายท่อนบนก็ยืดเสร็จ สายตาของเย่ซิวจ้องลงไปที่ขาเรียวงามของเธอที่ภายใต้ถุงน่องสีดำหัวใจมีระลอกคลื่นเล็ก ๆ แต่ก็กลับมานิ่งเฉยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางมือทั้งสองลงบนนั้นสองนาทีต่อมา เส้นลมปราณและกระดูกของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถูกยืดอีกครั้งเย่ซิวเช็ดเหงื่อ งานนี้ต้องใช้พละกำลังมหาศาลส่วนลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนปวกเปียกอยู่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่แรงที่จะกะพริบตาตอนนี้หากเย่ซิวคิดจะทำอะไรกับเธอ เธอก็คงไม่มีแรงจะต่อต้านเลยแม้แต่น้อยหลังจากหายใจเข้าลึก เย่ซิวก็ช่วยพยุงลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่ง เอนตัวพิงหัวเตียง ก่อนจะจับมือทั้งสองของเธอ ประกบเข้าหากัน ค่อย ๆ ส่งพลังงานภายในของตัวเ
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วสั่นสะท้านความประทับใจที่มีต่อเย่ซิวหายไปแทบจะทันที“น่ารังเกียจ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!”เธอผลักประตูเข้าไปด้วยความโกรธ และกำลังจะด่าเย่ซิวแต่ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่เห็นกลับทำให้เซี่ยซิ่วซิ่วพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ภาพที่เธอจินตนาการไว้ทั้งสามยังคงสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น เย่ซิวกำลังจัดท่าทางแปลก ๆ ให้กับร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนี่เป็นท่ายากมาก เพียงแค่มองดู เธอก็รู้สึกปวดตัวแทนแล้วเย่ซิวไม่ได้สนใจเซี่ยซิ่วซิ่ว เขามุ่งความสนใจไปที่การยืดเหยียดร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเท่านั้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาจากร่างกายของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ พร้อมกับสารสีดำบางอย่างนี่คือสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาจากร่างกายเธอและร่างกายของเธอก็ดูผอมลงไปมากเมื่อเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วเข้ามา ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็อุทานพร้อมกับปีนลงจากเตียง และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปร่างกายของเธอมีกลิ่นเหม็นมาก จนเธอรู้สึกอยากอาเจียนเซี่ยซิ่วซิ่วตกตะลึงทันที “นี่พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังเจ็บปวด ส่วนเย่ซิวก็กำลังมีสมาธิมาก จนไม่มีใครให้คำตอบเ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย