กลิ่นครีมอาบน้ำหอมฟุ้งลอยแตะจมูก เย่ซิวเงยหน้าขึ้นเนื่องจากมุมมองที่พอดี บวกกับที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นโน้มตัวลงมาข้างหน้า คอเสื้อของเธอจึงเปิดกว้าง พอหันไปมอง เย่ซิวก็รู้สึกเลือดลมสูบฉีดทันทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นเธอไม่ได้สวม…มันสร้างผลกระทบทางสายตาต่อเย่ซิวอย่างหนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเอาแต่มองตัวเองเหม่อลอย เธอจึงก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็อุทานเสียงหลงทันที ก่อนจะรีบนั่งตัวตรง ยกมือขึ้นปิดคอเสื้อตัวเองไว้ ใบหน้าของเธอแดงก่ำเห่อร้อนแทบระเหยเป็นไอเย่ซิวเองก็กระอักกระอ่วน และพูดขึ้นอย่างเขินอาย “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่เห็นอะไรเลย”เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดอะไรขัดต่อความรู้สึกของตัวเองหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอายมากเช่นกัน เธอก้มหน้างุด ไม่กล้ามองเขาโชคดีที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปิดประตูเดินออกมาพอดี นั่นช่วยคลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนลงได้บ้างหลิ่วเมิ่งอิ๋นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็เงยหน้าขึ้น และตกตะลึงทันที “พี่เสวี่ยเอ๋อร์ ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่ได้?”เย่ซิวก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์สวมสายเดี๋ยวที่ดูเย็นสบายในท่อนบน ส
เย่ซิวรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี และนึกในใจว่า ‘คงไม่ใช่ ใช่ไหม?’สายตาของสองสาวก็จับจ้องไปที่ประตูเช่นกัน“ฉันไปเปิดเองค่ะ” หลิ่วเมิ่งอิ๋นลุกขึ้นจากโซฟา และเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่องผ่านตาแมวออกไปจากนั้นเธอก็นิ่งอึ้ง “เป็นพี่ซิ่วซิ่ว”สีหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่าเธอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?เย่ซิวเองก็มีสีหน้าแปลก ๆ หลิ่วเมิ่งอิ๋นเปิดประตู เซี่ยซิ่วซิ่วที่ยืนอยู่นอกประตูใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องหลิ่ว เจอกันอีกแล้วนะ”ข้าง ๆ เซี่ยซิ่วซิ่วมีกระเป๋าเดินทางสองใบหลิ่วเมิ่งอิ๋นถามขึ้น “พี่ซิ่วซิ่ว นี่พี่…”เย่ซิวและลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เดินมาที่ประตูรอยยิ้มของเซี่ยซิ่วซิ่วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เธอทักทายทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เป็นเพราะอาหารที่เพื่อนนักศึกษาเย่ทำเมื่อครู่ กลับไปแล้วยังติดใจอยู่เลย บางทีฉันอาจไม่สามารถกินอาหารที่คนอื่นทำได้แล้วน่ะสิ”“อีกอย่าง น้องหลิ่วอาศัยอยู่ตามลำพังกับเพื่อนนักศึกษาเย่ เธอเป็นเด็กสาว ดังนั้นจะถูกคนอื่นนินทาได้ง่าย”“ตามคำกล่าวที่ว่าหนึ่งเดียวสู่ทั้งปวง ทั้งปวงสู่หนึ่งเดียว ฉันจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพวกนายด้วย”“ไม่
กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายของเธอเกร็งขึ้น ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เข้ามาครอบงำเธอ“ผ่อนคลาย”เสียงของเย่ซิวดูเหมือนจะมีมนตร์สะกดลู่เสวี่ยเอ๋อร์มองเข้าไปในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเขานั้นแจ่มชัดมาก ซึ่งจู่ ๆ ก็ทำให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป จิตใจของเธอไม่บริสุทธิ์เหมือนกับเพื่อนนักศึกษาเย่เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายแม้ว่าขณะยืดกระดูกและเส้นลมปราณจะเจ็บมาก แต่เธอก็ยังทนได้ ไม่นานร่างกายท่อนบนก็ยืดเสร็จ สายตาของเย่ซิวจ้องลงไปที่ขาเรียวงามของเธอที่ภายใต้ถุงน่องสีดำหัวใจมีระลอกคลื่นเล็ก ๆ แต่ก็กลับมานิ่งเฉยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางมือทั้งสองลงบนนั้นสองนาทีต่อมา เส้นลมปราณและกระดูกของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ถูกยืดอีกครั้งเย่ซิวเช็ดเหงื่อ งานนี้ต้องใช้พละกำลังมหาศาลส่วนลู่เสวี่ยเอ๋อร์อ่อนปวกเปียกอยู่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่แรงที่จะกะพริบตาตอนนี้หากเย่ซิวคิดจะทำอะไรกับเธอ เธอก็คงไม่มีแรงจะต่อต้านเลยแม้แต่น้อยหลังจากหายใจเข้าลึก เย่ซิวก็ช่วยพยุงลู่เสวี่ยเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่ง เอนตัวพิงหัวเตียง ก่อนจะจับมือทั้งสองของเธอ ประกบเข้าหากัน ค่อย ๆ ส่งพลังงานภายในของตัวเ
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วสั่นสะท้านความประทับใจที่มีต่อเย่ซิวหายไปแทบจะทันที“น่ารังเกียจ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!”เธอผลักประตูเข้าไปด้วยความโกรธ และกำลังจะด่าเย่ซิวแต่ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่เห็นกลับทำให้เซี่ยซิ่วซิ่วพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ภาพที่เธอจินตนาการไว้ทั้งสามยังคงสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น เย่ซิวกำลังจัดท่าทางแปลก ๆ ให้กับร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนี่เป็นท่ายากมาก เพียงแค่มองดู เธอก็รู้สึกปวดตัวแทนแล้วเย่ซิวไม่ได้สนใจเซี่ยซิ่วซิ่ว เขามุ่งความสนใจไปที่การยืดเหยียดร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเท่านั้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาจากร่างกายของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ พร้อมกับสารสีดำบางอย่างนี่คือสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาจากร่างกายเธอและร่างกายของเธอก็ดูผอมลงไปมากเมื่อเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วเข้ามา ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็อุทานพร้อมกับปีนลงจากเตียง และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปร่างกายของเธอมีกลิ่นเหม็นมาก จนเธอรู้สึกอยากอาเจียนเซี่ยซิ่วซิ่วตกตะลึงทันที “นี่พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังเจ็บปวด ส่วนเย่ซิวก็กำลังมีสมาธิมาก จนไม่มีใครให้คำตอบเ
หลังจากที่ทั้งสามได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋น ก็มีความคิดที่แตกต่างกันในใจเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกตกตะลึงส่วนสิ่งที่ลอยเข้ามาในหัวของเย่ซิวคือ ‘แม่พันธุ์ที่ดี’เซี่ยซิ่วซิ่วรีบลงจากโซฟา ก่อนเข้าไปบีบจับลูบคลำร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยความอิจฉา“ผิวเธอดีมากเลย แถมยังสูงขึ้นด้วย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่เตี้ยที่สุดในสี่คนแล้ว”ที่จริงเธอไม่ได้ถือว่าเตี้ย เพราะเธอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตร แต่ตอนนี้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตรหลิ่วเมิ่งอิ๋นสูงเกือบหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรเดิมทีทั้งสามคนมีความสูงเท่ากัน แต่ภายในไม่กี่ชั่วโมง เซี่ยซิ่วซิ่วก็ถูกทิ้งห่างในทุกด้านนอกจากช่องว่างขนาดใหญ่ทางจิตใจแล้ว ยังมีความกดดันอีกด้วยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เย่ซิวจะต้องหลงใหลพวกเธออย่างแน่นอน และเธอก็จะไม่มีโอกาสเอาชนะใจเขาได้เลยหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอายที่ถูกเซี่ยซิ่วซิ่วทำอย่างนั้น ในขณะเดียวกันก็เหลือบมองเย่ซิวด้วยหางตาเมื่อเห็นว่าเย่ซิวก็มองมาที่ตัวเอง แถมสายตาของเขายังไปหยุดอยู่ที่จุดนั้น หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็รู้สึกทั้งเขินและดีใจในเวลาเดียวกัน‘พี่เย่ก็
พวกเขาแวะซื้อซาลาเปาริมถนนลุงคนขายซาลาเปาถูกพวกหลิ่วเมิ่งอิ๋นดึงดูดทันทีภรรยาที่อยู่ด้านข้างดึงหูของเขาด้วยความโกรธ จนคุณลุงร้องออกมาเสียงดัง ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาหัวเราะลั่นเย่ซิวส่ายหัวก่อนจะหยิบซาลาเปามา และเซี่ยซิ่วซิ่วก็ออกตัวจ่ายเงินตอนนี้เธอถูกลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นแย่งแสงไปหมดแล้ว ในระยะเวลาสั้น ๆ รูปร่างภายนอกของเธอไม่สามารถแข่งกับทั้งสองคนได้ ดังนั้นเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องทำตัวดี ๆ ให้มากพอ เพื่อที่เย่ซิวจะได้หันมามองเธอด้วยสายตาที่ต่างออกไป ทั้งสี่คนเดินไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและทำให้เกิดการจราจรติดขัดตลอดทางผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้วต่างก็จับจ้องมาที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำเอาเหล่าคู่ควงของพวกเขาโกรธเคืองจนต้องหยิกเนื้อพวกเขาแรง ๆ เมื่อไปถึงประตูมหาวิทยาลัย ก็ยิ่งอึกทึกครึกโครมยิ่งขึ้นไปอีกทั้งชายและหญิงต่างก็คลั่งไคล้กันไปหมดลู่เสวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ถูกล้อมจนไร้ทางไป“พระเจ้า สวยมาก!”“โลกนี้มีผู้หญิงที่สวยและหุ่นดีขนาดนี้ได้ยังไง เหมือนนางฟ้าลงมาจากสวรรค์เลย!”“เมื่อก่อนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็สวยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ดูเปล่
เย่ซิวมองเวลา และขมวดคิ้ว“อาจารย์ครับ ผมไม่ได้มาสาย ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองนาทีก่อนจะเริ่มเรียน”เมื่ออาจารย์ชาวต่างชาติได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววโกรธ “มาสายแล้วยังกล้าเถียงอีก แค่มาสายกว่าฉันก็ถือว่าสายแล้ว!”“เป็นนักศึกษาแต่กล้ามาสายกว่าครู เธอยังมีความเคารพครูผู้สอนอยู่ไหม? อย่างเธอคู่ควรจะเป็นนักเรียนอย่างนั้นเหรอ?!”สิ่งที่เขาพูดนั้นฟังดูรุนแรงมาก และดูจะมากเกินไปด้วยซ้ำนักเรียนในห้องหลายคนรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของเย่ซิวอาจารย์ชาวต่างชาติคนนี้ไม่เพียงแต่มีอารมณ์ร้อนเท่านั้น แต่เขายังมีกำลังมากอีกด้วยครั้งหนึ่งมีนักเรียนสามสี่คนรุมเขา แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ กลับกลายเป็นว่านักเรียนเหล่าถูกต่อยจนหน้าตาบวมปูดกันหมดงานนี้เย่ซิวแย่แน่เย่ซิวรู้สึกรำคาญเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ไร้เหตุผลสิ้นดีเขาขี้เกียจเกินกว่าจะมัวพูดเรื่องไร้สาระ จึงเดินตรงเข้าไปที่ห้องเรียน“อวดดีเกินไปแล้ว!”อาจารย์ชาวต่างชาติตะโกนลั่น และวิ่งเข้าไปหาเย่ซิว พร้อมตั้งท่าเตะเข้าที่หน้าของเขาพลังในลูกเตะนี้น่ากลัวมากดวงตาของเย่ซิววาววับอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้หยาบคายมากจริง ๆ เป็นเพีย
อาจารย์ต่างชาติเดินจากไป และไม่ได้กลับมาอีกคาดว่าคงไม่มีหน้ากลับมาแล้วคาบเรียนนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีใครมารบกวนเขาด้วยเสียงออดดังขึ้น และทุกคนก็ยังคงไม่ขยับเมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่กล้าออกไปทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามก็โผล่เข้ามาจากนอกประตูผมสีดำยาวตรงของเธอตกลงมา นับเป็นภาพที่สวยงามมากฉากนี้ทำให้นักศึกษาทุกคนในห้องตะลึงทันทีสายตาที่เฉียบแหลมของลู่เสวี่ยเอ๋อร์กวาดไปรอบ ๆ ห้องเรียน และเมื่อเธอเห็นเย่ซิว ใบหน้าของเธอก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีเธอวิ่งเข้าไปนั่งข้างเย่ซิ่ว และวางขวดนมเปรี้ยวลงบนโต๊ะของเขา“เพื่อนนักศึกษาเย่ เรียนคาบหนึ่งแล้วนายคงจะคอแห้งใช่ไหม? ดื่มนี่สิ”เย่ซิวเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยิ้ม จากนั้นก็ลูบศีรษะเธอเบา ๆ “เด็กดี” เขาตั้งใจจะให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ในฐานะภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงลูบศีรษะเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติแต่การกระทำนี้ทำให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กระสับกระส่าย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงราวกับลูกแอปเปิล“เอ่อ...ฉัน...ยังมีธุระอื่น...ขอตัวก่อนนะ...”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ตะกุกตะกักเล็กน้อย พูดจบก็ก้มหัวต่ำไม่กล้ามองเย่ซิว ก่อนจะรีบออก
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส
เสาไอพลังโอสถพุ่งขึ้นฟ้าด้วยแรงมหาศาลราวกับค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบกระแทกลงกลางใจของทุกคนอย่างแรงรั่วอวิ๋นแทบล้มทั้งยืน ปากสวย ๆ ของเธออ้าค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้หลายฟองเธอมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีเย่ซิวโบกมือเบา ๆ จากนั้นโอสถจำนวนมหาศาลก็ลอยออกมาจากเตากลั่นและพุ่งขึ้นไปลอยเหนือศีรษะของเขาดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าหมื่นเม็ดโอสถจำนวนมากขนาดนั้นรวมตัวกันจนกลายเป็นเมฆโอสถที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวไม่ต้องพูดถึงบรรดาศิษย์ แต่ละคนถึงกับอ้าปากค้างไปแล้วแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้มาก่อนทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวโบกมืออีกครั้งโอสถกว่าหมื่นเม็ดแยกออกเป็นส่วนย่อย ๆ ลอยกระจายไปตรงหน้าของทุกคนในสนามจากนั้นก็ได้ยินเสียงเย่ซิวพูดว่า “ในเมื่อผมมาอยู่ที่นี่แล้ว เราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันโอสถพวกนี้ก็ถือเป็นของขวัญแนะนำตัวจากผมก็แล้วกันผมเป็นคนคุยง่ายนะ ถ้าคุณให้เกียรติผม ผมก็จะให้เกียรติคุณแต่ถ้าคิดจะเล่นสกปรกกับผม ผมก็จะขยี้ให้แหลกไม่เหลือเหมือนกัน”เด็กสาวหน้ากลมคนหนึ่งมองเย่ซิวอย่างไม่แน่ใจ “ศิษย์พี่เย่พู
เพียงแต่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ได้“เอาล่ะ การประลองครั้งนี้ถือว่าจบลงตรงนี้ เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหลายกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกหนึ่งถึงสองวันจะมีประกาศว่าพวกนายจะได้เป็นศิษย์ของท่านอาวุโสท่านใด”“เดี๋ยวก่อนครับ”จู่ ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นมาอีกครั้งเจ้าสำนักเริ่มหมดความอดทนแล้ว ก่อนจะมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบ “นายยังมีอะไรอีก”เขาเริ่มหมดความอดทนกับเจ้าหมอนี่ที่ทำให้เขาเสียหน้า แถมยังทำให้เขาเสียหายหลายอย่างด้วยเย่ซิวทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่เย็นยะเยือกน่ากลัวของอีกฝ่าย ยังคงยิ้มแล้วหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า“พวกคุณอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือผมเป็นนักปรุงยา”เฉินเยียนจือที่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองเย่ซิวยังไงก็ไม่ชอบใจเอาเสียเลยทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบแย้งขึ้นมา “นายเพิ่งจะได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรั่วอวิ๋นเอง ยังไม่ทันได้เป็นนักปรุงยาฝึกหัดด้วยซ้ำ กล้าพูดจาแบบนี้ได้ยังไง”เย่ซิวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อายุแค่นี้ทำไมพูดมากนักล่ะ พ่อแม่ไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง? ไร้การอบรมเสียจริง!”เจ้าสำนักที่อยู่ไม่ไกลถึงกับหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัดเขาอยากจะตบเจ้าเด
สีหน้าของเจ้าสำนักเริ่มบึ้งตึงเล็กน้อยความรู้สึกที่มีต่อเย่ซิวแย่ลงทันตาจนถึงขั้นรู้สึกขยะแขยงเรื่องที่ทุกคนในที่นี้ก็ดูออกกันหมด ไม่รู้ว่าเขาแกล้งโง่หรือไม่รู้จริง ๆคนที่มีไหวพริบหน่อยก็ควรจะแกล้งทำเป็นไม่รู้และปล่อยให้เรื่องผ่านไปเงียบ ๆแต่เย่ซิวกลับพูดออกมาตรง ๆ ต่อหน้าทุกคน ไม่มีการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยแถมยังจะเหมารางวัลสิบอันดับแรกไปคนเดียว มันช่างโลภเสียจริงแต่เขาก็ไม่คิดย้อนดูตัวเองบ้างว่าเป็นคนตอบตกลงไปก่อนเอง แล้วตอนนี้จะมาขอเปลี่ยนใจได้ยังไงเฉินเยียนจือลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะใช้นิ้วชี้หน้าเย่ซิวแล้วตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย “นายนี่ชักจะเกินไปแล้ว นายพูดกับเจ้าสำนักแบบนี้ได้ยังไง? ไม่มีสัมมาคารวะเลยสักนิด รีบคุกเข่าขอโทษเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวไม่หันไปมองเฉินเยียนจือเลยแม้แต่น้อยเขาได้ยินคำพูดที่ผู้หญิงคนนี้พูดก่อนหน้านี้ชัดเจนทุกคำ ได้ยินทั้งคำพูดหยาบคายและดูถูกเขาแบบไม่ตกหล่นสักคำเย่ซิวเกาหูเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองฟ้า “แปลกแฮะ ทำไมได้ยินเสียงหมาเห่าล่ะ?”“นาย!!!” เฉินเยียนจือหน้าแดงก่ำ พลางจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ “ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉันมาก่อนเลยนะ
“อาคมธาตุลมที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ คนทั่วไปไม่มีทางใช้ได้แน่นอน หรือว่าเขาจะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์หายาก!”“ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้เห็นคนที่มีรากวิญญาณกลายพันธุ์กับตา!”“รากวิญญาณแบบนี้มีศักยภาพสูงมาก อาจจะกลายเป็นอัจฉริยะที่มีโอกาสทะลวงถึงระดับมหายานในอนาคตเลยนะ”“เย่ซิวคงถึงคราวลำบากแล้ว ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่น่าจะสู้กับคนที่มีรากวิญญาณธาตุลมได้หรอก”……สายตาของหนานกงอู๋ซวงลุกวาวขึ้นมาทันทีเขาจ้องมองเด็กหนุ่มที่เปล่งประกายอยู่บนเวทีอย่างไม่กะพริบตา “ในที่สุดก็เจอคนที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากสู้ด้วยสักที”เย่ซิวยิ้มมุมปาก “ที่โอหังแบบนี้ก็เพราะมีรากวิญญาณกลายพันธุ์สินะ”ท่ามกลางอาคมลมอันรุนแรงที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา เย่ซิวก็กำหมัดขวาแน่น พลังโลหิตในร่างพลุ่งพล่านแล้วชกออกไปหมัดหนึ่งทันทีที่หมัดถูกปล่อยออกไปก็เหมือนกับมีเสียงกลองยักษ์ดังสนั่นขึ้นมาจนทำให้หลายคนลมหายใจติดขัด สีหน้าตกใจสุดขีดจากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าลมทั้งหมดที่อยู่บนเวทีถูกหมัดนั้นกวาดหายไปหมดเด็กหนุ่มคนนั้นถูกแรงปะทะของหมัดที่ทรงพลังจนถอยกรูดไปไกลเป็นร้อยเมตรใบหน้าเขาขาวสลับแดง หัวใจรู้สึกตื่นตระ
เย่ซิววิ่งพุ่งเข้าไปหาศิษย์คนสุดท้ายเขาต่อยออกไปหมัดหนึ่ง แต่ในวินาทีนั้นเอง แววตาของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปทันทีเหมือนจากคนธรรมดากลายเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ในพริบตาอีกฝ่ายใช้ฝีเท้าอันแปลกประหลาดก้าวไปบนเวทีและทิ้งเงาร่างไว้เป็นสาย พลางหลบหลีกการโจมตีของเย่ซิวไปได้อย่างหวุดหวิดปัง! ปัง! ปัง!เสียงของผู้เข้าแข่งขันอีกแปดคนที่ร่วงจากเวทีเพิ่งจะดังขึ้นในตอนนั้นตูม!เสียงที่เหมือนมีฟ้าผ่าลั่นกลางลานประลองทำเอาทุกคนในสนามรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสถึงกับตกตะลึงเดิมทีต่างก็คิดว่าเย่ซิวแค่ทำตัวเด่นและเรียกร้องความสนใจทว่าเมื่อเขาเผยพลังเพียงเล็กน้อยออกมา ทุกคนถึงได้รู้ว่าที่แท้เขาไม่ได้เย่อหยิ่งโอหัง แต่เป็นเพราะเขามีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างแท้จริงต่างหากทันใดนั้นเอง สายตาของผู้คนที่มองเขาก็เปลี่ยนไปชนิดพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ“โห ศิษย์พี่เย่ซิวเก่งมากเลย” “แถมในอนาคตยังจะได้เป็นนักปรุงยาอีก หน้าตาก็หล่อเหลาสุด ๆ” “เขาคือคู่ชีวิตในฝันของฉันเลย” “เขาแต่งงานแล้วหรือยังนะ?” “อยากแต่งงานกับเขาจังเลย”……แววตาของหนานกงอู๋ซวงวาววับขึ้นมาส่วนเฉินเยียนจือที่นั่งข้
และผู้อาวุโสสองคนนั้นก็นั่งหลับตาพริ้มราวกับไม่สนใจสถานการณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อยดูจากท่าทีแล้วน่าจะเป็นคนจากฝ่ายอนุรักษนิยมทุกครั้งที่มีการประลองระหว่างศิษย์ใหม่แบบนี้ สิบอันดับแรกมักจะถูกดึงตัวไปอยู่สายเซียนกระบี่ทุกครั้งพอนานเข้าฝ่ายอนุรักษ์ก็เลยเริ่มจะปลง ๆแต่ละปีจึงส่งแค่ผู้อาวุโสสองคนมาร่วมงานเท่านั้นส่วนที่เหลือจะไปปิดด่านบำเพ็ญตนหรือไม่ก็ออกเดินทางโดยหวังจะไปเจอศิษย์ฝีมือดีสักคนแค่นี้ก็พอมองออกแล้วว่าฝ่ายอนุรักษ์กำลังอยู่ในจุดลำบากแค่ไหนเย่ซิวพลันมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาเพียงแต่ความคิดนี้ยังไม่สมบูรณ์เขาเดินกลับมาที่ด้านหลังรั่วอวิ๋นรั่วอวิ๋นหันไปมองเขาตาขวาง “เจ้าเด็กนี่ ชอบหาเรื่องให้ปวดหัวจริง ๆ”เย่ซิวยิ้ม ๆ ไม่ได้เถียงอะไรกับเธอท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้รั่วอวิ๋นโมโหเข้าไปใหญ่เหมือนเธอเป็นคนงี่เง่าอยู่ฝ่ายเดียวยังไงยังงั้นการแข่งขันยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆยิ่งเวลาผ่านไป ศิษย์ใหม่หลายคนก็เริ่มเผยความสามารถจนดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้อาวุโสได้ไม่น้อยจากนั้นก็เริ่มผ่านการคัดออกทีละรอบ ๆ จากกว่าห้าร้อยคนจนเที่ยงวันเหลืออยู่เพียงยี่สิบคนอีกไม่นานก็จะไ
ทันทีที่ขึ้นเวที เย่ซิวก็สังเกตเห็นว่าหลี่ต้าไห่กับหลี่เฟิงสายตาหากันเขาก็เดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ทันทีอีกทั้งสัมผัสด้านการรับรู้ของเย่ซิวยังไวมากเขารู้สึกได้ถึงความตั้งใจเล่นงานที่แผ่ออกมาจากตัวหลี่ต้าไห่อย่างชัดเจนแม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามปิดบังไว้ก็ตามทีตอนนี้เองหลี่ต้าไห่ก็ลงมือใช้กระบวนท่าอย่างสุดกำลัง ปล่อยปราณกระบี่พุ่งออกมาราวกับแสงอาทิตย์จ้าจนเกิดแสงสว่างวาบขึ้นทำให้พวกที่พลังไม่สูงนักต้องหลับตาลงโดยอัตโนมัติแต่เหล่าผู้อาวุโสหลายคนกลับมองเห็นถึงความผิดปกติได้ เพียงแต่ไม่มีใครพูดอะไรรั่วอวิ๋นถึงกับโกรธจัดเพราะเธอเห็นว่าในปราณกระบี่นั้นมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ด้วย“เข็มอัปมงคล!”ของสิ่งนี้ดูเหมือนไม่มีพิษสงอะไร แต่ในความจริงแล้วอันตรายสุด ๆถ้าเจาะเข้าสู่ร่างกายจะทำลายเส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง อวัยวะภายในทั้งหมด และสุดท้ายยังสามารถทำลายจุดตันเถียนของเป้าหมายได้อีกด้วยเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่ชั่วร้ายแบบสุดขีดรั่วอวิ๋นรีบลุกพรวดขึ้นทันทีแม้จะรู้ว่ารีบลงมือตอนนี้อาจจะไม่ทันการ แต่เธอก็ไม่อาจทนมองเย่ซิวถูกเล่นงานอยู่เฉย ๆ ได้ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได
เธอมีพรสวรรค์โดดเด่น แถมยังได้รับความรักความเอ็นดูจากเจ้าสำนักเป็นพิเศษและเธอยังเป็นคู่หมั้นของหนานกงอู๋ซวงอีกด้วยหนานกงอู๋ซวงละสายตากลับมาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ก็แค่ตัวตลกไร้สาระ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”“นั่นสิ เขาเทียบกับพี่อู๋ซวงไม่ได้เลยสักนิด”เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ถ้านายมีความสามารถถึงขนาดนั้น ของรางวัลทั้งหมดก็ยกให้นายได้ ไม่มีปัญหา”เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะทำได้จริงเย่ซิวพยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก”ในเมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้ว งั้นก็แสดงฝีมือออกมาเล็กน้อยเพื่อกวาดรางวัลทั้งหมดไปก็แล้วกันจางเสี่ยวอวี๋รีบขยับเข้ามาใกล้ เธอดึงชายเสื้อเย่ซิวแล้วกระซิบ “นายบ้าไปแล้วเหรอ คิดยังไงถึงพูดอะไรแบบนั้นออกมาถ้าแพ้ขึ้นมา จะไม่ใช่แค่นายที่ขายหน้า แต่ท่านอาจารย์ก็จะเสียหน้าด้วยนะ”เย่ซิวหันมามองเธอก่อนจะตอบสั้น ๆ “พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”จางเสี่ยวอวี๋ถึงกับกลอกตาแรง ๆ พลางรู้สึกว่านายคนนี้คงหมดทางเยียวยาแล้วจริง ๆหลังจากเรื่องหยุมหยิมนั้นผ่านไป การประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีผู้อาวุโสคนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นกรรมการ และเริ่มจับ