เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วสั่นสะท้านความประทับใจที่มีต่อเย่ซิวหายไปแทบจะทันที“น่ารังเกียจ เขาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!”เธอผลักประตูเข้าไปด้วยความโกรธ และกำลังจะด่าเย่ซิวแต่ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพที่เห็นกลับทำให้เซี่ยซิ่วซิ่วพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ภาพที่เธอจินตนาการไว้ทั้งสามยังคงสวมใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น เย่ซิวกำลังจัดท่าทางแปลก ๆ ให้กับร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นนี่เป็นท่ายากมาก เพียงแค่มองดู เธอก็รู้สึกปวดตัวแทนแล้วเย่ซิวไม่ได้สนใจเซี่ยซิ่วซิ่ว เขามุ่งความสนใจไปที่การยืดเหยียดร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเท่านั้นมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาจากร่างกายของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ พร้อมกับสารสีดำบางอย่างนี่คือสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาจากร่างกายเธอและร่างกายของเธอก็ดูผอมลงไปมากเมื่อเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วเข้ามา ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็อุทานพร้อมกับปีนลงจากเตียง และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปร่างกายของเธอมีกลิ่นเหม็นมาก จนเธอรู้สึกอยากอาเจียนเซี่ยซิ่วซิ่วตกตะลึงทันที “นี่พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังเจ็บปวด ส่วนเย่ซิวก็กำลังมีสมาธิมาก จนไม่มีใครให้คำตอบเ
หลังจากที่ทั้งสามได้เห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋น ก็มีความคิดที่แตกต่างกันในใจเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกตกตะลึงส่วนสิ่งที่ลอยเข้ามาในหัวของเย่ซิวคือ ‘แม่พันธุ์ที่ดี’เซี่ยซิ่วซิ่วรีบลงจากโซฟา ก่อนเข้าไปบีบจับลูบคลำร่างกายของหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยความอิจฉา“ผิวเธอดีมากเลย แถมยังสูงขึ้นด้วย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่เตี้ยที่สุดในสี่คนแล้ว”ที่จริงเธอไม่ได้ถือว่าเตี้ย เพราะเธอสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตร แต่ตอนนี้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเซนติเมตรหลิ่วเมิ่งอิ๋นสูงเกือบหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรเดิมทีทั้งสามคนมีความสูงเท่ากัน แต่ภายในไม่กี่ชั่วโมง เซี่ยซิ่วซิ่วก็ถูกทิ้งห่างในทุกด้านนอกจากช่องว่างขนาดใหญ่ทางจิตใจแล้ว ยังมีความกดดันอีกด้วยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เย่ซิวจะต้องหลงใหลพวกเธออย่างแน่นอน และเธอก็จะไม่มีโอกาสเอาชนะใจเขาได้เลยหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอายที่ถูกเซี่ยซิ่วซิ่วทำอย่างนั้น ในขณะเดียวกันก็เหลือบมองเย่ซิวด้วยหางตาเมื่อเห็นว่าเย่ซิวก็มองมาที่ตัวเอง แถมสายตาของเขายังไปหยุดอยู่ที่จุดนั้น หลิ่วเมิ่งอิ๋นก็รู้สึกทั้งเขินและดีใจในเวลาเดียวกัน‘พี่เย่ก็
พวกเขาแวะซื้อซาลาเปาริมถนนลุงคนขายซาลาเปาถูกพวกหลิ่วเมิ่งอิ๋นดึงดูดทันทีภรรยาที่อยู่ด้านข้างดึงหูของเขาด้วยความโกรธ จนคุณลุงร้องออกมาเสียงดัง ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาหัวเราะลั่นเย่ซิวส่ายหัวก่อนจะหยิบซาลาเปามา และเซี่ยซิ่วซิ่วก็ออกตัวจ่ายเงินตอนนี้เธอถูกลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นแย่งแสงไปหมดแล้ว ในระยะเวลาสั้น ๆ รูปร่างภายนอกของเธอไม่สามารถแข่งกับทั้งสองคนได้ ดังนั้นเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องทำตัวดี ๆ ให้มากพอ เพื่อที่เย่ซิวจะได้หันมามองเธอด้วยสายตาที่ต่างออกไป ทั้งสี่คนเดินไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและทำให้เกิดการจราจรติดขัดตลอดทางผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้วต่างก็จับจ้องมาที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำเอาเหล่าคู่ควงของพวกเขาโกรธเคืองจนต้องหยิกเนื้อพวกเขาแรง ๆ เมื่อไปถึงประตูมหาวิทยาลัย ก็ยิ่งอึกทึกครึกโครมยิ่งขึ้นไปอีกทั้งชายและหญิงต่างก็คลั่งไคล้กันไปหมดลู่เสวี่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ถูกล้อมจนไร้ทางไป“พระเจ้า สวยมาก!”“โลกนี้มีผู้หญิงที่สวยและหุ่นดีขนาดนี้ได้ยังไง เหมือนนางฟ้าลงมาจากสวรรค์เลย!”“เมื่อก่อนลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็สวยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ดูเปล่
เย่ซิวมองเวลา และขมวดคิ้ว“อาจารย์ครับ ผมไม่ได้มาสาย ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองนาทีก่อนจะเริ่มเรียน”เมื่ออาจารย์ชาวต่างชาติได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววโกรธ “มาสายแล้วยังกล้าเถียงอีก แค่มาสายกว่าฉันก็ถือว่าสายแล้ว!”“เป็นนักศึกษาแต่กล้ามาสายกว่าครู เธอยังมีความเคารพครูผู้สอนอยู่ไหม? อย่างเธอคู่ควรจะเป็นนักเรียนอย่างนั้นเหรอ?!”สิ่งที่เขาพูดนั้นฟังดูรุนแรงมาก และดูจะมากเกินไปด้วยซ้ำนักเรียนในห้องหลายคนรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของเย่ซิวอาจารย์ชาวต่างชาติคนนี้ไม่เพียงแต่มีอารมณ์ร้อนเท่านั้น แต่เขายังมีกำลังมากอีกด้วยครั้งหนึ่งมีนักเรียนสามสี่คนรุมเขา แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ กลับกลายเป็นว่านักเรียนเหล่าถูกต่อยจนหน้าตาบวมปูดกันหมดงานนี้เย่ซิวแย่แน่เย่ซิวรู้สึกรำคาญเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ไร้เหตุผลสิ้นดีเขาขี้เกียจเกินกว่าจะมัวพูดเรื่องไร้สาระ จึงเดินตรงเข้าไปที่ห้องเรียน“อวดดีเกินไปแล้ว!”อาจารย์ชาวต่างชาติตะโกนลั่น และวิ่งเข้าไปหาเย่ซิว พร้อมตั้งท่าเตะเข้าที่หน้าของเขาพลังในลูกเตะนี้น่ากลัวมากดวงตาของเย่ซิววาววับอย่างเย็นชาผู้ชายคนนี้หยาบคายมากจริง ๆ เป็นเพีย
อาจารย์ต่างชาติเดินจากไป และไม่ได้กลับมาอีกคาดว่าคงไม่มีหน้ากลับมาแล้วคาบเรียนนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีใครมารบกวนเขาด้วยเสียงออดดังขึ้น และทุกคนก็ยังคงไม่ขยับเมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังอยู่ที่นั่น พวกเขาก็ไม่กล้าออกไปทันใดนั้นใบหน้าที่งดงามก็โผล่เข้ามาจากนอกประตูผมสีดำยาวตรงของเธอตกลงมา นับเป็นภาพที่สวยงามมากฉากนี้ทำให้นักศึกษาทุกคนในห้องตะลึงทันทีสายตาที่เฉียบแหลมของลู่เสวี่ยเอ๋อร์กวาดไปรอบ ๆ ห้องเรียน และเมื่อเธอเห็นเย่ซิว ใบหน้าของเธอก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีเธอวิ่งเข้าไปนั่งข้างเย่ซิ่ว และวางขวดนมเปรี้ยวลงบนโต๊ะของเขา“เพื่อนนักศึกษาเย่ เรียนคาบหนึ่งแล้วนายคงจะคอแห้งใช่ไหม? ดื่มนี่สิ”เย่ซิวเงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วยิ้ม จากนั้นก็ลูบศีรษะเธอเบา ๆ “เด็กดี” เขาตั้งใจจะให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ในฐานะภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงลูบศีรษะเธอได้อย่างเป็นธรรมชาติแต่การกระทำนี้ทำให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กระสับกระส่าย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงราวกับลูกแอปเปิล“เอ่อ...ฉัน...ยังมีธุระอื่น...ขอตัวก่อนนะ...”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ตะกุกตะกักเล็กน้อย พูดจบก็ก้มหัวต่ำไม่กล้ามองเย่ซิว ก่อนจะรีบออก
ทุกคนในห้องเรียนต่างก็รู้สึกชาไปทั้งตัวเซี่ยซิ่วซิ่วก็มาหาเย่ซิวอย่างไม่ต้องแปลกใจแม้ว่าตอนนี้รูปร่างและหน้าตาของเซี่ยซิ่วซิ่วจะด้อยกว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นเล็กน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอก็เป็นสาวงามชั้นยอดด้วยเช่นกันเซี่ยซิ่วซิ่วมานั่งข้างเย่ซิวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “ฉันได้ยินมาว่าพวกเธอทั้งสองคนจะต้องแช่น้ำสมุนไพรไปอีกสักพัก หากต้องการสมุนไพรอะไรบอกฉันนั ฉันจะให้คนไปซื้อมาให้”“ไม่เป็นไร ใช้แค่สมุนไพรทั่วไป เดี๋ยวผมไปซื้อเองหลังเลิกเรียน”รอยยิ้มของเซี่ยซิ่วซิ่วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “แต่ฉันคิดว่าหากใช้สมุนไพรที่ดีกว่า ผลลัพธ์ก็จะดียิ่งขึ้น และมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพวกเธอด้วยไม่ใช่เหรอ”“ฉันบังเอิญรู้จักร้านยาสมุนไพรเก่าแก่ร้านหนึ่งพอดี ที่นั่นมีสมุนไพรมากมายหลายชนิด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย พร้อมกับจ้องด้วยสายตาเฉียบคมราวกับจะมองทะลุเซี่ยซิ่วซิ่วไป “ดูเหมือนคุณจะใจดีกับผมมากเกินไปแล้ว”เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ภายใต้สายตาของเย่ซิว ราวกับว่าเธอสูญเสียเสื้อผ้าไปหมดทั้งตัว เปิดเผยทุกสิ่งต่อหน้าเขา แต่เธอก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและยิ้มหว
มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจและส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมากเขากำหนดเป้าหมายได้ในทันทีเขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ตัวเธอมาและคนที่เขาสนใจก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหลิ่วเมิ่งอิ๋นกระโปรงที่เธอใส่วันนี้ค่อนข้างหลวมมากแล้วแต่ด้วยรูปร่างที่ดีเยี่ยม ทำให้ยังคงสะดุดตา ไม่ว่าจะไปที่ใดก็กลายเป็นจุดเด่นเมื่อมาถึงสนามกีฬา อาจารย์ชาวต่างชาติคนนี้ก็ตั้งใจสอนอย่างจริงจัง และไม่ได้แสดงเจตนาชั่วร้ายใด ๆต่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นเลยวิธีการของเขาแยบยลมาก หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว ก็ไม่แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ แต่จะค่อย ๆ เข้าหาอย่างระมัดระวัง พอได้จังหวะเหมาะ ๆ ก็จะเข้าตะครุบเมื่อเรียนไปได้ครึ่งคาบ เขาก็ประกาศยุติการเรียนการสอน ปล่อยให้นักศึกษาทำกิจกรรมกันได้อย่างอิสระหลิ่วเมิ่งอิ๋นโดดเดี่ยว ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเล่นกับเธอเธอดึงดูดสายตามากเกินไป จนไม่ว่าเด็กผู้หญิงคนไหนมายืนข้างเธอ ก็กลายเป็นเพียงตัวประกอบไปทันทีอาจารย์ชาวต่างชาติเดินเข้าไปหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยท่าทีสบาย ๆ ส่งยิ้มที่คิดว่าตัวเองหล่อเหลาที่สุดออกไป“นักศึกษา เธอเป็นเด็กใหม่เหรอ? ชื่ออะไร?”“สวัสดีค่ะ อาจารย์เควิน ฉันชื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋น
“ร้องเลยสิ!” เควินพูดอย่างไม่แยแส “ห้องพักครูเก็บเสียงดีมาก ต่อให้เธอตะโกนใส่ไมโครโฟน ข้างนอกก็ไม่ได้ยินอยู่ดี”หลิ่วเมิ่งอิ๋นถอยห่างออกไปทีละน้อย มือจับโทรศัพท์ไว้ เตรียมจะกดโทรออก“เธอนี่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอาเสียเลย คนอย่างฉันสนใจเธอถือว่าเป็นเกียรติแค่ไหนแล้ว!”เควินโกรธมาก รู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูถูกเด็กผู้หญิงเหล่านั้นแทบรอไม่ไหวที่จะกระโดดใส่เขา แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับมีท่าทีรังเกียจเขา จะให้เขาทนกับสิ่งนี้ได้อย่างไรเขาพุ่งเข้าหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นเหมือนหมาป่าหิวโหยหัวใจของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเต้นเร็วขึ้น และหลบไปด้านข้างอัตโนมัติ เควินที่กระโดดไปเจอเพียงความว่างเปล่า ตกตะลึงไปครู่หนึ่งหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็ตกตะลึงเช่นกันความเร็วของเธอเมื่อครู่ มันเร็วมากจากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง และตระหนักได้ว่านี่ต้องเป็นเพราะเย่ซิวช่วยเธอเมื่อคืนนี้แน่ ๆ“ดูเหมือนเธอจะไม่ธรรมดานะ!”เควินยกยิ้มและเริ่มสนใจมากขึ้นไปอีกเขายังคงพุ่งเข้าหาหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่อไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นตระหนักได้ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้ว ความกลัวในใจเธอจึงหดหายไปมากขณะที่หลบหลีกเควิน เธอก็เปิดโหมดบันทึกวิดีโอ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย