“หืม? เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”ไป๋หลานรู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อตัวเธอเพิ่งจะถูกส่งกลับเข้าไปได้ไม่นาน แต่จู่ ๆ ก็ได้กลับมาครอบครองร่างอีกครั้ง?ทันทีที่ลืมตาขึ้น เธอก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่แสนกวนประสาทของเย่ซิวอยู่ตรงหน้าเย่ซิวไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนเข้าใส่นางทันทีทันใดนั้นไป๋หลานก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างรุนแรงจนแทบจะอาเจียนออกมาตรงนั้น“เจ้าทำได้แค่ใช้วิธีต่ำทรามเช่นนี้หรือ? ถ้ากล้าจริงก็สู้กับข้าสักตั้งเอาให้ตายกันไปข้างเลยสิ”เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ “ใช่ ฉันก็มีแค่ลูกไม้แบบนี้แหละ เธอจะทำอะไรฉันได้ล่ะ รู้สึกโมโหมากใช่ไหม?”น้ำเสียงและท่าทางยียวนกวนประสาทของเขายิ่งทำให้ไป๋หลานโกรธจนแทบบ้าที่แย่กว่านั้นคือตอนนี้พลังของเธอถูกเย่ซิวผนึกไว้อย่างสมบูรณ์อีกด้วยต่อให้อยากลงไม้ลงมือกับเขาขนาดไหนก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนชั่วเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้วิธีธรรมดาเข้ารับมือได้เลยแม้แต่น้อยเวลาผ่านไปห้าวันเต็มโดยไม่ทันรู้ตัว ตลอดระยะเวลาห้าวันนี้ ไป๋หลานราวกับตกอยู่ในขุมนรกเพราะเธอต้องเผชิญหน้ากับการทรมานอันไร้มนุษยธรรมส
“หยุดก่อน อย่าทำต่อเลย ข้ายอมรับปากแล้วว่าจะถอนตัวออกจากจิตสำนึกของนาง”“ตอนนี้เสียใจก็สายไปแล้ว”เย่ซิวเพิ่มกำลังรุกหนักขึ้นทันที“อย่านะ หยุดเร็วเข้า ข้าให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าได้ ข้าจะบอกความลับให้ อ๊ากกก!!”เสียงร้องโหยหวนดังลั่นขึ้นก่อนที่ไป๋หลานจะหายสาบสูญไปในทันทีหน้าผากของน่าอีเปล่งแสงสีม่วงออกมาคลื่นพลังวิญญาณเข้มข้นจนเกือบจับต้องได้ตอนนี้แค่พลังวิญญาณอย่างเดียว เธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญระดับถอดจิตทั่วไปเลยเธออ่อนกว่าเย่ซิวเพียงระดับเล็กน้อยเท่านั้นด้วยเหตุนี้ ในอนาคตเมื่อน่าอีทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิต ความยากก็จะลดลงไปอย่างมาก“เยี่ยมเลย ในที่สุดวิกฤตนี้ก็ผ่านพ้นไปแล้ว” น่าอียกมือขึ้นสูงพลางส่งเสียงร้องอย่างยินดี “ขอบคุณนะที่รัก”“ในเมื่อวิกฤตของเธอผ่านไปแล้ว งั้นฉันก็คงต้องไปได้แล้วล่ะ บางทีอาจต้องใช้เวลาสิบกว่าปีหรืออาจนานกว่านั้น พวกเราถึงจะได้เจอกันอีกครั้ง”รอยยิ้มบนใบหน้าของน่าอีหายไปทันที ดวงตาแดงก่ำมองเขาอย่างเจ็บปวด “ให้ฉันไปกับนายด้วยไม่ได้เหรอ”“ไม่ได้” เย่ซิวส่ายหน้าพลางลูบผมนุ่มลื่นของเธอเบา ๆ“อย่างแรกคือข้างนอกอันตรายมาก อีกอย่าง ธุรกิจที่
“สัมผัสไวใช้ได้นี่นาหนุ่มน้อย ถึงได้รู้ตัวเร็วขนาดนี้”น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานดังขึ้นมาหญิงสาวคนหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีขาวเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ภายใต้สายตาของเย่ซิวชุดที่เธอสวมใส่นั้นเหมือนกับชุดของเทพเซียนในละครย้อนยุคที่เคยเห็นในโทรทัศน์ รอบกายมีผ้าแพรหลากสีปลิวไสวเป็นสายชุดแบบนี้ในสมัยโบราณเรียกกันว่าอาภรณ์ขนนกสีรุ้ง!ส่วนหน้าตาของหญิงสาวผู้นี้ยิ่งงดงามหาได้ยากในโลกมนุษย์!บุคลิกของเธอเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์หลากหลายอารมณ์บางครั้งดูยั่วยวน บางครั้งดูบริสุทธิ์ บางครั้งดูเย้ายวนชวนหลงใหล บางครั้งกลับดูสูงส่งสง่างามเมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ ในหัวของเย่ซิวก็พลันนึกถึงคำหนึ่งขึ้นมาทันทีปีศาจร้อยหน้าดวงตาของเย่ซิวพลันคมกริบ จ้องมองอีกฝ่ายเขม็งพร้อมถามเสียงเข้ม “เธอเป็นใคร? ทำไมจู่ ๆ ถึงได้โผล่มาที่นี่?!”ขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มความระวังเป็นเท่าตัวเพราะแม้แต่ตัวเขาเองในตอนนี้ก็ยังมองไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังระดับไหน นั่นเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไปมากหากเมื่อครู่นี้เธอไม่เผลอปล่อยจิตสังหารออกมาเพียงเล็กน้อย เย่ซิวก็อาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำหญิงสาวมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ศิ
ไพ่ตายสารพัดรูปแบบที่เย่ซิวเคยภูมิใจมาตลอด พออยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวเขากลายเป็นเหมือนเด็กน้อยอ่อนแอที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะจับไก่สักตัว“เธอเป็นใคร? ต้องการอะไรกันแน่!”สีหน้าของเย่ซิวตอนนี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดที่มาของผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดเกินไปสิ่งเดียวที่ทำให้เขาโล่งใจได้บ้างคือเขาไม่รู้สึกถึงจิตสังหารจากเธอ“ไอ้เด็กบ้า บอกแล้วไงว่าฉันคืออาจารย์ของนาย ยังจะไม่เชื่ออีก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “จริง ๆ อาจารย์ของนายก็เป็นผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก่อนแค่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย ส่วนเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นน่ะเหรอ?แน่นอนว่าก็เพราะอาจารย์ของนายงดงามจนฟ้าดินสะเทือน มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา หากใช้รูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา รับรองว่าโลกทั้งใบต้องวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้แน่ ๆ”เย่ซิวยังคงเงียบและไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดแม้แต่น้อยแต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาเห็นด้วยอยู่บ้างหากใบหน้างดงามเช่นนี้ปรากฏตัวให้คนทั่วไปเห็นก็คงจะก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่จริง ๆจะมีเหล่ายอดฝีมือ มหาเศรษฐี หรือแม้กระทั่งผู้มีอำนาจอีกมากมายที่พร้อมจะลงมือแย
นิ้วเรียวยาวสีขาวดุจหยกแตะลงบนหน้าผากของเย่ซิว ทันใดนั้น ข้อมูลอันซับซ้อนและลึกซึ้งจำนวนมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาข้อมูลเหล่านั้นประทับลงในสมองของเย่ซิว และสุดท้ายก็รวมกันเป็นคำว่านักรบคาถานักรบ หนึ่งในเก้าคาถาศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋า!ดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายเจิดจ้า “ขอบคุณครับอาจารย์”คาถาศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าทั้งเก้าตัวอักษรล้วนมีความสามารถเฉพาะตัวที่แตกต่างกันเช่นคาถานักรบนี้มีไว้สำหรับใช้งานร่วมกับอาวุธและสมบัติวิเศษโดยเฉพาะหากเป็นช่างหลอมอาวุธ เมื่อใช้คาถานี้ระหว่างการหลอมจะช่วยเพิ่มคุณภาพของอาวุธได้อย่างมากถ้าใช้ตอนต่อสู้กับศัตรู เมื่อร่ายคาถานี้ลงบนอาวุธของตัวเองจะช่วยเพิ่มพลังโจมตี ความคมกริบ และความแข็งแกร่งในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้“เอาล่ะ เส้นทางต่อจากนี้นายต้องเดินไปเอง ฉันต้องไปแล้ว”“ท่านอาจารย์ ท่านจะไปที่ไหน?”“สถานที่อันตรายที่ตอนนี้เจ้ายังไม่จำเป็นต้องรู้”เย่ซิวถอนหายใจเงียบ ๆด้วยพลังของเขาในตอนนี้อาจารย์ยังบอกว่าอันตรายเลย เช่นนั้นต่อให้รู้ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเขาช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี“จริงสิท่านอาจารย์ ท่านชื่อจริงว่าอะไร? คงไม่ใช่หลิวต้าจู
สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ต่ำกว่าระดับจินตาน พลังวิญญาณที่เครื่องยนต์ผลิตออกมาถือว่าเพียงพอแล้วทุก ๆ หนึ่งนาที เครื่องยนต์จะปล่อยพลังวิญญาณออกมาหนึ่งสายเย่ซิวถามขึ้น “กินไฟขนาดไหน”“ค่อนข้างเยอะเลยล่ะ นาทีละพันหน่วย”เย่ซิวนั่งคำนวณคร่าว ๆตามค่าไฟปัจจุบันของสำนักโอสถจะมีราคาหน่วยละสองบาทห้าสิบสตางค์หมายความว่าพลังวิญญาณหนึ่งสายมีต้นทุนสองพันห้าร้อยบาทแต่เนื่องจากทำเลของสำนักโอสถมีแสงแดดอุดมสมบูรณ์ และพลังงานแสงอาทิตย์ก็พัฒนาไปไกลทำให้ต้นทุนจริงอาจต่ำกว่านี้มากแถมในแต่ละวัน สำนักโอสถก็ใช้ไฟไม่หมดเสียด้วยซ้ำ และยังมีพลังงานบางส่วนถูกปล่อยทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นสิบเท่า เย่ซิวก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี“เยี่ยมเลย ทำได้ดีมาก” เย่ซิวตบไหล่เธอเบา ๆ “อยากได้รางวัลอะไรก็บอกมาได้เลยนะ ถ้าฉันมีให้ฉันจะให้เธอ”“ฉันอยากได้เงินเยอะ ๆ ต้องใช้ทำวิจัยอีกเพียบเลยค่ะ”“ได้ ฉันจะให้เธออีกหนึ่งล้านล้านบาท”เย่ซิวตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียวเมื่อเทียบกับผลงานวิจัยชิ้นนี้ เงินหนึ่งล้านล้านมันแทบไม่มีค่าอะไรเลยแค่เครื่องยนต์ตัวนี้ก็คือทรัพย์สมบัติที่ประเมินค่าไ
“คุณพูดจริงเหรอ?!”เมื่อได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับเครื่องยนต์จากปากของเย่ซิว นายกรัฐมนตรีถึงกับลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งแม้แต่เขาซึ่งเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา“แน่นอนว่าจริงครับ” เย่ซิวยิ้ม “ผมทดสอบมาแล้ว ใช้ไฟแค่พันหน่วยก็สามารถสร้างพลังวิญญาณออกมาได้หนึ่งสาย สำหรับประเทศหลงเถิง ต้นทุนขนาดนี้ถือว่าไม่สูงเลย”ค่าไฟในประเทศหลงเถิงแตกต่างกันไปตามพื้นที่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ ราคาต่อหน่วยจะอยู่ที่สามบาทห้าสิบสตางค์ถึงสี่บาทเท่านั้นแต่ถ้าเป็นพื้นที่ห่างไกลที่มีแสงแดดเพียงพอ ราคาจะอยู่ที่แค่ห้าสิบสตางค์ถึงหนึ่งบาทเท่านั้น“ดี ๆ ๆ เยี่ยมไปเลย” นายกรัฐมนตรีพูดคำว่าดีซ้ำถึงสามครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “ผมตกลงกับคุณเรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะให้คนไปเรียกเย่หลิงมา”นายกรัฐมนตรีสั่งให้ผู้ช่วยไปตามเย่หลิงมาทันทีไม่นานนัก เย่หลิงก็มาถึงห้องรับรองเธอยังคงมีท่าทีเย็นชาและหยิ่งทะนง ในอ้อมแขนของเธอกอดดาบไว้แน่น ดูราวกับจอมยุทธ์ผู้โดดเดี่ยวในละครโทรทัศน์แต่เย่ซิวรู้ดีว่ายัยนี่ก็แค่เป็นพวกติดนิสัยมิดเดิลซินโดรม“คารวะท่านนายก”เย่หลิงโค้งให้กับนายกรัฐมนตรีโดยไม่แ
“เรียกฉันว่าท่านอาจารย์ แล้วฉันจะบอกเธอ”“ฝันไปเถอะ นายไม่คู่ควรกับคำนี้ด้วยซ้ำ”เย่ซิวรู้วิธีรับมือกับสาวปากแข็งและโอหังแบบนี้เป็นอย่างดีระหว่างที่ยังคงบินด้วยกระบี่อยู่กลางอากาศ เขาคว้าเธอขึ้นมาอุ้มพาดไว้บนตัก จากนั้นก็ยกมือขึ้นฟาดลงไป“ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”“นายเล่นทีเผลอนี่!”“ฉันจะสู้กับนายให้ตายกันไปข้าง ให้ตายฉันก็ไม่มีวันก้มหัวให้!”“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายด้วย!”“พี่ชาย ฉันผิดไปแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว”เสียงร้องของเย่หลิงดังไปทั่วท้องฟ้ายาวนานหลายสิบนาทีหลังจากโดนจัดการอย่างหนัก สาวน้อยจอมดื้อก็เริ่มเงียบลงในที่สุดเธอนั่งนิ่งน้ำตาคลอเบ้า ดูน่าสงสารไม่น้อยแต่เย่ซิวรู้ดีว่าเด็กคนนี้กำลังเสแสร้งถ้าไม่ได้รู้จักกันมานาน มีหวังคงโดนเธอหลอกเอาง่าย ๆ“พอได้แล้ว เลิกแกล้งทำตัวน่าสงสารเถอะ ฉันพาเธอมาสำนักโอสถก็เพื่อประโยชน์ของเธอเอง”เขายกมือลูบฝ่ามือของตัวเองเบา ๆ ท่าทางนั้นทำให้เย่หลิงจ้องเขาด้วยสายตาโกรธจัดอีกครั้งแต่เย่ซิวก็ไม่สนใจ เขาเอ่ยต่อ “อีกไม่นานฉันต้องเดินทางไปที่ไกลมากอาจจะต้องใช้เวลาสิบกว่าปีกว่าจะกลับมา ระหว่างนั้นเธอต้องช่วยดูแลสำนักโอสถให้ดี”สา
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ