หน้าหลัก / LGBTQ+ / โคขัดดอก / บทที่ ๒ เกี่ยวพัน

แชร์

บทที่ ๒ เกี่ยวพัน

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-30 18:10:36

อิงตามกฎของธรรมชาติไล่จากผู้แข็งแกร่งสู่ผู้ที่อ่อนแอ เจ้าป่าย่อมมีชัยเหนือสัพพะสัตว์ทั้งปวง

บ้านเหมบำรุงขึ้นชื่อว่ามีทรัพย์สินมากมายเกินกว่าจะนั่งนับด้วยนิ้วของคนร้อยคน ด้วยผู้นำตระกูลสืบสายเลือดมาจากเสือดาวหิมะอันเป็นที่น่ายำเกรง

กระนั้นการส่งต่อเงินทองมากมายที่มีไปยังรุ่นสู่รุ่นจึงเป็นเรื่องยากเนื่องจากการหาแม่พันธุ์มาเป็นตัวกลางยากแสนยาก ทว่าสุดท้ายด้วยความพยายามไม่ว่าจะด้วยพลังเงินตราหรือพลังไสยศาสตร์จึงออกมาเป็นทายาทจำนวนสามคนซึ่งกุมอำนาจบริวารเอาไว้ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนนอกตระกูล

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

“น้องสิน พี่มาหาแล้วนะจ๊ะ”

เสียงลั้นลาอย่างคุณชายอารมณ์ดีเปิดประตูตำหนักเข้ามาหาน้องแฝดคนรองอย่างไม่ถือตัว ภูวธรรศมองห้องโอ่โถงประดับประดาไปด้วยของขลังในโหลแก้ว เชิงเทียน บายศรีและสายสิญจน์พันรอบเสา

“ขนลุกว่ะ”

“กูก็พอกัน”

“แล้วพูดเพื่อ?”

“ได้ยินว่าน้องเปลวชอบคนพูดเพราะ”

เดินมือล้วงกระเป๋าเมียงมองข้าวของใช้แปลกตาต่อล้อต่อเถียงกับน้องรองซึ่งเป็นพ่อครูสืบวิชาของบิดามาเพื่อสืบทอดตำหนักหิรัณย์ หน้าตาไอ้หมอนี่เหมือนกันอย่างกับเขาและน้องอีกคนอย่างกับแกะ ถ้าไม่นุ่งห่มขาวหรือสักยันต์ทั่วตัวก็คงแยกไม่ออก

*แอ๊ด* เสียงบานประตูไม้เก่าแง้มเปิดชวนให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างธรรศต้องชะโงกหน้าเอียงคอไปดูยังประตูข้างตู้เศียรครูจึงเห็นว่าวันนี้น้องชายอีกผู้หนึ่งก็มาด้วย

รุต น้องชายคนสุดท้อง สถานะเป็นเจ้าของห้างธนเลิศและหุ้นส่วนสถานบันเทิงยามราตรีร่วมกับพวกเขา

“พวกเอ็งจะมาทำไมวันนี้พร้อมกัน”

“กูจะมาดูดวง”

“กูจะมาเสริมเสน่ห์”

“พวกเอ็งเห็นตำหนักกูเป็นอะไรวะ”

ตำหนักหิรัณย์ขึ้นชื่อเรื่องทำเวทคุณไสยและของปลุกเสก ใครก็ตามที่ได้ไปล้วนกล่าวกันปากต่อปากว่าเรือนหลังนี้มีของชั้นดีซ่อนไว้ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อครูยังคัดเลือกคนที่จะได้รับของชิ้นนั้น ๆ ไปกับตัว ดังนั้นคนที่มีโอกาสได้เข้ามาใกล้ชิดแล้วหยิบยืมความสามารถทางไสยศาสตร์ไปจากที่นี่นั้นมีน้อยเพียงหยิบมือ

แต่พวกมึงที่มีสิทธิ์เข้าออกตามใจกลับเข้ามาดูดวงกับเสริมเสน่ห์ต๊อกต๋อยเนี่ยนะ!

“กูอยากรู้ว่ากูกับน้องเปลวจะมีโอกาสเร็ว ๆ นี้ไหม”

“พ่อก็เคยบอกแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอว่าได้แน่ เอ็งจะกังวลทำไมวะ”

แฝดพี่แฝดน้องต่อล้อต่อเถียงโดยมีพ่อครูแฝดคนรองนั่งขัดสมาธิกอดอกมองเจ้าสองตัวมันทะเลาะกันอย่างเอือมระอา เพราะแบบนี้เขาถึงไม่อยากให้มาพร้อมกันสองคน

“เอ้า! ไอ้รุต กูก็อยากเข้าหอเร็ว ๆ ไหมวะ”

“หวังเมียชาวบ้านมันคงเร็วนักหรอก!”

“เอ๊ะไอ้นี่! กะหรี่ชมว่าหล่อหน่อยทำเป็นเหลิงเหรอวะ!”

“พวกเอ็งสองตัวหยุดทะเลาะกันได้ไหม”

“ไอ้คนเมียไม่รักอยู่นิ่ง ๆ ไปเลย!”

“ถ้าพวกมึงยังไม่อยากโดนกุมารกูเล่นก็หุบปากแล้วไสตูดไปนั่งดี ๆ เดี๋ยวนี้”

“ครับ...”

จากการประสานเสียงด่ากลายเป็นพี่น้องเสือต้องมานั่งขด ๆ เก็บหูเก็บหางอยู่มุมห้องรอแฝดคนรองตระเตรียมสถานที่

พวกเขาใช่ว่าจะตีกันทุกครั้งที่เจอหน้าแต่มันแค่หมั่นไส้ขำขันตามประสาพี่น้องที่เกิดมาหน้าเหมือนกันเด๊ะ ทว่าอย่างไรพวกเขาก็คงไว้ซึ่งสำนวนยามศึกเรารบ ยามสงบเราตบกันเอง

ในตอนที่น้องรองมันหาเมียมาแต่งเข้าบ้านได้เป็นตัวเป็นตน แฝดพี่อย่างเขาก็เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจถึงจะรู้ทั้งบ้านแล้วก็ตามถึงลำดับการได้เมียมาจากปากพ่อซึ่งเป็นอดีตพ่อครูก็ตาม แต่คนมีเมียเท่ากับคนน่าอิจฉา คนน่าอิจฉาเท่ากับคนน่าหมั่นไส้

เอาไว้เขาได้น้องเปลวมาเป็นเมียเมื่อไหร่นะ จะอวดตั้งแต่เช้ากลางวันเย็นเลยคอยดู

ธรรศมองข้าวของบนเรือนก็พลอยคิดถึงคำที่พ่อเคยบอกกับพวกเขาทั้งสามถึงเรื่องความรัก กล่าวคือชีวิตในทุกด้านจะดีเว้นเสียแต่อุปสรรคทางด้านความรักที่ต้องลำบากตรากตรำถึงจะได้เพชรเม็ดงามมาครอบครอง มันไม่เป็นการยากที่พ่อจะบอกวิธีการแก้เคล็ดหรือชี้แนะแนวทางอันโรยด้วยกลีบกุหลาบ กระนั้นทุกคนเกิดมามีกรรม การหลบเลี่ยงสิ่งที่ควรเผชิญในชาตินี้มีแต่จะไปส่งผลในภายภาคหน้า และพวกเขารู้กันดีว่าหากโชคชะตาเอาคืนเมื่อไหร่ มันหนักกว่าที่ควรเป็นร้อยเท่าพันเท่า

“ของไอ้รุตมันนาน ไอ้ธรรศมาก่อน”

เสียงแฝดรองเอ่ยเรียกพี่ชาย ธรรศจึงเชิดหน้าชูตาเหยียดมองน้องชายให้หมั่นไส้เล่น ๆ ก่อนจะไปนั่งหน้าเจ้าน้องรอคำทำนาย ด้วยว่าเป็นพี่น้องกันและมาบ่อยเป็นนิจ เจ้าสินมันจึงมีข้อมูลส่วนตัวครบทุกอย่าง แค่ยื่นมือไปให้มันดูและรอมันเขียนตรวจทานดวงดาวเพียงครู่ก็ได้แล้ว

“ทุกอย่างคล้ายเดิม”

“ไม่มีอะไรแนะนำหน่อยเหรอ?”

“เอ็งรีบประจบน้องเขาไปก็ดูไม่มีอะไรดีขึ้นใช่ไหมล่ะ”

ภูวธรรศเศร้าสร้อย ที่เขามาเพราะคิดว่าอยากจะรีบเร่งเขยิบความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกก้าวแท้ ๆ เชียว

“แต่มีคำเตือน”

“หือ?”

“ระวังเจ้ากรรมนายเวรเอาไว้ ไม่ใช่ของเอ็งแต่เป็นว่าที่เมียเอ็ง รีบกำจัดออกไปได้ยิ่งดี”

“ต้องทำพิธีขับไล่ไหม?”

“มันมาในรูปคน จัดการด้วยวิธีทางโลกได้ สืบประวัติเมียเองดูแล้วจะรู้เองว่าเป็นใคร”

“ขอบใจ”

“จ่ายค่าครูด้วย ไปหยอดตู้ตรงนั้น”

ธรรศยิ้มแหยงไอ้นี่ก็มีเงินทองใช้เหลือเฟือยังจะมาขูดรีดพี่น้องร่วมสายเลือดอีก แต่ว่าไม่ได้ ตำหนักนี้ต้องแลกด้วยบางอย่างที่สมน้ำสมเนื้อ พี่ชายจึงไม่มีทางเลือกควักกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรมายอดลงตู้

ต่อไปตาของเจ้ารุตที่มันไปหลงรักพ่อเล้าเจ้าของซ่องในเขตการดูแลตัวเอง กินในบ้านแบบนี้เค้าลางไม่ค่อยดีในสายตาเขาเท่าไรหรอก แต่เขาอย่าพึ่งไปห่วงคนอื่นเลย เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า

“ไอ้ธรรศ”

“มีอะไรอีกล่ะ?”

ไอ้สินมันเรียกขณะกำลังตวัดขาเดินลงจากตำหนัก ปกติมันไม่เคยเป็นแบบนี้นี่

“จะเอาคนนี้จริงเหรอวะ”

“ก็เออสิ”

“ตามใจ”

ภูวธรรศไม่ได้ใส่ใจกับคำทักมากนัก เพราะถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนเป็นจริงเป็นจังแต่ก็พอรู้มาบ้างถึงไสยศาสตร์การทำนาย มันกำลังจะบอกว่าสิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดย่อมได้มาอยู่กำมือยากเป็นธรรมดา และคำว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ได้หมายถึงความบริสุทธิ์แต่คือคนที่เข้ากับดวงชะตา มีสิ่งที่เรียกว่าคู่ชีวิต และคำที่สูงส่งกว่าคืออีกครึ่งชีวิตซึ่งการจะได้มานั้นต้องผ่านบททดสอบมากมายเพื่อแลกมา

คิดแล้วนึกขำ ไอ้สินมันออกปากบอกเขาแต่ไม่ส่องกระจกดูตัวเองเลยว่ามันก็เลือกเดินในเส้นทางเดียวกัน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

กิจวัตรของภูวธรรศในวัน ๆ หนึ่งนั้นคือการตื่นเช้ามาทำธุระส่วนตัวก่อนออกมาตรวจงานรับเหมาและตรวจสอบโครงการอื่น ๆ ในการดูแล เมื่อก่อนเขาชอบที่จะออกไปลงพื้นที่มากกว่าแต่พอน้องเปลวมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ขาเจ้ากรรมมันดันอยากมานั่งไขว่ห้างตรวจเอกสารอยู่ยังโถงรับแขกเสียอย่างนั้น

อันที่จริงมีตลาดสามแห่งซึ่งเขาเป็นเจ้าของแต่เรื่องเก็บค่าแผงเขาจ้างลูกน้องไปดูแลแทน เพราะการได้นั่งจิบกาแฟร้อนในบรรยากาศลมเย็นสบายพร้อมมองแม่วัวน้อยปัดกวาดเช็ดถูเรือนไปนี่มันเจริญหูเจริญตาเป็นอย่างยิ่งเลยเชียว

เขารู้สึกว่าตัวเองลำบากมากในการดึงหน้าให้ตึงเปรี๊ยะอยู่ตลอดเวลา หากทำตัวเซ่อซ่าเข้าละก็น้องเปลวอาจนำเรื่องที่เขาจริง ๆ เป็นคนนิสัยขี้ใจอ่อนเหลวเป๋ว ไม่ได้เคร่งขรึมอย่างที่แสดงออกต่อหน้าไปบอกผัวละก็ตำแหน่งเจ้าหนี้อาจสั่นคลอน ลดอำนาจการต่อรองลงมาก็ได้

“คุณธรรศจ๊ะ มีตรงไหนที่อยากให้เช็ดอีกไหมจ๊ะ?”

เปลวเดินถือผ้าขี้ริ้วมาโน้มตัวถามด้วยความสุภาพ คนเป็นเจ้านายจึงตัวกระตุกกาแฟกระฉอกเล็กน้อย

“ไม่...ไม่มีแล้ว เอ็งไปพักเถอะ”

“จ้ะ”

เมื่อเห็นแม่โคน้อยเดินลงบันไดไปก็รีบวางแก้วกาแฟมานั่งก้มหน้าหวีดร้องอยู่ในใจคนเดียว

เมื่อสักครู่ในตอนที่เจ้าน้องโน้มตัวลงมาสายตาเขากลับไม่ได้สบตามองหน้าแต่ดันเผลอไปมองสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเสียได้

*เพียะ!* ธรรศเลือกที่จะตบหน้าตัวเองเรียกสติที่ฟุ้งซ่านกลับคืนมา รู้ ๆ อยู่ว่าการไปมองแบบนั้นมันบัดสีแค่ไหน แต่...ก็สมกับที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่วัวจริง ๆ

*เพียะ!* สงสัยครั้งเดียวมันจะไม่พอ คุณชายภูวธรรศตบแก้มอีกครั้งจนมันแดงเสมอกันทั้งสองฝั่งพลางนั่งประสานมือมองออกไปยังท้องฟ้าโล่งกว้างให้จิตใจได้ซึมซับกับธรรมชาติ โดยหวังให้ความคิดดำมืดค่อย ๆ เจือจางลงจากเสียงนกร้องและเสียงลมพัด

“เฮ้อ...”

จากที่ไปดูดวงมาเมื่อเช้า เขาจึงเริ่มคิดเรื่องสืบประวัติน้องเปลวจริงจังอีกครั้ง เขารู้เรื่องราวชีวิตผ่านการทำนายของบิดามาล่วงหน้าหลายปี เรียกว่าได้เปรียบในหลาย ๆ ความหมาย เขามีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต ทว่าทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบมาจนกระทั่งเรื่องคู่ชีวิต

พลาดไปเพียงเสี้ยวจังหวะเดียว เอ็งก็กลายเป็นของคนอื่นเสียแล้ว

จนเมื่อพยายามข่มใจไม่ให้นึกย้อนถึงอดีตอันแสนหวานที่มีร่วมกันและกำลังจะยอมแพ้ เอ็งกลับมาหาอีกครั้งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นเวลากว่าหกปีที่ไม่ได้เจอกัน พี่หวังว่าเอ็งจะยังจำกันได้แม้เพียงนิดแต่ไม่เลย...

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

“ธรรศลูก วันนี้ไม่ไปเล่นกับน้องเขาเหรอ?”

เสียงมารดาหูกระต่ายเอ่ยเรียกแฝดชายคนโตซึ่งคล้ายจะเดินกลับเข้าห้องนอนทันทีหลังทานมื้อเช้าเสร็จแทนที่จะลงไปวิ่งเล่นกับน้องข้างบ้านที่สนิทกันมาตั้งแต่ยังเล็ก

“น้องบอกอยากเล่นลูกข่าง เลยจะขึ้นไปเอาจ้ะ”

ภูวธรรศในวัยสิบเจ็ดยังไม่ผ่านพิธีซ่อนสังขารส่ายหางดุ๊กดิ๊กยิ้มดีใจขณะสนทนากับมารดา แล้วจึงรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อค้นกรุของเล่นในกล่องเก่าเก็บ

บ้านหลังนี้ไม่ใช่เรือนไทยแต่เป็นบ้านสองชั้นอิงตามแบบโคโลเนียล ผนังมีสีอ่อนตัดกับพื้นไม้สีเข้ม บานประตูหน้าต่างประดับเส้นลูกฟักเรียบหรู ทรงหลังคาสีทรงจั่วปั้นหยาปูด้วยกระเบื้องว่าวประกอบกับไม้ฉลุลาย มองจากภายนอกไม่มีใครไม่รู้ถึงฐานะอันมั่งคั่งร่ำรวย

“ฉันว่าไอ้ธรรศมันออกหน้าออกตาเกินไปแล้วนะรุต”

“ก็เนื้อคู่เล่นมาเช่าที่อยู่ข้างบ้านเลยนี่”

มารุตเคี้ยวข้าวไข่เจียวในปากหงุบ ๆ กับพี่คนรองที่นั่งหรี่ตามองพี่ชายฝาแฝดตนวิ่งลงมาพร้อมลูกข่างเต็มมือประหนึ่งจะเอาไปเล่นกับคนทั้งหมู่บ้าน

พวกเขารู้มาก่อนว่าจะได้ใครรูปร่างลักษณะนิสัยแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิต ต่างกันก็แค่ระยะเวลาการพบเจอ และคนที่มีโอกาสทำคะแนนเป็นคนแรกคือภูวธรรศพี่ใหญ่ของบ้าน พอวันหนึ่งที่บิดากลับจากการไปตกลงทำสัญญาเช่าที่ก็มาเรียกตัวแฝดคนโตออกไปดูหน้าบ้านพร้อมชี้ปลายนิ้วไปยังลูกวัวน้อยในชุดผ้าสีชมพูกลีบดอกบัวพลางกล่าว

‘คนคนนั้นแหละ คู่ของเอ็ง’ ทันทีเมื่อเด็กคนนั้นเหลือบตามามองเพียงแค่แรกพบก็พลอยทำให้รู้สึกเนื้อตัวเบาหวิวก่อนจะตามด้วยไอร้อนที่ค่อย ๆ ถูกปลุกปั้นจากกลางอกขึ้นมายังใบหูและหน้าแก้ม ในคืนนั้นเขาไม่อาจลืมภาพเมื่อครั้งสบตาได้เลย

ผิวสีน้ำผึ้งต้องแสงอาทิตย์ ลอนผมหยักศกถูกถักเป็นเปียยาว เครื่องหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดู และการแต่งกายเรียบร้อยน่ามอง

นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบสิบปีทั้งสองคนก็สนิทสนมกันมากกว่าพี่น้องแท้ ๆ เสียอีก วันหยุดหนึ่งวันของภูวธรรศคือการอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันลงมากินข้าวและไปเล่นไปคุยกับน้องวัวน้อยข้างบ้านก่อนจะกลับมาอาบน้ำนอนหลับฝันถึงน้องวัวน้อยต่อ หรือหากกลับมาจากโรงเรียนอย่างน้อยขอแค่ได้เห็นหน้าน้องวัวน้อยออกมาช่วยคุณแม่รดน้ำต้นไม้ ธรรศก็ชื่นใจไม่ต่างจากกอหญ้าในสวน

“พี่ธรรศจ๊ะ พี่ธรรศเป็นพิโดรใช่ไหมจ๊ะ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

น้องวัวน้อยนั่งมองเจ้าลูกข่างสีเข้มหมุนติ้วอยู่บนลานดินแห้งด้วยสายตาจดจ่อพลางถามด้วยความสงสัย

“แม่ฉันบอกว่าพี่ที่เป็นพิโดรจะรู้กลิ่นสุคนธ์ ฉันเลยอยากรู้ว่าตัวฉันมีกลิ่นอะไรน่ะจ้ะ”

สุคนธ์ พิโดร รดา สามเพศรองในโลกที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นเพื่อให้เหล่าสิ่งมีชีวิตดำรงเผ่าพันธุ์ไปได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

สุคนธ์ มนุษย์ฐานพีระมิดนับเป็นเพศซึ่งมีอำนาจต่อรองน้อยที่สุดในบรรดาเพศทั้งหมด ด้วยรูปลักษณ์ที่ในสายตาใครก็ถูกมองว่าอ่อนแอ ตั้งแต่เกิดส่วนใหญ่จึงล้วนถูกประคบประหงมดูแลประหนึ่งไข่ในหิน ส่งกลิ่นหอมกำจายเมื่อเข้า ‘ฤดูพิสมัย’ ชักจูงพิโดรที่อยู่ใกล้ให้เข้ามามีสัมพันธ์ทางกายเพื่อก่อเกิดทายาท

พิโดร มนุษย์ยอดพีระมิด มีรูปร่างสูงใหญ่เป็นที่น่าเกรงขาม มิหนำซ้ำส่วนใหญ่มียศถาบรรดาศักดิ์และอำนาจต่อรองสูงที่สุดในบรรดาเพศทั้งหมด สามารถขับกลิ่นข่มเพศอื่นได้โดยเฉพาะสุคนธ์ ในทางตรงกันข้ามกลับถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมของสุคนธ์ได้ง่ายในบางรายอาจคลุ้มคลั่งไม่อาจควบคุมสติสัมปชัญญะได้เลยเชียว

รดา เพศที่มีจำนวนมากที่สุดในสังคม เป็นคนธรรมดาดาษดื่นไม่สามารถรับรู้กลิ่นพิสมัยของสุคนธ์ได้กระนั้นในบางครั้งก็สามารถได้กลิ่นข่มจากพิโดรได้เช่นกัน

ภูวธรรศทราบเรื่องพวกนี้มาจากพ่อแม่ซึ่งเป็นคู่สุคนธ์พิโดรจึงได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กถึงวิธีปฏิบัติกับเพศรองโดยเฉพาะเพศที่อ่อนแอที่สุดอย่างที่น้องเปลวเป็น

“ตอนนี้พี่ยังไม่ได้กลิ่นเราหรอก คงต้องรอโตกว่านี้ก่อน”

ตอนนี้น้องเจ้าอายุสิบสามย่างสิบสี่แม้ยังไม่ใช่วัยเจริญพันธุ์แต่ใบหน้ากลับกลมกลึงจิ้มลิ้มน่ารักฉายแววงดงามเมื่อเติบใหญ่ ไหนจะนิสัยน่ารักใสซื่อประหนึ่งดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ยิ่งทำให้เขาเอื้อเอ็นดูเข้าไปอีก

เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ากลิ่นกายของน้องวัวน้อยเมื่อได้สัมผัสมันจะหอมรัญจวนเพียงใด อยากให้วันที่เราได้เป็นครอบครัวเดียวกันมาถึงเร็ว ๆ แล้วสิ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โคขัดดอก   บทที่ ๓ ผ่านไปเร็ว

    ภูวธรรศเปลี่ยนลูกข่างไปจนครบ เหวี่ยงเชือกแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแต่น้องวัวน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อเลยสักนิด ยิ่งเป็นลูกข่างซึ่งวาดลวดลายสีสันยิ่งจ้องมองไม่วางตา เขาจำได้ว่าตัวเองเล่นแป๊บ ๆ ก็เบื่อแต่ไม่ใช่กับน้องเปลวเลยบ้านของโคน้อยย้ายมาจากต่างจังหวัด เข้ามาเช่าหนึ่งในบ้านหลังที่เขาเป็นเจ้าของ บ้านหลังนั้นไม่ได้เล็กหรือใหญ่จนเกินไป พอดีกับขนาดครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก จากการแต่งตัวน่าจะพึ่งมาเริ่มมีฐานะเมื่อไม่นานมานี้ จากการถามน้องเปลว น้องเจ้าเล่าว่าเมื่อก่อนปลูกกระท่อมทำเถียงนาอยู่กันเล็ก ๆ จนเมื่อมีคนมาขอซื้อที่ด้วยจำนวนเงินมากมายมหาศาลบ้านน้องเปลวจึงคิดย้ายเข้ามาเริ่มต้นใหม่ในตัวเมืองเหนือซึ่งเส้นทางก็ไปได้ดีไม่มีติดขัด“วันนี้น้องขอไปเล่นบ้านที่ธรรศได้ไหมจ๊ะ?”“ได้สิ แต่แม่จะไม่ว่าเอาเหรอ?”ส่วนที่เขาเล่นอยู่ประจำคือลานดินหน้าบ้านน้องเปลว หากจะไปบ้านคนอื่นต้องขอผู้ใหญ่เสียก่อน แต่มาขอปุบปับแบบนี้ไม่รู้มารดาจะอนุญาตหรือไม่ยิ่งเป็นสุคนธ์เสียด้วย“ฉันขอแม่ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะจ๊ะ”“แบบนี้น่าจะบอกพี่แต่แรกสิ จะได้พาไปนั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-30
  • โคขัดดอก   บทที่ ๔ กริ้ว

    เนื่องมาจากมีเศรษฐีคนหนึ่งจ้องจะหาแม่พันธุ์มาสืบตระกูลจึงตระเวนหาคนที่เหมาะสมจนมาเจอบ้านน้องโคนม แน่นอนว่าจะมีครอบครัวไหนยอมปล่อยขายลูกตัวเองง่าย ๆ ทางนั้นที่มีอำนาจมากกว่าจึงกลั่นแกล้งทำให้ธุรกิจทางบ้านตกต่ำในที่สุดก็สามารถเอาเงินฟาดซื้อตัวน้องวัวน้อยมาอยู่ในบ้านจนได้เขาได้ยินขณะลงพื้นที่ดูการก่อสร้างก็ฉุนจัด อยากจะโยนงานทิ้งแล้วไปเด็ดหัวไอ้หมอนั่นมันเสียตอนนี้ ทั้งบังคับข่มขู่ ทั้งกดให้จมดินอย่างหน้าไม่อาย แล้วยังมองน้องเปลวของเขาเป็นเพียงแม่พันธุ์ในตอนนั้นเขาคิดแล้วว่าบางทีคำพยากรณ์ของบิดาอาจเป็นเรื่องโกหก หากเขาจะได้มาจริงทำไมเรื่องราวมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่ว่าพวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันเหรอใช่ เขาจะได้คนมีตำหนิ แต่แบบนี้มันทำร้ายเขาเกินไป มันช่างน่าเจ็บใจที่มารู้ในวันที่ทำอะไรไม่ทันแล้วเขาได้ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของน้องโคนมมาอยู่ในกำมือและคิดว่าจะเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้คนที่ได้ตัวน้องเปลวไปมันเป็นคนแบบไหน ถ้าเป็นไอ้คนสิ้นไร้ไม้ตอกละก็เขาจะแย่งมาเองจนเมื่อมาถึงภาพที่เขาคิดเอาไว้มันกลับไม่ใช่เลย บ้านหลังนั้นมีอาณาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • โคขัดดอก   บทที่ ๕ ร้อน ๆ หนาว ๆ

    แม้ไม่มีเสียงไก่ขันหรือนาฬิกาปลุกไขลานเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ร่างกายซึ่งเริ่มปรับตัวจึงค่อย ๆ รับรู้ถึงอากาศเย็นที่ลอยเข้ามาแตะผิว ยังดีที่เขาปักชุนผ้าห่มแล้วหาผ้าอะไรมาเย็บเพิ่มอีกทบทันก่อนเข้าหน้าหนาวพอดีแม่โคนมค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นขยี้ตาจัดแจงผมเผ้าที่ชี้ฟูให้มันพอดูได้ กระชับผ้าคาดหน้าอกที่หลุดหลวมให้เข้าที่ เหลือบตามองพื้นใต้บานประตูจึงเห็นว่าฟ้ายังคงมืดอยู่ สงสัยเขาคงต้องออกไปดูนาฬิกาบนเสาให้แน่ใจว่านี่กี่โมง เขาไม่อยากปลุกเด็ก ๆ เสียเที่ยวประเดี๋ยวจะนอนไม่เต็มอิ่มแม่วัวก้าวลุกออกจากฟูกเตียงอย่างเชื่องช้าเกรงจะทำลูกน้อยทั้งสองตื่นแล้วจึงค่อยเอื้อมมือไปคว้าผ้าผวยผืนของตนเองออกมาคลุมเนื้อตัวกันลมหนาว เพราะมันแค่ออกมามองนาฬิกาจึงไม่ได้พกเชิงเทียนออกมาด้วย‘ตีสี่ครึ่ง’ นี่ก็ใกล้เวลาตื่นแล้ว เขาต้องตระเตรียมอะไรให้เสร็จก่อนหกโมงรวมไปถึงมื้อเช้า แต่ดูจากลมแล้วเขาว่าน้ำในโอ่งวันนี้ท่าจะเย็นพอควร ไปขอป้าจำเนียนต้มน้ำร้อนผสมลงไปสักหน่อยก็แล้วกันเดินอ้อมไปหลังเรือน ณ ครัวไฟ เขาได้ยินเสียงกุกกักพร้อมดวงไฟเหนือหัวที่เปิดอยู่ วันนี้ป้าจำเนียนก็ตื่นเช้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • โคขัดดอก   บทที่ ๖ ไม่กินใบไม้

    “คุณธรรศทำไมไม่กินผักบ้างล่ะจ้ะ”“ปิ่นพูดอะไรน่ะ!?”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงที่เคี้ยวผักพายลวกหงุบ ๆ โพล่งขึ้นกลางวงเมื่อเห็นว่าในจานขนมจีนของคุณผู้ชายมีแต่น้ำยากับลูกชิ้นไม่เห็นมีผักใบเขียวสักกะนิด ส่วนเปลวผู้เป็นแม่ก็ติเตียนเด็กหญิงไม่ให้พูดอะไรลามปามคนเป็นนายนั่นทำธรรศถึงกับสะอึก ใช่ว่าเขาจะกินไม่ได้แต่มันไม่ชอบ ทั้งสีที่เขียวอี๋ไหนจะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่เขาซึ่งมีพื้นฐานมาจากสัตว์กินเนื้อเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจจะมานั่งร่วมโต๊ะแล้วอย่างน้อยก็ต้องสร้างความประทับใจ แม้มันจะเป็นความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการกินผักก็ตาม“คุณธรรศ ฉันขอโทษแทนลูกฉันด้วยนะจ๊ะ”เปลวใจไม่ดีวางจานส่วนของตัวเองมาปรามลูกสาวที่พูดจาไม่มีหูรูด เขาทั้งแปลกใจทั้งเกร็งที่จู่ ๆ เมื่อเช้าคุณธรรศก็เดินลงมาบอกจะนั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน เขาที่คิดว่าเจ้าตัวคงอยากนั่งกินกับป้าจำเนียนสองคนก็จะพากันไปนั่งกันในห้องเก็บของแต่คุณชายเจ้าดันบอกให้พวกเขานั่งตามเดิม“ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่”ภูวธรรศไม่คิดถือสาเด็ก แม้มันจะแทงใจดำไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • โคขัดดอก   บทที่ ๗ พิเศษ

    ตกเย็นเปลวเอาข้อเสนอของคุณธรรศมาคิด มันน่าลำบากใจกับคำว่า ‘นอน’ ถึงมีเรื่องราวพรรค์นั้นเกิดขึ้นอย่างไรร่างกายเขาก็รองรับได้ เพราะเขากับสามียังไม่ได้มีพันธะต่อกัน ซึ่งคุณธรรศคงจะรู้เรื่องนี้จากการที่เขาไม่มีรอยอยู่บนหลังคอ‘ถ้าฉันนอนแล้วคุณธรรศจะไม่มาเก็บค่าคุณครูกับฉันทีหลังใช่ไหมจ๊ะ’‘ใช่’เมื่อเที่ยงคุณธรรศตอบมาเร็วมาก ทั้งยังหน้าแดงแจ๋ทั้งที่อากาศบนเรือนก็ไม่ได้ร้อน‘…ถะ...ถ้าเอ็งอยากนอนกับลูกวันไหนก็บอก…’ทีแรกเขาคิดว่านอนเพียงคืนเดียวแต่อาจจะไม่ใช่สินะ ก็ค่าการเรียนการสอนเทียบกับการที่ให้คนอย่างเขาไปนอนด้วยแล้วคุณค่ามันวัดกันไม่ได้เลยเปลวหนักใจ มองลูก ๆ ซึ่งกำลังพยายามแต่งตัวเหน็บผ้ากันอยู่ก็นึกอดสู ยิ่งหลังจากเขาบอกว่าจะไม่มีครูมาสอนอะไรทั้งนั้นเด็ก ๆ ก็คล้ายซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“เด็ก ๆ อยากเรียนกัน...จริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะ?”“จ้ะ!/จ้ะ!”เปลวข่มนัยน์ตาเศร้าผลิยิ้มออกมาเจือจาง ทีเมื่อกี้ทำเป็นนั่งหงอยนะ เขาตัดสินใจได้แล้วแต่อย่างไรก็ยังต้องการคำยืนยันจากเด็ก ๆ“สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะตั้งใจเรียนไม่ดื้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • โคขัดดอก   บทที่ ๘ หนึ่งคืนหมื่นเหตุการณ์

    คุณผู้ชายภูวธรรศ เหมบำรุง หลังโดนคำถามกระชากจิตจากแม่วัวไปก็ถึงกับหน้าซีดตัวสั่น มันห้ามไม่ได้เลยจริง ๆ ที่จะเผลอร้อยเรียงเรื่องราวสัปดนเป็นฉาก ๆสุดท้ายท่ามกลางแสงไฟสลัว กลิ่นกำยาน และสุคนธ์ตัวหอมที่นั่งเฝ้ารอคำสั่งตาแป๋วก็ต้องมานั่งนวดไหล่ให้เจ้าหนี้ตอนนี้สวรรค์กำลังลงโทษเขาอยู่หรือไร ทำไมเขาที่เป็นคนกุมอำนาจแท้ ๆ ไฉนต้องมานั่งกดข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน ภูวธรรศในตอนนี้คล้ายคนกำลังจะจมน้ำตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งแต่ความหวังช่างริบหรี่เหลือเกิน“ตรงนี้ได้ไหมจ๊ะ?”“อือ...”หนึ่งคำล้านความหมายนัก เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะสรรหาคำไหนมาบรรยายอาการปัจจุบันในตอนนี้และในอนาคตอันใกล้ ถ้าเขาปล่อยหูหางออกมาตอนนี้น้องเปลวจะมองเขาว่าประหลาดหรือเปล่า ในเมื่อเจ้าตัวจำไม่ได้ว่าตัวเขานั้นไว้ใจน้องเปลวมากแค่ไหนภูวธรรศขณะบ่ากำลังถูกนวด สายตาก็เหลือบมองแม่วัวนมที่สะท้อนอยู่บนกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง“ฉันถามอะไรเอ็งได้ไหม?”“ได้สิจ๊ะ”“ทำไมเอ็งถึงตัดผมสั้น?”เขาจำได้แม่นว่าเมื่อก่อนน้องเปลวไว้ผมยาวแล้วก็ถักเปียเดี่ยวล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • โคขัดดอก   บทที่ ๙ ซื้อทำไม

    ภูวธรรศหลังจากที่มาเป็นคนเดินเก็บค่าแผงเองเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย จากวันแรกผ่านมาได้สองวันแล้วแต่กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทั้งถามไถ่เหล่าพ่อค้าแม่ขายก็เห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปได้เป็นอย่างดี ไม่มีอันธพาลวัยรุ่นที่ไหนมารังควานสร้างความเสียหายแก่สินค้าพวกเขาแล้ว หากเป็นเช่นนี้ไปจนครบหนึ่งสัปดาห์เต็มเขาก็คิดว่าจะให้พวกลูกน้องกลับมาดูแลดังเดิมบรรยากาศตลาดในยามเช้าตรู่ของวันพุธช่างเป็นอะไรที่ครึกครื้นพอ ๆ กับห้างร้านในตัวเมืองเมื่อตกบ่าย ผู้คนแห่แหนมาซื้อวัตถุดิบไปปรุงอาหาร บ้างก็ซื้อของสำเร็จไปอุ่นทานกันง่าย ๆ ในครอบครัว เพราะเห็นว่าตอนนี้มีคนทำกิจการขายเสื้อผ้ามื้อหนึ่งมือสองกันเยอะ เขาจึงขยายพื้นที่วางเขตขายเครื่องนุ่งห่มขึ้นมาโดยเฉพาะ ผ่านมาไม่ถึงปีผลตอบรับการจับจองพื้นที่ก็ดีตามคาด ว่าแล้วก็ยืดอกภาคภูมิใจกับตนเอง เขาที่มันคนดีจริง ๆ ได้ช่วยแม่ค้าไหนจะได้เงินเข้ากระเป๋าเพิ่มเป็นของแถมอีกภูวธรรศเดินไปตามทางพร้อมมือขวาอย่างไอ้ม่วงหนูจี๊ด เห็นว่ามันช่วงนี้กำลังส่งคนตามสืบไม่รู้ได้เรื่องได้ราวไปถึงไหนแล้ว‘ไอ้ม่วง’‘ตอนนี้ยังสืบไม่ครบครับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • โคขัดดอก   บทที่ ๑๐ ล้ำเส้น

    “มะ...แม่เปลวสวยจังเลยจ้ะ...”เด็กชายเปี่ยมเอ่ยชมมารดาด้วยใบหน้าขวยเขินขณะตัวเองกำลังเปลี่ยนชุด ชุดที่แม่ใส่เป็นชุดที่ลุงธรรศเลือกให้ซึ่งเขามองว่ามันเหมาะกับแม่เปลวมาก ๆ ปกติแม่เปลวในสายตาเขาก็สวยอยู่แล้วพอเปลี่ยนมาใส่เสื้อสีขาวไล่สีท้องฟ้าแขนพองยาวเว้าไหล่เข้าคู่กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนแม่เปลวก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่!“ไม่หรอกจ้ะ ลูกก็ชมไป”แม่โคนมในชุดใหม่นั่งคุกเข่ากับพื้นช่วยลูกชายติดกระดุมเสื้อ เกี่ยวสายเอี๊ยมสีน้ำตาลอย่างเหม่อลอยก่อนจะปิดท้ายด้วยการติดหูกระต่ายสีฟ้าอ่อนกลางอก นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อมีคอปกมีแขนแบบนี้ตั้งแต่ตั้งท้องเด็ก ๆ ไหนเสื้อตัวนี้จะมีผ้าตาข่ายแล้วก็โบผูกคออีก รุ่มร่ามแบบนี้คงทำงานอะไรไม่ได้เรื่องเป็นแน่ ดีนะที่แค่ลองแล้วก็ถอดคืน“เปี่ยมจะออกไปรอข้างนอกก่อนหรือว่าจะออกไปพร้อมกับปิ่นจ๊ะ?”“ดะ...เดี๋ยวฉัน อะ...ออกไปรอข้างน้องจ้ะ”“อื้อ อย่าไปกวนคุณธรรศเขาล่ะ”“จ้ะ”ว่าแล้วก็เดินออกมาเข้าอีกห้องที่เขาบอกให้เด็กหญิงลองใส่เสื้อเอง แม้จะทุลักทุเลไปบ้างแต่ก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-06

บทล่าสุด

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๘ จั่วหัว

    เฉลิม × ม่วงอีกไม่นานเด็ก ๆ ในการดูแลของเขาก็จะจบการศึกษาจากโรงเรียนประจำที่ส่งไปพระนคร โดยแต่เดิมตัวเขาเป็นเด็กที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเด็กพวกนั้นก็นับเป็นประหนึ่งน้องชายน้องสาวต่างสายเลือดที่อายุห่างจากเขาไปเยอะโข แต่อย่างไรเขาในฐานะพี่ใหญ่ก็อยากจะหาโอกาสมามอบให้เด็กเหล่านั้น ไม่ต้องให้มาตกระกำลำบากเช่นตัวเองเขาจับพลัดจับผลูจนได้มาทำงานในเครือเหมบำรุงและได้รับความช่วยเหลือจากคุณธรรศโดยการหยิบยืมเงินเพื่อส่งเด็ก ๆ ทั้งหมดเข้าโรงเรียนรวมถึงการบำรุงรักษาสถานรับเลี้ยงที่เขาเติบโตมา ส่วนคนไหนเป็นสุคนธ์ถึงเขาจะไม่สามารถจ้างครูสอนรายบุคคลได้แต่อย่างน้อยก็มีอาจารย์ช่วยกันสอนสั่งดูแลถึงสองคนต่อเด็กห้าสิบกว่าคนมันไม่เชิงว่าเขาเป็นหนี้เจ้านายอย่างคุณภูวธรรศ แต่เป็นเขาเองที่อยากให้เจ้านายหักเงินรายเดือนคืนกลับไป แม้มันจะเล็กน้อยเท่าหยิบมือแต่เขาในตอนนี้ก็คืนมันไปจนหมดแล้ว กระนั้นด้วยบุญคุณที่เจ้านายมอบให้ในตอนที่เขายังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ตอนที่ยังคงแต่งตัวซอมซ่อเหมือนหนูข้างถนน เขาจึงตั้งมั่นตั

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๗ ชนแก้ว

    วันนี้เนื่องจากเป็นวันเรียนจบของลูกเปรมซึ่งเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว พ่อเสือจึงลางานละหน้าที่หนึ่งวันสำหรับพาครอบครัวมาทานมื้อค่ำในตัวเมืองซึ่งเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ นับเป็นเรื่องปกติของที่บ้านที่จะพาเด็ก ๆ มาฉลองในแต่ละช่วงเวลาสำคัญของชีวิตแม้เปรมจะเป็นสุคนธ์ไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไปได้อย่างพี่เปี่ยมพี่ปิ่นแต่ก็ถือว่าเรียนจบหลักสูตรตามที่อาจารย์ซึ่งจ้างมาครบหมดแล้วตอนนี้ลูก ๆ ของเขาโตขึ้นกันเร็วเสียน่าใจหายเผลอแป๊บเดียวปิ่นเปี่ยมก็อายุสิบหกเริ่มทำงานช่วยพ่อธรรศกันแล้ว กระนั้นผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าปิ่นที่เคยพูดจาเจื้อยแจ้วนั้นสุขุมขึ้น แต่อย่างไรความมั่นใจในตัวเองที่พ่อธรรศมอบให้ผ่านการใช้เวลาร่วมกันก็ยังคงฝังลึก มีหลายครั้งที่ลูกสาวคนนี้แสดงมุมตลก ๆ ออกมา ในขณะเดียวกันเปี่ยมซึ่งเคยเป็นเด็กขี้อายเมื่อโตเป็นหนุ่มกลับเป็นคนแสดงออกชัดเจนพูดจาเถรตรง และมั่นใจในการพูดมากขึ้นบนโต๊ะอาหาร“เปรมกินอันนี้ไหม เดี๋ยวพี่ตักให้”“กินจ้ะ”ภาพพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวแบบนี้ช่าง

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๖ กระโจมอก (NC)

    เนื่องจากปิ่นเปี่ยมก็โตขึ้นแล้ว สามีจึงเห็นว่าควรหาพื้นที่ส่วนตัวให้อย่างน้อยก็เป็นห้องนอนเล็ก ๆ ให้ฝึกใช้ชีวิตด้วยตัวเองส่วนเปรมด้วยว่าพึ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนยังคงต้องนอนห้องเดียวกันกับพวกเขาอยู่ แต่ก็มีอยู่หลายวันเหมือนกันที่พวกเราห้าคนมานอนด้วยกัน จะนับเป็นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ในตอนนี้ปิ่นเปี่ยมขึ้นป.๒ และก็มีบางวันที่เลิกเรียนกลับมาเย็นเนื่องจากมีกิจกรรมของทางโรงเรียนเขา ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีกินเลี้ยงคนงาน ครัวจึงถูกใช้งานอย่างเต็มอัตราโดยมีพี่ม่วงพี่เฉลิมมาช่วยอย่างที่เคยเป็น กว่าจะวางมือจากตะหลิวเช็ดล้างทำความสะอาดพื้นครัวก็ปาไปเกือบหกโมง ลูก ๆ จึงอาบน้ำอาบท่าขึ้นไปทำการบ้านกันก่อนแล้ว ไหนจะได้ยินว่าง่วงเพราะเล่นกีฬามา สงสัยคงต้องขึ้นไปดูน้ำในเหยือกด้านบนเสียหน่อยว่าพอหรือเปล่า“ขอบคุณที่มาช่วยนะจ๊ะพี่ม่วง”“ผมต้องมาช่วยอยู่แล้วครับ”พี่ม่วงมอบยิ้มให้หลังพี่เฉลิมเดินมายกหม้อไปขึ้นท้ายรถ ส่วนพี่ธรรศตอนนี้พึ่งกลับมาจากการออกไปสะสางเรื่องหนี้กับผัวเมียสองคนนั้นนิดหน่อย จะว่าไปหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่กอบกับคุณ

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๕ ขิง

    เนื่องจากเขาสนิทกับพี่ม่วงเป็นทุนเดิมเพราะคุยกันถูกคอถึงเรื่องเด็ก ๆ ที่ได้โอกาสและเงินสนับสนุนจากพี่ธรรศให้ไปเรียนไกลถึงพระนครซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าที่นั่นการศึกษายอดเยี่ยมแค่ไหน จนตอนนี้เด็ก ๆ เหล่านั้นก็กลับมาช่วยงานของสามีภายใต้การดูแลของพี่ม่วงพี่หนูตัวเล็กเคยเล่าว่าเด็ก ๆ ตัวสูงกันมาก ซึ่งพอได้มาทำงานร่วมกันเขาจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเด็กพวกนั้นก็เป็นที่น่าเอ็นดู รับฟังคำแนะนำ ไหนจะขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้จนมีหลายครั้งที่หากกำไรงาม เขามักจะปันส่วนให้เด็ก ๆ เอาไปกินเลี้ยงหรือไม่ก็เก็บหยอดกระปุกเผื่ออยากจะเอาไปต่อยอดสานฝันเขาอยากหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจึงเก็บหอมรอมริบเงินเดือนในสมัยที่ยังทำงานประหนึ่งคนใช้ในช่วงเป็นหนี้มาซื้ออุปกรณ์ทำอาหาร และเอาเงินไปจ่ายค่าแผงของพี่ธรรศที่แม้ในเริ่มแรกเจ้าตัวจะอิดออดขอไม่รับแต่เขาก็บอกจุดประสงค์ชัดเจน จนในที่สุดเจ้าพี่ก็ยอมให้กันในช่วงแรกนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี แม้มีชะงักไปบ้างเพราะมันคาบเกี่ยวตอนตั้งท้องน้องเปรมแต่สุดท้ายเขาก็พาตัวเองมาขายได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว เพราะพี่ธรรศเอาบทบาทสามีภรรยา

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๔ สวนสัตว์น้ำ

    “ใต้ท้องทะเลอุดมไปด้วยชาวเมืองปลา...”ย้อนกลับไปในระยะเวลาก่อนที่เขาจะแต่งงาน มันเป็นช่วงที่กุมภีร์กำลังสอนเด็ก ๆ อ่านหนังสือโดยเริ่มจากการเรียนตัวอักษร สระ วรรณยุกต์ตามมาด้วยการคัดลายมือ และการฝึกอ่านต่าง ๆ โดยนอกจากแบบเรียนแล้ว ก็มีหนังสือภาพหนังสือนิทานที่ชักจูงความสนใจของสองแฝดได้เพราะมีภาพประกอบสวยงามคนเป็นแม่อย่างเปลวเมื่อลูก ๆ หยิบหนังสือมาให้อ่านก่อนนอนมีหรือจะปฏิเสธ ทั้งพี่ธรรศก็ให้การสนับสนุนการเรียนการสอน ออกไปตระเวนหาซื้อหนังสือนิทานมาตั้งไว้สูงชะลูด ไม่รู้ว่าจะอ่านพวกมันจบก่อนเด็กน้อยโตเลยวัยหรือเปล่าในทุกคืนสองแฝดจะทำข้อตกลงเลือกหนังสือนิทานเล่มใหม่หรือเล่มเดิมที่สนใจวิ่งดุ๊ก ๆ เอามาให้แม่วัวอ่าน ยอมรับเลยว่าช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับลูกในทุกคืนแม้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของวันแต่มันช่างมอบความสุขให้เขามากมายเหลือเกิน และวันนี้เด็ก ๆ ก็เลือกหนังสือนิทานเรื่อง ‘พระราชาใต้มหาสมุทร’ มาให้เขาอ่าน คงเพราะมีหน้าปกวาดแต่งแต้มสีฟ้าสดใสพร้อมเหล่าสัตว์ทะเลหน้าตาแปลก ๆ เต็มไปหมด อ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องราวจะกล่าวถึงพระราชาที่เคยสั่งงานทุกค

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๓ เที่ยงตรง (NC)

    ในขณะที่พี่ธรรศช่วงนี้ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาสามวัน เขาในฐานะที่ไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องทำงานบ้านงานเรือน ทั้งเดี๋ยวนี้พี่ธรรศก็มักจะไหว้วานเขาให้ตรวจสอบบัญชีไปก่อนระหว่างรอรับสมัครพนักงานคนใหม่เข้ามา เป็นงานที่หนักเอาการเพราะระหว่างวันเขาต้องคอยดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะเจ้าเปรมที่ร้องไห้งอแงอยู่แทบจะตลอด บางครั้งก็ร้อนเกิน หนาวเกิน ขับถ่าย หิวข้าว หิวนม แม้จะพยายามทำอาหารรสอ่อนให้ทานแต่ลูกชายคนนี้จนอายุได้สองขวบปีก็ยังต้องเอามาเข้าเต้าบ้างเปลวคิดจะให้ลูกเสือตัวน้อยหัดกินผักตั้งแต่เด็กจะได้ทานอะไรได้หลากหลายเหมือนพี่ ๆ คิดสะระตะไปมาตอนนี้ก็นอนหลับปุ๋ยกันไปหมดสามคน ในที่สุดความวุ่นวายในวันหยุดก็เพลาลงเสียทีคนเป็นแม่อย่างเปลวจึงได้เวลาหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง แล้วจึงรีบมาเปลี่ยนผ้าปูเตียงประจำเดือนยังห้องพ่อแม่ เขาในตอนนี้ไว้ผมยาวลงมาจนสามารถถักเป็นเปียได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทีแรกด้วยความไม่ชินจึงมีความคิดที่จะตัดสั้นดังเดิม ทว่าก็ทำได้แค่คิดเพราะงานอะไรล้วนยุ่งไปหมด อยู่ไปอยู่มาก็ชินเสียแล้ว*แกร๊ก* เสียงกลอนประตูเปิดออก เปลวที่กำลังวุ่นอย

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๒ ฟูฟ่อง

    ผ่านมาหนึ่งปีถ้วนนับตั้งแต่คืนวันแต่งงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพี่ธรรศพาเขาไปพบสูติแพทย์อยู่เป็นประจำตามกำหนด หาหยูกยาบำรุงตามคำหมอมาต้มให้เขาดื่มทุกคืนก่อนนอน ไหนจะอาหารการกินอุดมสมบูรณ์เต็มตาเต็มโต๊ะยิ่งกว่าเก่า เขาที่ท้องสามแล้วจึงพอมีความคุ้นชินอยู่บ้าง และทราบว่าคนท้องพอทำอะไรเองได้ กระนั้นประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขากลับใช้ไม่ได้กับพี่ธรรศเจ้าตัวหวงเขาหนักหนา จากที่เขาตั้งใจว่าจะลงเรือนไปกินข้าวในครัว ไม่ต้องให้ใครเดินขึ้นเดินลงเพื่อเก็บจานของคนเพียงคนเดียวแต่พี่ธรรศขอปฏิเสธ เป็นคนอาสาเดินหยิบมื้อเช้ากลางวันเย็นกระทั่งขนมมื้อดึกขึ้นมาให้ทุกวี่ทุกวันและการที่ทำเช่นนั้นได้แปลว่าพี่ธรรศต้องแบกงานกระทั่งพาลูกค้ามาคุยที่เรือน เขาเคยพูดคุยขำ ๆ กับเรื่องนี้กับคุณเลขานุการอย่างพี่ม่วง อีกคนก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ เพราะต้องวางตารางใหม่ทั้งหมดข้ามวันข้ามคืนแทบไม่ได้นอน เขาจึงดุพี่ธรรศไปหนึ่งรอบจนต่อรองกันว่าจะไม่ฝืนธรรมชาติ ออกไปทำงานอย่างเป็นกิจจะลักษณะเป็นครั้งคราวคิดถึงอดีตที่ผ่านมาร่วมหลายเดือนก็กลั้วหัวเราะ อย่างไรเขาก็ไม่ได้มองนิสัยนี้ของพี่ธรรศไปในทาง

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๑ งานแต่ง (NC)

    กลิ่นหอมสดชื่นของพานพุ่มใบตองโชยมาจากท้ายขบวน เสียงพูดคุยของเหล่าเครือญาติและมิตรสหายแว่วมาพร้อมรอยยิ้มแห่งความยินดีปรีดา เหล่าพานมงคลไล่เรียงขึ้นมามีผลไม้ ขนม สินสอด และแหวนฝังเพชรเม็ดงามสองวงตั้งเด่นบนพานดอกไม้ใบน้อย เป็นสองแฝดน้องชายผู้ถือพานต้นกล้วยลอบมองเจ้าบ่าวในชุดผ้าไทยซึ่งระริกระรี้เป็นพิเศษภูวธรรศยิ้มแก้มแทบปริ กำพานธูปเทียนแพรแน่นขนัด ตระเตรียมขบวนในการเดินไปหาน้องเปลวบนเรือนกรรณิการ์ ทั้งที่คิดว่าใกล้วันงานจะได้นอนพูดคุยกับน้องเปลวเสียอีกแต่ไม่เลย เพราะแม่ดันบอกว่าพวกเขาต้องนอนแยกห้องกันไม่แค่ ๑ วัน ๓ วันแต่นานถึง ๗ วัน! น้องเปลวขั้นต่ำก่อนแต่งมานอนกับเขาสัปดาห์ละสองหนเชียวนะแม่นอกจากห้ามนอนด้วยกันในขั้นตอนลองชุด หรือลองเครื่องประดับก็ห้ามมอง ยิ่งทำกงการอะไรสองต่อสองยิ่งไม่ได้เลยเชียว เขาคิดถึงใจจะขาดอยู่แล้วขณะภูวธรรศกำลังใคร่ครวญถึงแม่วัวอยู่นั้นเองเสียงกู่ร้องก็ดังขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นตามด้วยเสียงกลองฉิ่งฉาบกรับฆ้องเป็นสัญญาณการเริ่มเดินขบวน พวกลูกน้องของเขาที่ได้วันหยุดมาหนึ่งวันก็คล้ายเป็นวันปล่อยผี เต้นกันไม่เกรงใจเจ้าบ่าวหน้าขบว

  • โคขัดดอก   บทที่ ๒๑ เด็กน้อย (จบบริบูรณ์)

    “อึก! อืออ...”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งกำแน่นอยู่บนลาดไหล่กว้าง ส่งเสียงร้องครางอยู่ข้างใบหูพ่อเสือเมื่อสะโพกอวบกำลังถูกกดลงต่ำสวนทางกับแก่นกายยักษ์เต้นตุบที่เข้าปากทางย้อนขึ้นมากระทุ้งผนังอ่อนชวนให้รู้สึกจุกเสียว“เอ็ง...อึก...รัดแน่นเกินไปแล้ว”“อ๊ะ! พี่ อื้อ!”ภูวธรรศกัดฟันชะลอแรงเกรงว่าจะทำน้องเปลวเจ็บ กระนั้นภาพที่ฉายบนดวงตากลับเร่งเร้าเขาเสียอย่างนั้น แม่วัวหรี่ตามองน้ำตาคลอเบ้าขมวดคิ้วมุ่นพร้อมหน้าแก้มขึ้นริ้วแดงชวนมอง ด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัวคมเขี้ยวที่คันมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่วายเข้าไปขบเม้มหน้าแก้มกลมกลึงเปลวด้วยความตกใจจึงตัวกระตุกกดสะโพกลงไปจนสุดโคน ปลายป้านกระแทกเข้าผนังอ่อนชนต่อมน้ำคาวอย่างจังจนส่วนหน้าเผลอเสร็จสมอย่างเป็นไปเอง แม่วัวหอบหายใจหนักก่อนจะขอเปลี่ยนแขนไปคล้องลำคอหนาบดเบียดอกอวบอ้อนขอรสจูบปลอบประโลมอีกครั้ง“อือ...”กลิ่นไม้กฤษณาตลบอบอวลอยู่ในโพรงจมูก มันไม่ได้ชวนอึดอัดจนหายใจไม่ออกหรืออยากจะถอนเรียวลิ้นออกเลยแม้แต่น้อย กลับหอมอย่างเข้มขลังดึงดูดให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้อย่างแยบยล“เอ็งยังเจ็บอยู่ร

DMCA.com Protection Status