หน้าหลัก / LGBTQ+ / โคขัดดอก / บทที่ ๑ เจ้าหนี้แบบใด

แชร์

บทที่ ๑ เจ้าหนี้แบบใด

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-30 18:05:12

‘สังคมมนุษย์สัตว์’ คือนิยามของโลกนี้ ทุกผู้ทุกคนมีวิวัฒนาการมาจากสัตว์ประเภทใดประเภทหนึ่งโดยมีพื้นฐานคล้ายคลึงกับมนุษย์ พัฒนาสังคมระหว่างสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อมาจนเข้าสู่ยุคสมัยสุขสงบซึ่งสิ่งประดิษฐ์เดินหน้าไกลขึ้นจากประวัติศาสตร์ ผู้คนเริ่มตั้งหมู่บ้านเวลาผ่านไปกลายเป็นพระนครอันใหญ่โต ก่อเกิดเศรษฐกิจการเมืองโดยมีคนตัวเล็กตัวน้อยเป็นฟันเฟืองช่วยกันขับเคลื่อนและนั่นคือสังคมมนุษย์สัตว์

การสืบสายพันธุ์ยังคงมีต่อไปตามสัญชาตญาณ กระนั้นหากมีการประสมข้ามสายพันธุ์เลือดที่เข้มกว่าจะเป็นผู้อยู่รอดโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย และนั่นอาจเป็นชนวนของการซื้อขายซึ่งแม่พันธุ์ชั้นดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

เสียงตะหลิวโลหะกะเทาะกับขอบกระทะใบโตซึ่งเต็มไปด้วยเม็ดข้าวเคลือบไข่ไก่สีทองเนียนละเอียดพร้อมด้วยเนื้อหมูสับและต้นหอมซอยสีเขียวเพิ่มสารอาหาร กลิ่นควันหอมโชยคละคลุ้งไปทั่วครัวไฟซึ่งถูกปลูกไว้หลังเรือนไม้ใหญ่โตของคนมีฐานะ นอกระแนงไม้รายล้อมไปด้วยสวน ปลูกพืชผักสวนครัวและต้นไม้น้อยใหญ่ออกดอกออกผลตามฤดูกาล

มืออย่างหญิงชราขึ้นฝ้ากระ พักจากการจับตะหลิวมาจับผ้าพาดบนคอซับเหงื่อไคล ใบหน้าสูงอายุประดับขนนกสีดำอย่างอีกาเงยขึ้นทอดสายตามองไปยังแฝดน้อยสองคนซึ่งถือกระจาดผักที่พึ่งเก็บมาสด ๆ วิ่งมาทางเธอ

คุณป้าอีกากลั้วหัวเราะในลำคอกับความซุกซนนั้นพลางยกกระทะขึ้นมาวางพักบนผ้าชื้นเหนือกระเบื้องแผ่นเก่า ก่อนจะค่อย ๆ รับสองกระจาดสานใบเล็กขึ้นมาแล้วจึงลูบหัวเป็นรางวัล

“เด็ก ๆ แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่ง”

เสียงทุ้มอ่อนกล่าวตำหนิบุตรของตน ใบหูประดับขนสั้นนุ่มนิ่มพร้อมเขาน้อยบนศีรษะกับหางอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งกำลังกดลงเป็นสัญญาณของความไม่พอใจ

เด็ก ๆ เห็นมารดาออกโรงดุจึงพากันไปหลบหลังคุณป้าแม่ครัว ทำเอาคนเป็นแม่หรี่ตามองเด็กทั้งสอง เขาว่าตัวเองบอกไปมากกว่ายี่สิบรอบแล้วว่าให้เด็ก ๆ สำรวมกิริยาตั้งแต่รู้ว่าจะต้องมาอยู่ในเขตเรือนหลังนี้

“เอาเถอะจ้ะลูกเปลว ให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นให้สมวัยสักหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก”

“แต่ตอนวิ่งเด็ก ๆ ถือกระจาดผักด้วยนะจ๊ะ ฉันกลัวลูกทำเสียของ”

“ไม่เป็นไร ถ้าเสียของตกพื้นค่อยไปเก็บมาใหม่ สวนนี้อย่างไรก็เหลือเฟือ”

“ป้าจำเนียนใจดีกับพวกฉันเกินไปแล้วนะจ๊ะ”

“ถ้าไม่ใจดีแล้วใจร้ายก็ลำบากพวกเธอสิ มีกันอยู่สามแม่ลูกไม่คุ้นสถานที่”

“อย่างไรก็ขอบคุณป้ามากเลยนะจ๊ะที่เอ็นดูพวกฉัน”

“ไม่เป็นไรเลยลูก เอ้า ตักไปเยอะ ๆ จะได้อิ่ม ๆ”

แม่โคนมอมยิ้มรับจานสังกะสีสามใบมาจัดเรียงข้างหม้อข้าวใบโต เปิดออกมาก็ส่งกลิ่นหอมฉุย มือสีน้ำผึ้งจับด้ามทัพพีคดข้าวแต่พอกิน อิงตามสรีระลูกน้อยวัยสี่ขวบทั้งสอง ที่ถึงโดนแม่ดุไปก็ยังวิ่งเล่นจับผีเสื้อกันได้อยู่

เรือนงามหลังนี้ไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของเจ้าหนี้ผู้กุมชะตาชีวิตครอบครัวของเขาเอาไว้ด้วยเงินที่ถูกยืมไปมากกว่าห้าแสนบาทรวมดอกเบี้ย

หากเทียบตามราคาวัตถุแล้ว ชาหวานหนึ่งแก้วในสภากาแฟมีราคาห้าสิบสตางค์แดง ก๋วยเตี๋ยวมีราคาถ้วยละสามบาท และหากเป็นข้าราชการชั้นสูงมีงานเป็นหลักเป็นแหล่งทำพร้อมสวัสดิการแล้วไซร้ เงินเดือนจะตกอยู่ประมาณหลักร้อยปลาย ๆ ไม่ถึงพัน ทว่าพ่อของเด็ก ๆ กลับมีหนี้สินถึงหลักแสนโดยไร้ซึ่งงานอย่างเป็นกิจจะลักษณะรองรับการจะหาเงินจำนวนนั้นมาคืนขั้นต่ำเดือนละหนึ่งร้อยยังยากเลย

ดังนั้นการส่งตัวสมาชิกในครอบครัวมาขัดดอกรับใช้เจ้าหนี้จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ นับจากวันแรกที่ก้าวเข้ามาเวลาก็เดินมาบรรจบครบเดือนพอดี

โคนมในผ้าเกาะอกตัวเก่าและผ้าถุงสั้นพอดีเข่าเมื่อคดข้าวเสร็จจึงทยอยหยิบจานกลับมาวางบนแคร่นอกเขตครัว จัดแจงหยิบช้อนก้นหอยวางให้ ทว่าก่อนที่จะเดินกลับไปเอาจานส่วนของตัวเองเขากลับไม่เห็นลูกน้อยวิ่งเล่นอยู่แล้ว

ปิ่นกับเปี่ยมเขาเดินตามคุณผู้ชายไปแล้วจ้ะลูก”

“ตายจริง!? อีกแล้วเหรอ”

ด้วยว่าเป็นกังวล ละสายตาไปครู่เดียวหายตัวไปกันอีกแล้ว

เขาพยายามบอกเด็ก ๆ ไม่ให้หลงตามชายคนนั้นไป ทว่าไม่ทันไรจากที่หวาดกลัวหน้าดุ ๆ ของเจ้าหนี้ หลังได้รับขนมของหวานในวันแรกก็เทใจให้เสียเต็มประดา จนบางทีเมื่อเขาละสายตาออกห่าง สองแฝดชายหญิงก็พากันจูงมือไปตามขนมของล่อแล้ว

พึ่งรู้จักกันไม่เท่าไรถึงแม้จะยังไม่ลงมือทำอะไรกระนั้นการให้ลูกอยู่กับคนแปลกหน้าก็ยังอันตรายอยู่ดี ในตอนนี้เขาจึงละมือจากครัววิ่งออกมายังหน้าประตูหวังจะรั้งตัวลูกเอาไว้

“แม่เปลวดูนี่สิจ๊ะ! ฉันได้ปลาตะเพียนสานมาด้วย!”

“ฉันก็ได้ตะกร้อมาเล่นด้วยนะจ๊ะ!”

“อีกแล้ว แม่บอกว่าอย่าไปรบกวนคุณผู้ชายเขาไงจ๊ะ เอาไปคืนเลย”

“แต่ฉันเลือกชิ้นที่ราคาถูกที่สุดแล้วนะจ๊ะ”

เป็นเด็กหญิงที่โต้เถียงกับมารดา เปลวมองลูกปิ่นออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขารู้ดีว่าลูกสาวตัวเองมีนิสัยดื้อดึงช่างพูดมาแต่ไหนแต่ไรจึงตอบความในใจออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนลูกชายที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรทว่ามือก็ยังกุมลูกตะกร้อแน่นเหมือนไม่อยากให้เอาไปคืน แต่อย่างไรถึงเป็นของเล่นเศษสตางค์เขาก็ไม่อยากหยิบยืมเพิ่มหรอก

“ปิ่นจำที่แม่บอกได้ใช่ไหมจ๊ะ ว่าถ้าเรายิ่งใช้เงินเยอะพ่อก็จะยิ่งเหนื่อย ดังนั้นเราต้องทำยังไงจ๊ะ”

“ต้องประหยัดจ้ะ...”

“เก่งมาก ไหนร้านอยู่ไหน เดี๋ยวแม่เอาไปคืนให้นะ”

“ไม่ต้อง ฉันซื้อให้”

เสียงทุ้มต่ำแว่วมาจากนอกเขตรั้วไม้ ปรากฏเป็นชายร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตเครื่องแต่งกายมีราคาซึ่งกำลังหิ้วถุงขนมมากมายติดมือมาด้วย ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าของขบเคี้ยวพวกนั้นซื้อมาสำหรับใคร

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะคุณธรรศ คุณซื้อของให้พวกฉันมาเยอะแล้ว ฉันเกรงใจจ้ะ”

ว่าแล้วก็รวบเก็บของเล่นของลูก ๆ มาไว้ในมือ เห็นว่ายังสะอาดสะอ้านดีจึงคิดว่าน่าจะเอาไปคืนได้โดยไร้ซึ่งปัญหา แต่เหล่าขนมนี่สิ

“เอาไปเถอะ มันไม่เกี่ยวหนี้ เด็กวัยนี้มีของเล่นสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”

“อย่างไรหักจากเงินฉันก็ได้จ้ะ”

“ไม่หัก ก็บอกอยู่ว่าให้ ไม่เกี่ยวกับหนี้”

คุณผู้ชายเริ่มเปล่งเสียงดุกดสายตาข่มมองลงมา หากเขายังคงดื้อแพ่งมีหวังทำเจ้าตัวไม่พอใจมากกว่าจนมันอาจส่งผลต่อการชำระหนี้

“ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ...เด็ก ๆ ขอบคุณคุณผู้ชายเขาเร็ว”

“ขอบคุณจ้ะ!”

สองแฝดประสานเสียงยิ้มดีใจก่อนจะหยิบของเล่นใหม่ของตัวเองคืนแล้วจึงวกกลับไปเห่อของกับคุณป้าจำเนียนยังครัวไฟ ทิ้งแม่โคนมเอาไว้กับเจ้าหนี้สองคน

คุณผู้ชายภูวธรรศ เหมบำรุง ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซ้ำยังเป็นเจ้าของตลาดใหญ่ เจ้าของเรือนและเจ้าของเงินหลักแสนของพวกเขา แม้มีหน้าตาดุประกอบกับไม่ค่อยยิ้มให้เห็นแต่เจ้าหนี้คนนี้ใจดีจนน่าสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามา

ในเวลานั้นเขาตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะปกป้องลูกน้อยทั้งสองเอาไว้ให้ได้แม้ตัวเองจะถูกโขกสับอย่างไรก็ตาม เพราะมันก็เป็นที่รู้กันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้นั้นใครจะเป็นผู้ถูกกดขี่ ทว่าเมื่ออยู่มาเรื่อย ๆ หลายวันหลายสัปดาห์เจ้าหนี้ของเขากลับไม่แสดงนิสัยคุกคามออกมาแม้สักนิด ไม่ใช้ทำงานหนักแล้วยังจิตใจดีกับเด็ก ๆ มักซื้อของซื้อขนมให้ตลอด ไหนจะเงินเดือนที่อีกฝ่ายรับปากว่าจะให้ด้วยเหตุที่ว่าเขาช่วยงานป้าจำเนียน ทั้งที่มันอยู่นอกขอบข่ายแท้ ๆ

ทว่านั่นคือสิ่งที่เขาหวาดกลัวเหลือเกิน ไม่แน่การที่เขามาทำดีออกเงินให้แบบนี้ หนี้ของพวกเขาอาจพอกพูนขึ้นโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าสุดท้ายพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับอิสระไปตลอดชีวิต

“เอาขนมไปด้วย เด็กวัยนี้ต้องกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”

“จ้ะ ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ...”

แม่โคนมรับขนมถุงโตมาจากมือคุณชาย ก้มหัวปลก ๆ ซ้ำยิ่งดูปริมาณกับชนิดขนมก็ยิ่งหน้าซีด ขนมในซองเงินเหล่านี้ราคาแพงหูฉี่ที่หากเป็นเขาเมื่อก่อนเด็ก ๆ จะถูกอนุญาตให้กินได้เดือนละครั้งเท่านั้นแถมยังได้แค่ถุงเล็กเท่าฝ่ามือ แต่ที่คุณผู้ชายซื้อมาให้มันใหญ่กว่านั้นหลายเท่าซ้ำยังเยอะแยะไปหมด ยิ่งทำเขาเกรงใจปนกังวลเข้าไปอีก

“ขะ...คุณผู้ชาย หักเงินเดือนส่วนของฉันไปเลยก็ได้จ้ะ ฉันไม่อยากติดหนี้บุญคุณ”

“ถ้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณก็ตั้งใจทำงานบ้าน”

“จ้ะ…”

เปลวไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดไปมากกว่านี้จึงน้อมรับคำ และมันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ยิ่งมันมีมากขึ้นเขาก็ต้องพูดจาระวังปากเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่รู้ว่าคุณธรรศที่ได้ฟังเขาพูดคำเดิม ๆ จะอารมณ์เสียเหวี่ยงมาเมื่อไหร่ก็เป็นได้

แม่โคนมเดินกลับมาพร้อมถุงขนมมากมายที่บางอย่างทั้งชีวิตนี้เขาก็ไม่เคยได้กินเสียด้วยซ้ำ ทว่าคิดในแง่บวกลูก ๆ ก็จะได้มีของดี ๆ กินไม่ต้องตกระกำลำบากอดมื้อกินมื้อเหมือนที่ผ่านมา

“กินเสร็จก็ไปขอบคุณคุณผู้ชายเขาอีกรอบด้วยนะ เข้าใจไหมจ๊ะ”

“จ้ะ!”

สองแฝดที่ยังไม่หายเห่อของเล่นใหม่กินไปก็จับ ๆ ของเล่นจักสานไป ตรงข้ามกับเขาที่ใจยังระแวงปรับตัวยากลำบากอยู่เลย

เพราะมาอยู่ได้แค่เดือนเดียว เขาไม่รู้นิสัยลึกตื้นหนาบางของคุณผู้ชายในตอนนี้ เขาเชื่อว่าทุกการกระทำล้วนมีเหตุผลมารองรับเสมอ แต่เพราะเขาไม่รู้ถึงมัน เขาจึงยังคลางแคลงใจอยู่แบบนี้

เขาได้แต่เก็บความคิดมากนั้นเอาไว้ในใจ แค่ให้เด็ก ๆ มารู้ว่าพ่อแม่เป็นหนี้ก้อนโตเขาก็รู้สึกผิดในฐานะผู้ให้กำเนิดแล้ว หากลูกมารู้ถึงความคิดเขาอีก ไม่รู้มันจะส่งผลต่อพฤติกรรมเด็กหรือเปล่า อย่างน้อยแม้ผ้าขาวจะเปื้อนฝุ่นไปบ้างแต่เขาก็พยายามจะปกป้องและปัดมันออกเท่าที่แม่คนนี้จะทำได้

หน้าที่ของเขาหลังจากลงมือช่วยทำอาหารสำหรับคนงานกรรมกรให้พี่คนงานยกขึ้นกระบะ ก็ขึ้นมาทำความสะอาดเรือนปัดกวาดเช็ดถู รดน้ำต้นไม้ และงานจิปาถะอื่น ๆ ช่วยแม่บ้านคนเดียวของเรือนหลังนี้ เขาได้ยินว่าก่อนเขาจะมาเคยมีพ่อบ้านวัยรุ่นช่วยอยู่แต่ตอนนี้พวกเขาถูกย้ายออกไป แม้จะเหนื่อยไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในเขตเรือนหลังนี้ ดอกเบี้ยก็จะไม่เพิ่มขึ้น

ตกเย็นช่วงพลบค่ำหลังพวกเขาสามแม่ลูกอาบน้ำด้วยกันเสร็จก็พากันเอาตัวลงเตียง พวกเขาได้รับห้องเก็บของเก่าใต้ถุนเรือนเป็นที่ซุกหัวนอน แม้คับแคบแต่สะอาดสะอ้านกว่าที่คิด เห็นครั้งแรกแทบไม่ต้องทำความสะอาดเลย

“แม่จ๋า...”

“หือ? เปี่ยมมีอะไรลูก”

เด็กชายจับชายผ้าเกาะอกสีดินดอนผืนเก่าของมารดาพลางอ้าปากหาวด้วยความง่วงงุน เปลวที่เอื้อมมือไปจะดับเทียนจึงหันลงมาประคบประหงมลูกน้อย

“พ่อกอบจะมาหาเราอีกเมื่อไหร่เหรอจ๊ะ...?”

“ฉันก็คิดถึงพ่อจ้ะ...”

เด็กหญิงที่นอนอยู่ด้านขวากล่าวเสริมพร้อมกำผ้าผวยเนื้อบางแน่นขนัด คนเป็นแม่จึงปวดใจที่จะกล่าว เพราะแบบนี้เขาจึงอยากปลดหนี้ให้ได้ไวที่สุดแม้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

“พ่อเขาพึ่งมาเมื่อสามวันที่แล้วเอง รออีกประมาณสี่อาทิตย์นะลูกนะ”

แม่โคนมลูบกลุ่มผมเด็กน้อยทั้งสองซึ่งนอนขนาบข้างใต้แสงเทียนอันริบหรี่และสายลมเย็นที่ผ่านเข้ามาตามร่องประตู ความรู้สึกแห้งผากแบบนี้สงสัยคงจะใกล้หน้าหนาวแล้ว คงต้องตระเตรียมเย็บผ้าห่มให้หนาขึ้นสักหน่อย หากไม่ติดพนันหรือหยิบยืมคนอื่นไปทั่วตอนนี้พวกเขาคงจะมีกินมีใช้อยู่บ้างแล้ว ไม่ต้องมาลำบากกายใจอยู่แบบนี้

“ตอนนี้อยู่กับแม่...กอดแม่ไปก่อนนะ...”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

คุณชายภูวธรรศในมาดเคร่งขรึมเดินลงมาเข้าต๊อมอาบน้ำอาบท่าหลังเห็นว่าสามแม่ลูกพากันเข้าไปในห้องนอนแล้ว เจ้าของเรือนวางตะเกียงเจ้าพายุไว้บนชั้นปูนก่อ ตักขันราดทำความสะอาดเนื้อตัวที่พึ่งออกไปทำงานมาหมาด ๆ แววตาสีไพฑูรย์คมกริบเหม่อลอยด้วยว่าในหัวกำลังคิดสะระตะถึงบางสิ่งบางอย่าง ก่อนจะผลิยิ้มมุมปากออกมาชวนให้รอยแผลบากบนหน้ากรามยกขึ้น

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์สัตว์แต่ก็หาได้มีหูหางตามชาติกำเนิดด้วยว่าเข้า ‘พิธีซ่อนสังขาร’ ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์มีสถานะไม่ต่างจากพิธีไหว้ครูหรือเจิมหน้าผาก เป็นการปกปิดรูปเดรัจฉานไม่ให้ใครรู้ถึงตัวตน นอกจากจะไม่มีหางให้มาเกะกะแล้วยังสะท้อนถึงผู้มีฐานะดี เพราะข้าวของแต่ละอย่างในพิธีล้วนมีราคา

ชายร่างกำยำเดินกะจะกลับขึ้นเรือนไปผลัดผ้าเข้านอนพลางตวัดหางตาส่องตะเกียงมองไปยังห้องน้อยใต้ถุนเรือน คิดอยู่เพียงครู่แล้วจึงค่อยก้าวเหยียบขั้นบันไดสาวเท้าเข้าห้องนอนของตน

แม้จะซ่อนหูหางไว้แล้วแต่จะเรียกกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัวบนร่างหนาของชายสักยันต์จึงปรากฏเป็นใบหูสีขาวและหางยาวลายพร้อยสีดำซึ่งกระดิกไปมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเทตัวลงเตียงดีดดิ้นไปมาอย่างไม่รักษามาด พร้อมกรีดร้องอยู่ในใจ

‘วันนี้น้องเปลวก็น่ารักอีกแล้ว!’ ไหนจะเด็ก ๆ วัวน้อยอีก เพราะมีแม่น่ารักแบบนี้อย่างไรล่ะ เด็ก ๆ ถึงได้น่าอุ้มชูตามไปด้วย ถ้ารู้ว่าจะดีใจกับของเล่นจักสานแบบนี้เขาน่าจะเหมามาให้ทั้งร้าน

ตอนวิ่งมาดูลูกด้วยความเป็นห่วงก็น่ารัก ตอนมองเขาอย่างเกรงใจเป็นกังวลก็น่ารัก ไม่ว่าจะมองมุมไหนทำอะไรหรือแค่ยืนหายใจน้องเปลวก็น่ารักไปหมด

ในตอนที่รู้ว่าตัวเองมีโอกาสได้เป็นเจ้าหนี้ของบ้านน้องโคนมเขาก็ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าจะรับแม่ลูกสามคนมาดูแลเป็นอย่างดี แต่อย่างไรจะประเจิดประเจ้อมากก็ไม่ได้เดี๋ยวจะหมดความน่าเชื่อถือเอา เขาจึงต้องคอยเก็บอาการสงวนท่าทีไว้

ทีแรกเขาว่าจะไปสุดทางซื้อของมาปรนเปรอทุกสิ่งอย่างอยู่หรอก แต่มันติดตรงที่แม่โคนมเขาระแวงไปเสียหมด ซ้ำที่เขาซื้อของให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่อยากได้กลัวว่ามันจะไปเพิ่มหนี้สิน เขาคิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด เก๊กท่าเป็นเจ้าหนี้แล้วค่อยตีเนียนซื้อของให้

อย่างไรเจ้าตัวเขาก็มีผัวเป็นตัวเป็นตน เขาไม่อยากเข้าไปทำลายครอบครัวใครหรอก แล้วหากคนอย่างผัวน้องเปลวมาเห็นเขาเป็นแบบนี้คงจะต้องคิดวางแผนชั่วเป็นแน่ อย่างน้อยให้เงินยืมจ่ายหนี้เล็กหนี้น้อยแล้วรวมมาที่เขาคนเดียวโดยไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มเขาว่ามันก็เป็นข้อเสนอที่ดีเกินกว่าจะหาได้จากที่ไหนแล้ว

จะว่าไปขนมที่ซื้อให้วันนี้เด็ก ๆ จะชอบไหมนะ จะกินหมดกันไปหรือยัง แล้วน้องเปลวจะได้กินด้วยหรือเปล่านะ ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปแอบดูเสียหน่อย แล้วก็ต้องบอกป้าจำเนียนว่าให้ทำรายการอาหารที่ใส่เนื้อสัตว์เยอะ ๆ เด็กพวกนั้นจะได้โตไว ๆ

จนตอนนี้หูหางสีขาวฟูฟ่องก็ยังคงกระดิกส่ายไปมาอย่างอารมณ์ดีด้วยใบหน้าเปรมปรีดิ์ของคุณชายผู้มากมีเงินทอง หากใครมาเห็นคงคิดว่าผีเข้าเป็นแน่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โคขัดดอก   บทที่ ๒ เกี่ยวพัน

    อิงตามกฎของธรรมชาติไล่จากผู้แข็งแกร่งสู่ผู้ที่อ่อนแอ เจ้าป่าย่อมมีชัยเหนือสัพพะสัตว์ทั้งปวงบ้านเหมบำรุงขึ้นชื่อว่ามีทรัพย์สินมากมายเกินกว่าจะนั่งนับด้วยนิ้วของคนร้อยคน ด้วยผู้นำตระกูลสืบสายเลือดมาจากเสือดาวหิมะอันเป็นที่น่ายำเกรงกระนั้นการส่งต่อเงินทองมากมายที่มีไปยังรุ่นสู่รุ่นจึงเป็นเรื่องยากเนื่องจากการหาแม่พันธุ์มาเป็นตัวกลางยากแสนยาก ทว่าสุดท้ายด้วยความพยายามไม่ว่าจะด้วยพลังเงินตราหรือพลังไสยศาสตร์จึงออกมาเป็นทายาทจำนวนสามคนซึ่งกุมอำนาจบริวารเอาไว้ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนนอกตระกูล. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .“น้องสิน พี่มาหาแล้วนะจ๊ะ”เสียงลั้นลาอย่างคุณชายอารมณ์ดีเปิดประตูตำหนักเข้ามาหาน้องแฝดคนรองอย่างไม่ถือตัว ภูวธรรศมองห้องโอ่โถงประดับประดาไปด้วยของขลังในโหลแก้ว เชิงเทียน บายศรีและสายสิญจน์พันรอบเสา“ขนลุกว่ะ”“กูก็พอกัน”“แล้วพูดเพื่อ?”“ได้ยินว่าน้องเปลวชอบคนพูดเพราะ”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-30
  • โคขัดดอก   บทที่ ๓ ผ่านไปเร็ว

    ภูวธรรศเปลี่ยนลูกข่างไปจนครบ เหวี่ยงเชือกแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแต่น้องวัวน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อเลยสักนิด ยิ่งเป็นลูกข่างซึ่งวาดลวดลายสีสันยิ่งจ้องมองไม่วางตา เขาจำได้ว่าตัวเองเล่นแป๊บ ๆ ก็เบื่อแต่ไม่ใช่กับน้องเปลวเลยบ้านของโคน้อยย้ายมาจากต่างจังหวัด เข้ามาเช่าหนึ่งในบ้านหลังที่เขาเป็นเจ้าของ บ้านหลังนั้นไม่ได้เล็กหรือใหญ่จนเกินไป พอดีกับขนาดครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก จากการแต่งตัวน่าจะพึ่งมาเริ่มมีฐานะเมื่อไม่นานมานี้ จากการถามน้องเปลว น้องเจ้าเล่าว่าเมื่อก่อนปลูกกระท่อมทำเถียงนาอยู่กันเล็ก ๆ จนเมื่อมีคนมาขอซื้อที่ด้วยจำนวนเงินมากมายมหาศาลบ้านน้องเปลวจึงคิดย้ายเข้ามาเริ่มต้นใหม่ในตัวเมืองเหนือซึ่งเส้นทางก็ไปได้ดีไม่มีติดขัด“วันนี้น้องขอไปเล่นบ้านที่ธรรศได้ไหมจ๊ะ?”“ได้สิ แต่แม่จะไม่ว่าเอาเหรอ?”ส่วนที่เขาเล่นอยู่ประจำคือลานดินหน้าบ้านน้องเปลว หากจะไปบ้านคนอื่นต้องขอผู้ใหญ่เสียก่อน แต่มาขอปุบปับแบบนี้ไม่รู้มารดาจะอนุญาตหรือไม่ยิ่งเป็นสุคนธ์เสียด้วย“ฉันขอแม่ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะจ๊ะ”“แบบนี้น่าจะบอกพี่แต่แรกสิ จะได้พาไปนั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-30
  • โคขัดดอก   บทที่ ๔ กริ้ว

    เนื่องมาจากมีเศรษฐีคนหนึ่งจ้องจะหาแม่พันธุ์มาสืบตระกูลจึงตระเวนหาคนที่เหมาะสมจนมาเจอบ้านน้องโคนม แน่นอนว่าจะมีครอบครัวไหนยอมปล่อยขายลูกตัวเองง่าย ๆ ทางนั้นที่มีอำนาจมากกว่าจึงกลั่นแกล้งทำให้ธุรกิจทางบ้านตกต่ำในที่สุดก็สามารถเอาเงินฟาดซื้อตัวน้องวัวน้อยมาอยู่ในบ้านจนได้เขาได้ยินขณะลงพื้นที่ดูการก่อสร้างก็ฉุนจัด อยากจะโยนงานทิ้งแล้วไปเด็ดหัวไอ้หมอนั่นมันเสียตอนนี้ ทั้งบังคับข่มขู่ ทั้งกดให้จมดินอย่างหน้าไม่อาย แล้วยังมองน้องเปลวของเขาเป็นเพียงแม่พันธุ์ในตอนนั้นเขาคิดแล้วว่าบางทีคำพยากรณ์ของบิดาอาจเป็นเรื่องโกหก หากเขาจะได้มาจริงทำไมเรื่องราวมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่ว่าพวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันเหรอใช่ เขาจะได้คนมีตำหนิ แต่แบบนี้มันทำร้ายเขาเกินไป มันช่างน่าเจ็บใจที่มารู้ในวันที่ทำอะไรไม่ทันแล้วเขาได้ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของน้องโคนมมาอยู่ในกำมือและคิดว่าจะเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้คนที่ได้ตัวน้องเปลวไปมันเป็นคนแบบไหน ถ้าเป็นไอ้คนสิ้นไร้ไม้ตอกละก็เขาจะแย่งมาเองจนเมื่อมาถึงภาพที่เขาคิดเอาไว้มันกลับไม่ใช่เลย บ้านหลังนั้นมีอาณาเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • โคขัดดอก   บทที่ ๕ ร้อน ๆ หนาว ๆ

    แม้ไม่มีเสียงไก่ขันหรือนาฬิกาปลุกไขลานเมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ร่างกายซึ่งเริ่มปรับตัวจึงค่อย ๆ รับรู้ถึงอากาศเย็นที่ลอยเข้ามาแตะผิว ยังดีที่เขาปักชุนผ้าห่มแล้วหาผ้าอะไรมาเย็บเพิ่มอีกทบทันก่อนเข้าหน้าหนาวพอดีแม่โคนมค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นขยี้ตาจัดแจงผมเผ้าที่ชี้ฟูให้มันพอดูได้ กระชับผ้าคาดหน้าอกที่หลุดหลวมให้เข้าที่ เหลือบตามองพื้นใต้บานประตูจึงเห็นว่าฟ้ายังคงมืดอยู่ สงสัยเขาคงต้องออกไปดูนาฬิกาบนเสาให้แน่ใจว่านี่กี่โมง เขาไม่อยากปลุกเด็ก ๆ เสียเที่ยวประเดี๋ยวจะนอนไม่เต็มอิ่มแม่วัวก้าวลุกออกจากฟูกเตียงอย่างเชื่องช้าเกรงจะทำลูกน้อยทั้งสองตื่นแล้วจึงค่อยเอื้อมมือไปคว้าผ้าผวยผืนของตนเองออกมาคลุมเนื้อตัวกันลมหนาว เพราะมันแค่ออกมามองนาฬิกาจึงไม่ได้พกเชิงเทียนออกมาด้วย‘ตีสี่ครึ่ง’ นี่ก็ใกล้เวลาตื่นแล้ว เขาต้องตระเตรียมอะไรให้เสร็จก่อนหกโมงรวมไปถึงมื้อเช้า แต่ดูจากลมแล้วเขาว่าน้ำในโอ่งวันนี้ท่าจะเย็นพอควร ไปขอป้าจำเนียนต้มน้ำร้อนผสมลงไปสักหน่อยก็แล้วกันเดินอ้อมไปหลังเรือน ณ ครัวไฟ เขาได้ยินเสียงกุกกักพร้อมดวงไฟเหนือหัวที่เปิดอยู่ วันนี้ป้าจำเนียนก็ตื่นเช้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • โคขัดดอก   บทที่ ๖ ไม่กินใบไม้

    “คุณธรรศทำไมไม่กินผักบ้างล่ะจ้ะ”“ปิ่นพูดอะไรน่ะ!?”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงที่เคี้ยวผักพายลวกหงุบ ๆ โพล่งขึ้นกลางวงเมื่อเห็นว่าในจานขนมจีนของคุณผู้ชายมีแต่น้ำยากับลูกชิ้นไม่เห็นมีผักใบเขียวสักกะนิด ส่วนเปลวผู้เป็นแม่ก็ติเตียนเด็กหญิงไม่ให้พูดอะไรลามปามคนเป็นนายนั่นทำธรรศถึงกับสะอึก ใช่ว่าเขาจะกินไม่ได้แต่มันไม่ชอบ ทั้งสีที่เขียวอี๋ไหนจะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่เขาซึ่งมีพื้นฐานมาจากสัตว์กินเนื้อเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจจะมานั่งร่วมโต๊ะแล้วอย่างน้อยก็ต้องสร้างความประทับใจ แม้มันจะเป็นความประทับใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการกินผักก็ตาม“คุณธรรศ ฉันขอโทษแทนลูกฉันด้วยนะจ๊ะ”เปลวใจไม่ดีวางจานส่วนของตัวเองมาปรามลูกสาวที่พูดจาไม่มีหูรูด เขาทั้งแปลกใจทั้งเกร็งที่จู่ ๆ เมื่อเช้าคุณธรรศก็เดินลงมาบอกจะนั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน เขาที่คิดว่าเจ้าตัวคงอยากนั่งกินกับป้าจำเนียนสองคนก็จะพากันไปนั่งกันในห้องเก็บของแต่คุณชายเจ้าดันบอกให้พวกเขานั่งตามเดิม“ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่”ภูวธรรศไม่คิดถือสาเด็ก แม้มันจะแทงใจดำไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02
  • โคขัดดอก   บทที่ ๗ พิเศษ

    ตกเย็นเปลวเอาข้อเสนอของคุณธรรศมาคิด มันน่าลำบากใจกับคำว่า ‘นอน’ ถึงมีเรื่องราวพรรค์นั้นเกิดขึ้นอย่างไรร่างกายเขาก็รองรับได้ เพราะเขากับสามียังไม่ได้มีพันธะต่อกัน ซึ่งคุณธรรศคงจะรู้เรื่องนี้จากการที่เขาไม่มีรอยอยู่บนหลังคอ‘ถ้าฉันนอนแล้วคุณธรรศจะไม่มาเก็บค่าคุณครูกับฉันทีหลังใช่ไหมจ๊ะ’‘ใช่’เมื่อเที่ยงคุณธรรศตอบมาเร็วมาก ทั้งยังหน้าแดงแจ๋ทั้งที่อากาศบนเรือนก็ไม่ได้ร้อน‘…ถะ...ถ้าเอ็งอยากนอนกับลูกวันไหนก็บอก…’ทีแรกเขาคิดว่านอนเพียงคืนเดียวแต่อาจจะไม่ใช่สินะ ก็ค่าการเรียนการสอนเทียบกับการที่ให้คนอย่างเขาไปนอนด้วยแล้วคุณค่ามันวัดกันไม่ได้เลยเปลวหนักใจ มองลูก ๆ ซึ่งกำลังพยายามแต่งตัวเหน็บผ้ากันอยู่ก็นึกอดสู ยิ่งหลังจากเขาบอกว่าจะไม่มีครูมาสอนอะไรทั้งนั้นเด็ก ๆ ก็คล้ายซึมลงอย่างเห็นได้ชัด“เด็ก ๆ อยากเรียนกัน...จริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะ?”“จ้ะ!/จ้ะ!”เปลวข่มนัยน์ตาเศร้าผลิยิ้มออกมาเจือจาง ทีเมื่อกี้ทำเป็นนั่งหงอยนะ เขาตัดสินใจได้แล้วแต่อย่างไรก็ยังต้องการคำยืนยันจากเด็ก ๆ“สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะตั้งใจเรียนไม่ดื้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-03
  • โคขัดดอก   บทที่ ๘ หนึ่งคืนหมื่นเหตุการณ์

    คุณผู้ชายภูวธรรศ เหมบำรุง หลังโดนคำถามกระชากจิตจากแม่วัวไปก็ถึงกับหน้าซีดตัวสั่น มันห้ามไม่ได้เลยจริง ๆ ที่จะเผลอร้อยเรียงเรื่องราวสัปดนเป็นฉาก ๆสุดท้ายท่ามกลางแสงไฟสลัว กลิ่นกำยาน และสุคนธ์ตัวหอมที่นั่งเฝ้ารอคำสั่งตาแป๋วก็ต้องมานั่งนวดไหล่ให้เจ้าหนี้ตอนนี้สวรรค์กำลังลงโทษเขาอยู่หรือไร ทำไมเขาที่เป็นคนกุมอำนาจแท้ ๆ ไฉนต้องมานั่งกดข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน ภูวธรรศในตอนนี้คล้ายคนกำลังจะจมน้ำตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งแต่ความหวังช่างริบหรี่เหลือเกิน“ตรงนี้ได้ไหมจ๊ะ?”“อือ...”หนึ่งคำล้านความหมายนัก เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะสรรหาคำไหนมาบรรยายอาการปัจจุบันในตอนนี้และในอนาคตอันใกล้ ถ้าเขาปล่อยหูหางออกมาตอนนี้น้องเปลวจะมองเขาว่าประหลาดหรือเปล่า ในเมื่อเจ้าตัวจำไม่ได้ว่าตัวเขานั้นไว้ใจน้องเปลวมากแค่ไหนภูวธรรศขณะบ่ากำลังถูกนวด สายตาก็เหลือบมองแม่วัวนมที่สะท้อนอยู่บนกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง“ฉันถามอะไรเอ็งได้ไหม?”“ได้สิจ๊ะ”“ทำไมเอ็งถึงตัดผมสั้น?”เขาจำได้แม่นว่าเมื่อก่อนน้องเปลวไว้ผมยาวแล้วก็ถักเปียเดี่ยวล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-04
  • โคขัดดอก   บทที่ ๙ ซื้อทำไม

    ภูวธรรศหลังจากที่มาเป็นคนเดินเก็บค่าแผงเองเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย จากวันแรกผ่านมาได้สองวันแล้วแต่กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทั้งถามไถ่เหล่าพ่อค้าแม่ขายก็เห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปได้เป็นอย่างดี ไม่มีอันธพาลวัยรุ่นที่ไหนมารังควานสร้างความเสียหายแก่สินค้าพวกเขาแล้ว หากเป็นเช่นนี้ไปจนครบหนึ่งสัปดาห์เต็มเขาก็คิดว่าจะให้พวกลูกน้องกลับมาดูแลดังเดิมบรรยากาศตลาดในยามเช้าตรู่ของวันพุธช่างเป็นอะไรที่ครึกครื้นพอ ๆ กับห้างร้านในตัวเมืองเมื่อตกบ่าย ผู้คนแห่แหนมาซื้อวัตถุดิบไปปรุงอาหาร บ้างก็ซื้อของสำเร็จไปอุ่นทานกันง่าย ๆ ในครอบครัว เพราะเห็นว่าตอนนี้มีคนทำกิจการขายเสื้อผ้ามื้อหนึ่งมือสองกันเยอะ เขาจึงขยายพื้นที่วางเขตขายเครื่องนุ่งห่มขึ้นมาโดยเฉพาะ ผ่านมาไม่ถึงปีผลตอบรับการจับจองพื้นที่ก็ดีตามคาด ว่าแล้วก็ยืดอกภาคภูมิใจกับตนเอง เขาที่มันคนดีจริง ๆ ได้ช่วยแม่ค้าไหนจะได้เงินเข้ากระเป๋าเพิ่มเป็นของแถมอีกภูวธรรศเดินไปตามทางพร้อมมือขวาอย่างไอ้ม่วงหนูจี๊ด เห็นว่ามันช่วงนี้กำลังส่งคนตามสืบไม่รู้ได้เรื่องได้ราวไปถึงไหนแล้ว‘ไอ้ม่วง’‘ตอนนี้ยังสืบไม่ครบครับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๘ จั่วหัว

    เฉลิม × ม่วงอีกไม่นานเด็ก ๆ ในการดูแลของเขาก็จะจบการศึกษาจากโรงเรียนประจำที่ส่งไปพระนคร โดยแต่เดิมตัวเขาเป็นเด็กที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเด็กพวกนั้นก็นับเป็นประหนึ่งน้องชายน้องสาวต่างสายเลือดที่อายุห่างจากเขาไปเยอะโข แต่อย่างไรเขาในฐานะพี่ใหญ่ก็อยากจะหาโอกาสมามอบให้เด็กเหล่านั้น ไม่ต้องให้มาตกระกำลำบากเช่นตัวเองเขาจับพลัดจับผลูจนได้มาทำงานในเครือเหมบำรุงและได้รับความช่วยเหลือจากคุณธรรศโดยการหยิบยืมเงินเพื่อส่งเด็ก ๆ ทั้งหมดเข้าโรงเรียนรวมถึงการบำรุงรักษาสถานรับเลี้ยงที่เขาเติบโตมา ส่วนคนไหนเป็นสุคนธ์ถึงเขาจะไม่สามารถจ้างครูสอนรายบุคคลได้แต่อย่างน้อยก็มีอาจารย์ช่วยกันสอนสั่งดูแลถึงสองคนต่อเด็กห้าสิบกว่าคนมันไม่เชิงว่าเขาเป็นหนี้เจ้านายอย่างคุณภูวธรรศ แต่เป็นเขาเองที่อยากให้เจ้านายหักเงินรายเดือนคืนกลับไป แม้มันจะเล็กน้อยเท่าหยิบมือแต่เขาในตอนนี้ก็คืนมันไปจนหมดแล้ว กระนั้นด้วยบุญคุณที่เจ้านายมอบให้ในตอนที่เขายังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ตอนที่ยังคงแต่งตัวซอมซ่อเหมือนหนูข้างถนน เขาจึงตั้งมั่นตั

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๗ ชนแก้ว

    วันนี้เนื่องจากเป็นวันเรียนจบของลูกเปรมซึ่งเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว พ่อเสือจึงลางานละหน้าที่หนึ่งวันสำหรับพาครอบครัวมาทานมื้อค่ำในตัวเมืองซึ่งเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ นับเป็นเรื่องปกติของที่บ้านที่จะพาเด็ก ๆ มาฉลองในแต่ละช่วงเวลาสำคัญของชีวิตแม้เปรมจะเป็นสุคนธ์ไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไปได้อย่างพี่เปี่ยมพี่ปิ่นแต่ก็ถือว่าเรียนจบหลักสูตรตามที่อาจารย์ซึ่งจ้างมาครบหมดแล้วตอนนี้ลูก ๆ ของเขาโตขึ้นกันเร็วเสียน่าใจหายเผลอแป๊บเดียวปิ่นเปี่ยมก็อายุสิบหกเริ่มทำงานช่วยพ่อธรรศกันแล้ว กระนั้นผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าปิ่นที่เคยพูดจาเจื้อยแจ้วนั้นสุขุมขึ้น แต่อย่างไรความมั่นใจในตัวเองที่พ่อธรรศมอบให้ผ่านการใช้เวลาร่วมกันก็ยังคงฝังลึก มีหลายครั้งที่ลูกสาวคนนี้แสดงมุมตลก ๆ ออกมา ในขณะเดียวกันเปี่ยมซึ่งเคยเป็นเด็กขี้อายเมื่อโตเป็นหนุ่มกลับเป็นคนแสดงออกชัดเจนพูดจาเถรตรง และมั่นใจในการพูดมากขึ้นบนโต๊ะอาหาร“เปรมกินอันนี้ไหม เดี๋ยวพี่ตักให้”“กินจ้ะ”ภาพพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวแบบนี้ช่าง

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๖ กระโจมอก (NC)

    เนื่องจากปิ่นเปี่ยมก็โตขึ้นแล้ว สามีจึงเห็นว่าควรหาพื้นที่ส่วนตัวให้อย่างน้อยก็เป็นห้องนอนเล็ก ๆ ให้ฝึกใช้ชีวิตด้วยตัวเองส่วนเปรมด้วยว่าพึ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนยังคงต้องนอนห้องเดียวกันกับพวกเขาอยู่ แต่ก็มีอยู่หลายวันเหมือนกันที่พวกเราห้าคนมานอนด้วยกัน จะนับเป็นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ในตอนนี้ปิ่นเปี่ยมขึ้นป.๒ และก็มีบางวันที่เลิกเรียนกลับมาเย็นเนื่องจากมีกิจกรรมของทางโรงเรียนเขา ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีกินเลี้ยงคนงาน ครัวจึงถูกใช้งานอย่างเต็มอัตราโดยมีพี่ม่วงพี่เฉลิมมาช่วยอย่างที่เคยเป็น กว่าจะวางมือจากตะหลิวเช็ดล้างทำความสะอาดพื้นครัวก็ปาไปเกือบหกโมง ลูก ๆ จึงอาบน้ำอาบท่าขึ้นไปทำการบ้านกันก่อนแล้ว ไหนจะได้ยินว่าง่วงเพราะเล่นกีฬามา สงสัยคงต้องขึ้นไปดูน้ำในเหยือกด้านบนเสียหน่อยว่าพอหรือเปล่า“ขอบคุณที่มาช่วยนะจ๊ะพี่ม่วง”“ผมต้องมาช่วยอยู่แล้วครับ”พี่ม่วงมอบยิ้มให้หลังพี่เฉลิมเดินมายกหม้อไปขึ้นท้ายรถ ส่วนพี่ธรรศตอนนี้พึ่งกลับมาจากการออกไปสะสางเรื่องหนี้กับผัวเมียสองคนนั้นนิดหน่อย จะว่าไปหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่กอบกับคุณ

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๕ ขิง

    เนื่องจากเขาสนิทกับพี่ม่วงเป็นทุนเดิมเพราะคุยกันถูกคอถึงเรื่องเด็ก ๆ ที่ได้โอกาสและเงินสนับสนุนจากพี่ธรรศให้ไปเรียนไกลถึงพระนครซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าที่นั่นการศึกษายอดเยี่ยมแค่ไหน จนตอนนี้เด็ก ๆ เหล่านั้นก็กลับมาช่วยงานของสามีภายใต้การดูแลของพี่ม่วงพี่หนูตัวเล็กเคยเล่าว่าเด็ก ๆ ตัวสูงกันมาก ซึ่งพอได้มาทำงานร่วมกันเขาจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเด็กพวกนั้นก็เป็นที่น่าเอ็นดู รับฟังคำแนะนำ ไหนจะขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้จนมีหลายครั้งที่หากกำไรงาม เขามักจะปันส่วนให้เด็ก ๆ เอาไปกินเลี้ยงหรือไม่ก็เก็บหยอดกระปุกเผื่ออยากจะเอาไปต่อยอดสานฝันเขาอยากหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจึงเก็บหอมรอมริบเงินเดือนในสมัยที่ยังทำงานประหนึ่งคนใช้ในช่วงเป็นหนี้มาซื้ออุปกรณ์ทำอาหาร และเอาเงินไปจ่ายค่าแผงของพี่ธรรศที่แม้ในเริ่มแรกเจ้าตัวจะอิดออดขอไม่รับแต่เขาก็บอกจุดประสงค์ชัดเจน จนในที่สุดเจ้าพี่ก็ยอมให้กันในช่วงแรกนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี แม้มีชะงักไปบ้างเพราะมันคาบเกี่ยวตอนตั้งท้องน้องเปรมแต่สุดท้ายเขาก็พาตัวเองมาขายได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว เพราะพี่ธรรศเอาบทบาทสามีภรรยา

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๔ สวนสัตว์น้ำ

    “ใต้ท้องทะเลอุดมไปด้วยชาวเมืองปลา...”ย้อนกลับไปในระยะเวลาก่อนที่เขาจะแต่งงาน มันเป็นช่วงที่กุมภีร์กำลังสอนเด็ก ๆ อ่านหนังสือโดยเริ่มจากการเรียนตัวอักษร สระ วรรณยุกต์ตามมาด้วยการคัดลายมือ และการฝึกอ่านต่าง ๆ โดยนอกจากแบบเรียนแล้ว ก็มีหนังสือภาพหนังสือนิทานที่ชักจูงความสนใจของสองแฝดได้เพราะมีภาพประกอบสวยงามคนเป็นแม่อย่างเปลวเมื่อลูก ๆ หยิบหนังสือมาให้อ่านก่อนนอนมีหรือจะปฏิเสธ ทั้งพี่ธรรศก็ให้การสนับสนุนการเรียนการสอน ออกไปตระเวนหาซื้อหนังสือนิทานมาตั้งไว้สูงชะลูด ไม่รู้ว่าจะอ่านพวกมันจบก่อนเด็กน้อยโตเลยวัยหรือเปล่าในทุกคืนสองแฝดจะทำข้อตกลงเลือกหนังสือนิทานเล่มใหม่หรือเล่มเดิมที่สนใจวิ่งดุ๊ก ๆ เอามาให้แม่วัวอ่าน ยอมรับเลยว่าช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับลูกในทุกคืนแม้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของวันแต่มันช่างมอบความสุขให้เขามากมายเหลือเกิน และวันนี้เด็ก ๆ ก็เลือกหนังสือนิทานเรื่อง ‘พระราชาใต้มหาสมุทร’ มาให้เขาอ่าน คงเพราะมีหน้าปกวาดแต่งแต้มสีฟ้าสดใสพร้อมเหล่าสัตว์ทะเลหน้าตาแปลก ๆ เต็มไปหมด อ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องราวจะกล่าวถึงพระราชาที่เคยสั่งงานทุกค

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๓ เที่ยงตรง (NC)

    ในขณะที่พี่ธรรศช่วงนี้ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาสามวัน เขาในฐานะที่ไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องทำงานบ้านงานเรือน ทั้งเดี๋ยวนี้พี่ธรรศก็มักจะไหว้วานเขาให้ตรวจสอบบัญชีไปก่อนระหว่างรอรับสมัครพนักงานคนใหม่เข้ามา เป็นงานที่หนักเอาการเพราะระหว่างวันเขาต้องคอยดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะเจ้าเปรมที่ร้องไห้งอแงอยู่แทบจะตลอด บางครั้งก็ร้อนเกิน หนาวเกิน ขับถ่าย หิวข้าว หิวนม แม้จะพยายามทำอาหารรสอ่อนให้ทานแต่ลูกชายคนนี้จนอายุได้สองขวบปีก็ยังต้องเอามาเข้าเต้าบ้างเปลวคิดจะให้ลูกเสือตัวน้อยหัดกินผักตั้งแต่เด็กจะได้ทานอะไรได้หลากหลายเหมือนพี่ ๆ คิดสะระตะไปมาตอนนี้ก็นอนหลับปุ๋ยกันไปหมดสามคน ในที่สุดความวุ่นวายในวันหยุดก็เพลาลงเสียทีคนเป็นแม่อย่างเปลวจึงได้เวลาหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง แล้วจึงรีบมาเปลี่ยนผ้าปูเตียงประจำเดือนยังห้องพ่อแม่ เขาในตอนนี้ไว้ผมยาวลงมาจนสามารถถักเป็นเปียได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทีแรกด้วยความไม่ชินจึงมีความคิดที่จะตัดสั้นดังเดิม ทว่าก็ทำได้แค่คิดเพราะงานอะไรล้วนยุ่งไปหมด อยู่ไปอยู่มาก็ชินเสียแล้ว*แกร๊ก* เสียงกลอนประตูเปิดออก เปลวที่กำลังวุ่นอย

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๒ ฟูฟ่อง

    ผ่านมาหนึ่งปีถ้วนนับตั้งแต่คืนวันแต่งงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพี่ธรรศพาเขาไปพบสูติแพทย์อยู่เป็นประจำตามกำหนด หาหยูกยาบำรุงตามคำหมอมาต้มให้เขาดื่มทุกคืนก่อนนอน ไหนจะอาหารการกินอุดมสมบูรณ์เต็มตาเต็มโต๊ะยิ่งกว่าเก่า เขาที่ท้องสามแล้วจึงพอมีความคุ้นชินอยู่บ้าง และทราบว่าคนท้องพอทำอะไรเองได้ กระนั้นประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขากลับใช้ไม่ได้กับพี่ธรรศเจ้าตัวหวงเขาหนักหนา จากที่เขาตั้งใจว่าจะลงเรือนไปกินข้าวในครัว ไม่ต้องให้ใครเดินขึ้นเดินลงเพื่อเก็บจานของคนเพียงคนเดียวแต่พี่ธรรศขอปฏิเสธ เป็นคนอาสาเดินหยิบมื้อเช้ากลางวันเย็นกระทั่งขนมมื้อดึกขึ้นมาให้ทุกวี่ทุกวันและการที่ทำเช่นนั้นได้แปลว่าพี่ธรรศต้องแบกงานกระทั่งพาลูกค้ามาคุยที่เรือน เขาเคยพูดคุยขำ ๆ กับเรื่องนี้กับคุณเลขานุการอย่างพี่ม่วง อีกคนก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ เพราะต้องวางตารางใหม่ทั้งหมดข้ามวันข้ามคืนแทบไม่ได้นอน เขาจึงดุพี่ธรรศไปหนึ่งรอบจนต่อรองกันว่าจะไม่ฝืนธรรมชาติ ออกไปทำงานอย่างเป็นกิจจะลักษณะเป็นครั้งคราวคิดถึงอดีตที่ผ่านมาร่วมหลายเดือนก็กลั้วหัวเราะ อย่างไรเขาก็ไม่ได้มองนิสัยนี้ของพี่ธรรศไปในทาง

  • โคขัดดอก   บทพิเศษ ๑ งานแต่ง (NC)

    กลิ่นหอมสดชื่นของพานพุ่มใบตองโชยมาจากท้ายขบวน เสียงพูดคุยของเหล่าเครือญาติและมิตรสหายแว่วมาพร้อมรอยยิ้มแห่งความยินดีปรีดา เหล่าพานมงคลไล่เรียงขึ้นมามีผลไม้ ขนม สินสอด และแหวนฝังเพชรเม็ดงามสองวงตั้งเด่นบนพานดอกไม้ใบน้อย เป็นสองแฝดน้องชายผู้ถือพานต้นกล้วยลอบมองเจ้าบ่าวในชุดผ้าไทยซึ่งระริกระรี้เป็นพิเศษภูวธรรศยิ้มแก้มแทบปริ กำพานธูปเทียนแพรแน่นขนัด ตระเตรียมขบวนในการเดินไปหาน้องเปลวบนเรือนกรรณิการ์ ทั้งที่คิดว่าใกล้วันงานจะได้นอนพูดคุยกับน้องเปลวเสียอีกแต่ไม่เลย เพราะแม่ดันบอกว่าพวกเขาต้องนอนแยกห้องกันไม่แค่ ๑ วัน ๓ วันแต่นานถึง ๗ วัน! น้องเปลวขั้นต่ำก่อนแต่งมานอนกับเขาสัปดาห์ละสองหนเชียวนะแม่นอกจากห้ามนอนด้วยกันในขั้นตอนลองชุด หรือลองเครื่องประดับก็ห้ามมอง ยิ่งทำกงการอะไรสองต่อสองยิ่งไม่ได้เลยเชียว เขาคิดถึงใจจะขาดอยู่แล้วขณะภูวธรรศกำลังใคร่ครวญถึงแม่วัวอยู่นั้นเองเสียงกู่ร้องก็ดังขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นตามด้วยเสียงกลองฉิ่งฉาบกรับฆ้องเป็นสัญญาณการเริ่มเดินขบวน พวกลูกน้องของเขาที่ได้วันหยุดมาหนึ่งวันก็คล้ายเป็นวันปล่อยผี เต้นกันไม่เกรงใจเจ้าบ่าวหน้าขบว

  • โคขัดดอก   บทที่ ๒๑ เด็กน้อย (จบบริบูรณ์)

    “อึก! อืออ...”ฝ่ามือสีน้ำผึ้งกำแน่นอยู่บนลาดไหล่กว้าง ส่งเสียงร้องครางอยู่ข้างใบหูพ่อเสือเมื่อสะโพกอวบกำลังถูกกดลงต่ำสวนทางกับแก่นกายยักษ์เต้นตุบที่เข้าปากทางย้อนขึ้นมากระทุ้งผนังอ่อนชวนให้รู้สึกจุกเสียว“เอ็ง...อึก...รัดแน่นเกินไปแล้ว”“อ๊ะ! พี่ อื้อ!”ภูวธรรศกัดฟันชะลอแรงเกรงว่าจะทำน้องเปลวเจ็บ กระนั้นภาพที่ฉายบนดวงตากลับเร่งเร้าเขาเสียอย่างนั้น แม่วัวหรี่ตามองน้ำตาคลอเบ้าขมวดคิ้วมุ่นพร้อมหน้าแก้มขึ้นริ้วแดงชวนมอง ด้วยความไม่รู้เนื้อรู้ตัวคมเขี้ยวที่คันมาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่วายเข้าไปขบเม้มหน้าแก้มกลมกลึงเปลวด้วยความตกใจจึงตัวกระตุกกดสะโพกลงไปจนสุดโคน ปลายป้านกระแทกเข้าผนังอ่อนชนต่อมน้ำคาวอย่างจังจนส่วนหน้าเผลอเสร็จสมอย่างเป็นไปเอง แม่วัวหอบหายใจหนักก่อนจะขอเปลี่ยนแขนไปคล้องลำคอหนาบดเบียดอกอวบอ้อนขอรสจูบปลอบประโลมอีกครั้ง“อือ...”กลิ่นไม้กฤษณาตลบอบอวลอยู่ในโพรงจมูก มันไม่ได้ชวนอึดอัดจนหายใจไม่ออกหรืออยากจะถอนเรียวลิ้นออกเลยแม้แต่น้อย กลับหอมอย่างเข้มขลังดึงดูดให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้อย่างแยบยล“เอ็งยังเจ็บอยู่ร

DMCA.com Protection Status