แชร์

บบที่ 124

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เซียวอวี้มองเซวียฉือที่คุกเข่าบนพื้นอย่างเยือกเย็น “บอกให้ละเอียด กุ้ยเฟยออกคำสั่งเจ้าอย่างไร”

เซวียฉือรีบตอบกลับ

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิสามารถเข้าออกราชวังในได้ หากกุ้ยเฟยมีแผนการอะไร มักจะส่งขันทีในวังมาบอกต่อ

“แม้นไม่รู้ว่าขันทีผู้นั้นคือใคร แต่กระหม่อมจำหน้าเขาได้ เห็นแล้วรู้ทันที”

เซียวอวี้ออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว

“เรียกตัวขันทีในตำหนักหลิงเซียวมาให้หมด”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

กุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างล้นหลาม ตำหนักหลิงเซียวจึงมีขันทีทั้งสิ้นห้าสิบคน

พวกเขาเข้ามาในห้องทรงพระอักษรทีละสิบคน เพื่อให้เซวียฉือชี้ตัว

เมื่อขันทีกลุ่มที่สามเข้ามา ดวงตาทั้งสองข้างของเซวียฉือพลันวาวโรจน์ แล้วชี้ไปยังบุคคลหนึ่งในนั้นอย่างตื่นเต้น

“เขา! เป็นเขา!”

ขันทีที่ถูกชี้หัวใจสั่นวูบ

เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น

“สอบสวน!”

เพียงหนึ่งประโยค กลับชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นขันทีผู้นั้นถูกลากตัวไป ดวงตาพลันมีประกายมืดมัวพาดผ่าน

หลังจากเวลาผ่านไปสองถ้วยชา เฉินจี๋ก็กลับเข้ามาทูลรายงาน

“ฝ่าบาท สอบสวนออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ

“ขันทีผู้นั้นสารภาพ ว่าเป็นคนรับคำสั่งของกุ้ยเฟย”

บ่าวรับใ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ปภัชญา อินทร์เมือง
ชอบนางเอกฉลาดและเก่งด้วย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 125

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปาก ท่าทางสงบนิ่ง เผยกลิ่นอายความเยือกเย็นออกมานี่เป็นสิ่งที่กุ้ยเฟยทำได้ฉลาดมากเฟิ่งหมิงเซวียนติดสินบนลู่ซิน เพื่อขอตำแหน่งจริง ๆดังนั้น แม้นความผิดถูกเปิดโปง ก็ไม่นับว่าลู่ซินพูดปด ทั้งยังโยนความผิดส่วนหนึ่งมาที่เฟิ่งหมิงเซวียนและฮองเฮาได้อีกหากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปสืบรู้ชัดตั้งแต่แรก ก็คงไม่คาดคิดว่าคนวางแผนของเรื่องนี้คือกุ้ยเฟย——ใช้ประโยชน์จากความปรารถนาอยากได้ตำแหน่งของเฟิ่งหมิงเซวียน สร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเรื่องนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้โต้แย้งอะไร“หม่อมฉันอาจจะอบรมสั่งสอนแบบผิด ๆ จึงทำให้น้องชายกระทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้“หม่อมฉันน้อมรับผิด เชิญฝ่าบาทลงทัณฑ์”นางรับผิดอย่างไม่อิดออด กลับทำให้เซียวอวี้ประหลาดใจแต่คำว่า “อาจจะ” ฟังดูเป็นคำส่วนเกิน ราวกับกำลังประชดประชันเซียวอวี้จ้องเขม็งมาที่นาง“กลับไปสำนึกผิดที่ตำหนักหย่งเหอก่อน ถึงคราวที่เราควรพิจารณาแล้ว ว่ายังสามารถให้เจ้าครอบครองตราประทับทองต่อหรือไม่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งคำนับราวกับยอมรับผลสรุปนี้ได้อย่างง่ายดาย“เพคะ ฝ่าบาท”ทันทีที่นางออกไป เฟิ่งหมิงเซวียนพลันตื่นตระหนก และเกิดค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 126

    กุ้ยเฟยฝืนทนเจ็บปวดจากบาดแผล ตรงมายังห้องทรงพระอักษรเพื่อน้อมรับผิดเซียวอวี้ทอดมองมาที่นางด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แผลยังไม่หายดี กลับไปพักที่ตำหนักหลิงเซียวเถอะ”ดวงตาคู่งามของกุ้ยเฟยพลันรื้นไปด้วยน้ำตา“หากหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายกับฝ่าบาทให้ชัดเจน หม่อมฉันก็มิอาจสบายใจได้“เซวียฉือเคยส่งสิ่งของมาให้หม่อมฉันจริง ๆ แต่หม่อมฉันไม่ได้เต็มใจรับไว้เลย…”ดวงตาคมกริบของเซียวอวี้ก่อเกิดแววรำคาญ“พอได้แล้ว“เรื่องนี้ไม่สำคัญ“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เราฟัง กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักหลิงเซียวก่อนเถอะ แผลเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากัน”กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่าเขาจะไม่ตรวจสอบเรื่องของเซวียฉือแล้ว แถมยังเป็นห่วงร่างกายของตนเองอีกนางแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนว่า ฝ่าบาทยังทรงใส่ใจนางเหมือนเดิมนั่นสินะ นางเป็นถึงสนมคนโปรด รับเงินแค่นี้จะเป็นอะไรไป?ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลของเหล่านางสนมส่งเครื่องบรรณาการมาให้นาง แม้นฝ่าบาททรงทราบ แต่ก็ทำเป็นหลับตาข้างเดียวมิใช่หรือเทียบกับของรวมกันที่คนพวกนั้นส่งให้แล้ว ของที่เซวียฉือส่งให้นับว่าไม่มากพอเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่สองแคว้นกำลังเจรจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 127

    เฟิ่งหมิงเซวียนถูกนำตัวไปขังในคุกหลวง ทั้งยังถูกห้ามสอบจอหงวน และห้ามเข้ารับตำแหน่งราชการ ไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของอี๋เหนียงหลินไปครึ่งนางคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าฮูหยินเฟิ่ง ไร้ซึ่งคราบคนยโสโอหังเหมือนในยามปกติ“ฮูหยิน ท่านต้องช่วยหมิงเซวียนด้วยนะ!“พวกเราหมดสิ้นหนทางแล้ว หากท่านเข้าวังไปขอร้องฮองเฮา ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจะเห็นแก่นางยอมลดโทษลง...ฮูหยิน ข้าขอร้องท่านล่ะ!”ฮูหยินเฟิ่งใจอ่อน แต่ก็รู้ตัวดีคดีนี้ข้องเกี่ยวกับขุนนางในราชสำนัก ฮองเฮาอยากจะเลี่ยงแทบไม่ทัน แล้วจะให้ไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวได้อย่างไร?“อี๋เหนียงหลิน เจ้าลุกขึ้นมาพูดกันดี ๆ เถอะ“เรื่องในครั้งนี้ หมิงเซวียนกระทำผิดลงไปจริง ๆ“ฮองเฮาจะบิดเบือนกฎหมายเพราะเรื่องส่วนตัวได้อย่างไร?“สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ มีเพียงให้คนไปส่งข้าวส่งน้ำที่คุกหลวง เพื่อให้หมิงเซวียนลำบากน้อยลง”อี๋เหนียงหลินฟังแล้ว พลันคิดว่านางไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองเพราะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ จึงได้กล่าวถ้อยคำเฉยชาเช่นนี้ออกมาบุตรชายของนางได้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม ซ้ำยังได้รางวัลทองหมื่นตำลึง แล้วจะมาสนใจหมิงเซวียนไปเพื่ออะไรคงอยากให้หมิงเซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 128

    ในคืนนั้น ขบวนเสด็จมาเยือนตำหนักหลิงเซียวใบหน้ากุ้ยเฟยเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ท่วงท่าอรชร ใช้ผงแป้งกลบทับรอยแผลบนหน้า จนมองไม่เห็นจุดบกพร่อง นางจึงมั่นใจในความงามของตนเองเพิ่มอีกหลายส่วน“ฝ่าบาท ท่านทรงงานอย่างหนัก ต้องพักผ่อนมากกว่านี้นะเพคะ“หากท่านเหนื่อย หม่อมฉันคงเจ็บปวด”เซียวอวี้รับอาหารที่นางคีบมาให้ แล้วเงยหน้ามองนาง“เรื่องเช่นนี้เจ้าไม่ต้องทำด้วยตนเอง นั่งเป็นเพื่อนเราทานอาหารดี ๆ พอ”คำพูดของเขาแสดงความห่วงใย สำหรับฮ่องเต้ผู้เลือดเย็นแล้ว นับเป็นความอ่อนโยนที่หาได้ยากหัวใจของกุ้ยเฟยเหมือนถูกชโลมด้วยน้ำผึ้ง แม้แต่ลมหายใจก็ยังหอมหวาน“หม่อมฉันเต็มใจปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทเพคะ”หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับ เป็นครั้งแรงที่ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่หลังจากเสวยพระกายาหารเสร็จ เซียวอวี้ก็ออกคำสั่ง“คืนนี้เราจะค้างที่ตำหนักหลิงเซียว”กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น พลันดีใจลิงโลด รีบให้ชุนเหอไปเก็บกวาดแท่นบรรทมเป็นเช่นนี้อีกสองวันติดต่อกัน ฝ่าบาทยังคงเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียวตั้งแต่เช้า เสวยอาหารกับกุ้ยเฟยเสร็จ ก็อยู่ค้างคืนต่อกุ้ยเฟยได้ร่วมบรรทมสามวันติดต่อกัน ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเปล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 129

    หลังจากบ่ายลมพัดแรงโหมกระหน่ำ เมฆครึ้มดำรวมตัวกันบนอากาศในบริเวณตำหนักหลิงเซียว พลอยทำให้คนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องกุ้ยเฟยปวดหัวอย่างรุนแรง กลับไม่มียาบรรเทาความเจ็บปวดนี้นางนอนบนเตียง  ร้องโอดโอยไม่หยุดดีที่ไม่นานนัก นางก็ไม่ปวดหัวแล้ว แต่กลับแน่นหน้าอกอย่างไม่มีสาเหตุ ทรมานอย่างยิ่งนางไม่มีอารมณ์รับชมการแสดงของคณะงิ้วอีกต่อไปแต่เหล่าข้าหลวงกลับรับชมอย่างใจจดใจจ่อเจ้านายได้รับความโปรดปราน เหล่าคนรับใช้ก็สุขสบายณ ตำหนักหย่งเหอ ซุนหมัวมัวเริ่มพร่ำบ่นอีก“คนในตำหนักหลิงเซียวกำลังดูการแสดงงิ้ว แต่เรากลับต้องมาปัดกวาดเช็ดถูอยู่ที่นี่ พูดออกไป ผู้ใดจะเชื่อว่าพวกเราคือข้ารับใช้ในตำหนักของฮองเฮา?”ไม่เพียงแค่ตำหนักหย่งเหอ เหล่านางสนมและคนรับใช้ของแต่ละตำหนัก ต่างก็อิจฉาตำหนักหลิงเซียวกันทั้งนั้นหนิงเฟยมานั่งเล่นพูดคุยกับเสียนเฟย“ท่านพี่เสียนเฟย คนเรานี่วาสนาต่างกันเหลือเกิน ข้าไม่เป็นอะไร แต่ท่านพี่กับกุ้ยเฟย ต่างก็คล้ายคลึงกับหรงเฟย ไฉนไม่เห็นฝ่าบาทโปรดปรานเจ้าเช่นนั้นบ้างล่ะ?”เสียนเฟยไม่คิดเช่นนั้น“ฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานใคร ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฝ่าบาท”หนิงเฟยย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 130

    กุ้ยเฟยไม่คิดเลยว่า ฝ่าบาทจะตามสืบเรื่องของนางมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฝ่าบาทดูโปรดปรานนางมากกว่าเดิมมิใช่หรือ?วันนี้ยังเชิญคณะงิ้วเข้าวังมาแสดงให้นางรับชม“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…” กุ้ยเฟยยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็สะอึกพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่สายตาของนางเห็นในตอนนี้ คือสีหน้าเย็นชาสุดขีดของชายหนุ่มเขาสืบเจอหลักฐานทั้งหมดแล้ว หากนางยังแก้ตัวต่อไปไม่ยอมรับ ก็มีแต่จะทำให้เขาไม่พอใจและผิดหวังมากกว่าเดิมอีกอย่าง เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางเหมือนตกจากสวรรค์ลงไปยังก้นเหว ไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนประสานมือคารวะเซียวอวี้“ฝ่าบาท เรื่องที่กุ้ยเฟยร่วมมือกับราชทูต มีหลักฐานครบถ้วนทุกอย่าง“แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นสนมคนโปรดของท่าน หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป คงไม่เป็นผลดีแก่ความมั่นคงทางทหาร ดังนั้น หม่อมฉันแนะนำว่า ควรหาข้ออ้างอย่างอื่น นำตัวนางเข้าตำหนักเย็น”ก่อนความจริงของคดีเวยเฉิยจะถูกเปิดเผย นางจะไม่ยอมให้กุ้ยเฟยตายแบบง่าย ๆ แน่นอน อีกอย่างเซียวอวี้ก็น่าจะยังทำใจไม่ได้ดังนั้น สู้นางสร้างบุญคุณให้อีกฝ่ายดีกว่านางต้องการหาบันทึกของจ้าวเฉียนในตำหนักหลิงเซีย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 131

    ชุนเหอยืนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร เดิมคิดว่าคืนนี้พระนางจะได้ถวายการรับใช้ฝ่าบาท ตัวนางเองย่อมได้รับรางวัลไปด้วย นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะมีพระดำรัสสั่งให้ลดตำแหน่งพระนางเป็นกุ้ยเหริน ทั้งยังให้ย้ายออกจากตำหนักหลิงเซียวที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปรดปรานอย่างล้นเหลืออีกเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...ชุนเหอที่ยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกคุกเข่าลงอย่างรีบร้อน หัวหน้าขันทีหลิวซื่อเหลียงเดินออกมาประกาศพระราชดำรัสด้วยเสียงก้องกังวาล“ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้หลิงกุ้ยเหรินย้ายไปพำนักที่ตำหนักชิงซวี ข้าหลวงเดิมของตำหนักหลิงเซียวจะถูดจัดสรรไปยังตำหนักอื่น ไม่อนุญาตให้ติดตามไปด้วย!”ตำหนักชิงซวี?นั่นแทบไม่ต่างอะไรกับการไปตำหนักเย็นเลยเชียวนะ!ครั้นชุนเหอฟังพระประสงค์ของฝ่าบาทเสร็จ สมองของนางก็มืดมิดไปหมดพระนางถูกลงโทษ แม้แต่ข้าหลวงเหล่านี้ก็ยังถูกแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ต้องการตัดแขนขาของพระนาง!อารมณ์ตื่นตระหนก สับสน หวาดกลัว...ความรู้สึกกระวนกระวายใจทุกรูปแบบล้วนผสมปนเปกันไปหมดท้องฟ้ายามราตรีปรากฎฟ้าแล่บฟ้าร้อง พายุฝนพลันซัดโหมลงมาชุนเหอเงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง กลับเห็นพระนางนั่งค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 132

    คนในตำหนักหลิงเซียวต่างหวาดกลัวนางข้าหลวงหลายคนมาล้อมวงถกเถียงพูดคุยกันด้วยสีหน้าเป็นกังวล“พระนางกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ หรือ?”“ดูท่าจะจริง! เมื่อครู่พี่ชุนเหอกลับมาคนเดียว ได้ยินว่าพระนางถูกส่งไปตำหนักชิงซวีโดยไม่ให้นำสิ่งใดติดตัวไปด้วยเลย!”ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักชิงซวีหลังจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกนำตัวมาส่ง ก็มีข้าหลวงมาคอยปรนนิบัติ ทว่าล้วนไม่ใช่คนที่นางเรียกใช้อยู่เป็นประจำ แม้แต่ชุนเหอก็ไม่อยู่ที่นี่!การที่คนอื่นไม่อาจติดตามนางมาที่ตำหนักชิงซวีได้นั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าชุนเหอเป็นสาวใช้ข้างกายของนาง มีความสัมพันธ์นายบ่าวกับนางอย่างเหนียวแน่น!หลิงเยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันทีฝ่าบาททรงพิโรธนางแล้วจริง ๆ ทรงส่งคนข้างกายนางทั้งหมดให้แยกย้ายกันไป ทิ้งให้นางอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว ไร้คนให้ใช้งาน...เมื่อตระหนักได้ถึงความรุนแรงของบทลงโทษในครั้งนี้ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์สะบัดศีรษะ พุ่งตรงไปข้างประตูพร้อมตะโกนเสียงดัง“ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท!“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”ผ่านไปไม่นาน เสียงของนางก็แหบแห้งแต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ นางพยายามฝ่าออกไปท่าม

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 334

    เหล่าราชทูตถูกเชือกมัดรอบเอวและดิ้นไม่หลุดเมื่อเห็นม้าเริ่มวิ่งเร็วขึ้น พวกเขาจำต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเอาชีวิตรอด สองขาจะวิ่งแซงสี่ขาได้อย่างไร ผ่านไปสักพักพวกเขาก็ล้มลงกับพื้น และถูกกระชากลากถูทั้งเป็น ถึงแม้จะเป็นพื้นทราย พวกเขาก็ไม่อาจทนรับความทรมานได้เช่นกันหลังจากวิ่งไปสองสามรอบก็มีเสียงกรีดร้องของผู้คนที่รายล้อมอยู่ด้านบนสนามอาภรณ์ของพวกเขาถูกขูดจนฉีกขาด ส่วนเนื้อหนังก็ถูกครูดจนถลอก บนพื้นยังมีร่องรอยของคราบเลือด... พวกเขายังคงร้องขอความเมตตา“ฮ่องเต้ฉี! ฮ่องเต้โปรดไว้ชีวิตด้วย!” “ฮ่องเต้ฉี...กระหม่อมมิกล้า...กระหม่อมมิกล้าแล้ว!” ราชทูตที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้พูดมาก เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินการร้องขอความเมตตาของคนเหล่านั้นเขาดื่มสุราและกินอาหารตามเดิม เขาไม่กลัวแม้แต่น้อยว่าจะร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตทว่าบรรยากาศของงานเลี้ยงเริ่มคุกรุ่น ผู้คนแทบไม่กล้าหายใจ ยกเว้นแต่หร่วนฝูอวี้ ถึงแม้ราชทูตหนานเจียงของนางจะอยู่ในสนามม้าด้วย นางยังคงกินดื่มตามเดิมโดยไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย ทั้งยังให้นางกำนัลเติมสุราให้อีก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 333

    เมื่อเห็นว่าแคว้นตนเสียประโยชน์ เหล่าขุนนางของหนานฉีก็คัดค้านทันที“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! อย่าว่าแต่เหมืองหินเซวียนอิงที่ยังขุดไม่สำเร็จ หินเซวียนอิงที่ได้ก็ยังไม่รู้จำนวนเป็นที่แน่นอนด้วย ถึงแม้จะได้ปริมาณมากพอ แต่นั่นก็ต้องแจกจ่าย นี่ก็ต้องแจกจ่าย เกรงว่าจะเหลือเพียงน้อยนิด!”“กระหม่อมเห็นด้วยกับข้อเสนอ! นี่ไม่เท่ากับทำงานหนักโดยเสียเปล่าให้กับแคว้นอื่นหรอกหรือ?”เหล่าราชทูตสีหน้าดูไม่พอใจ และโต้แย้งกลับทันที“เหตุใดต้องทำงานหนักโดยเสียเปล่า แคว้นจ้าวของเรายินดีจ่ายห้าแสนตำลึงเป็นค่าแรงช่าง!”“ฮ่องเต้ฉี เป่ยเยว่ก็ยินดีจ่ายเงินห้าแสนตำลึงเช่นกัน!”ขุนนางอาวุโสผมขาวโพนผู้หนึ่งของหนานฉีโมโหโกรธเกรี้ยว “นี่เป็นปัญหาเรื่องเงินทองรึ! สิ่งล้ำค่าอย่างหินเซวียนอิงมีมูลค่าเท่าใด? เชื่อว่าพวกเจ้าต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ!”แน่นอนว่าพวกเขารู้หินเซวียนอิงเป็นของหายากมีจำนวนน้อยหลายร้อยปีมานี้มีเฉพาะที่แคว้นเป่ยเยี่ยนเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเนื่องจากแคว้นเป่ยเยี่ยนอุดมด้วยหินเซวียนอิง จึงได้หลอม “มังกรไฟ” ที่ทรงพลังขึ้นมา ในสมรภูมิรบไม่มีสงครามครั้งใดพ่ายแพ้ จนกลายเป็นแคว้นมหาอำนาจอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 332

    หร่วนฝูอวี้มองฮองเฮาหนานฉีที่อยู่ในตำแหน่งสูงอย่างพินิจพิเคราะห์ฮองเฮาผู้นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาก่อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหน้าไปมองเซียวอวี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยท่าทางของเขาดูเฉยเมย ราวกับว่านั่งเฉย ๆ รอดูเสือต่อสู้กันจากบนภูเขา ราชทูตหนานเจียงกลับทอดสายตามายังฮองเฮา“ฮองเฮา ท่านคิดว่าสตรีผู้นี้เป็นเช่นไร?”เหล่าพระสนมพากันมองมาทางเฟิ่งจิ่วเหยียน ในความเห็นส่วนตัว พวกนางหวังว่าฮองเฮาจะปฏิเสธราชทูตหนานเจียงผู้นี้สตรีในวังหลวงนั้นมีมากพอแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถามราชทูตด้วยท่าทีเคร่งขรึม“ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบใจ แต่ให้นางมาเป็นบ่าวรับใช้ข้า จะไม่ทำให้นางลำบากใจหรือ?”แววตาของราชทูตหนานเจียงพลันเปลี่ยนไปบ่าวรับใช้?พวกเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น!เมื่อหร่วนฝูอวี้ได้ยิน นางก็ยกยิ้มมุมปากหากเทียบกับฮ่องเต้ฉีผู้นั้น นางชอบฮองเฮาผู้นี้มากกว่าจะพูดอย่างไรดี รู้สึกตรงใจอย่างมาก ราชทูตหนานเจียงยังคงตรึกตรองการมอบหร่วนฝูอวี้ให้กับฮ่องเต้ฉีก็เพื่อให้นางทำลายชะตากรรมของหนานฉี และลอบสังหารจักรพรรดิอย่างเงียบ ๆหากนางเป็นบ่าวรับใช้ของฮองเฮา นางจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้อย่างไร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 331

    การแต่งกายของราชทูตหนานเจียงแตกต่างจากแคว้นอื่น บุรุษจะมีรอยสักเป็นรูปสัญลักษณ์ทางความเชื่ออยู่บนใบหน้า สตรีจะมีผ้าคลุมหน้า และสวมเสื้อตัวสั้นเผยให้เห็นบั้นเอวเล็กพวกเขาเป็นชนเผ่าต่างถิ่น ชำนาญการเลี้ยงแมลงมีพิษ และมีธรรมเนียมปฏิบัติแปลกประหลาด ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในหลายแคว้นดูจากที่พวกเขาเข้ามาในท้องพระโรง ผู้คนพากันหลบหลีกแทบไม่ทัน บรรยากาศสรวลเสเฮฮาแต่เดิมพลันหยุดชะงัก สายตาที่ทอดมองไปแฝงด้วยการดูหมิ่นและการรังเกียจโดยเฉพาะสตรีที่เผยบั้นเอวผู้นั้น ช่างขัดต่อจารีตประเพณีเสียจริง!“กระหม่อมถวายบังคมฮ่องเต้ฉี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมอง ในดวงตาของนางพลันฉายแววความประหลาดใจแวบหนึ่งในบรรดาราชทูตหนานเจียงมีสตรีเพียงคนเดียวสตรีผู้นี้ก็คือหร่วนฝูอวี้ที่นางเพิ่งส่งกลับไปเมื่อสองวันก่อน!หร่วนฝูอวี้อยู่ในชุดสีแดง ผ้าคลุมบนใบหน้าพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหน้าพิลาศล้ำดวงนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนดวงตาของนางมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทำให้คนที่มองรู้สึกอ่อนระทวย งุนงง และคลั่งไคล้ขึ้นมาทันทีเหล่าบุรุษด้านหนึ่งก็ตำหนิว่านางไม่รู้จักกาละเทศะ แต่อีกด้านหนึ่งก็อดจ้องมองนางไม่ได้สีหน้าของเฟิ่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 330

    จดหมายของเวยเฉียงเรียบง่ายอย่างมาก ใช้ภาษาไม่ต่างจากเด็ก เขียนบรรยายเรื่องราวในชีวิตประจำวันแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับอ่านอยู่นานนางรู้ อาการป่วยของเวยเฉียงยังไม่หายดี แต่หากมีความสุขเรียบง่ายเช่นนี้ต่อไปได้ ก็นับว่าดีแล้ว……ชายแดนเหนือณ เซียวเหยาจวีเฟิ่งเวยเฉียงมีผ้าคลุมสีเงินผืนใหญ่คลุมบนไหล่ นั่งอยู่บนชิงช้าบริเวณชานเรือนอย่างเหม่อลอย เมื่อใดที่ได้นั่งก็มักจะนั่งเป็นเวลานานไฉ่เยว่ผู้เป็นสาวใช้คอยเฝ้าไม่ห่างกาย ส่วนซ่งหลีวุ่นอยู่กับยาสมุนไพรต่าง ๆ ข้างในเรือนที่นี่ไม่มีคนนอกเข้ามายุ่งวุ่นวาย  ชีวิตจึงสงบสุขทุกวันเมื่อไฉ่เยว่ป้อนยาเฟิ่งเวยเฉียง นางก็ยอมอ้าปากอย่างเชื่อฟังแต่นางจะมองไปยังเบื้องหน้าตลอดเวลา ไม่สบสายตากับผู้ใดทั้งนั้นราวกับเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในภวังค์ฝันตลอดกาล ไม่มีใครสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ทุกครั้งที่ไฉ่เยว่เห็นคุณหนูยอมทำตามทุกอย่าง มักจะรู้สึกปวดร้าวที่หัวใจเสมอหากคุณหนูไม่ประสบพบเจอเรื่องสกปรกพรรค์นั้น ป่านนี้ก็คงมีความสุขอย่างมาก“คุณหนู วันนี้ท่านจะเขียนจดหมายให้คุณหนูใหญ่หรือไม่?”เฟิ่งเวยเฉียงมีอาการตอบสนองโดยพลัน“เขียนจดหมาย ต้องเขียนจด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 329

    สุนัขสวรรค์กินดวงจันทร์ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในวังมีคำสั่งห้ามออกนอกบริเวณ เหล่าองครักษ์ลาดตระเวนจึงผ่อนปรนความเข้มงวดลงเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นพลุส่งสัญญาณจากร้านรับจำนำผิงอัน คิดว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญ จึงรีบออกไปอย่างรวดเร็วครั้นเปิดประตูเข้าไปไม่ทันไร นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลก ๆท่ามกลางความมืดมืด พลันมีกลิ่นหอมโชยเข้ามาในจมูกของนางต่อมาไอสังหารก็รุกคืบเข้ามาใกล้เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าจับข้อมือของคนผู้นั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วใช้ฝ่ามือสกัดเอาไว้ทว่าหลังจากนั้น คนผู้นั้นก็พลอยล้มลงในอ้อมกอดของนางร่างกายนุ่มนวลอวบอิ่ม ทับบนตัวของนางโดยพลัน จะดันก็ดันไม่ออก“น้องชายสุดที่รัก พี่สาวคิดถึงเจ้าจะตายแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพ่นลมหายใจออกมาเงียบ ๆปัญหามาหาแล้ว…ชุยไป๋เปิดไฟ ภายในห้องพลันสว่างวาบใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนทรยศ  หักหลังรองผู้นำพันธมิตรเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักหญิงสาวในอ้อมกอดออกไปอย่างไร้ความปราณีหร่วนฝูอวี้ใช้มือค้ำคาง ริมฝีปากสีแดงระเรื่อภายใต้ผ้าคลุมขยับเผยอเล็กน้อย“ไม่ได้เจอกันสา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 328

    เซียวอวี้นิ่งเงียบ บอกกล่าวเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างจริงจัง“เราอยากให้เจ้ารู้ เรื่องมอบหมายให้จิ้งเฟยดูแลหกตำหนัก เป็นเจตนารมณ์ของเสด็จย่า หาใช่ความต้องการของเรา!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองเขา กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง“หมายความว่า…ท่านไม่พึงพอใจจิ้งเฟยงั้นหรือ?”ลมหายใจของเซียวอวี้หนักอึ้งเล็กน้อยนางอย่าชื่อว่าเฟิ่งเวยเฉียงเลย เปลี่ยนชื่อเป็นเฟิ่งก้อนหินดีกว่า!เขาแค่ไม่อยากให้นางเชื่อคำพูดไม่มีมูลในวังเหล่านั้น ที่บอกว่าเขาลำเอียงโปรดปรานแต่จิ้งเฟยแต่คิดอีกแง่มุม นางอยากเข้าใจผิดก็ปล่อยให้เข้าใจผิดไป เหตุใดตัวเขาต้องไปอธิบายกับนางด้วยเซียวอวี้กล่าวอย่างเย็นชา“เจ้าถือซะว่าเราไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”   ……ในคืนนั้น ขบวนเสด็จมาเยือนตำหนักซินฮุ่ยฮ่องเต้แผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นชา ทำให้บ่าวรับใช้รอบด้านไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่จิ้งเฟยก็ยังเงียบหลังจากผ่านอาหารมื้อเย็น เห็นว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับ จิ้งเฟยก็ฮึดสู้ รวบรวมความกล้าดึงรั้งชายอาภรณ์ของเขาเอาไว้ใบหน้าของเซียวอวี้พลันมีแววไม่พอใจพาดผ่านเมื่อหันกลับไป ก็เห็นจิ้งเฟยก้มหน้าลงอย่างเขินอาย เผยอริมฝีปากจะพูด“ฝ่าบาท ได้ยินว่าคืนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 327

    หนิงเฟยมาถึงตำหนักหย่งเหอ กลับได้ยินว่าฮองเฮากำลังงีบหลับ ไม่ต้อนรับแขกไฟแทบจะไหม้ลามถึงขนคิ้วอยู่แล้ว ฮองเฮายังมีกะจิตกะใจนอนอีกหรือ?หนิงเฟยไม่กลับไปไหน ยังคงรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม นางกำนัลก็มาเรียนแจ้ง“หนิงเฟย ฮองเฮาตื่นแล้วเพคะ เชิญท่านเข้ามาคุยข้างใน”จุดประสงค์ที่หนิงเฟยมาที่นี่ไม่มีอะไรมาก และไม่คิดที่จะปิดบังไม่ให้คนรู้ด้วยนางทำความเคารพเฟิ่งจิ่วเหยียนเสร็จ ก็เอ่ยออกมาว่า“ฮองเฮาเพคะ ท่านรู้หรือไม่ ช่วงหลายวันมานี้ ระหว่างที่ท่านอยู่ในตำหนักเย็น จิ้งเฟยผู้นั้นลำพองใจมากเพียงใด!”“ของดี ๆ ที่แต่ละแคว้นส่งมาเป็นเครื่องราชบรรณาการ ฝ่าบาทต่างประเคนให้นางหมด“อย่าหาว่าหม่อมฉันปากมากเลยนะเพคะ ขนาดตอนที่ท่านยังตั้งครรภ์โอรสรัชทายาทอยู่ ยังไม่ได้รับของพระราชทานมากมายขนาดนั้น “แถมจิ้งเฟยยังขยันหาเรื่องให้คนอื่นหมั่นไส้ นำสิ่งของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้มาแจกจ่าย ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับว่านางโอ้อวดที่ตัวเองได้รับความโปรดปรานหรอกหรือ!​ แค้นนี้ ฮองเฮาอาจจะทนได้ แต่หม่อมฉันทนไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่บนตำแหน่งหลักอย่างรักษากริยาท่าทาง ดื่มชาไปพลาง ฟังหนิง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 326

    จอมมารหร่วนฝูอวี้งั้นหรือ!?บุรุษใส่หน้ากากยังไม่ทันได้ตกใจ ศีรษะก็หล่นลงพื้นในชั่วพริบตาต่อมาจางฉีหยางได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงรีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วหร่วนฝูอวี้…ชื่อนี้ เหมือนเขาเคยได้ยินที่ไหนสักแห่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาอย่างเป็นมิตรหรือศัตรู  ปฏิกิริยาแรกของจางฉีหยางคือหนีเท่านั้นทันใดนั้น พลันมีสายลมเย็นวูบพัดผ่านต่อมา ก็มีมือเย็นเฉียบข้างหนึ่งมาบีบคอของเขาเอาไว้เสียงอ่อนหวานยั่วยวนแต่อำมหิตของหญิงสาวดังขึ้นมาข้างหู“เจ้าคือลูกศิษย์ที่ซูฮ่วนเพิ่งรับเข้ามาใหม่สินะ?”นางรู้จักอาจารย์?จางฉีหยางไม่ตอบกลับด้วยความระมัดระวังหญิงสาวหัวเราะคิกคัก“ช่างเป็นคนหัวแข็งเสียจริง ไม่เป็นไร ข้าพอมีเวลาว่าง”เล็บยาวราวกรงเล็บของนาง กุมศีรษะของเขาเอาไว้ครั้นนางออกแรง เขาก็รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อในหัวกำลังจะถูกดูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดอย่างยิ่งเขากัดฟัน ไม่เปล่งเสียงขอร้องอ้อนวอนแต่อย่างใดผ่านไปเค่อยามหนึ่ง ราวกับหญิงสาวเล่นสนุกจนเหนื่อย ถึงได้เก็บมือกลับมาจากนั้นนางก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เลื่อนมือลงไปข้างล่าง เชิดคางของเขาขึ้นจางฉีหยางไม่เห็น เพียงรู้สึกได้ว่าใ

DMCA.com Protection Status