แชร์

บบที่ 124

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้มองเซวียฉือที่คุกเข่าบนพื้นอย่างเยือกเย็น “บอกให้ละเอียด กุ้ยเฟยออกคำสั่งเจ้าอย่างไร”

เซวียฉือรีบตอบกลับ

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิสามารถเข้าออกราชวังในได้ หากกุ้ยเฟยมีแผนการอะไร มักจะส่งขันทีในวังมาบอกต่อ

“แม้นไม่รู้ว่าขันทีผู้นั้นคือใคร แต่กระหม่อมจำหน้าเขาได้ เห็นแล้วรู้ทันที”

เซียวอวี้ออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว

“เรียกตัวขันทีในตำหนักหลิงเซียวมาให้หมด”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

กุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานอย่างล้นหลาม ตำหนักหลิงเซียวจึงมีขันทีทั้งสิ้นห้าสิบคน

พวกเขาเข้ามาในห้องทรงพระอักษรทีละสิบคน เพื่อให้เซวียฉือชี้ตัว

เมื่อขันทีกลุ่มที่สามเข้ามา ดวงตาทั้งสองข้างของเซวียฉือพลันวาวโรจน์ แล้วชี้ไปยังบุคคลหนึ่งในนั้นอย่างตื่นเต้น

“เขา! เป็นเขา!”

ขันทีที่ถูกชี้หัวใจสั่นวูบ

เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น

“สอบสวน!”

เพียงหนึ่งประโยค กลับชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นขันทีผู้นั้นถูกลากตัวไป ดวงตาพลันมีประกายมืดมัวพาดผ่าน

หลังจากเวลาผ่านไปสองถ้วยชา เฉินจี๋ก็กลับเข้ามาทูลรายงาน

“ฝ่าบาท สอบสวนออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ

“ขันทีผู้นั้นสารภาพ ว่าเป็นคนรับคำสั่งของกุ้ยเฟย”

บ่าวรับใ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (4)
goodnovel comment avatar
เตรียมใจ
จะกลับไปหน้าหลักทำไง
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
เอาฮ่องเต้ไปประหารด่วน
goodnovel comment avatar
Prig Pannasa
แล้วฮองเฮารู้ด้วยมั้ยละ อิฮ่องเต้นี่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 125

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปาก ท่าทางสงบนิ่ง เผยกลิ่นอายความเยือกเย็นออกมานี่เป็นสิ่งที่กุ้ยเฟยทำได้ฉลาดมากเฟิ่งหมิงเซวียนติดสินบนลู่ซิน เพื่อขอตำแหน่งจริง ๆดังนั้น แม้นความผิดถูกเปิดโปง ก็ไม่นับว่าลู่ซินพูดปด ทั้งยังโยนความผิดส่วนหนึ่งมาที่เฟิ่งหมิงเซวียนและฮองเฮาได้อีกหากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปสืบรู้ชัดตั้งแต่แรก ก็คงไม่คาดคิดว่าคนวางแผนของเรื่องนี้คือกุ้ยเฟย——ใช้ประโยชน์จากความปรารถนาอยากได้ตำแหน่งของเฟิ่งหมิงเซวียน สร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเรื่องนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้โต้แย้งอะไร“หม่อมฉันอาจจะอบรมสั่งสอนแบบผิด ๆ จึงทำให้น้องชายกระทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้“หม่อมฉันน้อมรับผิด เชิญฝ่าบาทลงทัณฑ์”นางรับผิดอย่างไม่อิดออด กลับทำให้เซียวอวี้ประหลาดใจแต่คำว่า “อาจจะ” ฟังดูเป็นคำส่วนเกิน ราวกับกำลังประชดประชันเซียวอวี้จ้องเขม็งมาที่นาง“กลับไปสำนึกผิดที่ตำหนักหย่งเหอก่อน ถึงคราวที่เราควรพิจารณาแล้ว ว่ายังสามารถให้เจ้าครอบครองตราประทับทองต่อหรือไม่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งคำนับราวกับยอมรับผลสรุปนี้ได้อย่างง่ายดาย“เพคะ ฝ่าบาท”ทันทีที่นางออกไป เฟิ่งหมิงเซวียนพลันตื่นตระหนก และเกิดค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 126

    กุ้ยเฟยฝืนทนเจ็บปวดจากบาดแผล ตรงมายังห้องทรงพระอักษรเพื่อน้อมรับผิดเซียวอวี้ทอดมองมาที่นางด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แผลยังไม่หายดี กลับไปพักที่ตำหนักหลิงเซียวเถอะ”ดวงตาคู่งามของกุ้ยเฟยพลันรื้นไปด้วยน้ำตา“หากหม่อมฉันไม่สามารถอธิบายกับฝ่าบาทให้ชัดเจน หม่อมฉันก็มิอาจสบายใจได้“เซวียฉือเคยส่งสิ่งของมาให้หม่อมฉันจริง ๆ แต่หม่อมฉันไม่ได้เต็มใจรับไว้เลย…”ดวงตาคมกริบของเซียวอวี้ก่อเกิดแววรำคาญ“พอได้แล้ว“เรื่องนี้ไม่สำคัญ“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้เราฟัง กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักหลิงเซียวก่อนเถอะ แผลเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากัน”กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น ก็คิดว่าเขาจะไม่ตรวจสอบเรื่องของเซวียฉือแล้ว แถมยังเป็นห่วงร่างกายของตนเองอีกนางแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกดูเหมือนว่า ฝ่าบาทยังทรงใส่ใจนางเหมือนเดิมนั่นสินะ นางเป็นถึงสนมคนโปรด รับเงินแค่นี้จะเป็นอะไรไป?ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลของเหล่านางสนมส่งเครื่องบรรณาการมาให้นาง แม้นฝ่าบาททรงทราบ แต่ก็ทำเป็นหลับตาข้างเดียวมิใช่หรือเทียบกับของรวมกันที่คนพวกนั้นส่งให้แล้ว ของที่เซวียฉือส่งให้นับว่าไม่มากพอเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่สองแคว้นกำลังเจรจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 127

    เฟิ่งหมิงเซวียนถูกนำตัวไปขังในคุกหลวง ทั้งยังถูกห้ามสอบจอหงวน และห้ามเข้ารับตำแหน่งราชการ ไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของอี๋เหนียงหลินไปครึ่งนางคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าฮูหยินเฟิ่ง ไร้ซึ่งคราบคนยโสโอหังเหมือนในยามปกติ“ฮูหยิน ท่านต้องช่วยหมิงเซวียนด้วยนะ!“พวกเราหมดสิ้นหนทางแล้ว หากท่านเข้าวังไปขอร้องฮองเฮา ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจะเห็นแก่นางยอมลดโทษลง...ฮูหยิน ข้าขอร้องท่านล่ะ!”ฮูหยินเฟิ่งใจอ่อน แต่ก็รู้ตัวดีคดีนี้ข้องเกี่ยวกับขุนนางในราชสำนัก ฮองเฮาอยากจะเลี่ยงแทบไม่ทัน แล้วจะให้ไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวได้อย่างไร?“อี๋เหนียงหลิน เจ้าลุกขึ้นมาพูดกันดี ๆ เถอะ“เรื่องในครั้งนี้ หมิงเซวียนกระทำผิดลงไปจริง ๆ“ฮองเฮาจะบิดเบือนกฎหมายเพราะเรื่องส่วนตัวได้อย่างไร?“สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ มีเพียงให้คนไปส่งข้าวส่งน้ำที่คุกหลวง เพื่อให้หมิงเซวียนลำบากน้อยลง”อี๋เหนียงหลินฟังแล้ว พลันคิดว่านางไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองเพราะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ จึงได้กล่าวถ้อยคำเฉยชาเช่นนี้ออกมาบุตรชายของนางได้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม ซ้ำยังได้รางวัลทองหมื่นตำลึง แล้วจะมาสนใจหมิงเซวียนไปเพื่ออะไรคงอยากให้หมิงเซ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 128

    ในคืนนั้น ขบวนเสด็จมาเยือนตำหนักหลิงเซียวใบหน้ากุ้ยเฟยเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ท่วงท่าอรชร ใช้ผงแป้งกลบทับรอยแผลบนหน้า จนมองไม่เห็นจุดบกพร่อง นางจึงมั่นใจในความงามของตนเองเพิ่มอีกหลายส่วน“ฝ่าบาท ท่านทรงงานอย่างหนัก ต้องพักผ่อนมากกว่านี้นะเพคะ“หากท่านเหนื่อย หม่อมฉันคงเจ็บปวด”เซียวอวี้รับอาหารที่นางคีบมาให้ แล้วเงยหน้ามองนาง“เรื่องเช่นนี้เจ้าไม่ต้องทำด้วยตนเอง นั่งเป็นเพื่อนเราทานอาหารดี ๆ พอ”คำพูดของเขาแสดงความห่วงใย สำหรับฮ่องเต้ผู้เลือดเย็นแล้ว นับเป็นความอ่อนโยนที่หาได้ยากหัวใจของกุ้ยเฟยเหมือนถูกชโลมด้วยน้ำผึ้ง แม้แต่ลมหายใจก็ยังหอมหวาน“หม่อมฉันเต็มใจปรนนิบัติรับใช้ฝ่าบาทเพคะ”หลังจากงานเลี้ยงต้อนรับ เป็นครั้งแรงที่ฝ่าบาทเสด็จมาที่นี่หลังจากเสวยพระกายาหารเสร็จ เซียวอวี้ก็ออกคำสั่ง“คืนนี้เราจะค้างที่ตำหนักหลิงเซียว”กุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้น พลันดีใจลิงโลด รีบให้ชุนเหอไปเก็บกวาดแท่นบรรทมเป็นเช่นนี้อีกสองวันติดต่อกัน ฝ่าบาทยังคงเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียวตั้งแต่เช้า เสวยอาหารกับกุ้ยเฟยเสร็จ ก็อยู่ค้างคืนต่อกุ้ยเฟยได้ร่วมบรรทมสามวันติดต่อกัน ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเปล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 129

    หลังจากบ่ายลมพัดแรงโหมกระหน่ำ เมฆครึ้มดำรวมตัวกันบนอากาศในบริเวณตำหนักหลิงเซียว พลอยทำให้คนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องกุ้ยเฟยปวดหัวอย่างรุนแรง กลับไม่มียาบรรเทาความเจ็บปวดนี้นางนอนบนเตียง  ร้องโอดโอยไม่หยุดดีที่ไม่นานนัก นางก็ไม่ปวดหัวแล้ว แต่กลับแน่นหน้าอกอย่างไม่มีสาเหตุ ทรมานอย่างยิ่งนางไม่มีอารมณ์รับชมการแสดงของคณะงิ้วอีกต่อไปแต่เหล่าข้าหลวงกลับรับชมอย่างใจจดใจจ่อเจ้านายได้รับความโปรดปราน เหล่าคนรับใช้ก็สุขสบายณ ตำหนักหย่งเหอ ซุนหมัวมัวเริ่มพร่ำบ่นอีก“คนในตำหนักหลิงเซียวกำลังดูการแสดงงิ้ว แต่เรากลับต้องมาปัดกวาดเช็ดถูอยู่ที่นี่ พูดออกไป ผู้ใดจะเชื่อว่าพวกเราคือข้ารับใช้ในตำหนักของฮองเฮา?”ไม่เพียงแค่ตำหนักหย่งเหอ เหล่านางสนมและคนรับใช้ของแต่ละตำหนัก ต่างก็อิจฉาตำหนักหลิงเซียวกันทั้งนั้นหนิงเฟยมานั่งเล่นพูดคุยกับเสียนเฟย“ท่านพี่เสียนเฟย คนเรานี่วาสนาต่างกันเหลือเกิน ข้าไม่เป็นอะไร แต่ท่านพี่กับกุ้ยเฟย ต่างก็คล้ายคลึงกับหรงเฟย ไฉนไม่เห็นฝ่าบาทโปรดปรานเจ้าเช่นนั้นบ้างล่ะ?”เสียนเฟยไม่คิดเช่นนั้น“ฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานใคร ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฝ่าบาท”หนิงเฟยย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 130

    กุ้ยเฟยไม่คิดเลยว่า ฝ่าบาทจะตามสืบเรื่องของนางมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฝ่าบาทดูโปรดปรานนางมากกว่าเดิมมิใช่หรือ?วันนี้ยังเชิญคณะงิ้วเข้าวังมาแสดงให้นางรับชม“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…” กุ้ยเฟยยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็สะอึกพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่สายตาของนางเห็นในตอนนี้ คือสีหน้าเย็นชาสุดขีดของชายหนุ่มเขาสืบเจอหลักฐานทั้งหมดแล้ว หากนางยังแก้ตัวต่อไปไม่ยอมรับ ก็มีแต่จะทำให้เขาไม่พอใจและผิดหวังมากกว่าเดิมอีกอย่าง เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางเหมือนตกจากสวรรค์ลงไปยังก้นเหว ไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนประสานมือคารวะเซียวอวี้“ฝ่าบาท เรื่องที่กุ้ยเฟยร่วมมือกับราชทูต มีหลักฐานครบถ้วนทุกอย่าง“แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นสนมคนโปรดของท่าน หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป คงไม่เป็นผลดีแก่ความมั่นคงทางทหาร ดังนั้น หม่อมฉันแนะนำว่า ควรหาข้ออ้างอย่างอื่น นำตัวนางเข้าตำหนักเย็น”ก่อนความจริงของคดีเวยเฉิยจะถูกเปิดเผย นางจะไม่ยอมให้กุ้ยเฟยตายแบบง่าย ๆ แน่นอน อีกอย่างเซียวอวี้ก็น่าจะยังทำใจไม่ได้ดังนั้น สู้นางสร้างบุญคุณให้อีกฝ่ายดีกว่านางต้องการหาบันทึกของจ้าวเฉียนในตำหนักหลิงเซีย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 131

    ชุนเหอยืนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร เดิมคิดว่าคืนนี้พระนางจะได้ถวายการรับใช้ฝ่าบาท ตัวนางเองย่อมได้รับรางวัลไปด้วย นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะมีพระดำรัสสั่งให้ลดตำแหน่งพระนางเป็นกุ้ยเหริน ทั้งยังให้ย้ายออกจากตำหนักหลิงเซียวที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปรดปรานอย่างล้นเหลืออีกเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...ชุนเหอที่ยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกคุกเข่าลงอย่างรีบร้อน หัวหน้าขันทีหลิวซื่อเหลียงเดินออกมาประกาศพระราชดำรัสด้วยเสียงก้องกังวาล“ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้หลิงกุ้ยเหรินย้ายไปพำนักที่ตำหนักชิงซวี ข้าหลวงเดิมของตำหนักหลิงเซียวจะถูดจัดสรรไปยังตำหนักอื่น ไม่อนุญาตให้ติดตามไปด้วย!”ตำหนักชิงซวี?นั่นแทบไม่ต่างอะไรกับการไปตำหนักเย็นเลยเชียวนะ!ครั้นชุนเหอฟังพระประสงค์ของฝ่าบาทเสร็จ สมองของนางก็มืดมิดไปหมดพระนางถูกลงโทษ แม้แต่ข้าหลวงเหล่านี้ก็ยังถูกแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ต้องการตัดแขนขาของพระนาง!อารมณ์ตื่นตระหนก สับสน หวาดกลัว...ความรู้สึกกระวนกระวายใจทุกรูปแบบล้วนผสมปนเปกันไปหมดท้องฟ้ายามราตรีปรากฎฟ้าแล่บฟ้าร้อง พายุฝนพลันซัดโหมลงมาชุนเหอเงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง กลับเห็นพระนางนั่งค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 132

    คนในตำหนักหลิงเซียวต่างหวาดกลัวนางข้าหลวงหลายคนมาล้อมวงถกเถียงพูดคุยกันด้วยสีหน้าเป็นกังวล“พระนางกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ หรือ?”“ดูท่าจะจริง! เมื่อครู่พี่ชุนเหอกลับมาคนเดียว ได้ยินว่าพระนางถูกส่งไปตำหนักชิงซวีโดยไม่ให้นำสิ่งใดติดตัวไปด้วยเลย!”ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักชิงซวีหลังจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกนำตัวมาส่ง ก็มีข้าหลวงมาคอยปรนนิบัติ ทว่าล้วนไม่ใช่คนที่นางเรียกใช้อยู่เป็นประจำ แม้แต่ชุนเหอก็ไม่อยู่ที่นี่!การที่คนอื่นไม่อาจติดตามนางมาที่ตำหนักชิงซวีได้นั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าชุนเหอเป็นสาวใช้ข้างกายของนาง มีความสัมพันธ์นายบ่าวกับนางอย่างเหนียวแน่น!หลิงเยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันทีฝ่าบาททรงพิโรธนางแล้วจริง ๆ ทรงส่งคนข้างกายนางทั้งหมดให้แยกย้ายกันไป ทิ้งให้นางอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว ไร้คนให้ใช้งาน...เมื่อตระหนักได้ถึงความรุนแรงของบทลงโทษในครั้งนี้ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์สะบัดศีรษะ พุ่งตรงไปข้างประตูพร้อมตะโกนเสียงดัง“ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท!“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”ผ่านไปไม่นาน เสียงของนางก็แหบแห้งแต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ นางพยายามฝ่าออกไปท่าม

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status