แชร์

บทที่ 129

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจากบ่ายลมพัดแรงโหมกระหน่ำ เมฆครึ้มดำรวมตัวกันบนอากาศในบริเวณตำหนักหลิงเซียว พลอยทำให้คนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง

กุ้ยเฟยปวดหัวอย่างรุนแรง กลับไม่มียาบรรเทาความเจ็บปวดนี้

นางนอนบนเตียง  ร้องโอดโอยไม่หยุด

ดีที่ไม่นานนัก นางก็ไม่ปวดหัวแล้ว แต่กลับแน่นหน้าอกอย่างไม่มีสาเหตุ ทรมานอย่างยิ่ง

นางไม่มีอารมณ์รับชมการแสดงของคณะงิ้วอีกต่อไป

แต่เหล่าข้าหลวงกลับรับชมอย่างใจจดใจจ่อ

เจ้านายได้รับความโปรดปราน เหล่าคนรับใช้ก็สุขสบาย

ณ ตำหนักหย่งเหอ ซุนหมัวมัวเริ่มพร่ำบ่นอีก

“คนในตำหนักหลิงเซียวกำลังดูการแสดงงิ้ว แต่เรากลับต้องมาปัดกวาดเช็ดถูอยู่ที่นี่ พูดออกไป ผู้ใดจะเชื่อว่าพวกเราคือข้ารับใช้ในตำหนักของฮองเฮา?”

ไม่เพียงแค่ตำหนักหย่งเหอ เหล่านางสนมและคนรับใช้ของแต่ละตำหนัก ต่างก็อิจฉาตำหนักหลิงเซียวกันทั้งนั้น

หนิงเฟยมานั่งเล่นพูดคุยกับเสียนเฟย

“ท่านพี่เสียนเฟย คนเรานี่วาสนาต่างกันเหลือเกิน ข้าไม่เป็นอะไร แต่ท่านพี่กับกุ้ยเฟย ต่างก็คล้ายคลึงกับหรงเฟย ไฉนไม่เห็นฝ่าบาทโปรดปรานเจ้าเช่นนั้นบ้างล่ะ?”

เสียนเฟยไม่คิดเช่นนั้น

“ฝ่าบาทจะทรงโปรดปรานใคร ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของฝ่าบาท”

หนิงเฟยย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
สรุปอีกุ้ยเหยถูกประหารมั้ย อีเต้ใจอ่อนอีกมั้ย
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 130

    กุ้ยเฟยไม่คิดเลยว่า ฝ่าบาทจะตามสืบเรื่องของนางมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฝ่าบาทดูโปรดปรานนางมากกว่าเดิมมิใช่หรือ?วันนี้ยังเชิญคณะงิ้วเข้าวังมาแสดงให้นางรับชม“ฝ่าบาท หม่อมฉัน…” กุ้ยเฟยยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็สะอึกพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่สายตาของนางเห็นในตอนนี้ คือสีหน้าเย็นชาสุดขีดของชายหนุ่มเขาสืบเจอหลักฐานทั้งหมดแล้ว หากนางยังแก้ตัวต่อไปไม่ยอมรับ ก็มีแต่จะทำให้เขาไม่พอใจและผิดหวังมากกว่าเดิมอีกอย่าง เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางเหมือนตกจากสวรรค์ลงไปยังก้นเหว ไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนประสานมือคารวะเซียวอวี้“ฝ่าบาท เรื่องที่กุ้ยเฟยร่วมมือกับราชทูต มีหลักฐานครบถ้วนทุกอย่าง“แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นสนมคนโปรดของท่าน หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป คงไม่เป็นผลดีแก่ความมั่นคงทางทหาร ดังนั้น หม่อมฉันแนะนำว่า ควรหาข้ออ้างอย่างอื่น นำตัวนางเข้าตำหนักเย็น”ก่อนความจริงของคดีเวยเฉิยจะถูกเปิดเผย นางจะไม่ยอมให้กุ้ยเฟยตายแบบง่าย ๆ แน่นอน อีกอย่างเซียวอวี้ก็น่าจะยังทำใจไม่ได้ดังนั้น สู้นางสร้างบุญคุณให้อีกฝ่ายดีกว่านางต้องการหาบันทึกของจ้าวเฉียนในตำหนักหลิงเซีย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 131

    ชุนเหอยืนอยู่นอกห้องทรงพระอักษร เดิมคิดว่าคืนนี้พระนางจะได้ถวายการรับใช้ฝ่าบาท ตัวนางเองย่อมได้รับรางวัลไปด้วย นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะมีพระดำรัสสั่งให้ลดตำแหน่งพระนางเป็นกุ้ยเหริน ทั้งยังให้ย้ายออกจากตำหนักหลิงเซียวที่เป็นสัญลักษณ์ของความโปรดปรานอย่างล้นเหลืออีกเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...ชุนเหอที่ยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกคุกเข่าลงอย่างรีบร้อน หัวหน้าขันทีหลิวซื่อเหลียงเดินออกมาประกาศพระราชดำรัสด้วยเสียงก้องกังวาล“ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้หลิงกุ้ยเหรินย้ายไปพำนักที่ตำหนักชิงซวี ข้าหลวงเดิมของตำหนักหลิงเซียวจะถูดจัดสรรไปยังตำหนักอื่น ไม่อนุญาตให้ติดตามไปด้วย!”ตำหนักชิงซวี?นั่นแทบไม่ต่างอะไรกับการไปตำหนักเย็นเลยเชียวนะ!ครั้นชุนเหอฟังพระประสงค์ของฝ่าบาทเสร็จ สมองของนางก็มืดมิดไปหมดพระนางถูกลงโทษ แม้แต่ข้าหลวงเหล่านี้ก็ยังถูกแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ต้องการตัดแขนขาของพระนาง!อารมณ์ตื่นตระหนก สับสน หวาดกลัว...ความรู้สึกกระวนกระวายใจทุกรูปแบบล้วนผสมปนเปกันไปหมดท้องฟ้ายามราตรีปรากฎฟ้าแล่บฟ้าร้อง พายุฝนพลันซัดโหมลงมาชุนเหอเงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง กลับเห็นพระนางนั่งค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 132

    คนในตำหนักหลิงเซียวต่างหวาดกลัวนางข้าหลวงหลายคนมาล้อมวงถกเถียงพูดคุยกันด้วยสีหน้าเป็นกังวล“พระนางกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ หรือ?”“ดูท่าจะจริง! เมื่อครู่พี่ชุนเหอกลับมาคนเดียว ได้ยินว่าพระนางถูกส่งไปตำหนักชิงซวีโดยไม่ให้นำสิ่งใดติดตัวไปด้วยเลย!”ในขณะเดียวกัน ณ ตำหนักชิงซวีหลังจากหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ถูกนำตัวมาส่ง ก็มีข้าหลวงมาคอยปรนนิบัติ ทว่าล้วนไม่ใช่คนที่นางเรียกใช้อยู่เป็นประจำ แม้แต่ชุนเหอก็ไม่อยู่ที่นี่!การที่คนอื่นไม่อาจติดตามนางมาที่ตำหนักชิงซวีได้นั้นเป็นเรื่องปกติ ทว่าชุนเหอเป็นสาวใช้ข้างกายของนาง มีความสัมพันธ์นายบ่าวกับนางอย่างเหนียวแน่น!หลิงเยี่ยนเอ๋อร์รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันทีฝ่าบาททรงพิโรธนางแล้วจริง ๆ ทรงส่งคนข้างกายนางทั้งหมดให้แยกย้ายกันไป ทิ้งให้นางอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว ไร้คนให้ใช้งาน...เมื่อตระหนักได้ถึงความรุนแรงของบทลงโทษในครั้งนี้ หลิงเยี่ยนเอ๋อร์สะบัดศีรษะ พุ่งตรงไปข้างประตูพร้อมตะโกนเสียงดัง“ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท!“ฝ่าบาท! หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”ผ่านไปไม่นาน เสียงของนางก็แหบแห้งแต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ นางพยายามฝ่าออกไปท่าม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 133

    เหลียนซวงนำพระราชเสาวนีย์ไปยังตำหนักหลิงเซียว ชุนเหอนำกลุ่มข้าหลวงมารับ แสร้งแสดงท่าทีเคารพนบนอบ ทว่าในใจกลับตรงกันข้ามพวกเขาส่วนใหญ่คิดว่ากุ้ยเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้จะถูกลงโทษให้ไปอยู่ตำหนักเย็น อีกไม่นานย่อมสามารถกลับมาอยู่ตำแหน่งสูงส่งเช่นเดิมได้ฮองเฮาทำพฤติกรรมคอยซ้ำเติมเช่นนี้ ไม่เหลือทางถอยให้ตนเองเอาเสียเลยเหลียนซวงไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง นางแสดงมาดอย่างที่นางข้าหลวงข้างกายฮองเฮาควรจะมี แล้วออกคำสั่ง“ฮองเฮาทรงมีพระราชเสาวนีย์ ช่วงนี้มีคดีลักเล็กขโมยน้อยในวังอยู่บ่อยครั้ง ตำหนักหลิงเซียวเกิดเรื่องบ่อยที่สุด ทรงรับสั่งให้ย้ายพวกเจ้าทั้งหมดไปยังกรมราชทัณฑ์ ไม่อนุญาตให้พกสิ่งของใดติดตัวไปทั้งสิ้น! นอกจากนี้หากแจ้งเบาะแสจะมีรางวัลให้!”กรมราชทัณฑ์?นั่นเป็นที่ไต่สวนข้าหลวงที่ทำความผิดร้ายแรง!พวกเขาทำอะไรผิดกัน?กุ้ยเฟยเพิ่งจะถูกลงโทษไป ฮองเฮาก็ตามมาสร้างความลำบากให้กับข้ารับใช้อย่างพวกเขาเสียแล้ว ไม่มีมาดของมารดาแผ่นดินแม้แต่น้อย กลับเห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงกิ้งก่าได้ทองเท่านั้น!เหล่าข้าหลวงต่างมองไปที่ชุนเหอเมื่อพระนางไม่อยู่ ชุนเหอก็เป็นใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 134

    เฟิ่งจิ่วเหยียนคว้าตัวเหลียนซวงไว้ แววตาคมกริบฉายแววอันตราย“อย่าส่งเสียง”“แต่ว่านี่...นี่ท่านถูกคนวางยาพิษชัด ๆ นี่เพคะ!” เหลียนซวงตกใจกลัวจนสติเตลิดเปิดเปิงนี่ไม่ควรเรียกหมอหลวงมาหรือไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบเลือดบริเวณข้างริมฝีปาก สายตาลึกล้ำ“ไม่ถึงตายหรอก ข้ารู้ตัวเองดี”พิษที่นางโดนนี้คือ‘พิษแดนฝัน’ที่เซียวอวี้เป็นคนวางหากเรียกหมอหลวงมาย่อมมีความเสี่ยงที่จะเป็นการเปิดเผยร่องรอยออกไปปกติพิษนี้จะกำเริบทุกสิบวันครั้งนี้ยังไม่ถึงสิบวันก็กำเริบแล้ว ต้องเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่นางใช้ยาถอนพิษในปริมาณน้อยเกินไปเป็นแน่สายตานิ่งลึกของเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปยังข้างหน้าต่างไม่รู้ว่าซ่งหลีปรุงยาถอนพิษสำเร็จหรือไม่...ณ สนามม้าหลวงขณะที่เซียวอวี้และรุ่ยอ๋องกำลังขี่ม้ายิงธนูกันอยู่นั้น หลิวซื่อเหลียงก็เดินมาด้านหน้า“ฝ่าบาท คนของทางตำหนักชิงซวีมาบอกว่า กุ้ย... หลิงกุ้ยเหรินอดอาหารประท้วง ตะโกนลั่นว่าจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”รุ่ยอ๋องหันไปมองฮ่องเต้ที่ทรงประทับอยู่ข้าง ๆ เห็นเพียงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทะมึนมืดของเขาเซียวอวี้ง้างสายคันธนูในมือจนสุด สีหน้าท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 135

    ถึงแม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แต่มองแค่แว่บเดียวเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่นางประมือกับเซียวอวี้เป็นครั้งที่สอง ห้องลับใต้ดินของตำหนักหวาชิง!เตียงหยกหลังนั้นยังอยู่ที่นี่ยามนั้นเซียวอวี้นั่งขับพิษอยู่บนเตียงหยกหลังนี้แม้กระทั่งบนกำแพงยังมีร่องรอยจากตอนที่พวกเขาต่อสู้กันทิ้งเอาไว้ดังนั้นไม่ผิดแน่ที่นี่ก็คือตำหนักหวาชิง!เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น ทว่าเหตุใดตำหนักหลิงเซียวถึงได้มีทางเชื่อมทะลุถึงตำหนักหวาชิงได้?ถึงแม้นางจะสงสัยเรื่องนี้ แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการหาบันทึกของจ้าวเฉียนให้เจอด้วยเหตุนี้นางจึงรีบออกจากที่นี่ โดยเดินย้อนกลับไปทางเดิมตำแหน่งที่จ้าวเฉียนซ่อนบันทึกอำพรางไว้ได้ดีมากจนถึงยามนี้ยังไม่เจอเบาะแสเลยแม้แต่น้อย ราวกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลยทีเดียวทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นใครกัน?ไม่ว่าความหวังจะเลือนรางขนาดไหนก็ต้องค้นหาต่อไป ไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเด็ดขาดหลังจากผ่านไปสี่คืน ในที่สุดนางก็เจอบันทึกอยู่ใต้แผ่นอิฐแผ่นหนึ่งที่กองฟืนมุมหนึ่งในห้องครัวเล็กในบันทึกฉบับนี้จดเรื่องที่จ้าวเฉียนทำงานให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตลอดหลายปีมานี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 136

    เฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากตำหนักชิงซวี ตรงไปที่กรมราชทัณฑ์ ห้องทรมานของกรมราชทัณฑ์ทั้งมืดและชื้น พวกหนูชื่นชอบนัก มวลอากาศอวลกลิ่นเหม็นเน่าและคาวโลหิต ชุนเหอและพวกข้าหลวงแม้ถูกจองจำ ทว่าไร้การถูกสอบสวนใด ๆ แม้วันนี้ถูกกุมตัวสู่ห้องทรมาน ใจนางก็มิสั่นสะท้าน เสมือนรู้ชัดว่าไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายตน เพียงได้เห็นหน้าของฮองเฮา สีหน้าของนางพลันแปรเปลี่ยน “บ่าวถวายบังคมฮองเฮา!” ชุนเหอโค้งคำนับ รักษากิริยาแบบสาวใช้ในตำหนักหลิงเซียว ไม่นอบน้อมหรือเย่อหยิ่ง ในห้องทรมานนี้มีเพียงนางสองคน เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนในเงามืด ใบหน้ามืดครึ้มยากประเมิน นางโยนสำเนาบันทึกของจ้าวเฉียนใส่ชุนเหอ “ดูเอง” ชุนเหอไม่ทราบเหตุผล แต่เปิดมันด้วยความระแวดระวัง หลังจากอ่านเนื้อหาของสำเนาบันทึกจบ สีหน้าของชุนเหอเปลี่ยนไปอีกครา จ้าวเฉียนบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ตั้งแต่เมื่อใด! เขาต้องการกระทำสิ่งใด! อีกทั้ง สิ่งนี้ไปอยู่ในมือฮองเฮาได้อย่างไร... ชุนเหอวางตัวอึดอัด เงยหน้าจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน “ฮองเฮา บ่าว บ่าวไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 137

    ห้องทรงพระอักษร เซียวอวี้กำลังหารือกับเหล่าเสนาบดีเรื่องการเจรจาสงบศึกระหว่างสองแคว้น “ฝ่าบาท รัฐเหลียงขอให้พวกเราจ่ายค่าชดเชยหนึ่งล้านตำลึงทอง นี่มันคือการเรียกร้องเกินเหตุ! พวกเราจะตกลงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” “แม่ทัพเฉิน หากไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ พวกเราต้องทำตามอีกเงื่อนไขของพวกเขา คือให้เมิ่งสิงโจวแบกหนามเพื่อขอรับโทษที่เมืองหลวงของรัฐเหลียง” “ทำเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด! เมิ่งสิงโจวคือสุดยอดวีรบุรุษของหนานฉี จะให้เขาแบกรับความอับอายเช่นนี้ได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส!” เมื่อมีการเอ่ยถึงเมิ่งสิงโจว สีหน้าของรุ่ยอ๋องสะท้อนความจริงจัง เขายกมือคำนับและพูดอย่างจริงใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่ายอมจ่ายหนึ่งล้านตำลึงทอง แต่มิอาจสละแม่ทัพน้อยเมิ่งได้พ่ะย่ะค่ะ “จุดประสงค์ของรัฐเหลียงนั้นชัดเจนมาก หากแม่ทัพน้อยเมิ่งเหยียบเข้าเขตแดนรัฐเหลียงจริง ๆ เกรงว่าจะหนีไม่พ้นความตายพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดนี้ชักจูงเหล่าเสนาบดีให้คล้อยตาม “เงินทองเป็นของนอกกาย หากสูญเสียหนึ่งล้านตำลึงทอง ในไม่ช้าก็เร็วย่อมหาใหม่ได้ แต่ถ้าสูญเสียยอดอัจฉริยะเช่นแม่ทัพน้อย

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status