Share

บทที่ 974

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้ไม่คิดเลยว่า สองแม่ลูกคู่นั้น จะกล้าวางแผนจับเขาเช่นนี้!

แค่ให้องครักษ์ไล่พวกเขาออกไปนอกวัง นับว่าเมตตาแล้ว!

คิดได้เช่นนี้ ก็อดตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้

“เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้?”

เขากลัวว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะลงมือทำร้ายจิ่วเหยียน ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกล

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดเช่นนั้น “เทียบกับงานราชกิจแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าสำคัญ”

ยิ่งไปกว่านั้น นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้

เซียวอวี้นั่งลงข้างกายนาง โอบไหล่ของนางไว้อย่างแผ่วเบา เชิดคางของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก

“จะว่าไป ที่เรายังไม่ถูกพวกนางสองแม่ลูกเล่นงาน ต้องขอบคุณฮองเฮาที่มีปัญญา ปกป้องเราได้”

ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ท่านรู้ก็ดี”

“ไม่แปลกใจที่เจ้าแนะนำ ให้พ่อของเจ้าไปเป็นซือหม่าที่เจียงโจว ที่แท้ในตอนนั้น เจ้าก็รู้ว่าสองแม่ลูกคู่นั้นประสงค์ร้ายนี่เอง” เซียวอวี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุด

เดิมเขาคิดว่า นางเพียงไม่ชอบใจที่นายท่านเฟิ่งจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งงานกับน้าของนางอีก

ขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ตก “พ่อของเจ้าคิดอะไรอยู่ เราดูเป็นคนไม่เลือกขนาดนั้นเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (10)
goodnovel comment avatar
วิภา อินทรโชติ
ต้องใช่แน่ๆปิ่นอีกครึ่งนึงต้องเป็นของแม่นางเอกแน่ๆ ตื่นเต้น ตื่นเต้น ทุกตอนละคร นิยาย ถ้าไม่พลิกไปมาก็ไม่สนุก รอจร้า
goodnovel comment avatar
ME AN
ได้อ่านแค่นิดเดียวอีกละ
goodnovel comment avatar
Kamonwan Jirojanakul
เห็นด้วยครับ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1

    “แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 2

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 3

    ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 4

    ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 6

    เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 974

    เซียวอวี้ไม่คิดเลยว่า สองแม่ลูกคู่นั้น จะกล้าวางแผนจับเขาเช่นนี้!แค่ให้องครักษ์ไล่พวกเขาออกไปนอกวัง นับว่าเมตตาแล้ว!คิดได้เช่นนี้ ก็อดตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้“เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้?”เขากลัวว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะลงมือทำร้ายจิ่วเหยียน ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดเช่นนั้น “เทียบกับงานราชกิจแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าสำคัญ”ยิ่งไปกว่านั้น นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้เซียวอวี้นั่งลงข้างกายนาง โอบไหล่ของนางไว้อย่างแผ่วเบา เชิดคางของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก“จะว่าไป ที่เรายังไม่ถูกพวกนางสองแม่ลูกเล่นงาน ต้องขอบคุณฮองเฮาที่มีปัญญา ปกป้องเราได้”ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ท่านรู้ก็ดี”“ไม่แปลกใจที่เจ้าแนะนำ ให้พ่อของเจ้าไปเป็นซือหม่าที่เจียงโจว ที่แท้ในตอนนั้น เจ้าก็รู้ว่าสองแม่ลูกคู่นั้นประสงค์ร้ายนี่เอง” เซียวอวี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุดเดิมเขาคิดว่า นางเพียงไม่ชอบใจที่นายท่านเฟิ่งจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งงานกับน้าของนางอีกขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ตก “พ่อของเจ้าคิดอะไรอยู่ เราดูเป็นคนไม่เลือกขนาดนั้นเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 973

    สีหน้าของสองแม่ลูกหลิวอิ๋งต่างซีดเผือดพวกนางไม่เคยรู้เลยว่า โรงพักแรมที่ตัวเองพักอยู่ มีเส้นสายของฮองเฮาอยู่ด้วย!ไม่แปลกใจที่ฮองเฮาจะรู้ทุกเรื่องไม่แปลกใจที่ฮองเฮาไม่ยอมเชื่อพวกนางจบกัน!เจิ้งจีหวนนึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยพูด ลมหายใจพลันเปลี่ยนเป็นหอบถี่ ฝ่ามือร้อนชื้น แผ่นหลังเย็นวาบนางคล้องแขนหลิวอิ๋งเอาไว้“ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี…”หลิวอิ๋งเองก็อยากรู้ ว่าพวกนางควรทำเช่นไร จึงจะสามารถต้านทานคลื่นลูกใหญ่นั้นได้ผิดที่ตัวเองประมาทเกินไป ไม่คิดเลยว่า ฮองเฮาจะมีคนเก่งอยู่รอบกาย อยากสอดแนมว่าพวกนางสองแม่ลูกพูดอะไรกัน ก็คงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!นางลืมไปได้อย่างไร ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงโจว?การสู้กันระหว่างหญิงสาวในเจียงโจว เปรียบเทียบกับฝีมือของฮองเฮาแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!นางประเมินฮองเฮาไว้น้อยเกินไป ไม่สิ นางประเมินราชวงศ์ไว้น้อยเกินไปต่างหาก!นางร้อนรนมากเกินไป จนไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วนายท่านเฟิ่งมองสองแม่ลูก แล้วหันไปมองอู๋ไป๋ทันใดนั้น เขาก็จับมืออู๋ไป๋ กล่าวอย่างจริงจัง“เจ้าไปบอกฮองเฮา ว่าทั้งห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 972

    ถึงอย่างไรหลิวอิ๋งก็ยังมีความฉลาดช่ำชอง ต่างจากเจิ้งจีที่เปิดเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า หลิวอิ๋งจึงวางท่าทีสงบนิ่งนางจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียน พลางย้อนถามอย่างสงบนิ่งเหมือนปกติ“ฮองเฮา เรื่องระหว่างหม่อมฉันกับท่านพี่ในตอนนั้น ท่านพี่หญิงก็ทราบดี อีกทั้งยังเคยบอกกับท่านว่า นั่นเป็นความผิดพลาดทั้งหมด...เป็นเพราะตอนนั้นหม่อมฉันอายุยังน้อย“ทว่าที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ว่า ‘ทำวิธีเช่นเดียวกัน’ คืออะไร? โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงเอ่ยเช่นนั้น!“หรือท่านเข้าใจว่า พวกเราต้องการมาร่วมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง ก็เพื่อจะใกล้ชิดกับฝ่าบาท? นี่มันเหลวไหลสิ้นดี!“ฮองเฮา ผู้ใดมิรู้บ้างว่า ฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านเพียงผู้เดียว ใครจะมาแทนที่ท่านได้เล่า? เจิ้งจีของเราก็เคยแต่งงานมาแล้วที่เจียงโจว น่าเสียดายที่เหมือนหม่อมฉัน ต่างก็โชคร้าย สามีเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ให้กำเนิดบุตรชายสองคน และบุตรสาวหนึ่งคน แต่ถูกครอบครัวสามีแย่งชิงไป ซ้ำยังขับไล่นางออกมา“พวกเรามาที่เมืองหลวง เพียงเพื่อมาหาคนพึ่งพิง!”เจิ้งจีก้มศีรษะลง กลอกตาไปมาด้วยความวิตกเมื่อฟังมารดาเอ่ยจบ เจิ้งจีพลันเปลี่ยนเป็นเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 971

    หลังจากนายท่านเฟิ่งกินยาแล้ว โรคหัวใจระงับไว้ได้ ทว่าเพลิงโทสะในใจลูกแล้วลูกเล่า กลับลุกโหมอย่างรุนแรงไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่า ตนเองเพียงแค่แต่งงานใหม่ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับต้องทำให้เขาไปอยู่ที่เจียงโจว และทำให้ชาตินี้เขาไม่มีวันกลับมาที่เมืองหลวงได้อีก!ความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกเขา มิอาจยับยั้งได้อีกต่อไปทว่า มิใช่พุ่งเป้าไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน กลับพุ่งเป้าไปที่หลิวอิ๋งเขาคว้าแขนของหลิวอิ๋งด้วยความโมโห เบิกตาโพลงพร้อมกับเค้นถาม“เจ้าทำสิ่งใด! เจ้าทำสิ่งใดอีก!”จักต้องเป็นหลิวอิ๋งที่ทำความผิดไว้ก่อนหน้านี้เป็นแน่ มิเช่นนั้น ฮองเฮาจะไม่กระทำการโหดร้ายเช่นนี้!หลิวอิ๋งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งคราวนี้ นางมิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ!หลิวอิ๋งพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล“ท่านพี่ ข้ามิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ”นางน้ำตาไหลริน ท่าทางดูอ่อนแอบอบบาง พลันหันไปมองทางเฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หากท่านมีสิ่งใดไม่พอพระทัยหม่อมฉัน ก็มาลงที่หม่อมฉัน อย่าโยงใยไปถึงผู้อื่น...โดยเฉพาะเป็นบิดาท่าน เขาไม่มีความผิด”นายท่านเฟิ่ง: เหลวไหล! แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีความผิด!เขาถูกวางแผนเล่นงานม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 970

    มิเพียงแต่หลิวอิ๋งแม่ลูก เฟิ่งหลินก็อยากรู้เช่นกันว่า เหตุใดฮองเฮาจึงเรียกเขาเข้าวังมาอย่างกะทันหันทันทีที่เข้ามาตำหนักหย่งเหอ จิตใจเขาก็เริ่มกระวนกระวายเมื่อมาถึงตำหนักชั้นใน มองเห็นหลิวอิ๋งแม่ลูกก็อยู่ที่นี่เช่นกัน จิตใจเขายิ่งกระวนกระวายหนักหรือว่า สองแม่ลูกคู่นี้ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับเขาอีก?ช้าก่อน!หากรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาจะได้พาพ่อบ้านเข้าวังมาพร้อมกันด้วย!มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ใดจะรับฝ่ามือแทนเขา!!ทว่าคิดดูอีกที เขาก็ถือเป็นบิดาของฮองเฮา เป็นผู้อาวุโส! ฮองเฮาคงมิกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ !“กระหม่อม ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” สายตาของนายท่านเฟิ่งมิได้เพ่งมองเป็นเวลานาน รีบก้มศีรษะแสดงความเคารพ“มิต้องมากพิธี” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังดูเรียบเฉยหลังจากนายท่านเฟิ่งยืดตัวตรง พลันมองไปทางหลิวอิ๋งโดยมิรู้ตัว ในแววตาฉายความสงสัย รวมทั้งความรู้สึกโมโหหลิวอิ๋งประสานสายตากับนายท่านเฟิ่ง เริ่มรู้ตัวว่า ฮองเฮาทรงเรียกเขาเข้าวังมาด้วย จักต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่!ทว่า นางไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใดก็สามารถรับมือได้นางทำการค้าการขายมาหลายปี ไม่มีอุปสรรคใดที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 969

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยรับปากมารดาว่า จะดูแลหลิวอิ๋งสองแม่ลูกแทนนางเป็นอย่างดีดังนั้น เมื่อหลิวอิ๋งถือจดหมายของนายหญิงเฟิ่งมาพบนาง นางเองจึงมิอาจไล่คนไปได้นางสั่งอู๋ไป๋“พานางไปที่ตำหนักหย่งเหอ”อู๋ไป๋ประสานมือรับคำสั่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”หลิวอิ๋งสองคนแม่ลูกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในวัง ประตูวังดูโอ่อ่างดงาม พอเข้าประตูวังมาแล้ว ภายในยิ่งกว้างขวาง และตำหนักที่ตั้งอยู่เรียงราย ยิ่งง่ายต่อการเดินพลัดหลงขันทีนำทางอยู่ด้านหน้า สองแม่ลูกเดินตามติดทุกฝีก้าวตอนอยู่ที่เจียงโจว คฤหาสน์จวนตระกูลเฉียนนั้นหรูหราโอ่อ่า ศาลาและหอคอย ก็สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือดี แม้แต่จวนเจ้าเมืองก็ยังถือว่าห่างไกลตอนนี้หากเปรียบเทียบกับพระราชวังแห่งนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเจิ้งจีอดที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ในดวงตาของนางยากจะซ่อนความตื่นตะลึงและความปรารถนาเอาไว้ได้มิน่าแปลกใจที่หลายคนต้องการจะเข้าวังมาเป็นสนม วังหลวงแห่งนี้ช่างงดงามเหลือเกิน!ราวกับตำหนักสวรรค์บนเมฆา คนที่พำนักอยู่ที่แห่งนี้ เป็นคนที่อยู่เหนือคนโดยแท้คนเป็นนายสามารถควบคุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย คำเดียวสั่งให้ตาย หรือคำเดียวสั่งให้มีชีวิตอย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 968

    ณ วังหลวงเฟิ่งจิ่วเหยียนวางแผนว่าก่อนงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง จะจัดงานดูตัวราชบุตรเขยให้กับองค์หญิงใหญ่นี่เป็นเรื่องที่เซียวอวี้ฝากฝังไว้กับนางด้วยเหตุนี้นางจึงตั้งใจมาที่ตำหนักฉือหนิง เพื่อหารือกับไทเฮาไทเฮาทรงหวังเช่นกันว่าบุตรสาวจะได้สมรสอีกครั้ง หากสามารถให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวได้ ก็จะยิ่งเป็นการดีมิเช่นนั้น อยู่คนเดียวก็จะโดดเดี่ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยตรงไปตรงมา “จวนองค์หญิงใหญ่มีบ่าวรับใช้มาก อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ก็ยังทรงมีมิตรสหายมากมาย ไม่มีทางโดดเดี่ยวเป็นแน่”ไทเฮาทรงตะลึงงันชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะทรงเอ่ยคำพูดทำนองนี้ออกมาได้“พวกเขาต่างก็เป็นคนนอก จะเหมือนกันได้อย่างไร คนเหล่านั้น เดิมทีก็มิได้จริงใจกับฉีเอ๋อร์อยู่แล้ว...”ขณะที่พูด กุ้ยหมัวมัวก็เข้ามารายงาน “ไทเฮา ฮองเฮา องค์หญิงใหญ่เสด็จมาแล้วเพคะ”เมื่อได้ยินว่ากำลังจะคัดเลือกสามีให้นาง องค์หญิงใหญ่จึงรีบเข้ามาในวัง กลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ก็จะได้รับสมรสพระราชทานตามใจชอบจากฮ่องเต้หลังจากองค์หญิงใหญ่เสด็จเข้ามา ก็โค้งคำนับคนสองคนที่นั่งอยู่ตามลำดับ“หม่อมฉันน้อมทักทายเสด็จแม่ และถวายบังค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 967

    “ท่านแม่!” เจิ้งจีเรียกมารดาที่อยู่ภายนอกร้านขายอาภรณ์หลิวอิ๋งที่กำลังเหม่อลอย พลางเดินเข้าไปภายในร้าน และเห็นบุตรสาวมองมายังด้านหลังของตนด้วยสีหน้าร้อนใจเจิ้งจีก้าวมาข้างหน้าสองก้าว เกาะแขนของมารดา พร้อมกับมองออกไปนอกร้าน“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า? มิใช่บอกว่าวันนี้จะมาพร้อมกับท่านป้า...”หลิวอิ๋งเอ่ยแทรกคำพูดของนาง “กลับไปที่โรงพักแรมก่อน”เจิ้งจีอาลัยอาวรณ์ชุดดิ้นทองนั้น จึงมิอยากไปนางคว้าหลิวอิ๋งไว้ “ท่านแม่ ท่านช่วยบอกเจ้าของร้านให้รู้ที เขามิเชื่อว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กับฮองเฮา มิยอมขายชุดดิ้นทองให้กับข้า!”หลิวอิ๋งรู้ดีว่า บุตรสาวต้องการซื้อชุดดิ้นทอง สำหรับงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวังนางก็เคยรับปากบุตรสาวว่า งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง พวกนางสามารถไปได้ใครจะคิดว่า ท่านพี่หญิงจะไปจางโจวอย่างกะทันหัน!หลิวอิ๋งรู้สึกผิดต่อบุตรสาวขึ้นมาทันใดมีบางเรื่อง มิอาจพูดให้ชัดเจนที่นี่ได้“เชื่อฟังแม่ กลับไปโรงพักแรม”เจิ้งจีมิเข้าใจว่า เหตุใดมารดาถึงเป็นเช่นนี้“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า?”“ท่านป้าเจ้าไม่ได้มา” หลิวอิ๋งตอบอย่างตรงไปตรงมา“อะไรกัน? เหตุใดท่านป้าถึงไม่มา?”เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 966

    คนเฝ้าประตูยื่นจดหมายให้กับหลิวอิ๋ง“นี่คือจดหมายที่ฮูหยินผู้เฒ่าฝากไว้ให้ท่าน”หลิวอิ๋งรีบรับจดหมายมา และเปิดอ่านในทันที---[อาอิ๋ง เหตุการณ์กะทันหันนัก เช้านี้ข้าต้องเดินทางไปจางโจว เพื่อไปร่วมฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเวยเฉียง เนื่องด้วยระยะทางไกล จึงมิอาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นจึงมิได้บอกลากับเจ้า วันข้างหน้าหากพบเจอปัญหาใด เพียงเข้าไปในวังเพื่อพบฮองเฮา นางจักดูแลเจ้ากับเจิ้งจีเป็นอย่างดีแน่นอน]หลิวอิ๋งอ่านจดหมายจบแล้ว ในใจรู้สึกเป็นกังวลรีบไปกะทันหันเช่นนี้ ช่างดูมีลับลมคมในจริง ๆ!ดูเหมือนจงใจจะหลบเลี่ยงนาง!นางถึงขั้นสงสัยว่าจดหมายนี้เป็นความจริงหรือไม่หลิวอิ๋งยิ้มพร้อมเอ่ยกับคนเฝ้าประตู: “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ถึงท่านพี่หญิงไม่อยู่แล้ว แต่ข้าทำของบางอย่างหล่นอยู่ในห้องนาง ดังนั้นจึงต้องเข้าไปหาดู”ท่าทีของบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูดูแข็งกร้าว“หากมิได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พวกเรามิอาจให้ท่านเข้าไปในจวนได้ ท่านโปรดรอสักครู่ ให้พวกเราเข้าไปถามฮูหยินก่อน”หลิวอิ๋งพยักหน้า“ได้ ข้าจะรอ”ในรอยยิ้มของนางแฝงความร้ายกาจดุจคมมีดรออยู่สักครู่ คนที่ไปรายงานก็ออกม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status