เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยรับปากมารดาว่า จะดูแลหลิวอิ๋งสองแม่ลูกแทนนางเป็นอย่างดีดังนั้น เมื่อหลิวอิ๋งถือจดหมายของนายหญิงเฟิ่งมาพบนาง นางเองจึงมิอาจไล่คนไปได้นางสั่งอู๋ไป๋“พานางไปที่ตำหนักหย่งเหอ”อู๋ไป๋ประสานมือรับคำสั่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”หลิวอิ๋งสองคนแม่ลูกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในวัง ประตูวังดูโอ่อ่างดงาม พอเข้าประตูวังมาแล้ว ภายในยิ่งกว้างขวาง และตำหนักที่ตั้งอยู่เรียงราย ยิ่งง่ายต่อการเดินพลัดหลงขันทีนำทางอยู่ด้านหน้า สองแม่ลูกเดินตามติดทุกฝีก้าวตอนอยู่ที่เจียงโจว คฤหาสน์จวนตระกูลเฉียนนั้นหรูหราโอ่อ่า ศาลาและหอคอย ก็สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือดี แม้แต่จวนเจ้าเมืองก็ยังถือว่าห่างไกลตอนนี้หากเปรียบเทียบกับพระราชวังแห่งนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเจิ้งจีอดที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ในดวงตาของนางยากจะซ่อนความตื่นตะลึงและความปรารถนาเอาไว้ได้มิน่าแปลกใจที่หลายคนต้องการจะเข้าวังมาเป็นสนม วังหลวงแห่งนี้ช่างงดงามเหลือเกิน!ราวกับตำหนักสวรรค์บนเมฆา คนที่พำนักอยู่ที่แห่งนี้ เป็นคนที่อยู่เหนือคนโดยแท้คนเป็นนายสามารถควบคุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย คำเดียวสั่งให้ตาย หรือคำเดียวสั่งให้มีชีวิตอย
มิเพียงแต่หลิวอิ๋งแม่ลูก เฟิ่งหลินก็อยากรู้เช่นกันว่า เหตุใดฮองเฮาจึงเรียกเขาเข้าวังมาอย่างกะทันหันทันทีที่เข้ามาตำหนักหย่งเหอ จิตใจเขาก็เริ่มกระวนกระวายเมื่อมาถึงตำหนักชั้นใน มองเห็นหลิวอิ๋งแม่ลูกก็อยู่ที่นี่เช่นกัน จิตใจเขายิ่งกระวนกระวายหนักหรือว่า สองแม่ลูกคู่นี้ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับเขาอีก?ช้าก่อน!หากรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาจะได้พาพ่อบ้านเข้าวังมาพร้อมกันด้วย!มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ใดจะรับฝ่ามือแทนเขา!!ทว่าคิดดูอีกที เขาก็ถือเป็นบิดาของฮองเฮา เป็นผู้อาวุโส! ฮองเฮาคงมิกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ !“กระหม่อม ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” สายตาของนายท่านเฟิ่งมิได้เพ่งมองเป็นเวลานาน รีบก้มศีรษะแสดงความเคารพ“มิต้องมากพิธี” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังดูเรียบเฉยหลังจากนายท่านเฟิ่งยืดตัวตรง พลันมองไปทางหลิวอิ๋งโดยมิรู้ตัว ในแววตาฉายความสงสัย รวมทั้งความรู้สึกโมโหหลิวอิ๋งประสานสายตากับนายท่านเฟิ่ง เริ่มรู้ตัวว่า ฮองเฮาทรงเรียกเขาเข้าวังมาด้วย จักต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่!ทว่า นางไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใดก็สามารถรับมือได้นางทำการค้าการขายมาหลายปี ไม่มีอุปสรรคใดที
หลังจากนายท่านเฟิ่งกินยาแล้ว โรคหัวใจระงับไว้ได้ ทว่าเพลิงโทสะในใจลูกแล้วลูกเล่า กลับลุกโหมอย่างรุนแรงไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่า ตนเองเพียงแค่แต่งงานใหม่ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับต้องทำให้เขาไปอยู่ที่เจียงโจว และทำให้ชาตินี้เขาไม่มีวันกลับมาที่เมืองหลวงได้อีก!ความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกเขา มิอาจยับยั้งได้อีกต่อไปทว่า มิใช่พุ่งเป้าไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน กลับพุ่งเป้าไปที่หลิวอิ๋งเขาคว้าแขนของหลิวอิ๋งด้วยความโมโห เบิกตาโพลงพร้อมกับเค้นถาม“เจ้าทำสิ่งใด! เจ้าทำสิ่งใดอีก!”จักต้องเป็นหลิวอิ๋งที่ทำความผิดไว้ก่อนหน้านี้เป็นแน่ มิเช่นนั้น ฮองเฮาจะไม่กระทำการโหดร้ายเช่นนี้!หลิวอิ๋งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งคราวนี้ นางมิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ!หลิวอิ๋งพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล“ท่านพี่ ข้ามิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ”นางน้ำตาไหลริน ท่าทางดูอ่อนแอบอบบาง พลันหันไปมองทางเฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หากท่านมีสิ่งใดไม่พอพระทัยหม่อมฉัน ก็มาลงที่หม่อมฉัน อย่าโยงใยไปถึงผู้อื่น...โดยเฉพาะเป็นบิดาท่าน เขาไม่มีความผิด”นายท่านเฟิ่ง: เหลวไหล! แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีความผิด!เขาถูกวางแผนเล่นงานม
ถึงอย่างไรหลิวอิ๋งก็ยังมีความฉลาดช่ำชอง ต่างจากเจิ้งจีที่เปิดเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า หลิวอิ๋งจึงวางท่าทีสงบนิ่งนางจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียน พลางย้อนถามอย่างสงบนิ่งเหมือนปกติ“ฮองเฮา เรื่องระหว่างหม่อมฉันกับท่านพี่ในตอนนั้น ท่านพี่หญิงก็ทราบดี อีกทั้งยังเคยบอกกับท่านว่า นั่นเป็นความผิดพลาดทั้งหมด...เป็นเพราะตอนนั้นหม่อมฉันอายุยังน้อย“ทว่าที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ว่า ‘ทำวิธีเช่นเดียวกัน’ คืออะไร? โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงเอ่ยเช่นนั้น!“หรือท่านเข้าใจว่า พวกเราต้องการมาร่วมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง ก็เพื่อจะใกล้ชิดกับฝ่าบาท? นี่มันเหลวไหลสิ้นดี!“ฮองเฮา ผู้ใดมิรู้บ้างว่า ฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านเพียงผู้เดียว ใครจะมาแทนที่ท่านได้เล่า? เจิ้งจีของเราก็เคยแต่งงานมาแล้วที่เจียงโจว น่าเสียดายที่เหมือนหม่อมฉัน ต่างก็โชคร้าย สามีเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ให้กำเนิดบุตรชายสองคน และบุตรสาวหนึ่งคน แต่ถูกครอบครัวสามีแย่งชิงไป ซ้ำยังขับไล่นางออกมา“พวกเรามาที่เมืองหลวง เพียงเพื่อมาหาคนพึ่งพิง!”เจิ้งจีก้มศีรษะลง กลอกตาไปมาด้วยความวิตกเมื่อฟังมารดาเอ่ยจบ เจิ้งจีพลันเปลี่ยนเป็นเยือ
สีหน้าของสองแม่ลูกหลิวอิ๋งต่างซีดเผือดพวกนางไม่เคยรู้เลยว่า โรงพักแรมที่ตัวเองพักอยู่ มีเส้นสายของฮองเฮาอยู่ด้วย!ไม่แปลกใจที่ฮองเฮาจะรู้ทุกเรื่องไม่แปลกใจที่ฮองเฮาไม่ยอมเชื่อพวกนางจบกัน!เจิ้งจีหวนนึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยพูด ลมหายใจพลันเปลี่ยนเป็นหอบถี่ ฝ่ามือร้อนชื้น แผ่นหลังเย็นวาบนางคล้องแขนหลิวอิ๋งเอาไว้“ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี…”หลิวอิ๋งเองก็อยากรู้ ว่าพวกนางควรทำเช่นไร จึงจะสามารถต้านทานคลื่นลูกใหญ่นั้นได้ผิดที่ตัวเองประมาทเกินไป ไม่คิดเลยว่า ฮองเฮาจะมีคนเก่งอยู่รอบกาย อยากสอดแนมว่าพวกนางสองแม่ลูกพูดอะไรกัน ก็คงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!นางลืมไปได้อย่างไร ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงโจว?การสู้กันระหว่างหญิงสาวในเจียงโจว เปรียบเทียบกับฝีมือของฮองเฮาแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!นางประเมินฮองเฮาไว้น้อยเกินไป ไม่สิ นางประเมินราชวงศ์ไว้น้อยเกินไปต่างหาก!นางร้อนรนมากเกินไป จนไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วนายท่านเฟิ่งมองสองแม่ลูก แล้วหันไปมองอู๋ไป๋ทันใดนั้น เขาก็จับมืออู๋ไป๋ กล่าวอย่างจริงจัง“เจ้าไปบอกฮองเฮา ว่าทั้งห
เซียวอวี้ไม่คิดเลยว่า สองแม่ลูกคู่นั้น จะกล้าวางแผนจับเขาเช่นนี้!แค่ให้องครักษ์ไล่พวกเขาออกไปนอกวัง นับว่าเมตตาแล้ว!คิดได้เช่นนี้ ก็อดตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้“เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้?”เขากลัวว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะลงมือทำร้ายจิ่วเหยียน ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดเช่นนั้น “เทียบกับงานราชกิจแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าสำคัญ”ยิ่งไปกว่านั้น นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้เซียวอวี้นั่งลงข้างกายนาง โอบไหล่ของนางไว้อย่างแผ่วเบา เชิดคางของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก“จะว่าไป ที่เรายังไม่ถูกพวกนางสองแม่ลูกเล่นงาน ต้องขอบคุณฮองเฮาที่มีปัญญา ปกป้องเราได้”ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ท่านรู้ก็ดี”“ไม่แปลกใจที่เจ้าแนะนำ ให้พ่อของเจ้าไปเป็นซือหม่าที่เจียงโจว ที่แท้ในตอนนั้น เจ้าก็รู้ว่าสองแม่ลูกคู่นั้นประสงค์ร้ายนี่เอง” เซียวอวี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุดเดิมเขาคิดว่า นางเพียงไม่ชอบใจที่นายท่านเฟิ่งจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งงานกับน้าของนางอีกขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ตก “พ่อของเจ้าคิดอะไรอยู่ เราดูเป็นคนไม่เลือกขนาดนั้นเ
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา
เซียวอวี้ไม่คิดเลยว่า สองแม่ลูกคู่นั้น จะกล้าวางแผนจับเขาเช่นนี้!แค่ให้องครักษ์ไล่พวกเขาออกไปนอกวัง นับว่าเมตตาแล้ว!คิดได้เช่นนี้ ก็อดตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้“เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้?”เขากลัวว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะลงมือทำร้ายจิ่วเหยียน ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดเช่นนั้น “เทียบกับงานราชกิจแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าสำคัญ”ยิ่งไปกว่านั้น นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้เซียวอวี้นั่งลงข้างกายนาง โอบไหล่ของนางไว้อย่างแผ่วเบา เชิดคางของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก“จะว่าไป ที่เรายังไม่ถูกพวกนางสองแม่ลูกเล่นงาน ต้องขอบคุณฮองเฮาที่มีปัญญา ปกป้องเราได้”ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ท่านรู้ก็ดี”“ไม่แปลกใจที่เจ้าแนะนำ ให้พ่อของเจ้าไปเป็นซือหม่าที่เจียงโจว ที่แท้ในตอนนั้น เจ้าก็รู้ว่าสองแม่ลูกคู่นั้นประสงค์ร้ายนี่เอง” เซียวอวี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุดเดิมเขาคิดว่า นางเพียงไม่ชอบใจที่นายท่านเฟิ่งจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งงานกับน้าของนางอีกขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ตก “พ่อของเจ้าคิดอะไรอยู่ เราดูเป็นคนไม่เลือกขนาดนั้นเ
สีหน้าของสองแม่ลูกหลิวอิ๋งต่างซีดเผือดพวกนางไม่เคยรู้เลยว่า โรงพักแรมที่ตัวเองพักอยู่ มีเส้นสายของฮองเฮาอยู่ด้วย!ไม่แปลกใจที่ฮองเฮาจะรู้ทุกเรื่องไม่แปลกใจที่ฮองเฮาไม่ยอมเชื่อพวกนางจบกัน!เจิ้งจีหวนนึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยพูด ลมหายใจพลันเปลี่ยนเป็นหอบถี่ ฝ่ามือร้อนชื้น แผ่นหลังเย็นวาบนางคล้องแขนหลิวอิ๋งเอาไว้“ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี…”หลิวอิ๋งเองก็อยากรู้ ว่าพวกนางควรทำเช่นไร จึงจะสามารถต้านทานคลื่นลูกใหญ่นั้นได้ผิดที่ตัวเองประมาทเกินไป ไม่คิดเลยว่า ฮองเฮาจะมีคนเก่งอยู่รอบกาย อยากสอดแนมว่าพวกนางสองแม่ลูกพูดอะไรกัน ก็คงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!นางลืมไปได้อย่างไร ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงโจว?การสู้กันระหว่างหญิงสาวในเจียงโจว เปรียบเทียบกับฝีมือของฮองเฮาแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!นางประเมินฮองเฮาไว้น้อยเกินไป ไม่สิ นางประเมินราชวงศ์ไว้น้อยเกินไปต่างหาก!นางร้อนรนมากเกินไป จนไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วนายท่านเฟิ่งมองสองแม่ลูก แล้วหันไปมองอู๋ไป๋ทันใดนั้น เขาก็จับมืออู๋ไป๋ กล่าวอย่างจริงจัง“เจ้าไปบอกฮองเฮา ว่าทั้งห
ถึงอย่างไรหลิวอิ๋งก็ยังมีความฉลาดช่ำชอง ต่างจากเจิ้งจีที่เปิดเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า หลิวอิ๋งจึงวางท่าทีสงบนิ่งนางจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียน พลางย้อนถามอย่างสงบนิ่งเหมือนปกติ“ฮองเฮา เรื่องระหว่างหม่อมฉันกับท่านพี่ในตอนนั้น ท่านพี่หญิงก็ทราบดี อีกทั้งยังเคยบอกกับท่านว่า นั่นเป็นความผิดพลาดทั้งหมด...เป็นเพราะตอนนั้นหม่อมฉันอายุยังน้อย“ทว่าที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ว่า ‘ทำวิธีเช่นเดียวกัน’ คืออะไร? โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงเอ่ยเช่นนั้น!“หรือท่านเข้าใจว่า พวกเราต้องการมาร่วมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง ก็เพื่อจะใกล้ชิดกับฝ่าบาท? นี่มันเหลวไหลสิ้นดี!“ฮองเฮา ผู้ใดมิรู้บ้างว่า ฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านเพียงผู้เดียว ใครจะมาแทนที่ท่านได้เล่า? เจิ้งจีของเราก็เคยแต่งงานมาแล้วที่เจียงโจว น่าเสียดายที่เหมือนหม่อมฉัน ต่างก็โชคร้าย สามีเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ให้กำเนิดบุตรชายสองคน และบุตรสาวหนึ่งคน แต่ถูกครอบครัวสามีแย่งชิงไป ซ้ำยังขับไล่นางออกมา“พวกเรามาที่เมืองหลวง เพียงเพื่อมาหาคนพึ่งพิง!”เจิ้งจีก้มศีรษะลง กลอกตาไปมาด้วยความวิตกเมื่อฟังมารดาเอ่ยจบ เจิ้งจีพลันเปลี่ยนเป็นเยือ
หลังจากนายท่านเฟิ่งกินยาแล้ว โรคหัวใจระงับไว้ได้ ทว่าเพลิงโทสะในใจลูกแล้วลูกเล่า กลับลุกโหมอย่างรุนแรงไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่า ตนเองเพียงแค่แต่งงานใหม่ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับต้องทำให้เขาไปอยู่ที่เจียงโจว และทำให้ชาตินี้เขาไม่มีวันกลับมาที่เมืองหลวงได้อีก!ความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกเขา มิอาจยับยั้งได้อีกต่อไปทว่า มิใช่พุ่งเป้าไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน กลับพุ่งเป้าไปที่หลิวอิ๋งเขาคว้าแขนของหลิวอิ๋งด้วยความโมโห เบิกตาโพลงพร้อมกับเค้นถาม“เจ้าทำสิ่งใด! เจ้าทำสิ่งใดอีก!”จักต้องเป็นหลิวอิ๋งที่ทำความผิดไว้ก่อนหน้านี้เป็นแน่ มิเช่นนั้น ฮองเฮาจะไม่กระทำการโหดร้ายเช่นนี้!หลิวอิ๋งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งคราวนี้ นางมิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ!หลิวอิ๋งพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล“ท่านพี่ ข้ามิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ”นางน้ำตาไหลริน ท่าทางดูอ่อนแอบอบบาง พลันหันไปมองทางเฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หากท่านมีสิ่งใดไม่พอพระทัยหม่อมฉัน ก็มาลงที่หม่อมฉัน อย่าโยงใยไปถึงผู้อื่น...โดยเฉพาะเป็นบิดาท่าน เขาไม่มีความผิด”นายท่านเฟิ่ง: เหลวไหล! แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีความผิด!เขาถูกวางแผนเล่นงานม
มิเพียงแต่หลิวอิ๋งแม่ลูก เฟิ่งหลินก็อยากรู้เช่นกันว่า เหตุใดฮองเฮาจึงเรียกเขาเข้าวังมาอย่างกะทันหันทันทีที่เข้ามาตำหนักหย่งเหอ จิตใจเขาก็เริ่มกระวนกระวายเมื่อมาถึงตำหนักชั้นใน มองเห็นหลิวอิ๋งแม่ลูกก็อยู่ที่นี่เช่นกัน จิตใจเขายิ่งกระวนกระวายหนักหรือว่า สองแม่ลูกคู่นี้ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับเขาอีก?ช้าก่อน!หากรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาจะได้พาพ่อบ้านเข้าวังมาพร้อมกันด้วย!มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ใดจะรับฝ่ามือแทนเขา!!ทว่าคิดดูอีกที เขาก็ถือเป็นบิดาของฮองเฮา เป็นผู้อาวุโส! ฮองเฮาคงมิกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ !“กระหม่อม ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” สายตาของนายท่านเฟิ่งมิได้เพ่งมองเป็นเวลานาน รีบก้มศีรษะแสดงความเคารพ“มิต้องมากพิธี” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังดูเรียบเฉยหลังจากนายท่านเฟิ่งยืดตัวตรง พลันมองไปทางหลิวอิ๋งโดยมิรู้ตัว ในแววตาฉายความสงสัย รวมทั้งความรู้สึกโมโหหลิวอิ๋งประสานสายตากับนายท่านเฟิ่ง เริ่มรู้ตัวว่า ฮองเฮาทรงเรียกเขาเข้าวังมาด้วย จักต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่!ทว่า นางไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใดก็สามารถรับมือได้นางทำการค้าการขายมาหลายปี ไม่มีอุปสรรคใดที
เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยรับปากมารดาว่า จะดูแลหลิวอิ๋งสองแม่ลูกแทนนางเป็นอย่างดีดังนั้น เมื่อหลิวอิ๋งถือจดหมายของนายหญิงเฟิ่งมาพบนาง นางเองจึงมิอาจไล่คนไปได้นางสั่งอู๋ไป๋“พานางไปที่ตำหนักหย่งเหอ”อู๋ไป๋ประสานมือรับคำสั่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”หลิวอิ๋งสองคนแม่ลูกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในวัง ประตูวังดูโอ่อ่างดงาม พอเข้าประตูวังมาแล้ว ภายในยิ่งกว้างขวาง และตำหนักที่ตั้งอยู่เรียงราย ยิ่งง่ายต่อการเดินพลัดหลงขันทีนำทางอยู่ด้านหน้า สองแม่ลูกเดินตามติดทุกฝีก้าวตอนอยู่ที่เจียงโจว คฤหาสน์จวนตระกูลเฉียนนั้นหรูหราโอ่อ่า ศาลาและหอคอย ก็สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือดี แม้แต่จวนเจ้าเมืองก็ยังถือว่าห่างไกลตอนนี้หากเปรียบเทียบกับพระราชวังแห่งนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเจิ้งจีอดที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ในดวงตาของนางยากจะซ่อนความตื่นตะลึงและความปรารถนาเอาไว้ได้มิน่าแปลกใจที่หลายคนต้องการจะเข้าวังมาเป็นสนม วังหลวงแห่งนี้ช่างงดงามเหลือเกิน!ราวกับตำหนักสวรรค์บนเมฆา คนที่พำนักอยู่ที่แห่งนี้ เป็นคนที่อยู่เหนือคนโดยแท้คนเป็นนายสามารถควบคุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย คำเดียวสั่งให้ตาย หรือคำเดียวสั่งให้มีชีวิตอย
ณ วังหลวงเฟิ่งจิ่วเหยียนวางแผนว่าก่อนงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง จะจัดงานดูตัวราชบุตรเขยให้กับองค์หญิงใหญ่นี่เป็นเรื่องที่เซียวอวี้ฝากฝังไว้กับนางด้วยเหตุนี้นางจึงตั้งใจมาที่ตำหนักฉือหนิง เพื่อหารือกับไทเฮาไทเฮาทรงหวังเช่นกันว่าบุตรสาวจะได้สมรสอีกครั้ง หากสามารถให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวได้ ก็จะยิ่งเป็นการดีมิเช่นนั้น อยู่คนเดียวก็จะโดดเดี่ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยตรงไปตรงมา “จวนองค์หญิงใหญ่มีบ่าวรับใช้มาก อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ก็ยังทรงมีมิตรสหายมากมาย ไม่มีทางโดดเดี่ยวเป็นแน่”ไทเฮาทรงตะลึงงันชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะทรงเอ่ยคำพูดทำนองนี้ออกมาได้“พวกเขาต่างก็เป็นคนนอก จะเหมือนกันได้อย่างไร คนเหล่านั้น เดิมทีก็มิได้จริงใจกับฉีเอ๋อร์อยู่แล้ว...”ขณะที่พูด กุ้ยหมัวมัวก็เข้ามารายงาน “ไทเฮา ฮองเฮา องค์หญิงใหญ่เสด็จมาแล้วเพคะ”เมื่อได้ยินว่ากำลังจะคัดเลือกสามีให้นาง องค์หญิงใหญ่จึงรีบเข้ามาในวัง กลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ก็จะได้รับสมรสพระราชทานตามใจชอบจากฮ่องเต้หลังจากองค์หญิงใหญ่เสด็จเข้ามา ก็โค้งคำนับคนสองคนที่นั่งอยู่ตามลำดับ“หม่อมฉันน้อมทักทายเสด็จแม่ และถวายบังค
“ท่านแม่!” เจิ้งจีเรียกมารดาที่อยู่ภายนอกร้านขายอาภรณ์หลิวอิ๋งที่กำลังเหม่อลอย พลางเดินเข้าไปภายในร้าน และเห็นบุตรสาวมองมายังด้านหลังของตนด้วยสีหน้าร้อนใจเจิ้งจีก้าวมาข้างหน้าสองก้าว เกาะแขนของมารดา พร้อมกับมองออกไปนอกร้าน“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า? มิใช่บอกว่าวันนี้จะมาพร้อมกับท่านป้า...”หลิวอิ๋งเอ่ยแทรกคำพูดของนาง “กลับไปที่โรงพักแรมก่อน”เจิ้งจีอาลัยอาวรณ์ชุดดิ้นทองนั้น จึงมิอยากไปนางคว้าหลิวอิ๋งไว้ “ท่านแม่ ท่านช่วยบอกเจ้าของร้านให้รู้ที เขามิเชื่อว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กับฮองเฮา มิยอมขายชุดดิ้นทองให้กับข้า!”หลิวอิ๋งรู้ดีว่า บุตรสาวต้องการซื้อชุดดิ้นทอง สำหรับงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวังนางก็เคยรับปากบุตรสาวว่า งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง พวกนางสามารถไปได้ใครจะคิดว่า ท่านพี่หญิงจะไปจางโจวอย่างกะทันหัน!หลิวอิ๋งรู้สึกผิดต่อบุตรสาวขึ้นมาทันใดมีบางเรื่อง มิอาจพูดให้ชัดเจนที่นี่ได้“เชื่อฟังแม่ กลับไปโรงพักแรม”เจิ้งจีมิเข้าใจว่า เหตุใดมารดาถึงเป็นเช่นนี้“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า?”“ท่านป้าเจ้าไม่ได้มา” หลิวอิ๋งตอบอย่างตรงไปตรงมา“อะไรกัน? เหตุใดท่านป้าถึงไม่มา?”เ
คนเฝ้าประตูยื่นจดหมายให้กับหลิวอิ๋ง“นี่คือจดหมายที่ฮูหยินผู้เฒ่าฝากไว้ให้ท่าน”หลิวอิ๋งรีบรับจดหมายมา และเปิดอ่านในทันที---[อาอิ๋ง เหตุการณ์กะทันหันนัก เช้านี้ข้าต้องเดินทางไปจางโจว เพื่อไปร่วมฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเวยเฉียง เนื่องด้วยระยะทางไกล จึงมิอาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นจึงมิได้บอกลากับเจ้า วันข้างหน้าหากพบเจอปัญหาใด เพียงเข้าไปในวังเพื่อพบฮองเฮา นางจักดูแลเจ้ากับเจิ้งจีเป็นอย่างดีแน่นอน]หลิวอิ๋งอ่านจดหมายจบแล้ว ในใจรู้สึกเป็นกังวลรีบไปกะทันหันเช่นนี้ ช่างดูมีลับลมคมในจริง ๆ!ดูเหมือนจงใจจะหลบเลี่ยงนาง!นางถึงขั้นสงสัยว่าจดหมายนี้เป็นความจริงหรือไม่หลิวอิ๋งยิ้มพร้อมเอ่ยกับคนเฝ้าประตู: “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ถึงท่านพี่หญิงไม่อยู่แล้ว แต่ข้าทำของบางอย่างหล่นอยู่ในห้องนาง ดังนั้นจึงต้องเข้าไปหาดู”ท่าทีของบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูดูแข็งกร้าว“หากมิได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พวกเรามิอาจให้ท่านเข้าไปในจวนได้ ท่านโปรดรอสักครู่ ให้พวกเราเข้าไปถามฮูหยินก่อน”หลิวอิ๋งพยักหน้า“ได้ ข้าจะรอ”ในรอยยิ้มของนางแฝงความร้ายกาจดุจคมมีดรออยู่สักครู่ คนที่ไปรายงานก็ออกม