แชร์

บทที่ 67

ผู้แต่ง: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
กุ้ยเฟยดูราวกับเป็นพวกถ้ำมอง ดวงตาดำมืดฉายแววบ้าคลั่ง

ก่อนหน้านี้ไม่ว่านางจะได้ยินข่าวลือมากแค่ไหน ไม่ว่าฝ่าบาทจะไม่มาที่ตำหลักหลิงเซียวกี่วัน นางก็ยังเชื่อมั่นว่าฝ่าบาทไม่มีทางชายตามองนางสนมเจียเป็นแน่

นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่นางต้องมาเห็นนางสนมเจียทำตัวจนโดดเด่น เห็นนางสนมเจียถูกฝ่าบาทเรียกตัว...

กุ้ยเฟยยืนอยู่ในเงามืด สองมือกำแน่น ใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง

กับคนที่ไม่พึงใจแล้ว ฝ่าบาทไม่มีทางแสร้งพูดจาดีด้วย

เขาจะเดินจากไป ไม่ก็สั่งให้นางสนมเจียออกไป

แต่ผ่านไปพักหนึ่งแล้ว นางสนมเจียยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย...

“พระสนมเพคะ ข้างนอกลมแรงนัก เรากลับตำหนักหลิงเซียวกันดีหรือไม่เพคะ?” ชุนเหอเสนอเสียงเบา

พระสนมอารมณ์ไม่ดีแล้ว

หากยังอยู่ต่อไป เกรงว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

กุ้ยเฟยถามอย่างอยากเอาชนะ

“นางสนมเจียขี่ม้าแบบนี้แล้วเหมือนหรงเฟยมากหรือไร!”

ชุนเหอกล้าตอบเสียที่ไหน

“นางสนมเจียเป็นแต่พูดเอาอกเอาใจ เทียบไม่ได้กับพระสนมที่งดงามทุกย่างก้าว หาใครเทียบเทียมมิได้”

ยามนี้กุ้ยเฟยอยากฟังแต่ความจริงเท่านั้น

“บอกข้ามาตามจริงซะ!”

ก่อนที่ชุนเหอจะมารับใช้กุ้ยเฟย นางเคยเป็นคนรับใช้ในวังมาก่อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
chompoonutt wajeethongrattana
สำนวน ตงซือขมวดคิ้ว ใจร้ายกับนางสนมเจียมากค่ะ แถมที่มาของสำนวน ก็น่าเศร้าใจมาก เปรียบเทียบ คนโง่เขลาเช่นคนอัปลักษณ์และหญิงงามอย่างกับสินค้าที่ต้องแปะป้ายราคาให้คุณค่าแบบด้อยค่าไม่รู้ตัว (คหสต.)
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 68

    ถึงแม้ว่ากุ้ยเฟยจะขี่ม้าเป็น แต่นางก็ไม่ได้ขี่ม้ามานานมากแล้วก่อนที่จะแสดงให้ฝ่าบาทดู ล้วนต้องฝึกฝนเสียก่อน และสถานที่เดียวในวังที่สามารถขี่ม้าได้ก็คือสนามม้าหลวง“เจ้าว่ากระไรนะ? พระสนมของพวกเราเข้าไปไม่ได้งั้นหรือ?” ชุนเหอแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเจ้าสุนัขรับใช้ของสนามม้าหลวงนี่ ถึงกับกล้าขัดขวางพระสนม!ณ ประตูทางเข้าสนามม้าหลวงผู้ดูแลสนามม้าหลวงยิ้มแหย ใบหน้าขื่นขมด้วยความลำบากใจ“กุ้ยเฟย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยขัดขวางท่าน เป็นเบื้องบนมีคำสั่งลงมา ข้าน้อยไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”ใบหน้าของกุ้ยเฟยเย็นวาบในวังหลังแห่งนี้ยังมีสถานที่ที่นางไม่อาจเข้าไปได้?เรื่องอย่างการโต้เถียงกันเช่นนี้ ยังไม่ถึงคราวที่กุ้ยเฟยจะต้องออกปากเองชุนเหอออกหน้าซักถาม“ก่อนหน้านี้พระสนมก็เข้าไปได้ เหตุใดวันนี้จึงเข้าไม่ได้? นี่กฎของผู้ใดกัน?”ผู้ดูแลเช็ดเหงื่อแล้วเช็ดเหงื่ออีก“เป็น...เป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงตรัสว่า สนามม้าหลวงแห่งนี้มีม้าและอุปกรณ์ขี่ม้าอยู่จำกัด มีเพียงเหล่าพระสนมที่เข้าร่วมการแข่งขี่ม้าโปโลเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้ อีกทั้งยังต้องได้รับการอนุญาตจากกพระนาง ถึงจะสามารถ...”“บ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 69

    กุ้ยเฟยเมินเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปออดอ้อนฮ่องเต้“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบถึงทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันนี่เพคะ”เซียวอวี้ที่รูปร่างหน้าตางามสง่าเหนือสามัญมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาเย็นชา“ทักษะการขี่ม้าของกุ้ยเฟยเหนือกว่าคนพวกนั้นมาก ฮองเฮา เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับดูคล้ายจะผ่อนคลายลง“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กุ้ยเฟยก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือก สิบวันให้หลังมาเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลได้เลย”กุ้ยเฟยรู้สึกไม่พอใจที่นางกลับมาฝึกขี่ม้าก็เพื่อเอาใจฝ่าบาท หาใช่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลอะไรนั่น!“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากร่วมการแข่งเพคะ!”ท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักแน่น“เช่นนั้นก็ได้แต่รอให้การแข่งขันขี่ม้าโปโลจบลงก่อนแล้ว!”“เจ้า...” กุ้ยเฟยโกรธจนพูดไม่ออก จึงหันไปมองฮ่องเต้อย่างขอความช่วยเหลือนอกห้องทรงพระอักษรเหลียนซวงเห็นฮองเฮาของนางเสด็จออกมาก็รีบรุดหน้าไปรับเสด็จ“ฮองเฮา เรียบร้อยดีไหมเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเยือกเย็น“เพิ่มกุ้ยเฟยเข้าไปในรายชื่อการแข่งขันขี่ม้าโปโล”เหลียนซวงประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฮองเฮา ท่านทรงทำได้อย่างไรกันเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 70

    ตามปกติน้อยมากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนจะขี่ม้า ส่วนมากนางจะนั่งดูอยู่ข้างสนามยามที่การฝึกในวันนี้กำลังจะจบลง รุ่ยอ๋องก็มาที่สนามม้าหลวง“น้องเขยคารวะพี่สะใภ้”โดยปกติแล้วรุ่ยอ๋องมักจะมาพร้อมกับฮ่องเต้เสมอเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปข้างหลังรุ่ยอ๋องโดยไม่รู้ตัว ทว่ากลับไม่เห็นฮ่องเต้ทรราช“วันนี้มีแค่ข้าคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ” รุ่ยอ๋องกล่าวด้วยรอยยิ้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนราวกับอาบน้ำฝนท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นเฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้ารับคารวะ จากนั้นก็ดึงสายตากลับไปมองสนมหลายคนที่กำลังขี่ม้าอยู่ไกล ๆนางคิดว่าพอรุ่ยอ๋องทักทายเสร็จก็จะไปที่อื่นต่อ ทว่าเขากลับยืนอยู่ข้างนางและเริ่มชวนนางคุยเล่น“พี่สะใภ้ทุ่มเทกายใจ หากต้องการ ข้าสามารถโน้มน้าวให้ฝ่าบาทมาที่สนามม้าหลวงบ่อย ๆ ได้”เหลียนซวงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย พบว่าท่าทีของเขาไม่เหมือนพูดเล่น ดวงตาคู่นั้นโค้งอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน“ไม่จำเป็น” เฟิ่งจิ่วเหยียนปฏิเสธทันที ไม่แม้แต่จะหันไปมองรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง รอยยิ้มกลับมาอย่างรวดเร็ว“ดูเหมือนข้าจะพูดเรื่องไม่จำเป็นเสียแล้ว พี่สะใภ้ ข้าไม่รบกวนแล้ว”“อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 71

    หลังการฝึกซ้อมมาหลายวัน งานแข่งขันขี่ม้าโปโลก็เริ่มต้นขึ้นตามกำหนดการเมื่อมองไปบนปะรำพิธีจะเห็นฮ่องเต้นั่งตรงกลาง ไทเฮานั่งอยู่ด้านขวาของเขา ส่วนคนที่เหลือนั่งตามลำดับศักดิ์รุ่ยอ๋องตรัสชมด้วยท่าทางอบอุ่น“นี่เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานแข่งขันขี่ม้าโปโลในวัง ฮองเฮาทรงทุ่มเทความคิดอย่างมากจริง ๆ”ระหว่างที่พูดเขาก็มองไปทางฮ่องเต้อยู่หลายครั้งเซียวอวี้กล่าวตอบด้วยท่าทีเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง“นับเป็นคนแรกจริง ๆ เทียบกับฮองเฮาผู้เพียบพร้อมจากสกุลเฟิ่งทั้งหมดในประวัติศาสตร์ นับว่าไม่เคยมีมาก่อน”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนฟังออกว่าฝ่าบาทไม่พอพระทัยในตัวฮองเฮาเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น ไทเฮาจึงตรัสชมด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเมตตาว่า“ฮองเฮาเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ งานแข่งขันขี่ม้าโปโลนี้ต้องเป็นรูปแบบใหม่เป็นแน่”คิ้วกริชของเซียวอวี้เลิกขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของไทเฮารุ่ยอ๋องไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ยกแก้วสุราด้านหน้าขึ้นมาจิบเงียบ ๆ ด้วยตัวคนเดียวสนมนางอื่นไม่ได้สนใจในงานแข่งขันขี่ม้าโปโลเท่าไร พวกนางคิดเพียงแค่อยากเข้าใกล้ฮ่องเต้มากขึ้นอีกซักนิดเท่านั้นทว่าแม้จะอยู่บนปะ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 72

    เมื่องานแข่งขันขี่ม้าโปโลเริ่มต้นขึ้น เหล่าสนมผู้ร่วมการแข่งขันที่สวมชุดขี่ม้าก็ทยอยขี่ม้าเข้ามาในสนามไทเฮาแสร้งตรัสอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า“อายุยังน้อยช่างดีเสียจริง แต่ละคนล้วนดูต่างไปจากยามปกติ ดู ๆ ไปแล้วไม่เหมือนนางสนมที่อยู่ในส่วนลึกของวัง กลับเหมือนแม่ทัพหญิงเสียมากกว่า!”กุ้ยหมัวมัวค้อมกายรับพระดำรัสของไทเฮา“ไทเฮาทรงเป็นพระมารดาแห่งใต้หล้า ฝ่าบาททรงพระปรีชาญาณมากล้นด้วยคุณธรรม ในวังหลวงแห่งนี้ย่อมบ่มเพาะคนได้ดีเป็นธรรมดา”เซียวอวี้กวาดตามองที่สนาม พบว่าอยู่ห่างเกินไปจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใครใบหน้างดงามของเขาไม่ยินดียินร้าย“เสด็จแม่เพียงพูดเล่นก็แล้วไปเถิด”“ร้อยปีมานี้ แคว้นหนานฉียังไม่เคยปรากฏแม่ทัพหญิงมาก่อน”รุ่ยอ๋องยกแก้วสุราขึ้น“พระบารมีของฝ่าบาททรงคุ้มครองแคว้นหนานฉี ผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมากความสามารถ”“เชื่อว่าอีกไม่นานแคว้นหนานฉีจะต้องปรากฏแม่ทัพหญิง ขยายอาณาเขตเพื่อแคว้นหนานฉีของเราให้เป็นมหาอำนาจแห่งจงหยวน[1] พ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ยกจอกสุราขึ้น ทำท่าชนจอกกับรุ่ยอ๋องกลางอากาศโหม่ง!เสียงฆ้องดังกังวาน การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสมาชิกของสอง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 73

    กุ้ยเฟยได้แต้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนที่นางขี่ม้าผ่านเข้ามาใกล้เฟิ่งจิ่วเหยียน นางก็หยุดม้า“ฮองเฮาเพคะ ทีมของท่านไม่มีคนแข่งได้แล้วหรือ?”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นปกติ หาได้สนใจนางไม่กุ้ยเฟยกลับไม่ยอมรามือ นางกดเสียงให้เบาแล้วพูดยั่วยุ“ข้ารู้นะ เจ้าอยากให้นางสนมเจียแย่งชิงความโปรดปราน แบ่งความรักความโปรดปรานของฝ่าบาทไปจากข้า“เฟิ่งเวยเฉียง ฮองเฮาอย่างเจ้าช่างน่าสมเพชเสียจริง!“เจ้าทุ่มเทกายใจสนับสนุนนางสนมเจียถึงเพียงนี้ สุดท้ายนางก็ยังถูกข้าเหยียบย่ำจนลุกไม่ขึ้นอยู่ดีไม่ใช่หรือ?“เจ้าเองก็เช่นกัน อีกไม่นาน เจ้าก็ต้องคลานมาอยู่แทบเท้าข้า ขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า! เหมือนกับแม่ของเจ้าในวันนั้น...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเลิกคิ้วขึ้นกุ้ยเฟยแอบสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บนสีหน้าของนาง จึงแสดงความพึงพอใจออกมา“เป็นอะไรไป เจ้าไม่รู้หรอกหรือ?“หลังจากเจ้าถูกจับตัวไป ฮูหยินเฟิ่งเคยมาขอเข้าพบข้าอย่างไรเล่า!“ข้าให้นางทำอะไร นางก็ทำหมด กระทั่งให้นางคุกเข่าลงไปใส่รองเท้าให้ข้าก็ยังทำ สำเหนียกตัวกว่าเจ้ามากนัก!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมบังเหียนแน่นจนข้อนิ้วซีดขาวกุ้ยเฟยมองออกไปข้างหน้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 74

    บนปะรำพิธี นางสนมทั้งหมดมีท่าทางตื่นเต้นภาพที่พวกนางเห็นคือกุ้ยเฟยกับนางสนมเจียกำลังแย่งลูกบอลกันอย่างดุเดือด ทุกคนล้วนคอยื่นคอยาวอยากเห็นว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นไรทว่ากลับไม่รู้ว่าม้าของทั้งสองคนล้วนคลั่งไปแล้ว!เพียงได้ยินเสียงแหลมกรีดร้องเท่านั้นฉับพลันนั้นเองก็มีคนถูกสะบัดตกลงจากหลังม้า...ตั้งแต่ตอนที่กุ้ยเฟยพบว่าม้าผิดปกติจนถึงตอนที่ร่วงตกลงจากม้าใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นนางไม่มีทางควบคุมม้าทันได้เลยชั่วพริบตาที่ร่วงลงไป นางหวาดกลัวอย่างยิ่งข้างล่างล้วนเป็นหินแหลมคมทั้งนั้น ใบหน้าของนาง!นางพยายามปกป้องใบหน้าของตัวเองอย่างสุดชีวิต ทว่าหลังจากผ่านการกลิ้งพลิกไปมาอย่างรุนแรงหลายตลบ ใบหน้าของนางก็หลบไม่พ้นจนถูกกรีดเป็นแผลใหญ่!นอกจากนี้แขนข้างซ้ายยังส่งเสียง’กร๊อบ’ ดูเหมือนว่ากระดูกของนางจะหักแล้ว...“อ๊า” กุ้ยเฟยเจ็บปวดจนตะโกนออกมาเสียงดังใบหน้าของนาง แขนของนางทำไมกัน!ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!คนที่ล้มควรจะเป็นนางสนมเจีย ใยรวมไปถึงนางก็...เจ็บปวดมาก...ใครกันที่ทำร้ายนาง!บนร่างของนางมีกลิ่นดอกฟรีเซียเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแท้ ๆ ทำไมม้าของนางจึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 75

    ตูม!ศีรษะของกุ้ยเฟยราวกับระเบิดในคราเดียวไม่ใช้หมาฝู่ส่าน? เย็บแผลสด?ไอ้หมอไร้ฝีมือนี่คิดจะทำให้นางเจ็บจนตายหรืออย่างไร!ยังมียาจู้หุนส่านนั่นอีก มันคืออะไรกัน!ยารักษาอาการปวดหัว...หรือจะเป็นเฟิ่งเวยเฉียง!ใช่ เป็นเฟิ่งเวยเฉียงที่ทำร้ายนาง!หมอหลวงคุกเข่าที่พื้นแล้วทูลฮ่องเต้ว่า“ฝ่าบาท หากยังไม่เย็บแผล กุ้ยเฟยจะเสียเลือดมากเกินไป ถึงเวลานั้นจะอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วแน่น สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของกุ้ยเฟย“เย็บ!”“ไม่นะ! ฝ่าบาทเพคะ...” กุ้ยเฟยน้ำตาไหลรินจนผสมรวมกับเลือดนางต่อต้านโดยสัญชาตญาณหมอหลวงชราผู้ควบคุมดูแลการรักษาออกคำสั่ง “จับพระสนมเอาไว้ อย่าให้พระสนมขยับไปมา!”เมื่อเห็นหมอหลวงถือเข็มและด้ายเข้าใกล้ กุ้ยเฟยจึงกรีดร้อง“อย่าเข้ามานะ! อ๊า”ทันใดนั้นในกระโจมก็มีแต่เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังลั่นคนภายนอกที่ได้ยินล้วนรู้สึกขนพองสยองเกล้าเสียงนี้ดังกึกก้องออกไปไกลมากไทเฮาที่ทรงเป็นห่วงว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ จึงทรงประทับอยู่กับเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นี่พอดี พอได้ยินเสียงร้องอย่างน่าเวทนาของกุ้ยเฟย ในพระทัยพลันรู้สึกสบายอารม

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status