แชร์

บทที่ 639

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ไฉ่เยว่รู้สึกกังวลใจ

“คุณหนูตกลงรับรักของท่านหมอซ่งแล้ว เดิมนี่เป็นเรื่องดี ทว่าบ่าวกังวลว่า ตระกูลซ่ง...ตระกูลซ่งจะไม่ยอมรับคุณหนู ถึงเวลานั้นอาจจะดีใจเก้อ คนที่เสียใจก็จะเป็นคุณหนู

“คุณหนูจิ่วเหยียน ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ”

ไฉ่เยว่จะคิดถึงคุณหนูในทุกเรื่อง เช่นเดียวกับคนในครอบครัวเดียวกัน จึงไม่แปลกที่จะมองการณ์ไกลบ้าง

ครั้งก่อนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาที่ชายแดนเหนือ ก็รู้ความรู้สึกของซ่งหลีที่มีต่อเวยเฉียง

ในตอนนั้นนางก็เคยเตือนซ่งหลี ให้ทำความเข้าใจกับผู้อาวุโสของตระกูลซ่งก่อน จากนั้นค่อยมาสานสัมพันธ์กับเวยเฉียง

อีกอย่างในตอนนั้น นางมิรู้ด้วยซ้ำว่าเวยเฉียงรู้สึกอย่างไรกับซ่งหลี

ในขณะนี้ ความคืบหน้าของเรื่องนี้ได้เกินกว่าที่นางคาดหมายไว้

นางจึงรีบไปพบซ่งหลีทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามของนาง ซ่งหลีก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

“ข้าตัดสินใจแล้วว่า จะแต่งงานกับเวยเฉียงเท่านั้น

“ข้าได้เขียนจดหมายถึงผู้อาวุโสในครอบครัวก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็มิได้คัดค้าน”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ทว่ากลับข่มกลั้นบางอย่างไว้

“เจ้าบอกความจริงหรือไม่ พวกเขารู้หรือไม่ว่าเวยเฉียง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sakon Jindanin
สงสารอู่ไป๋ ถูกลืมมมม เฉยๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 640

    “จิ่วเหยียน?” ฮูหยินเมิ่งลองเอ่ยถาม“เจ้าค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เดิมคิดว่าจะได้คลายความกลัดกลุ้ม จึงออกจากเซียวเหยาจวีมาที่จวนแม่ทัพโดยมิรู้ตัวฮูหยินเมิ่งจุดตะเกียง เมื่อมองเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้ว่านางต้องพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเรื่องของเวยเฉียงกับซ่งหลี พร้อมกับถามว่า: “ข้ายื่นมือเข้าไปยุ่งมากเกินไปหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งกุมมือของนาง และเอ่ยโน้มน้าว“หากพวกเขารักกัน ต่อให้เจ้าใช้ทุกวิถีทาง ก็แยกพวกเขาออกจากกันไม่ได้ ซ่งหลีข้าเคยพบแล้ว นับว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง“เวยเฉียงอยู่กับเขา จะไม่มีทางลำบาก“ข้ากลับเป็นห่วงเจ้ามากกว่า”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์หญิงถึงเป็นห่วงตนฮูหยินเมิ่งตบหลังมือของนางเบา ๆ “เจ้ามักจะคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย การทำศึกสำหรับเจ้ามิใช่เรื่องยาก สิ่งที่เจ้าผ่านได้ยากที่สุด คือด่านความรัก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปาก“อาจารย์หญิง บอกท่านตามตรง ตอนนี้ข้ากำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่จริง ๆ”แววตาของฮูหยินเมิ่งเผยให้เห็นความสงสัยในทันทีหลังจากต้วนไหวซวี่ตายแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 641

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันมองไปยังฮูหยินผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งที่กำลังเดินลงบันไดมาใบหน้าของฮูหยินนั้นดูซีดเซียวเล็กน้อย คงเป็นเพราะว่าเร่งเดินทางมานานหลายวัน เมื่อเห็นมีคนยืนอยู่ด้านหน้าเซียวเหยาจวีนั้น นางจึงเหลือบตามองครู่หนึ่ง พลางเผยท่าทีผู้สูงศักดิ์ออกมา “บุตรชายของข้า ซ่งหลีอยู่ที่ใด”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรับรู้ได้ในทันทีว่า คนผู้นี้คือมารดาของซ่งหลีอย่างแน่นอน ใบหน้ามีความคล้ายคลึงเจือไปด้วยความฉลาดเฉลียว ใบหน้าเรียวเล็ก ดูผอมบาง หากแต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลับเจือไปด้วยความดุดันเข้มงวด ราวกับอาจารย์ที่ใบหน้ามิค่อยยิ้มแย้ม ในมือพลันถือไม้เรียวเอาไว้ภายในเซียวเหยาจวีนั้นด้านหน้าห้องโถงถึงแม้ว่าแม่ซ่งจักเป็นแขก ทว่า เนื่องด้วยนางมีสถานะเป็นผู้อาวุโสจึงได้รับเกียรติให้นั่งหัวโต๊ะในทันทีซ่งหลีจับมือเฟิ่งเวยเฉียงเอาไว้ พลางแสดงความเคารพต่อแม่ซ่งพร้อมกันฮูหยินซ่งมิได้เหลือบตามองดูพวกเขาแม้แต่น้อย นางพลันหลุบสายตาลงเพื่อก้มหน้าดื่มชาด้วยท่าทีสำรวมบรรยากาศภายในห้องพลันตกสู่ความเงียบงันไปในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ด้วยนั้น ดวงตาของนางพลางทอประกายความเย็นชาออกมาแม่ซ่งผู้นี้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 642

    ท้ายที่สุดซ่งหลีก็ต้องจากไปทว่า การจากไปในครานี้หาใช่เป็นการล้มเลิกไม่ แต่เป็นการกลับไปที่ตระกูลซ่งเพื่อเกลี้ยกล่อมและโน้มน้าวบิดามารดาของตน ยามที่ต้องแยกจากกันนั้น เขายังเอ่ยกำชับกับไฉเยว่อีกด้วยว่าต้องให้เวยเฉียงกินยาทุกวัน ก่อนจะหันไปกล่าวกับเวยเฉียงด้วยความรักใคร่อันสุดซึ้งว่า“รอข้า ข้าจักต้องกลับมารับเจ้าอย่างแน่นอน”“อื้ม” เฟิ่งเวยเฉียงพลันหันหน้าหนี เพื่อเก็บซ่อนหยาดน้ำตาของตนเองเอาไว้ซ่งหลีจึงหันไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียนก่อนจะโค้งกายคำนับ “ได้โปรดดูแลเวยเฉียงด้วย”เฟิงจิ่วเหยียนจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“น้องสาวของข้า ข้าย่อมต้องดูแลนางเป็นอย่างดี ซ่งหลี หากเจ้ามิอาจแก้ปัญหาได้แล้วละก็ เขียนจดหมายส่งกลับมาเสีย อย่าได้ปล่อยให้เวยเฉียงรอเจ้าไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกข้าหาได้ถือโทษโกรธเคืองเจ้าไม่”ซ่งหลีโค้งกายคำนับอีกครั้ง “ข้าจะกลับมา”สุดท้าย ซ่งหลีมองไปที่เฟิ่งเวยเฉียงอย่างไม่เต็มใจจาก พลางเดินขึ้นรถม้าไปหลังจากที่ซ่งหลีจากไปนั้น เฟิ่งเวยเฉียงก็อดไม่ได้พลันร่ำไห้ออกมา“ท่านพี่...เขา เขาจะกลับมาจริง ๆ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโอบกอดนางเบา ๆ “ต้องมา”ยามที่เอ่ยออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 643

    ไทฮองไทเฮามิคิดเลยว่า ฝ่าบาทจะละทิ้งนางสนมเป็นพันในวังหลังเพื่อไปชมชอบบุรุษผู้หนึ่ง!พระนางรีบหันไปถามหรงเฟยในทันที: “บุรุษผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน!”ในเวลาเดียวกัน สายตาของพระนางพลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันแผ่กระจายออกมาหรงเฟยพลางกล่าวออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ “เขาเป็นคนของยุทธภพเพคะ มีนามว่า ‘ซูฮ่วน’ ฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งหลายคราเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้”เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของไทฮองไทเฮานั้น หรงเฟยก็เอ่ยเรื่องบางอย่างที่ทำให้พระนางมิอาจทนได้อีกออกมา “ซูฮ่วนผู้นั้น นับว่ามีความสามารถมากที่เดียว กระทั่งเคยลอบเข้ามาในวังหลวงในยามกลางคืน คืนนั้น ตำหนักจื้อเฉิน... ยังเรียกน้ำ”เพียงพริบตาเดียว ไทฮองไทเฮาพลันมีท่าทีหัวร้อนออกมาในทันที“เหลวไหล! เขา... เขากลายเป็นคนเหลวไหลขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!”เช่นนี้ นางจะไปมีหน้าอธิบายเรื่องนี้ให้กับบรรพบุรุษตระกูลเซียวฟังได้อย่างไร!นางแทบจะอยากจะตกตายไปให้รู้แล้วรู้รอดหรงเฟยเอ่ยเตือนออกมาด้วยความหวังดี: “เสด็จย่าเพคะ พระองค์มิควรไปเอยถามเรื่องนี้ตามตรงกับฝ่าบาทนะเพคะ ฝ่าบาทย่อมมิทางยอมรับออกมาอย่างแน่นอน”ดวงตาของไทฮองไท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 644

    นายท่านเฟิ่งถูกทุบตีเสียจนมึนงงไปหมด เขามิอยากจะเชื่อเลยว่า สตรีที่กำลังคุ้มคลั่งอยู่ตรงหน้าจนอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ นั้น คือฮูหยินเอกที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทที่อ่อนโยน แม้แต่วาจายังกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวลของเขา“เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน!” มีคนนอกอยู่ด้วยเช่นนี้ นายท่านเฟิ่งนึกไม่พอใจยิ่งนักอู๋ไป๋ที่เห็นเรื่องสนุกอยู่ตรงหน้านั้น เขาหาได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใดไม่ พลันรู้สึกว่าตบหน้าแค่ครั้งเดียวของฮูหยินเฟิ่งนั้นยังไม่เพียงพอ เกรงว่าน่าจะต้องออกแรงอีกสักสองสามทีถึงจะถูกฮูหยินเฟิ่งกรุ่นโกรธจนสุดขีด ทั้งยังรู้สึกเศร้าเสียใจเกินกว่าจะพรรณนานานางนั่งอยู่บนเก้าอี้คล้ายกับจะหายใจไม่ออก ในหัวสมองเต็มไปด้วยบุตรสาวของนางเวยเฉียงนางแค่อยากจะพบเวยเฉียงให้ไวที่สุดเท่านั้นนายท่านเฟิ่งขยำจดหมาย พลางเอ่ยถามกับอู๋ไป๋ว่า“บุตรหัวดื้อทั้งสองของข้าอยู่ที่ใด!”เขาจะไปจับพวกนางมาตัดขาเสีย!เช้าวันรุ่งขึ้น นายท่านเฟิ่งพลันลางานเนื่องจากอาการป่วยเดิมทีเขาก็เป็นคนที่ว่างงาน หาใช่คนสำคัญอันใดไม่ หากราชสำนักไร้เขาไปก็มิได้เกิดความวุ่นวายอันใดขึ้นทว่า บุตรีหัวดื้อของเขาทั้งสองคนนั้น... เมื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 645

    วันรุ่งขึ้น เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนไปจวนท่านแม่ทัพเพื่อเยี่ยมเยียนอาจารย์หญิงนั้นยามที่กำลังพูดคุยกันอยู่ จางฉี่หยางพลันเดินเข้ามา“ฮูหยินขอรับ ท่านแม่ทัพสั่งให้มาเอาของบางอย่าง...”ยังมิทันพูดจบ เขาพลันเห็นซูฮ่วนนั่งอยู่ข้าง ๆ ฮูหยินเมิ่งในทันทีเขารู้สึกดีใจยิ่งนัก“อาจารย์! ท่านมาหาข้างั้นหรือ!”จางฉี่หยางสูงกว่าในความทรงจำของนาง ทั้งยังกำยำ ผิวคล้ำขึ้นอีกคล้ำยิ่งกว่าตงฟางซื่อเสียด้วยเมื่อศิษย์อาจารย์ได้พบหน้ากันนั้น เดิมทีจักต้องได้พบหน้ากินข้าวด้วยกันเสียหน่อย ทว่า จางฉี่หยางมาตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ เขาจึงมิอาจรั้งอยู่นานได้“อาจารย์ รอข้าก่อน! ข้าหมักสุราดีเอาไว้ให้ท่านแล้ว! วันพรุ่งนี้ข้าจักมาหาท่าน! อาจารย์ ท่านต้องรอข้านะ!”เมื่อจางฉี่หยางจากไปนั้น เขาก้าวไปข้างหน้าแต่ยังมิวายหันหลังกลับมามองถึงสามหน เกรงว่าอาจารย์ของตนจะหนีหายไปฮูหยินเมิ่งได้แต่แย้มยิ้มกล่าวออกมาว่า“เจ้าเด็กนี่เหมือนกับเจ้ามาก ล้วนแต่บ้าการออกรบจนไม่คิดถึงชีวิตของตนเองเช่นเจ้า”ทันใดนั้น นางจึงเอ่ยต่อจากคำพูดก่อนหน้านี้ เพื่อกล่าวเตือนเฟิ่งจิ่วเหยียนขึ้นมาว่า“เวลาเพียงแค่สามเดือนนั้น ผ่านไปอย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 646

    สิ่งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนเขียนภายในจดหมายนั้น เป็นเพียงการเล่าสถานการณ์คร่าว ๆ เท่านั้น ในยามนี้จึงได้โอกาสเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ให้กับฮูหยินเฟิ่งได้ฟังเสียทีหลังจากนั้น ทั้งสามแม่ลูกก็พากันหารือว่าควรจะจัดการกับความสัมพันธ์ของตระกูลซ่งอย่างไรเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงแนะนำออกไปว่า: “สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้คือการเปิดเผยเรื่องรางให้ทั้งสองฝั่งได้ทราบ หากพวกท่านมิมีความเห็นอันใดละก็ ข้าจักได้จัดเตรียมรถม้าไปหาตระกูลซ่งที่จางโจวเลย เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของฝั่งพวกเรา”ฮูหยินเฟิ่งพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า“เจ้าพูดถูก พวกเราต้องไปหาตระกูลซ่ง”“แล้วท่านพ่อ...” เวยเฉียงเอ่ยเสียงเบาถึงคนที่ถูกละเลยออกมาใบหน้าของฮูหยินเฟิ่งดูไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เขาทำนั้น นางอยากจะบีบคอเขาให้ตายเสียด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเป็นคนกล่าวออกมาว่า: “ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อเอง”ห้องข้าง ๆ นายท่านเฟิ่งร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางเอ่ยถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“แทนที่จะให้ตระกูลซ่งมาหาพวกเราแทน เหตุใดพวกเราต้องไปจางโจวด้วย? ข้าไม่ไป! บุตรสาวของข้ายังต้องกังวลด้วยหรือว่าจะแต่งออกไปไม่ได้? ในเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 647

    พ่อซ่งแม่ซ่งต่างก็หันมามองดูเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นตาเดียว อดีตฮองเฮาผู้นี้เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีอย่างจริงจัง“ข้าได้ยินมาว่าท่านหมอซ่งกำลงได้วิจัยยาปกป้องทารกในครรภ์ ซึ่งสามารถรักษาอาการของทารกในครรภ์ได้ เช่นนี้ทั้งสองท่านก็สามารถให้กำเนิดทายาทอีกคนขึ้นมาได้แล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เอ่ยออกมานั้น ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึงพูดไม่ออกไปในทันทีใบหน้าของแม่ซ่งพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจะซีดเผือดออกมานายท่านเฟิ่งพลางหันมาเอ่ยดุในทันที: “เรื่องของบุตรีในตระกูล เจ้ายังไปยุ่งเรื่องของทายาทบ้านอื่นอีก? รีบไปเดี๋ยวนี้!”แม่ซ่งพลางหันไปมองสามีของตนเองด้วยความลังเลใจที่จะพูดทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนนางมิยอมสู้กับสิ่งที่ตนเองมิได้เตรียมพร้อมมาก่อนหรอกก่อนที่จะมาตระกูลซ่งนั้น นางขอให้อู๋ไป๋ไปสืบเรื่องนี้มาพ่อซ่งหาได้มีงานอดิเรกใด ๆ ไม่ เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการแพทย์ อีกทั้งเขายังชอบขลุกอยู่ในโรงหมอของตนเองอีกต่างหาก ทั้งยังละเลยฮูหยินและบุตรชายของตนเองเป็นเวลาหลายปีเขากลับจวนมานับครั้งได้ มิต้องเอ่ยถึงการร่วมหอเลยเนื่องจากความไม่สมดุลของหยินหยาง หลายปีที่ผ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 872

    ด้วยฐานะเป็นฮ่องเต้ เซียวอวี้ให้ความสำคัญกับภาพรวมตรงหน้าเป็นหลักแคว้นหนานฉีจะต้องชนะ และต้องรับประกันว่าจะขับไล่ศัตรูออกไปได้ในเมื่อ ‘ใยแมงมุม’ นั่นเป็นอาวุธขับไล่ศัตรู ก็ใช้มันฆ่าศัตรูไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกันเฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช้เลย“กลไกเส้นทางลับของ‘ใยแมงมุม’นั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถใช้ในการขนส่งเสบียงได้ แม้กระทั่งใช้กับการเคลื่อนพลทหารเพื่อดักซุ่มก็ยังได้ ลดความยุ่งยากไปได้มาก“ทว่ากลไกสังหารคนจำนวนมากข้างในนั่น ถึงจะเป็นหัวใจหลักของวิชากลไกตระกูลถานไถ“ใช้มันสังหารศัตรู ย่อมเป็นชัยชนะที่น่าละอาย”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย“เพื่อที่จะชนะแล้ว ถึงจะเป็นชัยชนะที่น่าละอายแล้วอย่างไร? จิ่วเหยียน ภายใต้สถานการณ์ที่ทุกทิศมีกองทัพเข้าใกล้เมืองเช่นนี้ เจ้าไม่อาจทำตัวเป็นคนดีได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ลังเลแม้แต่น้อยนางเน้นย้ำอย่างจริงจัง“ฝ่าบาท ท่านยังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าบอก“ที่ข้าอยากบอกก็คือ ‘ใยแมงมุม’ สามารถเป็น ‘ใยแมงมุม’ ได้ ทว่าไม่อาจเป็น ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถได้”เซียวอวี้เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจดีนักเพียงครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจโดยพลัน“เจ้าค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 871

    ถานไถเหยี่ยนโมโหนี่เป็นเพราะเมื่อครู่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดว่า จะถือว่า ‘ใยแมงมุม’ เป็นของตระกูลตงฟางเขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปชั่วครู่ แล้วกลับมามีสติอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่อึดใจ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับได้รับความอัปยศอดสู“ท่านไม่เชื่อข้าก็ช่างเถิด ทว่าเหตุใดต้องทำให้ข้าอับอาย ทำให้ตระกูลถานไถอับอายขายหน้าเช่นนี้ด้วย!“ตอนนั้นเพื่อที่จะสืบเรื่องมนุษย์โอสถ ข้าจึงถูกทรมาน“จากนั้นก็พเนจรไปอยู่ที่แคว้นตงซาน ถูกคนควบคุม...ข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทุกวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาแคว้นหนานฉีได้ ข้าเพียงอยากทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อชดใช้ความผิด และได้รับความเชื่อใจจากเจ้าอีกครั้ง”“ข้าแค่อยากย้อนกลับไปในอดีตที่พวกเรายังเป็นสหายที่ดีต่อกัน รู้ใจกัน“ทว่าดูจากยามนี้แล้ว นี่คงเป็นข้าคิดไปเองผู้เดียว“ด้วยฐานะคนรุ่นหลังของตระกูลถานไถจะทนได้อย่างไร? ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสียเถิด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังเขาตัดพ้อด้วยสีหน้านิ่งเฉยตั้งแต่ตอนแรกที่เขาแทงนางดาบหนึ่ง นางก็ยากที่จะเชื่อใจเขาอีกครั้งแล้วไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน นางก็ไม่เชื่อเขาแล้ว“ถานไถเหยี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 870

    เที่ยงคืนสถานที่พักแรมของถานไถเหยี่ยน เหล่าทหารปิดล้อมข้างนอกข้างในสามชั้น หนาแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ภายในห้องอักษรเทียนข้ารับใช้เร่งเร้าถานไถเหยี่ยน“นายท่าน รีบไปเถอะขอรับ!”ข้างในห้องไม่มีไฟ ถานไถเหยี่ยนนั่งอยู่ในความมืด แต่งกายเรียบร้อย ราวกับรอวันนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเขายืดหลังตรง นิ้วเรียวยาวขาวเย็นเปิดสมุดภาพบนโต๊ะแผ่นแล้วแผ่นเล่า เคลื่อนไหวอยู่อย่างเชื่องช้า“นายท่าน!” ข้ารับใช้ได้ยินเสียงทหารกำลังขึ้นบันไดมา ก็ยิ่งร้อนใจน้ำเสียงถานไถเหยี่ยนเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน“หนีไม่พ้นหรอก”เขาได้ยิน คนที่มาคืนนี้ มีจำนวนมากมายถึงแม้ว่าสามารถหนีออกจากสถานที่พักแรมนี้ได้ ข้างนอกก็ยังมียอดฝีมืออีกมากมายปัง!บานประตูห้องถูกคนพังอย่างป่าเถื่อนแสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามา สาดสายตาถานไถเหยี่ยนอย่างแหลมคมเขากับเฟิ่งจิ่วเหยียน ถือได้ว่ารู้ใจกันความจริง วันนี้ตอนที่เจอนางในเมืองอาน เขาก็เดารู้แล้วว่านางคิดจะทำอะไรทหารผู้นำตะโกนขึ้นมา “จับกุมตัวถานไถเหยี่ยน!”ถานไถเหยี่ยนไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใดเขาลุกขึ้นมาด้วยตนเอง“ไม่ทราบว่าข้ากระทำผิดโทษฐานใด?”เหล่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 869

    สงครามชายแดนเริ่มแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไปทำราชกิจที่เมืองอานเพิ่งออกจากเมือง ก็ถูกนายท่านเฟิ่งไล่ตามมาทันสีหน้านายท่านเฟิ่งราวกับไว้ทุกข์ให้กับลูก คว้าจับแขนของนาง ไม่ยอมให้นางไป“ฮองเฮา! ตอนนี้เจ้าเป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะไปที่ใด!”เขาเน้นย้ำสถานะของนาง ให้นางมีสติ...นางไม่ใช่แม่ทัพน้อยเมิ่งของค่ายเป่ยต้าอีกต่อไปแล้วต่อให้ทำศึก ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางไปสนามรบต่อสู้ศัตรูยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และข้างในท้องอาจจะเป็นโอรส เป็นรัชทายาทในอนาคต!สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้ คือปกป้องเด็กคนนี้ไว้นอกเมืองไม่มีใครอื่น เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีราชกิจที่จะต้องไปทำ น้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา“ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทหาร ส่งใต้เท้าเฟิ่งกลับจวน”“ขอรับ!”ข้างกายนางมีองครักษ์ติดตามนับสิบคน ล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินคิดอยากพาตัวคนไม่มีวรยุทธอย่างนายท่านเฟิ่งไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยนายท่านเฟิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ“เจ้าจักเอาแต่ใจเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! เด็กคนนี้เป็นความหวังตระกูลเฟิ่ง!”กองทัพอินทรีเหินรีบปิดปากของเขา พร้อมหิ้วตัวเขาไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หันกลับมามอง กลับขึ้นไปบนรถม้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 868

    คนสนิทของแคว้นประมุขซีหนี่ว์แบ่งออกเป็นสองพรรค พรรคแรกคือแม่ทัพป้องกันเมืองหูย่วนเอ๋อร์เป็นผู้นำ คอยปกป้องประมุขแคว้น ให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของประมุขแคว้นรวมถึงครั้งนี้ที่ต่อหน้าโจมตีแคว้นหนานฉี ความจริงนั้นเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีขุนพลอื่นหลายคนกลับมีความคิดอื่นพวกนางคิดว่า แคว้นซีหนี่ว์ไม่ควรให้การสนับสนุนแคว้นหนานฉี“ประมุขแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านควรปรึกษาพวกกระหม่อมตั้งแต่แรก! ค่อยทำการตัดสินใจ! เห็นได้ชัดว่าแคว้นหนานฉียากที่จะเอาตัวรอด แคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นที่จะถูกลากลงน้ำไปด้วย!”“ท่านประมุขแคว้น ขอท่านทรงเปลี่ยนกลยุทธ์แสร้งโจมตี กลับมาร่วมมือกับแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉีเถอะ!”“ท่านประมุขแคว้น สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจน โอกาสที่แคว้นหนานฉีจะชนะนั้นมีน้อยมาก อาศัยเพียงกำลังแคว้นเดียว ไม่มีทางเอาชนะกองกำลังทหารสิบกว่าแคว้นได้ เป็นพันธมิตรกับเป่ยเยี่ยนจะดีกว่า!”ไม่ว่าพวกนางจะโน้มน้าวยังไง ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงยืนหยัดความคิดตนเองนางนั่งบนเก้าอี้สูงศักดิ์ สีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงไม่ให้ได้ขัดขืน“เราจะคอยดู แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 867

    แต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉี ภัยพิบัติครั้งนี้ รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เซียวอวี้เพิ่งครองราชย์ หลายแคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นหนานฉีเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันต่อให้มีการเตรียมการปกป้องแล้ว ทว่า วันนี้ก็มาถึงเร็วเกินไปเซียวอวี้สมกับที่เป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน ศัตรูมาขวางหน้า ไม่มีความกระสับกระส่ายแม้เพียงนิดเขามีรับสั่งอย่างสุขุมใจเย็น“เฝ้าปกป้องสี่ชายแดนอย่างเข้มงวด เตรียมเสบียงอาหาร เตรียมปืนหอกไฟ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ยามนี้ ชายแดนแคว้นหนานฉี กองทัพแต่ละแคว้นรวมตัวกันชายแดนเหนือมีเป่ยเยี่ยน ตลอดจนสามแคว้นเล็กที่อยู่ภายใต้เป่ยเยี่ยนชายแดนตะวันออกมีแคว้นต้าเซี่ยเป็นผู้นำรวบรวมกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นชายแดนใต้ ทหารพันธมิตรที่เมื่อไม่นานถูกโจมตีล่าถอยหวนกลับมา ยังมีแคว้นหนานชางที่พักฟื้นมาหลายปี มีทหารม้าเป็นจำนวนมากรวมอยู่ด้วยชายแดนตะวันตกก็มีสองแคว้นเล็ก รวบรวมกำลังทหาร ทั้งหมดสามหมื่น ยังมีกองทัพหกหมื่นนายของแคว้นซีหนี่ว์ติดตามอยู่ข้างหลังพวกเขาเคลื่อนทัพมายังสี่ชายแดนแคว้นหนานฉี ทำการโอบล้อม มากันอย่างดุเดือดเหล่าทหารที่เฝ้าปกป้องชายแดน ไม่เคยเห็นเช่นนี้แคว้นใหญ่เล็กนับรวมก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 866

    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามอาภรณ์อัปลักษณ์ในตำหนักจื้อเฉิน ถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนโยนทิ้งไปทั้งหมดต่อให้เป็นเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ยากที่จะสงบสตรีปกติคนไหนสามารถรับได้ ผู้ชายของตนเองแต่งตัวราวกับหนุ่มน้อยยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงจักรพรรดิตอนที่นางโยนเสื้อผ้า จักรพรรดิหนุ่มก็ตามอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรผิด จนทำอะไรไม่ถูก“จิ่วเหยียน ชุดนี้ดีอยู่นะ...”“ฮองเฮา มิต้องโยนแล้ว ตัวนี้เราชอบมาก”“ตัวนี้โยนไม่ได้ เจ้าเคยพูดว่า ชอบดูเราสวมใส่...”แต่แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ที่ควรทิ้งก็ยังคงทิ้งเฟิ่งจิ่วเหยียนโกรธมาก ถอดที่เขาสวมใส่อยู่ออกมาด้วยตนเองต่อให้เป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังคงไม่สามารถระงับความโกรธได้นางเดินมาถึงด้านนอกตำหนัก กวาดสายตามอง แส้สีแดงในมือหลิวซื่อเหลียงหลิวซื่อเหลียง: แววตาของฮองเฮา น่ากลัวมาก...เฟิ่งจิ่วเหยียนแย่งเอาแส้นั้นมา“หัวมงกุฎท้ายมังกร! ข้าไม่เคยเห็นแส้สีแดง! อันนี้ก็เผาไปเสีย! !”หลิวซื่อเหลียงคุกเข่าลง “ตุบ” ปากตะโกนว่า“ฮองเฮา เผามิได้พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทตรัสว่า นี่เป็นสิริมงคล...”ในใจกลับคิดว่า: เผาได้ดี! ฮองเฮาต่างหากที่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 865

    ภายใต้สายตาเร่าร้อนของเซียวอวี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกล่องผ้าแพรข้างในมีมีดทองเล่มหนึ่ง ยังมีจดหมายลายพระหัตถ์ของประมุขแคว้นซีหนี่ว์หนึ่งฉบับเซียวอวี้ยังไม่ดูจดหมาย เมื่อเห็นมีดทองเล่มนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมีดทองเป็นสิ่งของมีเฉพาะราชวงศ์แคว้นซีหนี่ว์ ใช้สำหรับมอบให้ผู้มีพระคุณ คนรู้ใจ และใช้เป็นสินสอดสู่ขอนี่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์หมายความว่าอย่างไร!เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ความจริงลูกตาเอียงไปด้านข้าง จ้องมองทางด้านเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดจดหมาย เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เก็บพับไว้ครั้นเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสายตาไม่พอใจของเซียวอวี้“ท่านอยากดู?”เซียวอวี้นั่งตัวตรง: “ก็ไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ความคิดในใจเขาเป็นอย่างดี จึงอธิบาย“ประมุขแคว้นมอบมีดทอง เพื่อขอบคุณที่หม่อมฉันช่วยสงบศึกวุ่นวายภายใน”สีหน้าเซียวอวี้ทำเป็นไม่ใส่ใจ“เรารู้“เจ้าเป็นฮองเฮาของเรา ยังเป็นสตรี ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มอบมีดทอง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสินสอด เรามีอันใดต้องคิดมาก”เฉินจี๋ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นมา“ฝ่าบาท ท่าทีกระหม่อมทราบ ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ท่านนั้นชอบทั้งชายและ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 864

    เทียนยาวลุกไหม้ตลอดคืน ในตำหนักหย่งเหอเต็มไปด้วยความรักไร้การหลับไหลทั้งคืนวันรุ่งขึ้น ครั้นเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา มองไปที่คนยังนอนหนุนแขนตนเอง ด้วยสีหน้าอิ่มเอม ก้มศีรษะจูบแก้มนาง แล้วก็ปัดไรผมบนหน้าผากนางที่ยุ่งเหยิง จับจ้องนางอย่างรักใคร่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยครึ่งค่อนคืน ดึกมากแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนค่อยนอนหลับไม่ง่ายที่จะได้ผ่อนคลาย วันนี้นางนอนจนตะวันโด่งฟ้าหว่านชิวเดินเข้ามาในตำหนัก ยกน้ำร้อนมาคอยปรนนิบัติฮองเฮาล้างหน้าแต่งตัว“ฮองเฮา หมอหลวงเจิ้งขอเข้าเฝ้าเพคะ รออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า นวดเอวที่ปวดเมื่อยเวลาผ่านไปสองเค่อ หมอหลวงเจิ้งถูกพาเข้ามาเขาถวายความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งบนตำแหน่งประมุข น้ำเสียงอ่อนโยน“หมอหลวงเจิ้งมาหาข้าอย่างรีบเร่ง มีเรื่องสำคัญอันใด?”“กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งจริง วันนี้ได้กราบทูลรายงานฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทยุ่งกับงานราชกิจ จึงให้กระหม่อมมายังตำหนักหย่งเหอ กราบทูลรายงานฮองเฮาโดยตรงอีกครั้ง” หมอหลวงเจิ้งอายุมากแล้ว เส้นผมเป็นสีขาวหมดแล้วทว่าทั่วทั้งสำนักหมอหลวง ด้านทักษะทางการแพทย์ ไม่มีผู้ใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status