แชร์

บทที่ 61

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
กุ้ยเฟยมีท่วงท่าสง่างามเด็ดเดี่ยว แตกต่างจากท่าทางอ่อนแอตอนที่อยู่กับฮ่องเต้ ยามอยู่ต่อหน้าฮองเฮา แววตาก็แฝงไปด้วยแววยั่วยุ่

“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่หม่อมฉันมาสาย

“เป็นเพราะฝ่าบาทเป็นห่วงหม่อมฉัน จึงกำชับอยู่นาน กว่าจะยอมปล่อยหม่อมฉันมา”

สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา ไร้แววไหวหวั่น

“ฝากทูลฝ่าบาทด้วย เขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลกุ้ยเฟยเป็นอย่างดี”

นางย้ำคำว่า “ดูแล” เสียงหนัก

แต่กุ้ยเฟยหาได้กลัวไม่ ซ้ำยังป้องปากหัวเราะ เสียงใสดั่งกระดิ่งเงิน

“คงไม่ใช่ว่าฮองเฮาลืมไปแล้วหรอกกระมัง? เมื่อเช้าฝ่าบาทยังตรัสอยู่เลย ว่าท่านต้องใช้คุณธรรมชนะใจคน ไม่ควรเอะอะอะไรก็จะลงโทษคนอื่นอยู่นั่น”

ต่อมา  นางก็เดินเฉียดผ่านไป นั่งลงในกระโจมที่พัก รอบด้านมีแต่คนเข้ามาปรนนิบัติรับใช้นาง

เหล่านางสนมเห็นการกระทำของกุ้ยเฟย นางทำเช่นไร พวกนางเองก็ทำเช่นนั้น

ฮองเฮาแค่ให้พวกนางมาฝึกที่สนามม้าหลวง ไม่ได้บอกว่าพวกนางต้องฝึกไปถึงขั้นไหนเสียหน่อย

ดังนั้นแต่ละคนจึงเริ่มแอบอู้

เหลียนซวงเห็นแบบนั้นก็โมโหอย่างมาก

“พระนาง พวกนางไม่เหมือนมาขี่ม้าเลย มีแต่แอบอู้ทั้งนั้น!”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา มอง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (10)
goodnovel comment avatar
Natcha Kunavut
อยากจะได้อ่าน แบบติดต่อกัน
goodnovel comment avatar
สุบิน สาริกา
สนุกดีน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
หนิง หนิง เพ็ญสุภัค
อ่านมาจนถึงตินที่62แล้วยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยตัดสินใจจะถอนการติดตั้งแอพแล้วค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 62

    ฝั่งตะวันออกของสนามม้าหลวง ฮ่องเต้และรุ่ยอ๋องยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับเพิ่งมาถึงเมื่อครู่เสียนเฟยรีบเตือนให้นางสนมเจียเข้าไปทำความเคารพเมื่อทั้งสองคนเดินมาหยุดตรงหน้าฮ่องเต้ น้ำเสียงก็เบาหวิวดุจเมฆ “ถวายบังคมฝ่าบาท”รุ่ยอ๋องเองก็โค้งคำนับให้ทั้งสองคน “กระหม่อมขอคารวะพระนางทั้งสอง”นัยน์ตาของเขามักจะแฝงไปด้วยแววอบอุ่นเจือรอยยิ้ม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยดีเซียวอวี้ละสายตาจากทิศทางที่ฮองเฮาขี่ม้าออกไป ทอดมองมายังทั้งสองคน“ไม่ต้องพิธีรีตองมาก”เสียนเฟยถอยไปอยู่หลังเขาอย่างสงบเสงี่ยมส่วนนางสนมเจียรีบคว้าโอกาสที่นาน ๆ ทีจะมีครั้งไว้อย่างตื่นเต้น“ฝ่าบาท ท่านเสด็จมาขี่ม้าหรือเพคะ?”เซียวอวี้ไม่ตอบนาง แต่เดินผ่านนางไปรุ่ยอ๋องรีบเดินตามไปทันที“พระนางทั้งสองผู้หนึ่งอ่อนหวานเรียบร้อย ผู้หนึ่งสดใสร่าเริง ฝ่าบาทช่างโชคดีเหลือเกิน”คิ้วของเซียวอวี้คมปลาบ “อิจฉาหรือ? เช่นนั้นพรุ่งนี้เราจะมอบหมายคู่หมั้นให้เจ้า”รุ่ยอ๋องประสานมือรับผิดด้วยรอยยิ้มทันที “กระหม่อมผิดไปแล้ว!”จากนั้น เขาก็เอ่ยถามอย่างจริงจัง“แต่ได้ยินมาว่าเหล่านางสนมในวังหลังต่างมาฝึกขี่ม้าที่นี่ แต่ทำไมกร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 63

    เมื่อเหล่านางสนมวิ่งออกไป ก็พบว่าฝ่าบาทเสด็จกลับไปตั้งนานแล้ว พวกนางรู้สึกเสียดายไม่น่าแอบอู้เลย ไม่อย่างนั้นก็คงได้เจอฝ่าบาทแล้วโอกาสที่พวกนางจะได้เจอฝ่าบาทมีอยู่น้อยยิ่งนักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกลับแล้ว มีเพียงกุ้ยเฟยที่ยังอยู่ที่เดิมนางย่อมไม่จำเป็นต้องกระเหี้ยนกระหือรือเหมือนคนอื่น ตราบใดที่นางอยากเจอฝ่าบาท นางก็สามารถเจอได้ทุกเมื่อนางสนมเจียเก็บงำเอาไว้ไม่ได้ จึงนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวกับทุกคนอย่างอดรนทนรอไม่ไหวจากนั้นก็ถูกส่งต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งยังใส่สีตีไข่ พูดเสียจนฟังดูสวยหรูสำหรับนางสนมที่มีโอกาสน้อยนักในการได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ต่างชวนให้รู้สึกอิจฉาแทนที่จะทนเปล่าเปลี่ยวอยู่ในตำหนัก สู้ออกมาเสี่ยงดวงที่สนามม้าหลวงยังจะดีกว่าวันต่อมา ยังไม่ถึงเวลาฝึก เหล่านางสนมก็มาที่สนามม้าหลวงกันแล้วทว่า หลังจากนั้นอีกหลายวัน ฝ่าบาทก็ไม่ได้เสด็จมาที่สนามม้าหลวงอีกเลยทุกคนต่างทอดถอนใจกันอีก“นางสนมเจียแค่โชคดี ผู้ใดสามารถรับรองได้ว่าพวกเราจะโชคดีได้เจอฝ่าบาทเช่นนั้น?”“นั่นสิ ใช่ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่สนามม้าหลวงทุกวันเสียหน่อย ข้าว่าพวกเรากลับไปเล่นไพ่นกกระจอกเหมือนเดิมดี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 64

    ชุนเหอเป็นบ่าวคนสนิทของกุ้ยเฟย ทั้งยังฉลาดเป็นกรดนางคาดเดาว่า “ฮองเฮาต้องกลัวว่าหากท่านอยู่ที่สนามม้าหลวง แล้วฝ่าบาททรงเสด็จมา จะสนใจเพียงแต่ท่านผู้เดียว ไม่ชายตามองคนอื่นเป็นแน่เพคะ”กุ้ยเฟยลำพองใจ“ถึงข้าไม่ไป ในสายตาของฝ่าบาทก็ไม่มีพวกนางอยู่ดี”แต่ว่า หลายวันมานี้ต้องตื่นแต่เช้าไปที่สนามม้าหลวงทุกวัน นางค่อนข้างเหนื่อยล้าจริง ๆ หลายวันต่อมาเฟิ่งจิ่วเหยียนก็มาถามผู้ดูแลผู้ดูแลตอบเสียงเบา“พระนาง ระยะนี้มีคนฝึกกระบวนท่า “เกล็ดน้ำค้างโบยบินดั่งหิมะ” หลายคนเลยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเองก็ทำตามที่ท่านกำชับ คอยชี้แนะเพิ่มเติม ยามที่เหล่าสนมเจอท่ายาก ๆ “แต่มีเพียงสนมเจียเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ สามารถเรียนรู้ได้ไว และขยันเรียนที่สุด แถมยังแอบเข้ามากลางดึกทุกคืนด้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจ จึงโบกมือให้เขาออกไปได้เหลียนซวงถามอย่างสงสัย“พระนาง สนมเจียจะกระตุ้นให้กุ้ยเฟยเปิดเผยทักษะขี่ม้าออกมาได้จริง ๆ หรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้นิ้วหมุนลูกบอลโปโลเล่น ด้วยความคล่องแคล่ว“ทำสองสิ่งพร้อมกัน จำเป็นต้องใช้สิ่งของอีกอย่างนั่นคือ——ความระแวง” ……ยามราตรีโอบล้อมทุกสารทิศณ ตำหนักหลิงเซีย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 65

    บุรุษที่ประลองฝ่ามือกับเฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดสีแดง ดูสถุนอย่างมากเขาถูกแรงฝ่ามือของเฟิ่งจิ่วเหยียนซัดจนต้องถอย เมื่อเห็นว่าตนกำลังจะเจ็บตัว  ก็รีบตระโกน“เจ้าแซ่ซู! โคตรเหง้าบิดาเจ้าเถอะ! ทักทายแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องเอาจริงก็ได้กระมัง!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงคอเล็กน้อย“บิดาใคร?”เท้าของชายหนุ่มชุดแดงเสียดสีกับพื้น รีบขอร้องอ้อนวอนออกมา “ก็ได้ ๆ ๆ บิดาข้าเอง เจ้าคือบิดาของข้า!”เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้เก็บมือกลับมาจากนั้นก็สะบัดมือ ปิดประตูที่แง้มเปิดไว้ให้ปิดลงเฟิ่งจิ่วเหยียนกับพวกเขาล้วนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่นางแกะเชือกบนตัวของซ่งหลี  พร้อมดึงผ้าขี้ริ้วในปากของเขาออก พอไม่มีเชือกมาพันธการ ซ่งหลีก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “สหายซู ไม่ใช่ว่าข้าไม่เตือนเจ้า แต่เขากักขฬะมากเกินไป สะกดรอยตามข้ามาตลอดทาง แถมยังจับข้ามัดไว้”บุรุษชุดแดงนั่งลงบนขอบหน้าต่าง สายลมพัดผ่านมา จนปลิวผมไสว ทำให้เขาดูเหมือนคุณชายเจ้าสำราญคนอื่น ๆ คงไม่คาดคิดแน่ ว่าเขาคือบุตรชายของเศรษฐีแนวหน้า——เจียงหลินเจียงหลินใช้มือทัดปรอยผม แล้วพร่ำบ่นออกมา“ว่าข้ากักขฬะหรือ? ซูฮ่วน เจ้านั่นแหละที่ไร้เหตุผล“หายไปต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 66

    ยามปกติเซียวอวี้โปรดปรานการไปสนามม้าหลวง แต่หากเป็นการไปทอดพระเนตรเหล่านางสนมทำการแสดง เขาหาได้สนใจไม่ทว่าไทเฮากลับมาเชิญเขาด้วยพระองค์เองเสียนี่“ฝ่าบาทราชกิจรัดตัว เดิมข้าไม่สมควรมารบกวน”“แต่ช่วงนี้ในราชสำนักมีข่าวลือหนาหูว่าพวกเราแม่ลูกหมางใจกัน เพื่อความมั่นคงของราชสำนักและวังหลังแล้วต้องทำอะไรเสียหน่อย”“วันนี้ก็ถือโอกาสเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า ดีหรือไม่?”......ณ สนามม้าหลวงไทเฮาเหลือบมองนางสนมหลายนางที่ขี่ม้าอยู่ก็แย้มพระโอษฐ์ไม่หยุดพวกนางยอมทุ่มเทขนาดนี้เพื่อที่จะได้รับความโปรดปราน ลำบากพวกนางแล้ว“ฮ่องเต้ ท่านเชี่ยวชาญทักษะการขี่ม้า ลองทอดพระเนตรพวกนางดูว่ามีจุดไหนไม่เหมาะสมหรือไม่?”สีหน้าเซียวอวี้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ทอดมองไปยังเงาร่างของฮองเฮาที่กำลังจูงม้าเดินเข้ามาอยู่ไม่ไกล“หัวมังกุท้ายมังกร [1]”สีหน้าไทเฮาแข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อยฮ่องเต้ทรงไร้อารมณ์เช่นนี้ เกรงว่านางสนมเหล่านี้จะต้องผิดหวังอีกแล้วน่าเสียดายน้ำใจนี้ของฮองเฮานักเฟิ่งจิ่วเหยียนส่งม้าให้กับผู้ดูแล แล้วเดินไปเบื้องหน้าของไทเฮาและฮ่องเต้“หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่และฝ่าบาทเพคะ”สายตาไทเฮาเปี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 67

    กุ้ยเฟยดูราวกับเป็นพวกถ้ำมอง ดวงตาดำมืดฉายแววบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ไม่ว่านางจะได้ยินข่าวลือมากแค่ไหน ไม่ว่าฝ่าบาทจะไม่มาที่ตำหลักหลิงเซียวกี่วัน นางก็ยังเชื่อมั่นว่าฝ่าบาทไม่มีทางชายตามองนางสนมเจียเป็นแน่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่นางต้องมาเห็นนางสนมเจียทำตัวจนโดดเด่น เห็นนางสนมเจียถูกฝ่าบาทเรียกตัว...กุ้ยเฟยยืนอยู่ในเงามืด สองมือกำแน่น ใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งกับคนที่ไม่พึงใจแล้ว ฝ่าบาทไม่มีทางแสร้งพูดจาดีด้วยเขาจะเดินจากไป ไม่ก็สั่งให้นางสนมเจียออกไปแต่ผ่านไปพักหนึ่งแล้ว นางสนมเจียยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย...“พระสนมเพคะ ข้างนอกลมแรงนัก เรากลับตำหนักหลิงเซียวกันดีหรือไม่เพคะ?” ชุนเหอเสนอเสียงเบาพระสนมอารมณ์ไม่ดีแล้วหากยังอยู่ต่อไป เกรงว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่กุ้ยเฟยถามอย่างอยากเอาชนะ“นางสนมเจียขี่ม้าแบบนี้แล้วเหมือนหรงเฟยมากหรือไร!”ชุนเหอกล้าตอบเสียที่ไหน“นางสนมเจียเป็นแต่พูดเอาอกเอาใจ เทียบไม่ได้กับพระสนมที่งดงามทุกย่างก้าว หาใครเทียบเทียมมิได้”ยามนี้กุ้ยเฟยอยากฟังแต่ความจริงเท่านั้น“บอกข้ามาตามจริงซะ!”ก่อนที่ชุนเหอจะมารับใช้กุ้ยเฟย นางเคยเป็นคนรับใช้ในวังมาก่อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 68

    ถึงแม้ว่ากุ้ยเฟยจะขี่ม้าเป็น แต่นางก็ไม่ได้ขี่ม้ามานานมากแล้วก่อนที่จะแสดงให้ฝ่าบาทดู ล้วนต้องฝึกฝนเสียก่อน และสถานที่เดียวในวังที่สามารถขี่ม้าได้ก็คือสนามม้าหลวง“เจ้าว่ากระไรนะ? พระสนมของพวกเราเข้าไปไม่ได้งั้นหรือ?” ชุนเหอแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อเจ้าสุนัขรับใช้ของสนามม้าหลวงนี่ ถึงกับกล้าขัดขวางพระสนม!ณ ประตูทางเข้าสนามม้าหลวงผู้ดูแลสนามม้าหลวงยิ้มแหย ใบหน้าขื่นขมด้วยความลำบากใจ“กุ้ยเฟย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยขัดขวางท่าน เป็นเบื้องบนมีคำสั่งลงมา ข้าน้อยไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”ใบหน้าของกุ้ยเฟยเย็นวาบในวังหลังแห่งนี้ยังมีสถานที่ที่นางไม่อาจเข้าไปได้?เรื่องอย่างการโต้เถียงกันเช่นนี้ ยังไม่ถึงคราวที่กุ้ยเฟยจะต้องออกปากเองชุนเหอออกหน้าซักถาม“ก่อนหน้านี้พระสนมก็เข้าไปได้ เหตุใดวันนี้จึงเข้าไม่ได้? นี่กฎของผู้ใดกัน?”ผู้ดูแลเช็ดเหงื่อแล้วเช็ดเหงื่ออีก“เป็น...เป็นฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาทรงตรัสว่า สนามม้าหลวงแห่งนี้มีม้าและอุปกรณ์ขี่ม้าอยู่จำกัด มีเพียงเหล่าพระสนมที่เข้าร่วมการแข่งขี่ม้าโปโลเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้ อีกทั้งยังต้องได้รับการอนุญาตจากกพระนาง ถึงจะสามารถ...”“บ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 69

    กุ้ยเฟยเมินเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วหันไปออดอ้อนฮ่องเต้“ฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบถึงทักษะการขี่ม้าของหม่อมฉันนี่เพคะ”เซียวอวี้ที่รูปร่างหน้าตางามสง่าเหนือสามัญมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาเย็นชา“ทักษะการขี่ม้าของกุ้ยเฟยเหนือกว่าคนพวกนั้นมาก ฮองเฮา เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับดูคล้ายจะผ่อนคลายลง“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กุ้ยเฟยก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการคัดเลือก สิบวันให้หลังมาเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลได้เลย”กุ้ยเฟยรู้สึกไม่พอใจที่นางกลับมาฝึกขี่ม้าก็เพื่อเอาใจฝ่าบาท หาใช่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันขี่ม้าโปโลอะไรนั่น!“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากร่วมการแข่งเพคะ!”ท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักแน่น“เช่นนั้นก็ได้แต่รอให้การแข่งขันขี่ม้าโปโลจบลงก่อนแล้ว!”“เจ้า...” กุ้ยเฟยโกรธจนพูดไม่ออก จึงหันไปมองฮ่องเต้อย่างขอความช่วยเหลือนอกห้องทรงพระอักษรเหลียนซวงเห็นฮองเฮาของนางเสด็จออกมาก็รีบรุดหน้าไปรับเสด็จ“ฮองเฮา เรียบร้อยดีไหมเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเยือกเย็น“เพิ่มกุ้ยเฟยเข้าไปในรายชื่อการแข่งขันขี่ม้าโปโล”เหลียนซวงประหลาดใจเป็นอย่างมาก“ฮองเฮา ท่านทรงทำได้อย่างไรกันเ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1162

    กองทัพแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้ง อาศัยว่ามีปืนมังกรไฟ แผดเสียงเกรี้ยวกราด “เร่งเปิดประตูเมือง หาไม่แล้ว อย่าหมายว่าผู้ใดจะรอดชีวิต!” เฉินจี๋ล่วงรู้ฤทธานุภาพของปืนมังกรไฟ เขอเสนอ “ฝ่าบาท ถอยทัพก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” คาดว่าฮองเฮาก็มิปรารถนาให้ฝ่าบาทตกอยู่ในอันตราย สายตาเซียวอวี้ล้ำลึก ดวงตาฉายแววเยืยกเย็น “สั่งให้ทหารทั้งหมดล่าถอยออกไปยี่สิบลี้ก่อน” ฤทธานุภาพแห่งปืนมังกรไฟ มิใช่อันที่มนุษย์จะสามารถต้านรับได้ ดังนั้น จึงไม่อาจเผชิญหน้าตรง ๆ …… ณ ชายแดนด้านตะวันตกแคว้นหนานฉี ฝนพรำไม่ขาดสายหลายวันติดกัน จนแผ่นดินชุ่มโชกเป็นโคลนเหลว ปืนมังกรไฟมีน้ำหนักมาก ล้อรถจมลึกลงพื้นดิน หนึ่งแรงคนมิอาจเข็นขยับได้โดยง่าย ครั้นข่าวล่วงรู้ถึงหูหนานซานอ๋อง เขาถึงโกรธทั้งร้อนใจ “ในยามสำคัญ เหตุใดถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้!” ฮ่องเต้ยังอยู่ในแคว้นซีหนี่ว์ หากแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งบุกโจมตี ใครจะรับรองความปลอดภัยของฝ่าบาท! “ท่านอ๋อง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสายฝน...” “อย่าพูดไร้สาระ เร่งหาไม้กระดาน หาก้อนหิน เร่งขนส่งปืนมังกรไฟไปยังแคว้นซีหนี่ว์ให้ได้โดยเร็ว!” หนานซานอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1161

    แม่ทัพแคว้นเจิ้งหาได้โง่เขลา เขารู้แจ้งแก่ใจว่าจุดประสงค์ของเป่ยเยี่ยนคืออะไร จึงกลับคำข่มขู่ราชทูตเป่ยเยี่ยน “หากไม่มีปืนมังกรไฟ พวกเราอย่างมากก็เพียงพ่ายศึกและยอมจำนน หรือไม่ก็รู้ว่ามิอาจต่อสู้การร่วมมือระหว่างกองทัพแคว้นซีหนี่ว์กับแคว้นหนานฉี ก็เพียงถอนทัพกลับเสียก็พอ “ทว่า สถานการณ์ของเป่ยเยี่ยน หาใช่ง่ายดายเช่นนี้ไม่ “แคว้นหนานฉีชนะศึกกับทั่วแว่นแคว้น กำลังอิทธิพลเพิ่มพูน ตอนนี้แคว้นซีหนี่ว์กับแคว้นหนานฉีเชื่อมสัมพันธ์กัน พันธไมตรีแน่นแฟ้นมิอาจทำลาย “หากแคว้นหนานฉีกลืนกินแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้แล้วไซร้ ทั่วทั้งแดนตะวันตกย่อมตกอยู่ในอำนาจแห่งแคว้นหนานฉี ครานั้นเป่ยเยี่ยนจักสูญเสียพันธมิตรทางใต้และทางตะวันตก กลายเป็นโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง!” สายตาราชทูตเป่ยเยี่ยนฉายแววบูดบึ้ง แม่ทัพคนนี้ที่เชี่ยวชาญเพียงการศึก กลับมีสติปัญญาอยู่บ้าง แม่ทัพแคว้นเจิ้งเห็นราชทูตจนถ้อยคำ จึงพูดต่อถึงข้อดีข้อเสีย “ราชทูตนำความทูลฮ่องเต้เป่ยเยี่ยน รีบยืมปืนมังกรไฟมาโดยไว เช่นนี้ยังมีโอกาสสังหารฮ่องเต้ฉีได้ หากแคว้นหนานฉีวุ่นวาย เป่ยเยี่ยนจึงจักมีโอกาสโต้กลับแคว้นหนานฉี ช่วง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1160

    ราชทูตเป่ยเยี่ยนเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าก่อนหน้านั้นแต่ละแคว้นล้อมโจมตีแคว้นหนานฉี มิคาดคิดว่าแคว้นซีหนี่ว์ทรยศพันธมิตร ละทิ้งสัตยาบัน แปรพักตร์กลางสมรภูมิ หันมาร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับแคว้นหนานฉียามนี้แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งมุ่งหมายโจมตีแคว้นซีหนี่ว์ เป่ยเยี่ยนย่อมสนับสนุนสุดกำลังมิอาจสั่นคลอนแคว้นหนานฉี ทว่าแคว้นซีหนี่ว์เพียงแคว้นเดียว ย่อมมิใช่เรื่องยากเมื่อแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งล่วงรู้เจตนารมณ์ของราชทูตเป่ยเยี่ยน ก็บังเกิดความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นพวกเขาถามอย่างตื่นเต้น“ฮ่องเต้เยี่ยนยินดีให้ยืม ‘ปืนมังกรไฟ’ จริง ๆ หรือ?”ยามนี้พวกเขาโจมตีเมืองอย่างยากลำบาก หากได้ปืนมังกรไฟมาหนุนเสริม ศึกครั้งนี้ย่อมดุจดั่งพยัคฆ์ติดปีก!เพียงแต่ได้ยินมาว่า ปืนมังกรไฟนั้นเป็นอาวุธลับแห่งเป่ยเยี่ยน เป่ยเยี่ยนจะยอมให้ยืมจริง ๆ หรือ?พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ราชทูตเป่ยเยี่ยนยิ้มแย้ม พลางหยิบสัญญาฉบับหนึ่งออกมาเห็นดังนี้ เหล่าขุนพลแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งต่างจ้องมองหน้ากันด้วยความฉงนใจจากนั้นราชทูตก็พูดอธิบาย“เป่ยเยี่ยนกับสองแคว้นเป็นพันธมิตรต่อกัน บัดนี้สงครามปะทุ เป่ยเยี่ยนย่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1159

    หลังจากส่งฮ่องเต้ไปไกลเป็นพันลี้ กองทัพเดินทางออกไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ยืนอยู่นานก็ไม่ยอมจากไปอู๋ไป๋เอ่ยเตือนเบา ๆ“ประมุขแคว้น ควรเสด็จกลับวังได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงได้ดึงสายตากลับมาในพระราชวังเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ง่ายที่จะมีเวลาว่าง นายหญิงเฟิ่งจึงมาขอเข้าพบช่วงหลายวันมานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะทำหน้าที่ประมุขแคว้น จึงยุ่งจนไม่มีเวลาจะแยกร่างไปทำสิ่งใด แม้แต่เวลาที่จะนั่งคุยกับมารดาก็ยังไม่มีนายหญิงเฟิ่งเข้าใจเป็นอย่างดี และไม่มารบกวนนางจนกระทั่งวันนี้ ที่กองทัพออกเดินทาง นายหญิงเฟิ่งถึงได้มาพบนางคนอื่นอาจไม่รู้ ทว่านายหญิงเฟิ่งกลับจำได้ว่า คนโปรดคนใหม่ของประมุขแคว้นที่สวมหน้ากากผู้นั้น ก็คือฮ่องเต้หนานฉีนายหญิงเฟิ่งไม่คาดคิดว่า ฮ่องเต้จะทรงเสด็จตามจิ่วเหยียนมาแคว้นซีหนี่ว์ อีกทั้งยังออกรบเพื่อแคว้นซีหนี่ว์ นี่เป็นเรื่องที่หนึ่งอีกเรื่องหนึ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือ จิ่วเหยียนของนาง ในที่สุดก็ตั้งครรภ์แล้วนายหญิงเฟิ่งมองพินิจจิ่วเหยียนด้วยดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ โดยเฉพาะส่วนท้องที่นูนขึ้นมา พลางสะอื้นอยู่หลายครั้ง“ในเมื่อตั้งครรภ์แล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1158

    ก่อนอาหารมื้อค่ำ เซียวอวี้กลับมาถึงวังหลวงตรงตามเวลาเขายังนำผลไม้อบแห้งที่เฟิ่งจิ่วเหยียนชอบกินมาด้วยถึงแม้ใบหน้าเขาจะแสดงออกอย่างเรียบเฉย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองใจที่ข่มไว้ของเขายังมี กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ที่อยู่บนตัวเขาด้วยอาหารมื้อค่ำถูกจัดวางบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน และมีข้าหลวงคอยรับใช้ เพื่อคอยตักอาหารให้พวกเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนให้ข้าหลวงออกไปก่อน และถามเซียวอวี้ตามตรง“วันนี้ไปตรวจเยี่ยมค่ายทหาร ไม่ราบรื่นหรือเพคะ?”เซียวอวี้ปากหนักไม่ยอมรับ พร้อมกับเปิดห่อผลไม้ให้นาง“อ่านฎีกาจบแล้วหรือ?” เขาถามโดยเปลี่ยนเรื่องเฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นเขาไม่อยากเอ่ยถึงอีก จึงไม่ถามต่อจากที่เขาถาม นางยิ้มอ่อน ๆ“ฎีกาไม่มีวันอ่านจบ ของวันนี้อ่านจบ ก็ยังมีของพรุ่งนี้อีก”เซียวอวี้ก็ยิ้มเช่นกัน พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้านาง แววตาดูอ่อนโยนสงบนิ่ง“หากเป็นฮ่องเต้ทรราช ก็คงไม่ต้องเหนื่อยเช่นนี้”หลังมื้อค่ำเฟิ่งจิ่วเหยียนอ้างว่าจะไปห้องทรงพระอักษรเพื่ออ่านฎีกาต่อ แท้จริงแล้วกลับให้อู๋ไป๋ไปที่ค่ายทหาร เพื่อสืบดูว่า วันนี้เซียวอวี้พบปัญหาใดอู๋ไป๋กลับหลักแหลม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1157

    ตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นประมุขแคว้น หากเซียวอวี้ต้องการจะพบนาง ก็ต้องรอให้คนไปกราบทูลก่อนสิ่งนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งทว่า กฎก็คือกฎที่หนานฉี แม้ว่าจิ่วเหยียนจะสูงส่งเป็นถึงฮองเฮา หากต้องการจะเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ก็ยังไม่อาจทำได้ตามใจชอบ“จะออกเดินทางเมื่อใด?” บนบัลลังก์มังกร คำถามของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ถามขึ้นกะทันหัน ขัดจังหวะความคิดของเซียวอวี้ เซียวอวี้เงยหน้าขึ้นมองนาง ถึงแม้ในตำหนักจะไม่มีคนนอก เขายังคงรู้สีกว่า ระหว่างตนเองกับจิ่วเหยียน ราวกับมีบางอย่างคั่นกลางอยู่บางที นั่นอาจจะเป็นช่องว่างทางสถานะผู้ที่เป็นกษัตริย์ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง ต่อให้ใกล้ชิดดั่งคนที่นอนร่วมหมอน ก็ไม่อาจก้าวข้ามช่องว่างนี้ได้ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้จิ่วเหยียนก็ยกเรื่องนี้มาเป็นอุปสรรค ไม่ยอมเป็นฮองเฮาของเขาเซียวอวี้พยายามทำให้ตนเองกลับมามีสภาพจิตใจที่เป็นปกติตามเดิม“เสบียงถูกส่งไปก่อนแล้ว วันนี้เราจะไปตรวจเยี่ยมค่ายทหาร หากราบรื่น พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทาง”เฟิ่งจิ่วเหยียนด้านหนึ่งก็ฟังเขาพูด อีกด้านหนึ่งก็อ่านฎีกานางทำหลายอย่างพร้อมกัน ช่างดูยุ่งเหลือเกิน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1156

    นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้ส่งกองกำลังออกรบแล้ว กองทัพมืดฟ้ามัวดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นสงครามที่เดิมพันด้วยความอยู่รอดและล่มสลายของทั้งสองแคว้นก่อนเคลื่อนทัพ แม่ทัพใหญ่ตรวจสอบความพร้อมของทหาร เพื่อสร้างความฮึกเหิม“ทหารทุกคน! วันนี้จะเป็นวันที่จะลบล้างความอัปยศ! หากไม่อยากตกเป็นทาสของแคว้นล่มสลาย และไม่อยากถูกสตรีบัญชาการ ก็จงต่อสู้สุดชีวิต! ทำลายชายแดนของแคว้นซีหนี่ว์ เคลื่อนกำลังเข้าไป จนเข้าไปถึงเมืองหลวง และจับตัวประมุขแคว้นของพวกนางมา!”ทั้งสามกองทัพเปล่งเสียงขานรับโดยพร้อมเพรียง“ลบล้างความอัปยศ! จับตัวประมุขแคว้นซีหนี่ว์!”ทันใดนั้น ทหารสอดแนมก็มารายงาน“ท่านแม่ทัพ พบกองทัพของแคว้นซีหนี่ว์ นำทัพโดยหูย่วนเอ๋อร์!”หูย่วนเอ๋อร์เป็นหนึ่งในแม่ทัพผู้องอาจของแคว้นซีหนี่ว์ และยังเป็นแม่ทัพคู่ใจของอดีตประมุขแคว้นซีหนี่ว์ด้วยก่อนหน้านี้ได้ยินสายลับมารายงานว่า ประมุขแคว้นคนปัจจุบันไม่ชอบหูย่วนเอ๋อร์ และจับนางไปคุมขังไว้ในคุกเหตุใดคนผู้นี้ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่ชายแดน?หรือว่าข่าวจากสายลับจะผิดพลาด?แม่ทัพใหญ่ของทั้งสองแคว้นถามด้วยความสงสัย“หรืออาจจะเป็น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1155

    กลุ่มขุนนางที่ถูกจับกุม แต่ละคนบ้างก็ตกใจ บ้างก็โกรธแค้น บ้างก็คุกเข่าร้องขอชีวิตทันที“เฟิ่งจิ่วเหยียน! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับหม่อมฉัน! หม่อมฉันคือขุนนางอาวุโสสามสมัย!”“หม่อมฉันไม่ได้คิดจะก่อกบฏ...ประมุขแคว้น พวกเขาจะต้องจับคนผิดอย่างแน่นอน!”“ประมุขแคว้นโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิตด้วย! หม่อมฉันเลอะเลือนไปชั่วขณะ หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว!”ขุนนางคนอื่นถอยห่าง แทบไม่อยากเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ถูกจับโอวหยางเหลียนก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“ประมุขแคว้น ตั้งแต่อดีต ขุนนางที่ก่อกบฏทรยศแผ่นดินมีความผิดสมควรตาย หม่อมฉันคิดว่า ควรรีบประหารชีวิตพวกเขาทันที ไม่อาจให้ความเมตตาได้!”โอวหยางเหลียนอายุมากแล้ว ทว่านางทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเด็ดขาดชัดเจนเฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ใช่คนใจอ่อนเช่นกันนางเพิ่งจะเป็นประมุขแคว้น แต่ก็รู้ว่า ความวุ่นวายภายในแคว้นซีหนี่ว์ ล้วนเกิดจากคนที่ไม่จงรักภักดีเหล่านี้หากไม่สังหาร ก็ไม่เพียงพอที่จะยุติความวุ่นวายภายในได้หากไม่สังหาร ก็ไม่เพียงพอที่จะเตือนใจให้กับคนอื่นได้เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งให้ข้าหลวงอ่านความผิดของคนเหล่านี้ อ่านจบทีละคน ก็สังหารท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1154

    จันทร์เสี้ยวลอยลงต่ำ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงณ พระราชวังแคว้นซีหนี่ว์ในที่ประชุมเช้า เหล่าขุนนางมองไปยังคนที่อยู่บนบัลลังก์มังกร ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย และความประหลาดใจขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยถามอย่างใจกล้า“คนที่นั่งอยู่บนนั้น เจ้าเป็นใคร! แล้วประมุขแคว้นอยู่ที่ใด!”คนที่อยู่ด้านบน ถึงแม้หน้าตาจะคล้ายกับประมุขแคว้น ทว่าส่วนท้องนูนออกมา เห็นชัดว่าเป็นลักษณะของการตั้งครรภ์ คนผู้นี้กับประมุขแคว้นเมื่อหลายวันก่อนผู้นั้น ไม่ใช่คนเดียวกันโดยสิ้นเชิงความแตกต่างที่เห็นชัดเช่นนี้ ขอเพียงไม่ใช่คนตาบอด ก็มองออกชัดเจนหลังจากมีคนหนึ่งออกหน้า คนอื่น ๆ ก็พากันเกิดความสงสัยตามมา“รีบบอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่!”“เจ้าคนชั่วอาจหาญ กล้าสวมรอยเป็นประมุขแคว้น ยังไม่รีบลงมาอีก!”“ประมุขแคว้นเล่า? ทหารรักษาพระองค์อยู่ที่ใด รีบไปตามหาประมุขแคว้น!”ในราชสำนักเริ่มเกิดความวุ่นวายก่อนหน้านี้หูย่วนเอ๋อร์ก็ถูก “ขัง” อยู่ในคุก มิได้เข้าร่วมประชุมเช้าของวันนี้ จึงมีเพียงโอวหยางเหลียนเท่านั้นที่รู้ความจริงในที่นี้โอวหยางเหลียนยืนอยู่ตรงนั้น โดยไม่เอ่ยสิ่งใดจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่บนบัลลังก์มังกรก

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status