Share

บทที่ 610

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
last update Last Updated: 2025-01-03 15:43:24
เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้มองอย่างระแวดระวัง และได้เห็นว่า มีชายชราหลังค่อมคนหนึ่งเดินลงมา ดวงตาเปล่งประกายความเย็นชา และความหิวโหย พลางจับจ้องมองมาที่มือของพวกเขา

ทันใดนั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของชายชรา พลันมืดลงทันที

“พวกเขาไม่ได้ให้พวกเจ้านำของกินมาด้วยรึ?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เข้าใจความหมาย

เซียวอวี้อธิบาย

“อาชญากรที่ราชสำนักส่งมา จักนำอาหารเข้ามาในเจดีย์ด้วย”

พวกเขาเข้ามาในเจดีย์อย่างเร่งรีบ หนานซานอ๋องที่ยอมเปิดประตูเจดีย์เพราะถูกจับเป็นตัวประกัน ย่อมจะไม่ได้เตรียมอาหารให้นางอย่างเหมาะสม

เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจแล้ว จึงก้าวออกไปข้างหน้า และกล่าวกับชายชรา

“พวกเราสองพี่น้องเร่งรีบเข้ามาในเจดีย์ จึงไม่มีอาหารติดมาด้วยเลย”

ชายชราคนนั้นหัวเราะเยาะผ่านลำคอ ดูเหมือนจะไม่สนใจมากนัก

“ราชสำนักไม่ได้ส่งคนใหม่เข้ามาหลายปีแล้ว...ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

พฤติกรรมของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ไม่ได้มองพวกเขาขณะที่พูด และตอนที่เอ่ยพึมพำ ก็จับศพบนพื้นอย่างลวก ๆ ก่อนจะลากขาศพขึ้นบันไดหินไป

เฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้หันมามองหน้ากัน แล้วเดินตา
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Eak Tan
นี่มัน saint seiya ภาค เจดีย์ 9ชั้น หรือนี่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 611

    เหรินลิ่วมีประสบการณ์สูง ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแค่ไหนทว่าคนหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ดวงตาทั้งคู่เย็นชาลุ่มลึก วางมาดถือดีเป็นผู้อาวุโส ขาดความมีชีวิตชีวาเขายกเปลือกตาขึ้นมา “เกมลูกเต๋า หวาเจี้ยว หรือว่าโต้วเยา?”เกมลูกเต๋าใช้ลูกเต๋าสี่ลูก หวาเจี้ยวใช้ลูกเต๋าสามลูก โต้วเยาเป็นหนึ่งในวิธีเล่นที่ใช้ลูกเต๋าหกลูกเซียวอวี้ขมวดคิ้วเข้ม ฟังไม่เข้าใจเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดมาก“หวาเจี้ยว”เหรินลิ่วกระตุกมุมปาก“ได้ หวาเจี้ยว”พูดเสร็จ เขาหรี่ตาลงทันที “คนหนุ่ม ไม่ค่อยได้เล่นลูกเต๋า?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้นมุมปากข้างใต้หน้ากาก ไม่พูดอะไรกับการหยั่งเชิงนี้การแข่งขันเริ่มขึ้น เดิมควรชนะสองในสามเกมทว่าเหรินลิ่วค่อนข้างมั่นใจในฝีมือการพนันของตนเอง“คนหนุ่ม ภายในสามเกม ขอเพียงเจ้าเอาชนะข้าได้หนึ่งเกม ถือว่าชนะแล้ว”เหรินลิ่วผ่อนนิ้วมือทั้งสิบ หยิบถ้วยลูกเต๋าขึ้นมาอย่างไม่รีบ หลังจากเขย่าไปมาหลายที ก็รวบเอาลูกเต๋าสามลูกที่วางบนโต๊ะเข้าไปตามด้วยข้อมือของเขาเคลื่อนไหวไปมา ลูกเต๋าในถ้วยลูกเต๋าส่งเสียงดังชัดเจนสมกับที่เขาเป็น “เซียนพนัน” มีเทคนิคอย่างไม่อาจคาดเดาได้เฟิ่งจิ่วเหยียนใจจดใ

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 612

    ลูกเต๋าสามลูก ไม่มีแตกสักลูกทว่า...ลูกเต๋าสามลูก สิบแปดด้าน แต้มทั้งหมด ล้วนถูกขัดเรียบ เหลือเพียงผิวเรียบ !“ไม่มีแล้ว” ผู้เฒ่าที่เดิมกำลังจัดการศพอยู่นั้น โผล่มาอย่างกะทันหัน “แต้ม ไม่มีแล้ว?”เหรินลิ่วเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมหันไปมองคนตรงหน้า“เจ้าทำอะไรลงไป ! ”ลูกเต๋าของเขา ของรักของหวงของเขา ! “ข้าจะฆ่าเจ้า ! ! ! ”เซียวอวี้ลงมือทันที คว้าบีบคอเหรินลิ่วไว้ ดวงตาฟิหงส์หรี่ลง“คิดอยากแตะต้องนาง ถามข้าก่อนว่าตกลงหรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ผู้อาวุโส ตามเงื่อนไขของท่าน ข้าไม่ได้ทำลูกเต๋าแตก ผลเช่นนี้ ท่านต้องยอมรับ”เหรินลิ่วถูกบีบคอไว้ ยังคงตะโกนด่าเฟิ่งจิ่วเหยียน“สารเลว ! ! ! ”ผู้เฒ่าตบหลังเหรินลิ่ว“เอาล่ะ ยอมรับความพ่ายแพ้”พูดเสร็จ ก็หันไปพูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ “ทั้งสองท่าน เชิญขึ้นไปเถอะ”เซียวอวี้ค่อยปล่อยมือเฟิ่งจิ่วเหยียนดูออก ผู้เฒ่าท่านนี้ต่างหากที่เป็นท่านผู้อาวุโสของชั้นสอง พูดจามีน้ำหนักนางหันไปผสานมือทำความเคารพเขา พร้อมถามขึ้นมา“ท่านผู้อาวุโส เคยได้ยินว่างซูฮวาหรือไม่?”ผู้เฒ่ายิ้มหัวเราะ“ไม่เคย

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 613

    ในตารางหมากรุก เลือดสดสาดกระเซ็นขาทั้งคู่ของหลวงจีนถูกตัด ดวงตาถลนด้วยความโกรธแค้นเซียวอวี้ยืนถือดาบ หัวเราะอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต“เจ้า...วางหมากต่อสิ”แม้แต่เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคิดไม่ถึง เซียวอวี้จะเลือกวิธีโหดเหี้ยมขนาดนี้ จบการแข่งขันในครั้งนี้ก่อนกำหนดภายใต้ความมั่นใจว่าตารางหมากรุกไม่วุ่นวาย ตัดขาทั้งคู่ของหลวงจีนคนอื่นเห็นเช่นนี้แล้ว ก็ลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ เฟิ่งจิ่วเหยียนหัวเราะเย้ย“ทำไม ยอมรับการพ่ายแพ้ไม่ได้หรือ?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทิ่มแทงเข้าไปในศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยของพวกเขาหลวงจีนกัดฟัน “ให้พวกเขาไป ! ”ดังนั้น พวกเขาผ่านชั้นสามไปได้แล้วหลังจากพวกเขาไปแล้ว หลวงจีนคนนั้นถูกคนประคองไปด้านข้างเขามองดูเงาหลังทั้งสองคนจากไปอย่างเยือกเย็น พูดยิ้มอย่างชั่วร้าย“ชั้นสี่ขึ้นไปต่างหาก ถึงเป็นแดนนรกเจดีย์เก้าชั้นที่แท้จริง”……หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามตูม ! ! !เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกชนกระเด็น แผ่นหลังกระแทกกับกำแพงเซียวอวี้มองเห็นกับตา ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะนี่เป็นกฎเกณฑ์ท้าทายของชั้นสี่...ผู้ท้าทายต้องปิดตาไว้ ต่อสู้ด้วยมือเปล่าในระยะประชิด

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 614

    เมื่อครู่ตอนที่ประตูทางเข้าเจดีย์เก้าชั้นเปิด ทุกคนก็ล้วนเห็นแล้วเฉินจี๋คิดว่า ต้วนเจิ้งพูดถูกในเมื่อทางเข้าสามารถเปิดได้ ฉะนั้น สามารถเข้าได้ ก็ต้องสามารถออกได้สิ !ที่ไหนได้ หนานซานอ๋องพูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน“หากง่ายขนาดนี้ เจดีย์เก้าชั้นก็ไม่เรียกว่าเป็นเจดีย์เก้าชั้นแล้ว”“ทางเข้าเจดีย์เก้าชั้น มิใช่ประตูเปิดปิดง่ายดายแบบนั้น ที่พวกเจ้าสามารถมองเห็น คือด้านนอกประตู”“ข้างในยังมีอีกประตูหนึ่ง เรียกว่าประตูด้านใน”“ปกติที่ประตูด้านนอกปิดอยู่ ประตูด้านในจะเปิดอยู่”“เมื่อเปิดประตูด้านนอก ประตูด้านในก็จะปิดก่อน ยังเปิดใช้งานกลไกลูกศรหมื่นดอกยิงทิศทางเดียวระหว่างประตูด้านในและด้านนอก ไม่มีผู้ใดสามารถหลบพ้นได้”เฉินจี๋เกลียดชังเจดีย์เก้าชั้นนี้ยิ่งนักเขาร้องขอหนานซานอ๋อง“ท่านอ๋อง ขอร้องท่านเปิดประตูทางเข้า ให้พวกเราได้เข้าไปคุ้มกัน ! ”แววตาหนานซานอ๋องเมินเฉย“ไม่ได้”กฎปฏิบัติ จะทำให้วุ่นวายไม่ได้เฉินจี๋ชักกะบี่ออกมาทันทีทว่า หนานซานอ๋อง ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดจึงเตรียมการป้องกันไว้ตั้งแต่แรกแล้วเขามีคำสั่ง สิบสองเทพชะตามาปรากฏตัวทันที ขวางรั้งเฉินจี๋เหล่าองครั

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 615

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูหน้ากาก แตกจน สวมไม่ได้แล้วแต่นางก็ไม่กลัวว่าคนที่นี่จะรู้จัก หันหลังเดินจากไปโดยตรง มุ่งหน้าไปบนชั้นหกข้างหลัง คนที่แพ้ให้กับนาง ก่อนตายได้พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ“หากไม่ใช่เพราะข้า...ถูกดูดพลังไปครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ถึงกับ ไม่ถึงกับต้องพ่ายแพ้...”เฟิ่งจิ่วเหยียนค่อยรู้ว่า คนพวกนี้ล้วนถูกดูดพลังภายในไปส่วนหนึ่งแววตาของนางเยือกเย็นไม่ว่ายังไง นางก็ชนะแล้วยังเหลือเจดีย์อีกสี่ชั้น นางก็จะสามารถได้เจอต้วนไหวซวี่แต่นางเหนื่อยมากนัก... เซียวอวี้รีบประคองนางไว้ “พักก่อน”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหัว“ไม่ ไม่ช้าข้า...”เซียวอวี้ไม่พูดอะไรกับนางมาก ลงมือตีนางสลบทันทีเขามองเห็นถึงความเหนื่อยล้าของนาง ปล่อยแบบนี้ต่อไป ยังไปไม่ถึงชั้นที่เก้า นางก็จะหมดแรงจนตายเขาโน้มศีรษะลง จูบบนหน้าผากของนาง พร้อมพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “เรารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการ ทว่า พึ่งพาเราบ้างเป็นบางครั้งก็จักดี”ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนตอนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนฟื้นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ชั้นที่เท่าไรแล้วนางนั่งอยู่ข้างกำแพงหิน ลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ปรากฏให้เห็น คือใบหน้าเยือกเย็นชาของเซียวอวี้

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 616

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหันมามองเซียวอวี้ “เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”ดวงตาดำเข้มลึกล้ำราวกับเหวของเซียวอวี้ อดทนต่อร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ นั่งตัวตรงแล้วนำกริชที่พกติดตัวออกมาหลังจากนั้น เขาใช้กริชแทนพู่กัน วาดภาพบนพื้นเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง มองดูสิ่งที่เขาวาด จากนั้นก็พบว่าเป็นแผนที่ในฐานะที่เซียวอวี้เป็นกษัตริย์ รอบรู้แผนที่แผ่นดินของตนเองเป็นอย่างดีเขาวาดได้อย่างยอดเยี่ยม ชายแดนเส้นเขตเมืองมีความชัดเจน แม้แต่หุบเขา แม่น้ำ ล้วนถูกวาดออกมานางไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวาดภาพพวกนี้เป็นเพราะได้รับบาดเจ็บ เขาวาดได้ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกเกินกำลัง เฟิ่งจิ่วเหยียนประคองเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ“ที่เหลือ ให้ข้าวาด”นางท่องยุทธภพ ได้เห็นทิวทัศน์ทัศนียภาพมากมายด้วยตาตนเองภายหลังเข้าไปอยู่ในค่ายทหาร ยิ่งต้องรอบรู้สภาพภูมิประเทศทั้งหมดเซียวอวี้เชื่อมั่นในตัวนาง ยื่นกริชมาให้ หลังจากนั้นก็เอนพิงบนผนังหิน มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกไว้ หายใจค่อนข้างเจ็บปวดหลังจากเวลาผ่านไปสองเค่อ เฟิ่งจิ่วเหยียนวาดเสร็จแล้วนางหันมามองเซียวอวี้ “ได้หรือยัง?”เซียวอวี้ส่ายหัว “เหลืออีกหนึ่งภาพ”ทว่าภาพนี้

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 617

    หน้ากากอันเดิมของเฟิ่งจิ่วเหยียนแตกแล้ว จำต้องใช้หน้ากากของคนอื่นมาแทน ทว่าไม่ค่อยพอดีกับใบหน้า แลดูเล็กไปหน่อยสีหน้าเซียวอวี้เต็มไปด้วยไอสังหาร มองดูคนตรงกลางอย่างเยือกเย็นชาเขาลงมือทันที โดยไม่มีการทักทายใด ๆหยางเหลียนซั่วยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิไม่ขยับเขยื้อนยังไงข้างกายเขา ยังมีห้าราชาคอยปกป้องทว่าหลังจากนั้น เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเฟิ่งจิ่วเหยียนลอบโจมตีข้างหลัง เข็มเงินเล่มหนึ่งแทงตรงท้ายทอยเซียวอวี้ท่าทีถือกระบี่เคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็หันมามองอย่างไม่คาดคิด ราวกับถูกหักหลังอย่างรุนแรง“ทำไมเจ้า...”พูดยังไม่ทันจบ เขาก็หมดสติล้มลงบนพื้น พร้อมทั้งกระบี่เล่มนั้นก็ลงตกพื้นเสียงดัง “ตัง” จากกรงเล็บเฉียบคมกลายเป็นเหล็กไร้ค่าห้าราชาพรรคเทียนหลง ต่างมองสบตากันนี่เกิดอะไรขึ้น?หยางเหลียนซั่วมองฮ่องเต้ที่ล้มกองบนพื้นแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนมองข้ามเซียวอวี้ ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมยกมือประสาน“ข้าน้อยซูฮ่วน”ราชามังกรม่วงหัวเราะเย้ยอย่างโกรธจัด“ซูฮ่วน? ยังกล้ามาจริง ๆ ! เจ้ารู้หรือไม่ พวกเราเป็นใคร?”ในระหว่า

    Last Updated : 2025-01-03
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 618

    ให้นางฆ่าเซียวอวี้?ฝ่ามือเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นนางย้อนถามหยางเหลียนซั่ว ด้วยท่าทีเป็นปกติ“พวกเจ้ามีวิธีออกจากเจดีย์?”ความหมายในคำพูด แสดงว่าฮ่องเต้รู้ทว่า หยางเหลียนซั่วไม่หลงเชื่อ ดวงตาของเขาเฉียบคมเหมือนกริช“ฆ่าเขา”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินมาข้างหน้า ปกป้องเซียวอวี้“ข้าเอาขุมทรัพย์ คน ข้าก็เอา”ราชามังกรม่วงลุกขึ้นมาใหม่ หันไปพูดกับหยางเหลียนซั่ว “ประมุขพรรค มีกลอุบาย ! ซูฮ่วนเชื่อถือไม่ได้ ! ”หยางเหลียนซั่วจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาตามตรง“ซูฮ่วนชอบผู้ชาย คนนี้ ข้ายังไม่เบื่อ“ฆ่าเขา พวกเจ้าใครสามารถชดเชยให้ข้าที่ดีกว่านี้?”พูดเสร็จ นางกวาดสายตาหันไปมองห้าราชา เหมือนกำลังคัดเลือกของ แววตากำเริบเสิบสาน แฝงไปด้วยความหยอกล้อ พร้อมพูดเพิ่มเติมขึ้นมา “ใช่แล้ว ข้าชอบเล่นแบบตื่นเต้น หากพวกเจ้าทนได้ ต่อให้อายุมากหน่อย ข้าก็ไม่ถือสา...”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ราชามังกรม่วงถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัวแววตาหยางเหลียนซั่วเยือกเย็น“นำทาง”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองห้าราชา อย่างค่อนข้างเสียดายทว่า มิมีใครสบตานางสักคนหยางเหลียนซั่วไม่ได้ไปจากชั้นเก้า สั

    Last Updated : 2025-01-03

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 642

    ท้ายที่สุดซ่งหลีก็ต้องจากไปทว่า การจากไปในครานี้หาใช่เป็นการล้มเลิกไม่ แต่เป็นการกลับไปที่ตระกูลซ่งเพื่อเกลี้ยกล่อมและโน้มน้าวบิดามารดาของตน ยามที่ต้องแยกจากกันนั้น เขายังเอ่ยกำชับกับไฉเยว่อีกด้วยว่าต้องให้เวยเฉียงกินยาทุกวัน ก่อนจะหันไปกล่าวกับเวยเฉียงด้วยความรักใคร่อันสุดซึ้งว่า“รอข้า ข้าจักต้องกลับมารับเจ้าอย่างแน่นอน”“อื้ม” เฟิ่งเวยเฉียงพลันหันหน้าหนี เพื่อเก็บซ่อนหยาดน้ำตาของตนเองเอาไว้ซ่งหลีจึงหันไปหาเฟิ่งจิ่วเหยียนก่อนจะโค้งกายคำนับ “ได้โปรดดูแลเวยเฉียงด้วย”เฟิงจิ่วเหยียนจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“น้องสาวของข้า ข้าย่อมต้องดูแลนางเป็นอย่างดี ซ่งหลี หากเจ้ามิอาจแก้ปัญหาได้แล้วละก็ เขียนจดหมายส่งกลับมาเสีย อย่าได้ปล่อยให้เวยเฉียงรอเจ้าไปโดยเปล่าประโยชน์ พวกข้าหาได้ถือโทษโกรธเคืองเจ้าไม่”ซ่งหลีโค้งกายคำนับอีกครั้ง “ข้าจะกลับมา”สุดท้าย ซ่งหลีมองไปที่เฟิ่งเวยเฉียงอย่างไม่เต็มใจจาก พลางเดินขึ้นรถม้าไปหลังจากที่ซ่งหลีจากไปนั้น เฟิ่งเวยเฉียงก็อดไม่ได้พลันร่ำไห้ออกมา“ท่านพี่...เขา เขาจะกลับมาจริง ๆ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโอบกอดนางเบา ๆ “ต้องมา”ยามที่เอ่ยออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 641

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันมองไปยังฮูหยินผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งที่กำลังเดินลงบันไดมาใบหน้าของฮูหยินนั้นดูซีดเซียวเล็กน้อย คงเป็นเพราะว่าเร่งเดินทางมานานหลายวัน เมื่อเห็นมีคนยืนอยู่ด้านหน้าเซียวเหยาจวีนั้น นางจึงเหลือบตามองครู่หนึ่ง พลางเผยท่าทีผู้สูงศักดิ์ออกมา “บุตรชายของข้า ซ่งหลีอยู่ที่ใด”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงรับรู้ได้ในทันทีว่า คนผู้นี้คือมารดาของซ่งหลีอย่างแน่นอน ใบหน้ามีความคล้ายคลึงเจือไปด้วยความฉลาดเฉลียว ใบหน้าเรียวเล็ก ดูผอมบาง หากแต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นกลับเจือไปด้วยความดุดันเข้มงวด ราวกับอาจารย์ที่ใบหน้ามิค่อยยิ้มแย้ม ในมือพลันถือไม้เรียวเอาไว้ภายในเซียวเหยาจวีนั้นด้านหน้าห้องโถงถึงแม้ว่าแม่ซ่งจักเป็นแขก ทว่า เนื่องด้วยนางมีสถานะเป็นผู้อาวุโสจึงได้รับเกียรติให้นั่งหัวโต๊ะในทันทีซ่งหลีจับมือเฟิ่งเวยเฉียงเอาไว้ พลางแสดงความเคารพต่อแม่ซ่งพร้อมกันฮูหยินซ่งมิได้เหลือบตามองดูพวกเขาแม้แต่น้อย นางพลันหลุบสายตาลงเพื่อก้มหน้าดื่มชาด้วยท่าทีสำรวมบรรยากาศภายในห้องพลันตกสู่ความเงียบงันไปในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนที่นั่งอยู่ด้วยนั้น ดวงตาของนางพลางทอประกายความเย็นชาออกมาแม่ซ่งผู้นี้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 640

    “จิ่วเหยียน?” ฮูหยินเมิ่งลองเอ่ยถาม“เจ้าค่ะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เดิมคิดว่าจะได้คลายความกลัดกลุ้ม จึงออกจากเซียวเหยาจวีมาที่จวนแม่ทัพโดยมิรู้ตัวฮูหยินเมิ่งจุดตะเกียง เมื่อมองเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้ว่านางต้องพบเจอปัญหาอะไรบางอย่างเฟิ่งจิ่วเหยียนบอกเรื่องของเวยเฉียงกับซ่งหลี พร้อมกับถามว่า: “ข้ายื่นมือเข้าไปยุ่งมากเกินไปหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งกุมมือของนาง และเอ่ยโน้มน้าว“หากพวกเขารักกัน ต่อให้เจ้าใช้ทุกวิถีทาง ก็แยกพวกเขาออกจากกันไม่ได้ ซ่งหลีข้าเคยพบแล้ว นับว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง“เวยเฉียงอยู่กับเขา จะไม่มีทางลำบาก“ข้ากลับเป็นห่วงเจ้ามากกว่า”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอาจารย์หญิงถึงเป็นห่วงตนฮูหยินเมิ่งตบหลังมือของนางเบา ๆ “เจ้ามักจะคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย การทำศึกสำหรับเจ้ามิใช่เรื่องยาก สิ่งที่เจ้าผ่านได้ยากที่สุด คือด่านความรัก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเม้มริมฝีปาก“อาจารย์หญิง บอกท่านตามตรง ตอนนี้ข้ากำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่จริง ๆ”แววตาของฮูหยินเมิ่งเผยให้เห็นความสงสัยในทันทีหลังจากต้วนไหวซวี่ตายแล้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 639

    ไฉ่เยว่รู้สึกกังวลใจ “คุณหนูตกลงรับรักของท่านหมอซ่งแล้ว เดิมนี่เป็นเรื่องดี ทว่าบ่าวกังวลว่า ตระกูลซ่ง...ตระกูลซ่งจะไม่ยอมรับคุณหนู ถึงเวลานั้นอาจจะดีใจเก้อ คนที่เสียใจก็จะเป็นคุณหนู“คุณหนูจิ่วเหยียน ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมคุณหนูเถอะเจ้าค่ะ”ไฉ่เยว่จะคิดถึงคุณหนูในทุกเรื่อง เช่นเดียวกับคนในครอบครัวเดียวกัน จึงไม่แปลกที่จะมองการณ์ไกลบ้างครั้งก่อนที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาที่ชายแดนเหนือ ก็รู้ความรู้สึกของซ่งหลีที่มีต่อเวยเฉียงในตอนนั้นนางก็เคยเตือนซ่งหลี ให้ทำความเข้าใจกับผู้อาวุโสของตระกูลซ่งก่อน จากนั้นค่อยมาสานสัมพันธ์กับเวยเฉียงอีกอย่างในตอนนั้น นางมิรู้ด้วยซ้ำว่าเวยเฉียงรู้สึกอย่างไรกับซ่งหลีในขณะนี้ ความคืบหน้าของเรื่องนี้ได้เกินกว่าที่นางคาดหมายไว้นางจึงรีบไปพบซ่งหลีทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับการซักถามของนาง ซ่งหลีก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา“ข้าตัดสินใจแล้วว่า จะแต่งงานกับเวยเฉียงเท่านั้น“ข้าได้เขียนจดหมายถึงผู้อาวุโสในครอบครัวก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็มิได้คัดค้าน”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ทว่ากลับข่มกลั้นบางอย่างไว้“เจ้าบอกความจริงหรือไม่ พวกเขารู้หรือไม่ว่าเวยเฉียง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 638

    หลังจากไปคารวะอาจารย์หญิงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มุ่งตรงไปที่เซียวเหยาจวีทันทีนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ และสวมหน้ากากอยู่ แต่กลัวว่าเวยเฉียงจะจำนางไม่ได้ จนกระทบกระเทือนจิตใจ ดังนั้นก่อนจะเข้าไปที่เซียวเหยาจวี นางจึงถอดหน้ากากออกเมื่อเดินเข้าไปในลานกว้าง นางก็เห็นเวยเฉียงกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า ซ่งหลีคอยผลักให้เบา ๆ อยู่ด้านข้าง แววตาดูอ่อนโยนและห่วงใยในตอนนั้น เวยเฉียงเงยหน้าขึ้นและมองเห็นนาง“พี่สาว!” เฟิ่งเวยเฉียงราวกับผีเสื้อเริงร่า นางยืนขึ้น และวิ่งโผเข้ามาหานางเฟิ่งจิ่วเหยียนยื่นมือออกไปรับนางไว้ได้เห็นใบหน้านางแดงระเรื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความดีใจหากกำจัดปานปลอมที่ใช้แปลงโฉมง่าย ๆ บนแก้มแล้ว พวกนางก็มีหน้าตาแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง“พี่สาว! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”ซ่งหลียืนอยู่ที่ไกล ครั้งแรกที่เห็นหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียน ก็รู้สึกตกใจสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ รูปลักษณ์ภายนอกของคนผู้นี้ช่างเหมือนกับซูฮ่วน! ทว่า คนฉลาดอย่างเขา ลองคิดกลับกันก็น่าจะเดาความจริงได้เขาอดถอนหายใจมิได้---ซูฮ่วนหลอกเขาเสียสนิทเลยทว่า ยังดีที่เป็นเช่นนี้มิเช่นนั้นแล้วเขาจะรู้ส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 637

    วันที่สองหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนจากไป เซียวอวี้ก็เดินทางกลับเมืองหลวงเช่นกันเพื่อป้องกันมิให้ราษฎรตื่นตระหนก เขาจึงตั้งใจสั่งให้หนานซานอ๋องกับเหล่าทหาร ปิดปากเงียบเรื่องของเจดีย์เก้าชั้นกับหยางเหลียนซั่วตงฟางซื่อก็ตัดสินใจไปท่องยุทธภพต่อ ทำตัวเป็นคนพเนจรพรรคเทียนหลงใช้แผนการชั่วร้าย ทำให้ชาวยุทธภพตายไปไม่น้อยยุทธภพในตอนนี้ จึงต้องการคนอีกมากลุกขึ้นยืนหยัดบางคนเสนอให้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรอู่หลินขึ้นมาใหม่ ทั้งเสนอแนะให้ตงฟางซื่อเป็นผู้นำทว่า หลังจากที่ตงฟางซื่อผ่านเรื่องราวเหล่านั้น ก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ อีกทั้งเขาก็หาใช่คนที่ตอบแทนความแค้นด้วยการทำดีตอบ จึงปฏิเสธไปตามตรงเขาเข้าใจแจ่มแจ้ง พันธมิตรอู่หลินคืออะไร ในยามต้องการก็เป็นสมบัติ ส่วนในยามที่ไม่ต้องการก็เป็นฟางเน่ามิน่าเล่าในตอนแรกไม่ว่าจะพูดอย่างไรซูฮ่วนก็ไม่ยอมเป็นรองผู้นำกลุ่มพันธมิตรที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีการหลอกลวงและการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แม้ยุทธภพมิใช่ราชสำนัก ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติเช่นกันเขายอมเป็นจอมยุทธ์ที่มีอิสระดีกว่าตงฟางซื่อปฏิเสธที่จะเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร ดั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 636

    “เจ้าต้องการจะกลับไปชายแดนเหนือ?” เซียวอวี้มองไปยังคนตรงหน้าที่มาอำลาตน เขารู้สึกแน่นในทรวงอกเดิมเขาคิดว่า เมื่อเรื่องเจดีย์เก้าชั้นจบลงแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็สามารถกลับเมืองหลวงไปกับเขาดังนั้น เขาจึงเฝ้ารอนางมาตลอด และรีรอไม่ออกเดินทางมิง่ายเลยกว่าจะรอให้ต้วนไหวซวี่หมดลมหายใจ แต่เพื่อเถ้ากระดูกของต้วนไหวซวี่แล้วนางยังต้องการจะไปชายแดนเหนืออันที่จริง นางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักและมิตรภาพ เรื่องทำนองนี้ก็มิใช่เรื่องใหญ่ทว่าแล้วเขาเล่า?นางเคยนึกถึงเขาบ้างหรือไม่?เซียวอวี้ยืนอยู่ที่เดิม หมัดเริ่มกำแน่นเขาควบคุมอารมณ์พร้อมถามว่า “เจ้า...จะกลับมาอีกหรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเข้าไปในดวงตาของเขา และมิได้ตอบเขาในวินาทีแรกในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่อึดใจขณะที่นางกำลังลังเล เซียวอวี้ก็หมดความอดทน ดวงตาดำมืดของเขาคู่นั้น พลันปกคลุมไปด้วยความหม่นหมองในทันที ทันใดนั้นเขาจับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ และดันนางไปที่หลังประตู น้ำเสียงของเขาแหบพร่า“เจ้าจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่!“เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าทำเช่นนี้กับเราได้อย่างไร!“เป็นเพราะคำพูดสุดท้ายก่อนตายของต้วนไหวซวี่ใช่หรือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 635

    ณ จวนหนานซานอ๋องวันรุ่งขึ้น เฟิ่งจิ่วเหยียนฟื้นขึ้นมาในห้องของตนเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นสาวใช้เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง“คุณชายซู ท่านฟื้นแล้ว!” สาวใช้ในจวนมิรู้ตัวตนของนาง เมื่อเห็นบนตัวนางสวมเครื่องแต่งกายบุรุษ จึงเรียกว่าคุณชายมาตลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นนั่ง เอามือค้ำหน้าผาก ความคิดก็พลุ่งพล่านหยางเหลียนซั่วหนีไปแล้วมิรู้ว่าถูกผู้ใดช่วยไปแล้วดูเหมือนว่า ยังมีคนที่พวกเขามิได้สังเกต และแอบสอดแนมอยู่ตลอดหลังจากนางชำระกายอย่างง่าย ๆ ก็ไปพบกับเซียวอวี้เซียวอวี้เห็นนางตื่นเช้าเช่นนี้ จึงเตือนนางว่า “เจ้าบาดเจ็บภายใน จักต้องพักผ่อนให้มากถึงจะหายดี”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิสนใจคำพูดทักทาย กลับเอ่ยถามออกมาตรง ๆ“ส่งคนไปตามหาหยางเหลียนซั่วแล้วหรือไม่? มีข่าวคราวใดบ้าง?”เซียวอวี้ตอบนางว่า “จนบัดนี้ก็ยังไม่มีเบาะแส ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ทานอาหารมื้อเช้าก่อนเถอะ หยางเหลียนซั่วร่างกายบาดเจ็บสาหัส มิอาจสร้างความวุ่นวายใหญ่โตได้”ขณะที่พูด เขาก็ส่งสัญญาณทางสายตาให้เฉินจี๋ไปนำอาหารมื้อเช้ามาเมื่อมีเรื่องราวที่ทับถมอยู่ในใจของนาง เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นอาหารเหล่านี้ ก็แทบไม่มีความอยากอาหารในห้องด้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 634

    เพื่อรับมือกับหยางเหลียนซั่ว เซียวอวี้ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้วเหล่าองครักษ์จึงตั้งค่ายกล พร้อมปล่อยตาข่ายลงมา เหมือนกับดักจับปลา ทำให้หยางเหลียนซั่วติดอยู่ในตาข่ายจากนั้นคนจำนวนหนึ่งก็รีบล้อมวงเข้ามา และย้ายตำแหน่งกัน ปากตาข่ายจึงรัดแน่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาหยางเหลียนซั่วเหวี่ยงมือทั้งสองข้าง และดิ้นรนทว่า การพังทลายของเจดีย์เก้าชั้น เดิมก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นยังต่อสู้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการโจมตีของซูฮ่วน บวกกับในเวลานี้เขาธาตุไฟเข้าแทรก พลังเจินชี่กลับรั่วไหลออกมา ตาข่ายนี้ ในยามปกติเขาสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย ทว่าตอนนี้กลับมีกำลังไม่เพียงพอพลังเจินชี่รั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาก็ได้รับความทรมานเช่นกัน“ยิงธนู!!” หนานซานอ๋องออกคำสั่งตามมาในขณะที่กำลังจะยิงสังหารราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้ แต่จู่ ๆ หมอกควันสีขาวก็กระจายฟุ้งขึ้นมาโดยรอบตรงกลางหมอกควันนั้น ก็คือหยางเหลียนซั่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนหัวใจบีบแรงแย่แล้ว!มีคนช่วยหยางเหลียนซั่ว!หมอกควันหนาทึบ ทุกคนมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ชัด ทั้งยังสำลักควันหนานซานอ๋

DMCA.com Protection Status