Share

บทที่ 56

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ตำหนักหย่งเหอ

หลังจากที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำหนดให้การเข้าเฝ้าคารวะหวนคืนกลับมา ยังมีสนมหลายนางอ้างว่าเจ็บป่วยมาคารวะไม่ได้

อาการป่วยเป็นเรื่องเท็จ แต่หันไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกุ้ยเฟยต่างหากเป็นเรื่องจริง

ภายในตำหนัก เหลียนซวงเกล้าผมให้เฟิ่งจิ่วเหยียน พลางบ่นอย่างกระฟัดกระเฟียด

“พระนาง คนอื่นไม่เท่าไร แม้แต่นางสนมเจียงก็ยังขอลาไม่มา

“หรือนางลืมไปแล้ว ว่าท่านทรงมีบุญคุณกับนาง?

“ก่อนหน้านี้นางไหว้วานคนมาบอก ว่าจะยอมช่วยท่านคัดกฎของวังยี่สิบรอบ บ่าวยังนึกว่านางมีเจตนาอยากลงเรือลำเดียวกับท่านเสียอีก

“ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นพวกไร้จุดยืนเช่นเดียวกัน!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังฉวยเวลาว่างอ่านรายการบัญชี กล่าวโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

“เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะพุ่งเข้าหาผลประโยชน์ และหลีกเลี่ยงภัยอันตราย”

บริเวณห้องโถงด้านหน้า

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งบนตำแหน่งหลัก ทั้งสองฝั่งขนาบข้างด้วยเหล่านางสนม

พวกนางผุดตัวลุกขึ้นพร้อมกัน เพื่อทำความเคารพฮองเฮา

“ถวายบังคมฮองเฮา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

“นั่งลงเถอะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองพวกนางคร่าว ๆ

นางในวังหลังล้วนงดงาม ดั่งเกษรผลิบานสะพรั่ง

ช่างน่าอนิจจ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
ดีค่ะดีๆๆๆๆๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 57

    ณ ตำหนักหลิงเซียวยามที่กุ้ยเฟยได้ยินเรื่องนี้ หัวคิ้วพลันขมวดแน่น“ฮองเฮาบ้าไปแล้วหรือไร! บังอาจมาบังคับให้ข้าเข้าร่วมแข่งขันด้วยเชียวหรือ?“นี่นางคิดว่า พอมีตราประทับทองแล้ว จะสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ แม้แต่ข้าก็ต้องเชื่อฟังนางอย่างนั้นหรือ!”หากไม่ใช่เพราะเมื่อคืนฝ่าบาทเพิ่งกล่าวเตือนนาง ว่าห้ามก่อเรื่องในช่วงระยะนี้ นางกับฮองเฮาก็คงได้เห็นดีกันแล้ว!เรื่องการแข่งขันขี่ม้าโปโล ไม่ได้มีเพียงกุ้ยเฟยที่ไม่พอใจหลังจากการชุมนุมยามเช้าเสร็จสิ้นลง เหล่านางสนมก็มารวมตัวกัน ทั้งยังพร่ำบ่นออกมาไม่หยุด“เข้าร่วมแข่งขันขี่ม้าโปโลบ้าบออะไรกัน! ฮองเฮานี่ก็ช่างแปลกประหลาด ถึงได้คิดเรื่องพิลึกเช่นนี้ออกมาได้!” “แม้นฮองเฮาจะพูดจาฟังดูสวยหรู แต่ข้าก็ไม่เต็มใจเข้าร่วม ยามนั้นกับยามนี้ไม่เหมือนกันเสียสักหน่อย ปัจจุบันกองกำลังของแคว้นหนานฉีเราก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว ไฉนสตรีอย่างเรา ๆ ต้องไปปกป้องแคว้นด้วย”“ฮองเฮาเพิ่งรับตำแหน่งก็แผลงฤทธิ์เสียแล้ว คิดจะทรมานกันชัด ๆ ข้าล่ะอยากจะเห็นเหลือเกิน ว่าการแข่งขันขี่ม้าโปโลนี่จะถูกจัดขึ้นได้หรือไม่”อีกด้านหนึ่ง หนิงเฟยตรงดิ่งไปกล่าวฟ้องที่ตำหนักฉื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 58

    ณ ห้องทรงพระอักษร เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มโค้งคำนับ“ถวายบังคมฝ่าบาท”เซียวอวี้ประทับนั่งอยู่หลังโต๊ะ แววตาคมกริบน่าเกรงขาม“เรามีเรื่องต้องสะสาง มีเรื่องอันใด รีบพูดมา”สนามขี่ม้าหลวงมีคนไปเข้าร่วมการฝึกแค่สองคน เรื่องนี้เขาเองก็ได้ยินแล้วคิดว่าฮองเฮาน่าจะควบคุมนางสนมเหล่านั้นไม่ได้ จึงอยากให้เขาออกคำสั่งให้เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“ยาบรรเทาอาการปวดศีรษะของกุ้ยเฟยใกล้จะหมดแล้ว หม่อมฉันจึงเอามาให้อีกหนึ่งขวด”คิ้วคมของเซียวอวี้เลิกขึ้นสูงนางแค่มาส่งยางั้นหรือ?ต่อมานัยน์ตาของเขาพลันฉายแววแข็งกร้าวครู่หนึ่ง“คราก่อนฮองเฮาบอกว่า เหลืออยู่ขวดเดียวสุดท้าย”คำพูดของเขาแฝงไปด้วยแววไต่ถามราวกับว่าประโยคถัดไปสามารถออกคำสั่งลงโทษนางโทษฐานพูดปดต่อจักรพรรดิได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่ง“หม่อมฉันเขียนจดหมายส่งให้ท่านพ่อ ให้เขาติดตามหมอพเนจรผู้นั้นโดยเฉพาะ“ช่างบังเอิญ ที่ไม่กี่วันก่อนหมอพเนจรผู้นั้นมาที่เมืองหลวง”เซียวอวี้สงสัยว่านางกำลังโกหก แต่ก็ไม่มีหลักฐาน“ช่างบังเอิญจริง ๆ”จากนั้นเขาก็ถามว่า “แล้วเหตุใดไม่เอาไปส่งที่ตำหนักหลิงเซียวโดยตรงล่ะ”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 59

    เหล่านางสนมทยอยออกมาน้อมรับกระแสรับสั่ง แต่ละคนต่างมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลยจากนั้นก็ได้ยินข้าหลวงผู้นั้นเอ่ยขึ้น“ฮองเฮาทรงส่งหมอหลวงมาตรวจพระสนมทั้งหลาย“ผู้ใดป่วยจักได้รักษา ส่วนผู้ใดจงใจอ้างเรื่องป่วยไม่ยอมไปสนามม้าหลวง จักถูกลงโทษให้คัดกฎของวังห้าสิบรอบ และถูกโบยห้าครั้ง!”เหล่านางสนมต่างมีสีหน้าหลากหลายในบรรดาพวกนางไม่มีใครคาดคิด ว่าฮองเฮาจะลงโทษอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!จากนั้นเหล่าหมอหลวงก็เข้ามาตรวจให้เหล่านางสนมทีละคนผลตรวจเป็นอย่างไรแทบไม่ต้องคาดเดาแต่ละคนต่างถูกโบย ทั้งยังถูกลงโทษให้คัดกฎของวัง ส่วนทางหนิงเฟยเพราะมีบอกกล่าวล่วงหน้า และมีไทเฮาคอยปกป้อง ดังนั้นจึงไม่เป็นอะไรมีนางสนมบางคนไม่ยอม จึงเอ่ยถามว่า “แล้วกุ้ยเฟยล่ะ! ได้ยินมาว่าวันนี้กุ้ยเฟยก็ไม่ได้ไปที่สนามม้าหลวงเหมือนกัน! เหตุใดฮองเฮาถึงไม่กล้าลงโทษนางบ้าง?”ข้าหลวงผู้นั้นตอบกลับอย่างนอบน้อม“คาดว่าเวลานี้ กระแสรับสั่งคงไปถึงตำหนักหลิงเซียวแล้วขอรับ”“อะไรนะ? ฮองเฮากล้าลงโทษกุ้ยเฟยจริง ๆ หรือ?” ทุกคนต่างมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อณ ตำหนักหลิงเซียวผู้คุมโทษมีท่าทางดุร้าย“กุ้ยเฟย ต้องขอล่วงเกินแล้ว!”ชุนเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 60

    กุ้ยเฟยมองไปยังทางเข้า แต่กลับไม่เห็นขบวนเสด็จขันทีผู้นั้นมีเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก“พระนาง หลิวกงกงกล่าวว่า ฝ่าบาท…ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้ามาทั้งวัน จึงเข้าบรรทมตั้งแต่หัววันแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทั้งมีกระแสรับสั่งว่า ห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็ดขาด”ชุนเหอนิ่งอึ้ง“เจ้าเลอะเลือนหรือไง นี่ยังพูดไม่ชัดอีกหรือ พระนางกำลังจะถูกโบยนะ!”พระนางเป็นถึงแก้วตาดวงใจของฝ่าบาท ไม่มีทางรวมอยู่ใน “ผู้ใด” ที่ว่านั้นแน่!สีหน้าของกุ้ยเฟยก่อเกิดไอเย็น สายตาที่มองมาทางขันที แฝงไปด้วยไอสังหารเศษสวะไร้ประโยชน์!ในเวลาสำคัญเช่นนี้ ขนาดเชิญเสด็จฝ่าบาทมาก็ยังไม่ได้อีกข้าหลวงผู้คุมโทษมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ลุกขึ้นมาพูด“กุ้ยเฟย ต้องขอล่วงเกินแล้ว!”พวกเขาเตรียมเข้ามาจับตัว ชุนเหอพลันตะโกนเสียงดัง“สามหาว! พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร!”……ผ่านไปครึ่งชั่วยามกุ้ยเฟยก็เอนพิงแท่นบรรทมอย่าง “อ่อนแรง”เมื่อเห็นชุนเหอเปิดม่านมุ้งเข้ามา นางก็รีบถามทันที“ฝ่าบาทล่ะ? เขามาไหม?”ชุนเหอกัดริมฝีปาก แล้วส่ายหน้า“ทางตำหนักจื้อเฉิน หลิวกงกงเองก็ยังไม่สามารถเข้าไปกราบทูลได้เลยเพคะ” “พระนาง บางทีฝ่าบาทอาจจะทรงเหนื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 61

    กุ้ยเฟยมีท่วงท่าสง่างามเด็ดเดี่ยว แตกต่างจากท่าทางอ่อนแอตอนที่อยู่กับฮ่องเต้ ยามอยู่ต่อหน้าฮองเฮา แววตาก็แฝงไปด้วยแววยั่วยุ่“ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่หม่อมฉันมาสาย“เป็นเพราะฝ่าบาทเป็นห่วงหม่อมฉัน จึงกำชับอยู่นาน กว่าจะยอมปล่อยหม่อมฉันมา”สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา ไร้แววไหวหวั่น“ฝากทูลฝ่าบาทด้วย เขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ข้าจะดูแลกุ้ยเฟยเป็นอย่างดี”นางย้ำคำว่า “ดูแล” เสียงหนักแต่กุ้ยเฟยหาได้กลัวไม่ ซ้ำยังป้องปากหัวเราะ เสียงใสดั่งกระดิ่งเงิน“คงไม่ใช่ว่าฮองเฮาลืมไปแล้วหรอกกระมัง? เมื่อเช้าฝ่าบาทยังตรัสอยู่เลย ว่าท่านต้องใช้คุณธรรมชนะใจคน ไม่ควรเอะอะอะไรก็จะลงโทษคนอื่นอยู่นั่น”ต่อมา  นางก็เดินเฉียดผ่านไป นั่งลงในกระโจมที่พัก รอบด้านมีแต่คนเข้ามาปรนนิบัติรับใช้นางเหล่านางสนมเห็นการกระทำของกุ้ยเฟย นางทำเช่นไร พวกนางเองก็ทำเช่นนั้นฮองเฮาแค่ให้พวกนางมาฝึกที่สนามม้าหลวง ไม่ได้บอกว่าพวกนางต้องฝึกไปถึงขั้นไหนเสียหน่อยดังนั้นแต่ละคนจึงเริ่มแอบอู้ เหลียนซวงเห็นแบบนั้นก็โมโหอย่างมาก“พระนาง พวกนางไม่เหมือนมาขี่ม้าเลย มีแต่แอบอู้ทั้งนั้น!”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา มอง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 62

    ฝั่งตะวันออกของสนามม้าหลวง ฮ่องเต้และรุ่ยอ๋องยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับเพิ่งมาถึงเมื่อครู่เสียนเฟยรีบเตือนให้นางสนมเจียเข้าไปทำความเคารพเมื่อทั้งสองคนเดินมาหยุดตรงหน้าฮ่องเต้ น้ำเสียงก็เบาหวิวดุจเมฆ “ถวายบังคมฝ่าบาท”รุ่ยอ๋องเองก็โค้งคำนับให้ทั้งสองคน “กระหม่อมขอคารวะพระนางทั้งสอง”นัยน์ตาของเขามักจะแฝงไปด้วยแววอบอุ่นเจือรอยยิ้ม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยดีเซียวอวี้ละสายตาจากทิศทางที่ฮองเฮาขี่ม้าออกไป ทอดมองมายังทั้งสองคน“ไม่ต้องพิธีรีตองมาก”เสียนเฟยถอยไปอยู่หลังเขาอย่างสงบเสงี่ยมส่วนนางสนมเจียรีบคว้าโอกาสที่นาน ๆ ทีจะมีครั้งไว้อย่างตื่นเต้น“ฝ่าบาท ท่านเสด็จมาขี่ม้าหรือเพคะ?”เซียวอวี้ไม่ตอบนาง แต่เดินผ่านนางไปรุ่ยอ๋องรีบเดินตามไปทันที“พระนางทั้งสองผู้หนึ่งอ่อนหวานเรียบร้อย ผู้หนึ่งสดใสร่าเริง ฝ่าบาทช่างโชคดีเหลือเกิน”คิ้วของเซียวอวี้คมปลาบ “อิจฉาหรือ? เช่นนั้นพรุ่งนี้เราจะมอบหมายคู่หมั้นให้เจ้า”รุ่ยอ๋องประสานมือรับผิดด้วยรอยยิ้มทันที “กระหม่อมผิดไปแล้ว!”จากนั้น เขาก็เอ่ยถามอย่างจริงจัง“แต่ได้ยินมาว่าเหล่านางสนมในวังหลังต่างมาฝึกขี่ม้าที่นี่ แต่ทำไมกร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 63

    เมื่อเหล่านางสนมวิ่งออกไป ก็พบว่าฝ่าบาทเสด็จกลับไปตั้งนานแล้ว พวกนางรู้สึกเสียดายไม่น่าแอบอู้เลย ไม่อย่างนั้นก็คงได้เจอฝ่าบาทแล้วโอกาสที่พวกนางจะได้เจอฝ่าบาทมีอยู่น้อยยิ่งนักหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกลับแล้ว มีเพียงกุ้ยเฟยที่ยังอยู่ที่เดิมนางย่อมไม่จำเป็นต้องกระเหี้ยนกระหือรือเหมือนคนอื่น ตราบใดที่นางอยากเจอฝ่าบาท นางก็สามารถเจอได้ทุกเมื่อนางสนมเจียเก็บงำเอาไว้ไม่ได้ จึงนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวกับทุกคนอย่างอดรนทนรอไม่ไหวจากนั้นก็ถูกส่งต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งยังใส่สีตีไข่ พูดเสียจนฟังดูสวยหรูสำหรับนางสนมที่มีโอกาสน้อยนักในการได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ต่างชวนให้รู้สึกอิจฉาแทนที่จะทนเปล่าเปลี่ยวอยู่ในตำหนัก สู้ออกมาเสี่ยงดวงที่สนามม้าหลวงยังจะดีกว่าวันต่อมา ยังไม่ถึงเวลาฝึก เหล่านางสนมก็มาที่สนามม้าหลวงกันแล้วทว่า หลังจากนั้นอีกหลายวัน ฝ่าบาทก็ไม่ได้เสด็จมาที่สนามม้าหลวงอีกเลยทุกคนต่างทอดถอนใจกันอีก“นางสนมเจียแค่โชคดี ผู้ใดสามารถรับรองได้ว่าพวกเราจะโชคดีได้เจอฝ่าบาทเช่นนั้น?”“นั่นสิ ใช่ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่สนามม้าหลวงทุกวันเสียหน่อย ข้าว่าพวกเรากลับไปเล่นไพ่นกกระจอกเหมือนเดิมดี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 64

    ชุนเหอเป็นบ่าวคนสนิทของกุ้ยเฟย ทั้งยังฉลาดเป็นกรดนางคาดเดาว่า “ฮองเฮาต้องกลัวว่าหากท่านอยู่ที่สนามม้าหลวง แล้วฝ่าบาททรงเสด็จมา จะสนใจเพียงแต่ท่านผู้เดียว ไม่ชายตามองคนอื่นเป็นแน่เพคะ”กุ้ยเฟยลำพองใจ“ถึงข้าไม่ไป ในสายตาของฝ่าบาทก็ไม่มีพวกนางอยู่ดี”แต่ว่า หลายวันมานี้ต้องตื่นแต่เช้าไปที่สนามม้าหลวงทุกวัน นางค่อนข้างเหนื่อยล้าจริง ๆ หลายวันต่อมาเฟิ่งจิ่วเหยียนก็มาถามผู้ดูแลผู้ดูแลตอบเสียงเบา“พระนาง ระยะนี้มีคนฝึกกระบวนท่า “เกล็ดน้ำค้างโบยบินดั่งหิมะ” หลายคนเลยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเองก็ทำตามที่ท่านกำชับ คอยชี้แนะเพิ่มเติม ยามที่เหล่าสนมเจอท่ายาก ๆ “แต่มีเพียงสนมเจียเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ สามารถเรียนรู้ได้ไว และขยันเรียนที่สุด แถมยังแอบเข้ามากลางดึกทุกคืนด้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจ จึงโบกมือให้เขาออกไปได้เหลียนซวงถามอย่างสงสัย“พระนาง สนมเจียจะกระตุ้นให้กุ้ยเฟยเปิดเผยทักษะขี่ม้าออกมาได้จริง ๆ หรือเพคะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้นิ้วหมุนลูกบอลโปโลเล่น ด้วยความคล่องแคล่ว“ทำสองสิ่งพร้อมกัน จำเป็นต้องใช้สิ่งของอีกอย่างนั่นคือ——ความระแวง” ……ยามราตรีโอบล้อมทุกสารทิศณ ตำหนักหลิงเซีย

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 742

    เมื่อเป่ยเยี่ยนต้องการถอยทัพนั้น หาใช่เรื่องดีสำหรับหยางเหลียนซั่วไม่เขาจึงเข้าพบฉินเซียวในทันที“ท่านแม่ทัพ นี่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมของพวกฉีเท่านั้น…”กองทัพใหญ่ได้เคลื่อนย้ายแล้ว ฉินเซียวมิต้องการฟังเรื่องไร้สาระอันใดจากเขาอีก“หยางเหลียนซั่ว เป็นเพราะเจ้ากล่าวว่าพวกเรามีโอกาสได้ชัย ฝ่าบาทจึงส่งกองกำลังเสริมมาให้กับพวกเราแน่! พวกเราหาได้มีความคิดที่จะต้องมารบกับหนานฉีจริง ๆ ไม่! ยามนี้งามหน้ายิ่งนัก เรื่องของเจ้าก็มิอาจจัดการได้สำเร็จ ยังมาทำให้พวกเราต้องสูญเสียกองกำลังอีกครึ่งหนึ่งไปอีก!“แม่ทัพเช่นข้านึกสงสัยยิ่งนัก ว่าเจ้าร่วมมือกับเซียวอวี้เพื่อมาทำลายเป่ยเยี่ยนของข้าใช่หรือไม่!“ไสหัวไป! คิดว่าตนเองเป็นใครกัน ถึงจะมาให้พวกข้าทำงานถวายชีวิตให้กับเจ้า?”ใบหน้าของหยางเหลียนซั่วพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาไปในทันทีเพียงแค่เขาโบกมือเล็กน้อยก็คว้าเข้าที่คอของฉินเซียวฉินเซียวตกใจยิ่งนักทั้งยังเจือไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“หยางเหลียนซั่ว...เจ้า...”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่ากำลังภายในที่ร่างกายของเขากำลังรั่วไหลออกมาหยางเหลียนซั่วที่กำลังดูดซึมกำลังภายใน พลางเอ่ยถามออกมาด้วยท่าทีเคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 741

    เมื่อปีใหม่มาเยือน กองทัพหนานฉีจึงเริ่มโจมตีกลับเป็นระลอก ๆ การโจมตีกลับในครานี้เป็นเพียงแค่การยั่วยุเท่านั้น หาใช่การสู้รบจริง ๆ ไม่ดูเหมือนจะมิเป็นอันตรายอันใด ทว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้งทั้งวันทั้งคืนเข้า ก็ทำเอาทั้งกองทัพเยี่ยนตกอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลาหลังจากเป็นเช่นนี้ไปนานครึ่งเดือนนั้น ตกกลางคืน พลันเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นภายในค่ายกองทัพเยี่ยน...“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ! ค่ายแตกขอรับ!”ค่ายแตกในที่นี่หมายถึงค่ายเกิดการจลาจลปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทว่า นับเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกองทัพเป็นอย่างมากฉินเซียวลุกขึ้นมาในทันที เหล่าองครักษ์จึงกรูเข้าอารักขาเขา พลางกล่าวคำรามออกมาว่า“คุ้มกันท่านแม่ทัพหนีออกไป!”การจลาจลในค่ายพลันเกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิดเพียงแค่ทหารนายหนึ่งร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ฆ่า” พลางทำเอาทหารภายในกองทัพหันมาห้ำหั่นกันเอง กองทัพเยี่ยนในยามนี้พลันตกอยู่ในความสับสนอลหม่านไปในทันทีเหล่าทหารกองทัพเยี่ยนในยามนี้คล้ายกับแมลงวันที่ไร้หัว พวกเขารีบร้อนลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พลางกรีดร้องออกมาด้วยความโกลาหลวุ่นวายในส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 740

    มังกรไฟที่หนานฉีลากออกมา จะทำให้กองทัพเยี่ยนถูกโจมตีอย่างหนักก่อนหน้านี้ กองทัพเยี่ยนคิดไปเองว่า การสร้างปืนหอกไฟที่มีเฉพาะของหนานฉีขึ้นมา จะทำให้เป่ยเยี่ยนไร้คู่ต่อกร ผู้ใดจะคิดว่า หนานฉีก็แอบลักจำเช่นกัน!แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยน---ฉินเซียวก็มิอยากเชื่อ เขาจักต้องเห็นด้วยตาตนเอง มิเช่นนั้น ยากจะรับประกันได้ว่ากองทัพฉีมิได้หลอกลวง!หลังจากเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นฐานมังกรไฟของกองทัพฉี ก็เหมือนกับของเป่ยเยี่ยนพวกเขาทุกประการ!กองทัพฉียังส่งคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ลากมังกรไฟไปทางด้านกองทัพเยี่ยนของพวกเขา มังกรไฟของทั้งสองแคว้นเฉียดผ่านกันไป สถานการณ์ทำเอาคนพูดไม่ออกกองทัพฉียังคงโห่ร้อง“ฮ่องเต้พวกเราตรัสว่า ขอบคุณเป่ยเยี่ยนที่ส่งกระสุนมังกรไฟมาให้!”ฉินเซียวมือไม้อ่อนแรงขึ้นมาทันทีกระสุนมังกรไฟลูกนั้นมอบให้กลุ่มกบฏพรรคเทียนหลง เพื่อช่วยพวกเขาก่อความวุ่นวาย และสังหารฮ่องเต้ตอนนี้กลับมาปรากฏอยู่ที่นี่!หากหนานฉีมีมังกรไฟจริง ๆ แผนการของเขาก็คงใช้กันไม่ได้แล้วมิใช่แค่เพียงกองทัพเยี่ยน แม้แต่เหล่าทหารหนานฉีในด่านเฉาอวี๋ ในเวลานี้ต่างตะลึงงัน และประหลาดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่ก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 739

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมใส่ชุดเกราะ เซียวอวี้เห็นแล้ว ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที“เจ้าจะทำอะไร มิใช่พูดแล้วหรือว่า เรื่องสำคัญอันดับแรกของเจ้าคือการพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ”เฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งและใจเย็น“อาการบาดเจ็บของหม่อมฉันไม่ร้ายแรง หากอยู่ที่นี่ไปตลอด ในทางตรงกันข้ามร่างกายจะยิ่งไม่สบาย“การขับไล่กองทัพเยี่ยน เรื่องนี้ไม่ควรรอช้า ยิ่งไปกว่านั้นหยางเหลียนซั่วก็อยู่ที่กองทัพเยี่ยนด้านนั้นด้วย การจัดการพวกเขาโดยเร็วที่สุด ถึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วยเขาขวางนางไว้ แววตาดูเคร่งขรึม“เราไม่อนุญาต อาการบาดเจ็บของเจ้ายังไม่หายดี จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้อีก”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“หม่อมฉันจะดูแลตนเองให้ดี”“จิ่วเหยียน เจ้า...”เขายังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง ทว่าด้านนอกกลับได้ยินเสียงรายงาน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนตะโกนโวยวาย ให้เราส่งมอบตัวซูฮ่วน มิเช่นนั้นจะเปิดฉากสงคราม”ชายแดนด้านตะวันออกด้านนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพเยี่ยนมืดฟ้ามัวดิน ธงรบสีแดงถูกลมพัดเสียงดังพรึ่บพรั่บกองทัพทั้งสองประจันหน้ากัน แม่ทัพใหญ่ของกองทัพเยี่ยนฉินเซียวท่าทางหยิ่งทะนงเพราะด้านหลัง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 738

    เซียวอวี้โอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไว้ ไม่อยากให้นางเห็นน้ำตาที่ควบคุมไม่ได้นั้นโธ่เอ๊ย!บุรุษไม่ควรหลั่งน้ำตาง่าย ๆ แล้วเขาร่ำไห้ได้อย่างไร!ช่างอับอายขายหน้าจริง ๆ !ทว่า...รู้สึกอิ่มเอมใจในที่สุดจิ่วเหยียนก็บอกว่ารักเขาความรู้สึกของเซียวอวี้ผสมปนเปกัน เขาหอมที่แก้มนาง“เจ้าพูดอะไร? เมื่อครู่เราไม่ได้ยิน”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ได้ยินหรือ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”มือสองข้างของเซียวอวี้ประคองใบหน้านางขึ้นมาทันที “ใจร้ายนัก เจ้าตั้งใจ เราก็แค่อยากได้ยินเจ้าพูดอีกครั้ง มิได้หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก จากนั้น เงยคางขึ้น แตะลงไปที่ข้างริมฝีปากเขาเบา ๆ“เพคะ หม่อมฉันรักท่าน…”ในสมองของเซียวอวี้ราวกับพลุดอกไม้ไฟระเบิดขึ้น โชติช่วง สุกสกาว ไม่มีวันร่วงโรยแขนสองข้างของเขาโอบตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้ ราวกับได้กินน้ำผึ้งมิปาน รู้สึกมีความสุข“จิ่วเหยียน เราดีใจจริง ๆ ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ตายก็ไม่เสียใจจริง ๆ!”ต่อมาฟังนางเล่าเรื่องราว ถึงรู้ว่าสิ่งที่นางประสบพบเจอนั้นเสี่ยงอันตรายซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่หิมะถล่มใกล้เข้ามา ตามสามัญสำนึก ควรจะวิ่งไปด้านข้าง ทว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 737

    เมื่อเห็นฮูหยินเมิ่งออกมา หร่วนฝูอวี้รีบเข้าไปทักทายทันที ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง และเอ่ยถาม“อาจารย์หญิง สารเลวนั่น...ฮ่องเต้นั่นดูแลคนเป็นหรือ” แม้ฮูหยินเมิ่งจะแก้ไขอยู่หลายครั้งก็ตาม นางยังคงยืนกรานที่จะเรียก “อาจารย์หญิง”ฮูหยินเมิ่งนึกย้อนไปถึงใบหน้าซีดเซียวที่อดนอนของฮ่องเต้ ก็พยักหน้าเบา ๆ“อืม”หร่วนฝูอวี้ไม่ยอมแพ้ ยังถามอีกว่า: “ถ้าเช่นนั้นเขารู้แล้วหรือไม่ว่าซูฮ่วนมิอาจให้กำเนิดบุตรได้?”ฮูหยินเมิ่งเหลือบมองดูนาง สีหน้าไม่สบายใจ“มันยาก แต่หาใช่ว่าจะเป็นไปมิได้เลย”เหตุใดนางจึงมีท่าทางเหมือนหวังว่าจิ่วเหยียนจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้?หร่วนฝูอวี้ยิ้มอย่างกระดากอาย “ ใช่เจ้าค่ะ ท่านพูดถูก ถ้าเช่นนั้นฮ่องเต้ทรงทราบหรือไม่?”ฮูหยินเมิ่งส่ายหัวนางมิรู้ว่า จิ่วเหยียนบอกเรื่องนี้กับฮ่องเต้หรือไม่ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับทายาท ฮองเฮาให้กำเนิดบุตรยาก ถือเป็นเรื่องต้องห้ามหร่วนฝูอวี้ยังคงยกยิ้มมุมปากถ้าเช่นนั้นนางจักต้องทูลให้ฮ่องเต้ทรงทราบ! ขอเพียงเขาจากไป ซูฮ่วนก็จะเป็นของนางแล้ว!วันต่อมาในตอนรุ่งเช้า เซียวอวี้ชำระกายเสร็จ เริ่มจากไปที่กระโจมหลัก เพื่อหารือกับเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 736

    ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงอารมณ์เท่าใดนัก แค่มองเซียวอวี้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แววตาเยือกเย็น ใบหน้าซีดขาว และซูบผอมลงไปไม่น้อย“หากท่านใส่พระทัย หม่อมฉันจะไม่ตำหนิท่าน...”เขาเคยพูดอยู่หลายครั้งว่า ต้องการองค์ชายทว่า มีความเป็นไปได้ว่านางมิอาจมอบให้เขาได้เรื่องนี้ต้องอธิบายกับเขาให้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร นางก็จะไม่โกรธเคืองเซียวอวี้ได้ยินเช่นนั้น พลันรีบกุมมือนางไว้ และวางลงบนทรวงอกของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ“เราใส่ใจอะไร?“เราใส่ใจเพียงว่าเจ้ามีชีวิตอยู่หรือไม่ และอยู่เคียงข้างเราหรือไม่“จิ่วเหยียน เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น”เขาโอบนางเข้ามาในอ้อมแขนด้วยท่าทางอ่อนโยน คางแตะบนศีรษะของนาง ถูไถเบา ๆ ราวกับสุนัขป่าโดดเดี่ยวที่คลุ้มคลั่งได้พบคู่รัก ทั้งเหมือนราชสีห์รอนแรมในที่รกร้างได้พบครอบครัว ทั้งตัวคนจากดุร้ายกระสับกระส่าย เปลี่ยนเป็นเชื่อฟังและสงบนิ่งเขาเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา “เราต้องการแค่เจ้าเท่านั้น...”แม้ว่านางจะไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ นางก็ยังเป็นภรรยาของเขานางยังเป็นคนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ในใต้หล้านี้ เป็นฮองเฮาที่เขายอมรับความรู้สึกที่เขาม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 735

    ภายในกระโจมหลัก บรรดาแม่ทัพเอ่ยกันทีละคน“ฝ่าบาท กองทัพเยี่ยนมีทหารสองแสนนาย ก่อนหน้านี้พวกเขาตีฝ่าแนวป้องกันที่เมืองเซวียนอย่างลับ ๆ ตัดเส้นทางกองกำลังเสริม เกือบจะทำให้เมืองหลวงถึงขั้นเป็นพื้นที่อันตราย”“ต้องขอบคุณกลยุทธ์ที่ถูกต้องของแม่ทัพน้อยเมิ่ง บวกกับการกลับมาอย่างทันท่วงทีของจู้กั๋วกง ที่นำกองทัพใหญ่ไปปกป้องเมืองเซวียนอย่างสุดชีวิต จึงทำให้กองทัพเยี่ยนทำไม่สำเร็จ หลายวันมานี้ พวกเราบีบกองทัพเยี่ยนให้ถอยกลับไปทางชายแดนตะวันออกแล้ว”“ฝ่าบาท ดูจากภายนอก กองทัพเยี่ยนอยู่นอกชายแดนตะวันออก หนานฉีไม่ตกอยู่ในอันตรายชั่วคราว ที่จริงแล้ว ท่านลองดู...”แม่ทัพผู้นั้นชี้ไปที่จุดหนึ่งบนโต๊ะทราย แล้วเอ่ยต่อ “แนวป้องกันตอนกลางของเมืองเซวียน จะมีเมืองเซวียน เมืองม่อ กานโจว และด่านเฉาอวี๋เป็นหลักสำคัญ โดยเชื่อมกันเป็นแนวป้องกันตามขวางจากตะวันออกไปตะวันตก ก่อนหน้านี้กองทัพเยี่ยนเคยตีฝ่าด่านเฉาอวี๋ การคุ้มกันของที่แห่งนี้พังทลายแล้ว หากสงครามเริ่มขึ้น ด่านเฉาอวี๋ไม่สามารถรวบรวมกำลังได้แน่ ดังนั้น ที่แห่งนี้จึงไม่เหมาะเป็นสนามรบหลัก แทบจะกลายเป็นสถานที่ที่สูญเสียการคุ้มกัน”เซียวอวี้นำธงเล็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 734

    ไทฮองไทเฮาทรงถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลา แต่ยังรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้อย่างเต็มที่เหล่าท่านอ๋องมองเห็นนาง ทุกคนถึงกับตาค้างแม้แต่เสด็จย่าก็ถูกส่งเข้ามาในคุกเทียนเหลาด้วยหรือ?ถ้าเช่นนั้นพวกเขา...ดูเหมือนจะไม่ถูกปรักปรำแล้วช้าก่อน!หรือว่าพวกเขาจะก่อกบฏตามไทฮองไทเฮาจริง ๆ?สวรรค์!หญิงชราผู้นี้ ไม่เพียงทำร้ายคนอื่นก็ยังทำร้ายตนเองด้วย!เหล่าท่านอ๋องพลันนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง แอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลานี้ พลุดอกไม้ไฟนอกคุกเทียนเหลาอยู่ ๆ ก็ดังขึ้น พวกเขารู้สึกถึงความอ้างว้างคืนวันดี ๆ ส่งท้ายปีเก่า พวกเขากลับต้องอยู่ในคุกเทียนเหลา ช่างเป็นกรรมแท้ ๆ!ไทฮองไทเฮาทรงเข้ามาในห้องขังแห่งนี้ ก็เห็นมู่หรงหลันแม่ลูกอยู่ที่นี่ด้วยในใจนางรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อหันกลับมา ก็ประสานกับแววตาอันยั่วยุขององครักษ์ลับผู้นั้น และถูกเย้ยหยัน“คนสามรุ่นอยู่ร่วมกัน ไทฮองไทเฮา หญิงชราเช่นท่านช่างโชคดีเหลือเกิน”ขณะที่พูด หญ้าหางจิ้งจอกของคนผู้นั้นก็ขยับขึ้นลง แสดงออกถึงการยั่วยุไทฮองไทเฮาทรงทรมานพระทัยอย่างมากมู่หรงหลันได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกโยนไว้ที่มุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ เอนพิงอยู่ข้างกำแพง ห

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status