เมื่อคืนวานเซียวอวี้กำเริบเสิบสานยิ่ง คิดอาศัยแรงจากสุรามาบีบบังคับเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนหาใช่สตรีอ่อนแอทั่วไปไม่ จึงชกเขาเข้าเต็ม ๆ หนึ่งหมัดขณะนี้ผู้ที่ชกเขากำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ในมือถือไข่ไก่ที่ปอกเปลือกแล้วเอาไว้ดวงตานั้นแตกต่างจากส่วนอื่นในร่างกาย ไม่อาจใช้กำลังภายในสลายเลือดคั่งได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงได้แต่ใช้วิธีทั่วไป ทว่าผลลัพธ์ก็ช้ายิ่งตั้งแต่เมื่อคืนวานจนถึงยามนี้ ได้ใช้ไข่ไก่ไปสิบกว่าฟองแล้วทว่ารอยฟกช้ำบนดวงตาของเขาก็ยังไม่หายไป จึงไม่อาจพบใครได้เซียวอวี้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จะใช้วิธีพูดเกลี้ยกล่อมแบบไหนไม่ดีเขาไม่เคยพบสตรีที่แรงมากถึงเพียงนี้มาก่อน!ชกมาหมัดหนึ่ง เขาก็เกือบจะตาบอดแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนใช้ไข่ไก่กลิ้งประคบรอบตาเขาหลายรอบ ทันใดนั้นเขาพลันจับข้อมือของนาง“เจ้าช่างกำเริบเสิบสานเสียจริง!”ตีคนไม่ควรตีหน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงฮ่องเต้ของแคว้น!เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าเรียบนิ่งกล่าว “ท่านทำผิดก่อน”เซียวอวี้เป็นฝ่ายผิดจริง ๆทว่าเมื่อกลับมาคิดดู ต้องโทษเฟิ่งหมิงเซวียนน่าตายนั่น!พูดหลักการบ้าบออะไรนั่น!หากเฟิ่งหมิงเซวียนมาได้ยิ
“ฮองเฮา เดี๋ยวก็จะได้พบหน้ากับสาวใช้ของเจ้าผู้นั้นแล้ว เหตุใดจึงดูไม่ยินดีเลยเล่า?” เซียวอวี้รู้สึกเบิกบานใจที่วางแผนได้เหนือกว่านางอีกขั้นเขามองสำรวจคนตรงหน้า คิดอยากเห็นว่านางจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างไรยามนั้นนางทุ่มเทความคิดอย่างมากในการส่งเหลียนซวงออกจากวัง เขามีลางสังหรณ์ว่านี่ไม่ปกติ จึงจัดวางหมากลับไว้เพิ่มเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบขึ้นมอง สบตากับเขาดวงตาของนางราวกับมีรอยยิ้มบาง ๆ อยู่เซียวอวี้มองจนตกอยู่ในภวังค์ ทว่าทันใดนั้น...“เพละ!” เสียงดังขึ้นตามแรงในมือนาง เขาพลันรู้สึกเจ็บปวดบริเวณดวงตาอย่างรุนแรงไข่ทั้งฟองนั้น แตกจนเป็นผงสีเหลืองและขาวผสมกันเละเทะ กระจายไปทั่วดวงตาของเขา“ฮองเฮา เจ้าคิดจะฆ่าสามีหรือไร!”นางกำเริบเสิบสานเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!......ณ ชายแดนเหนือคู่สามีภรรยาเมิ่งได้รับจดหมายแววตาฮูหยินเมิ่งดุดัน“เฉียวม่อถึงกับทำป้ายคำสั่งอินทรีเหินปลอมขึ้น เช่นนั้นป้ายคำสั่งที่นางส่งคืนมาก่อนหน้านี้ก็เป็นของปลอมหรือ?”นางรีบปลดกลไกกล่องทันที ป้ายคำสั่งอินทรีด้านในนั้นมองอย่างไรก็เหมือนกับของจริงไม่ผิดเพี้ยนแม่ทัพเมิ่งรับมันมาดู แล้วหยีตาดูอยู่พักหนึ่ง
หลังถูกลูกธนูยิง เดิมเฉียวม่อคิดว่า ตัวเองต้องตายเป็นแน่นางคิดว่า ตายไปทั้งอย่างนี้ก็ดี จะได้จบ ๆ แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ยามมวลความเจ็บปวดถึงขั้วกระดูกม้วนตัวเข้ามา นางฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำแปลกถิ่น บริเวณรอบด้านต่างเต็มไปด้วยกำแพงหิน นางถูกมัดไว้บนเตียงไม้ผุพังหลังหนึ่งทันใดนั้นพลันมีเสียงแก่ชราดังขึ้นมาข้างหู“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ฟื้นแล้วหรือ…”ตอนนี้เฉียวม่อถึงได้เห็นว่า บนหัวนางมีบุคคลหนึ่งยืนอยู่ใบหน้าของคนผู้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเขาก้มหน้า จ้องมองมาที่นางพร้อมฉีกยิ้มร่าเฉียวม่อถามทันที “เจ้าช่วยข้าไว้หรือ?”นั่นสินะ ศิษย์พี่คงเคยช่วยเหลือคนไว้มากมาย!คนผู้นี้ต้องคิดว่านางเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่งเหมือนองค์หญิงใหญ่แน่ ๆ ถึงได้ช่วยชีวิตนางอย่างไม่สนสิ่งใดคนผู้นั้นยื่นมือไปจับหน้าอกของนางที่ถูกลูกธนูปัก นางพลันรู้สึกเย็นวูบจากนั้นก็ได้ยินเขาส่งเสียงหัวเราะชวนสยองออกมา“สมกับเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่งผู้ฝึกปรนร่างกายมาอย่างดี ร่างกายนี้ ช่างแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า“ถูกลูกธนูปักเสี่ยงตายถึงชีวิตแท้ ๆ แต่กลับรอด
เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลงบนก้อนหินข้าง ๆ ท่าทางดูเหน็ดเหนื่อยนางหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่ง เช็ดคราบเลือดบนคมดาบไปพลาง เอื้อนเอ่ยช้า ๆ เหมือนหาเรื่องคุย“หลังจากที่สงครามรัฐเหลียงสิ้นสุดลง ท่านอาจารย์ประกาศต่อภายนอกว่า ข้าบาดเจ็บสาหัส ต้องส่งตัวไปยังสถานที่กบดาล“เจ้าคิดว่า เขาทำเช่นนั้นเพียงเพื่อปิดบังเรื่องที่ข้ากลับไปที่เมืองหลวงงั้นหรือ?”เฉียวม่ออ้าปากพะงาบ ๆ พูดอย่างยากลำบาก“แล้วไม่ใช่หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนช้อนตาขึ้น สายตาลุ่มลึกดั่งมหาสมุทร“เรื่องแก้แค้นแทนเวยเฉียง เดิมทีไม่จำเป็นลงแรงเนิ่นนานถึงเพียงนี้“หากข้าอยากออกจากวัง ย่อมมีวิธีอยู่แล้ว“ความจริงก็คือ ชายแดนทิศเหนือไม่ค่อยสงบสุข ข้าจึงไม่สามารถกลับไปได้เร็ว”เฉียวม่ออารมณ์เดือดพล่าน เลือดบนตัวไหลออกมามากกว่าเดิมที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!นางสู้กับศิษย์พี่มาตั้งนาน สุดท้ายก็เดินหมากผิดไปหนึ่งตัว!!ดาบในมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนถูเช็ดจนมันขลับ สะท้อนใบหน้าเด็ดเดี่ยวของนาง“เจ้าอยากล่อเสือออกจากถ้ำ แต่กลับไม่รู้เลยว่า ข้าเองก็จำใจต้องออกจากถ้ำเหมือนกัน“ต้องโทษอาจารย์ที่ไม่ได้บอกเจ้าอย่างชัดเจน ว่าหลังจากสงครามสิ้นสุดลง
ณ สนามม้าหลวง วันนี้ลมแรงมากเฟิ่งจิ่วเหยียนว้าวุ่นโดยพลันเหตุใดถึงกลายมาเป็นนางสอนฮ่องเต้ยิงธนูล่ะ?รอยช้ำบนดวงตาของเซียวอวี้จางหายไป ใบหน้าจึงงดงามไร้ที่ติเขาหยิบคันธนูขึ้นมา แล้วหันไปถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“เราจับท่านี้ ถูกต้องไหม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเรียกสติกลับมา หันไปมองเขาจึงเห็นว่าท่วงท่าค่อนข้างดูสบาย ๆ เลยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“อืม ใกล้เคียง”เมื่อเขายิงธนูออกไป กลับห่างจากเป้านิ่งค่อนข้างไกลเฉินจี๋ไม่เข้าใจทักษะยิงธนูของฝ่าบาทแม่นยำมาตลอด แล้ววันนี้เป็นอะไรไป?เซียวอวี้ยิงอีกลูกปั่ก!ครั้งนี้แย่กว่าเดิม หลุดจากเป้านิ่งไปแล้ว!เฉินจี๋ :แปลกมาก! ฝ่าบาทต้องตรวจตราสาส์นร้องทุกข์มากเกิน จนข้อมือเสียหายเป็นแน่!ยิงธนูพลาดสองครั้งติด เซียวอวี้กลับไม่หงุดหงิดเลยสักนิด“ฮองเฮา” เขาเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้นไม่มีท่าทีถ่อมตน แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยแววขอคำแนะนำเฟิ่งจิ่วเหยียนเคยเห็นภาพเขายิงธนูสังหารเฉียวม่อ จึงรู้ดีว่าทักษะยิงธนูของเขาเป็นเช่นไรและรู้ด้วยว่าที่เขาอยากให้นางสอนในตอนนี้เพราะคิดอะไรอยู่นางมองตรงไปยังเบื้องหน้า กล่าวเตือนอย่างไม่เกรงใจ“ที่แห่งนี
เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างตายด้าน“ต้องสอนตามความสามารถของผู้เรียน หากเป็นคนมีทักษะยิงธนูธรรมดา ข้าจะให้เขายิงตำแหน่งกลางอก เพราะเป้านิ่งค่อนข้างกว้าง โอกาสชนะมีสูง“แต่คนที่มีทักษะยิงธนูเหนือชั้นเช่นท่าน พุ่งโจมตีส่วนหัว จะยิ่งทำให้ถึงแก่ชีวิตได้แม่นยำมากกว่า“แต่ส่วนหัวเองก็มีชั้นเชิง อาจจะดูเหมือนว่าหน้าผากคือจุดเล็ง แต่ความจริงจุดเล็งอยู่หลังศีรษะ——บริเวณกะโหลกส่วนล่าง หรือก็คือจุดที่เชื่อมต่อกับกระดูกไขสันหลังบริเวณลำคอนั่นเอง…”ขณะที่นางพูด เซียวอวี้ก็ฟังอย่างตั้งใจแต่ไม่ทันได้รู้ตัว พอมองริมฝีปากที่กำลังขยับอ้าของนาง หัวใจของเขาก็กระตุกไหวณ ตำหนักฉือหนิงองค์หญิงใหญ่ปักถุงหอมเรียบร้อย จึงตั้งใจว่าจะไปส่งให้ฮองเฮาด้วยตนเอง“อะไรนะ? ฝ่าบาทกำลังสอนฮองเฮายิงธนูอยู่งั้นหรือ?”เพ้อเจ้อ!เหล่าข้าหลวงต้องส่งสารผิดแน่นอน!ทักษะยิงธนูของแม่ทัพน้อยไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า! จำเป็นต้องให้ฝ่าบาทสอนด้วยหรือ?องค์หญิงใหญ่ตรงไปที่สนามม้าหลวงด้วยท่าทางองอาจเป็นดั่งคาด สิ่งที่นางเห็น เป็นฮองเฮากำลังสอนฮ่องเต้ชัด ๆ!นางมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับฮ่องเต้ผู้เป็นน้องชาย ยามที่ยังเป็นเ
องค์หญิงใหญ่กลับไปเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันมาสอนเซียวอวี้ยิงธนูต่อเซียวอวี้กลับเหม่อลอย“อาการปวดหัวของเจ้า รุนแรงหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บหุ่นไปพลาง พูดขึ้นมาลอย ๆ“อาการเดิม ๆ ข้าชินแล้วล่ะ”คิ้วคมของเซียวอวี้ขมวดมุ่น ถามต่อเหมือนไม่ตั้งใจ“ตอนที่อาการปวดหัวของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์กำเริบ ยาที่เจ้าเคยให้นาง เป็นยาที่เจ้าใช้เองหรือ?”ตอนนั้น เขาไม่รู้ว่านางเองก็มีอาการปวดหัวเหมือนกัน แถมยังบังคับนางส่งยาที่มีทั้งหมดมาให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์อีก…เฟิ่งจิ่วเหยียนคร้านจะอธิบาย“เพคะ“ฝ่าบาท ท่านยิงธนูได้แล้ว”เซียวอวี้กลับวางธนูลง จดจ้องมาที่นางด้วยสายตาลุ่มลึก “เจ้าควรบอกเราตั้งแต่แรก หากเรารู้ว่าเจ้าเองก็ต้องใช้ยานั้น ก็คงไม่บังคับเจ้า…”เฟิ่งจิ่วเหยียนเริ่มรำคาญ“ฝ่าบาท วันนี้ข้ามาสอนยิงธนูให้ท่าน ไม่ใช่มารำลึกถึงความหลังกับท่าน”กับคนที่นางไม่ได้สนใจ นางไม่ได้มีเวลาว่างมากระเง้ากระงอดด้วยขนาดนั้นหัวใจของเซียวอวี้ว้าวุ่น จนมือเสียสมดุลก่อนหน้านี้เขาทำอะไรลงไป!ฟิ้ว——หัวลูกธนูเฉียดผ่านศีรษะของหุ่น หลุดออกจากเป้านิ่งไปแล้ว!เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองเซียว
วันต่อมา ไทฮองไทเฮาทรงเรียกฮ่องเต้มาตักเตือนต่อหน้า“ข้าก็ใช่ว่าไม่พอใจที่เจ้ากับฮองเฮาจะมีความรักต่อกัน เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานะด้วยเช่นกัน“ฮองเฮาควรสุขุมเรียบร้อย และควบคุมดูแลวังหลังให้ดี“ทว่านางกลับละเลยถึงเพียงนี้ เป็นสตรีจะฝึกยิงธนูอะไรกัน? ทั้งยังชักนำให้ฝ่าบาทอย่างเจ้าละเลยงานราชกิจอีกด้วย“สองวันก่อนเจ้าก็ไม่ได้เข้าว่าราชกิจด้วยซ้ำ...ดูเถอะว่าฮองเฮาทำให้เจ้าหลงใหลจนกลายเป็นสภาพใด!“ฝ่าบาท เจ้าก็มิใช่คนที่หลงใหลในรูปโฉม หลายวันนี้เป็นเช่นไรหรือ? เหตุใดจึงเลอะเลือนถึงเพียงนี้!”ไทฮองไทเฮาทรงเอ่ยตั้งมากมาย ทว่ากลับเห็นฮ่องเต้ราวกับวิญญาณล่องลอย ตัวคนอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ใจลอยไปที่ใด“ฝ่าบาท!” ไทฮองไทเฮาทรงตะคอกด้วยความโมโหแววตาของเซียวอวี้ดูเย็นชา “เสด็จย่ามีเรื่องอันใด?”แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่ไทฮองไทเฮาทรงหายใจแทบติดขัด“ข้ากำลังตักเตือนเจ้าเรื่องขอบเขตที่เหมาะสมของการเป็นกษัตริย์“ทั้งเจ้าก็ยังเป็นสามี จึงควรจะควบคุมภรรยาของตนให้ดี อย่าปล่อยให้ฮองเฮามีอิทธิพลต่อเจ้า”เซียวอวี้ยังเย้ยหยันตนเองเขาหรือจะควบคุมฮองเฮาได้?เมื่
หลังจากที่ฮ่องเต้เยี่ยนได้ฟังคำขอของพระธิดา ก็หาได้ปฏิเสธทันทีไม่ ฮองเฮาของเซียวอวี้——เฟิ่งจิ่วเหยียน มิใช่สตรีธรรมดา สาเหตุที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ต่อหนานฉีหลายครั้ง ล้วนมีฝีมือของสตรีคนนี้อยู่ในนั้น ถึงแม้เซี่ยนอี๋ไม่เอ่ย เขาก็ต้องการกำจัดเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่แล้ว “ได้ พ่อรับปากเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋รู้สึกพอใจมาก “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” สิ่งใดที่นางไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ ทว่า ฮ่องเต้เยี่ยนยังไม่หายแคลงใจ เขาถาม “เรื่องในคุกลับนั้น ผู้ใดบอกเจ้า” องค์หญิงเซี่ยนอี๋ยังมีจิตสำนึกอยู่ หาได้ทรยศองค์ชายสี่ไม่ “เป็น...เสด็จพี่เจ็ดเพคะ” สีหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนพลันมืดลง เจ้าเจ็ดนี่ เลอะเลือนเกินไปแล้ว! องค์หญิงเซี่ยนอี๋ขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จพี่เจ็ดก็ถูกหม่อมฉันบังคับ ท่านอย่าตำหนิเขาเลย และอย่าบอกเขาด้วยว่า หม่อมฉันพูด มิฉะนั้นต่อจากนี้เขาคงไม่รักเอ็นดูหม่อมฉันอีกเพคะ” ใบหน้าของฮ่องเต้เยี่ยนแสดงความอดกลั้นไม่ใส่ใจ “ได้ เราเข้าใจแล้ว”…… เมื่อองค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกจากวังหลวง ก็ตรงไปที่คุกลับอีกครั้ง ครั้
ขณะที่องค์หญิงเซี่ยนอี๋กำลังถือพู่หยกอย่างพึงพอใจ ทันใดนั้นชายหนุ่มก็บีบคอของนาง จนโซ่ที่ล่ามไว้ส่งเสียง“อึก!” นางพลันเบิกตากว้างไหนเสด็จพี่สี่บอกว่า ฮ่องเต้ฉีสูญเสียพลังภายในไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?เดิมทีเซียวอวี้คิดจะให้ความร่วมมือนาง เพื่อให้นางช่วยตัวเองหนีออกไปจากที่แห่งนี้ทว่า เขาประเมินความอดทนของตัวเองไว้สูงเกินไปเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!นางกล้าเอาพู่หยกนั้นไป!หลังจากเซียวอวี้บีบคอนาง นางก็พยายามชูพู่หยกไปด้านหลัง ไม่ยอมคืนให้เขาแต่ด้วยแรงมือของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ นางใกล้หมดลม แขนจึงหลุบลงเช่นนี้ เซียวอวี้จึงแย่งพู่หยกกลับมาได้ จากนั้นก็สะบัดนางออก ราวกับเพิ่งจับสิ่งของสกปรกมา ทั้งยังพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ“ไสหัวไป!”องค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับความรักมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยถูกดูแคลนขนาดนี้นางไม่ยอม จึงจ้องเซียวอวี้ตาเขม็ง“ท่านจะต้องเสียใจ! นอกจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้!”เซียวอวี้ไม่สนใจนางอีกหากเพื่อหนีออกไป แล้วต้องร่วมเออออห่อหมกไปกับผู้หญิงคนนี้ เขากลัวสกปรกองค์หญิงเซี่ยนอี๋ถูกทำลายศักดิ์ศรี ลุกขึ้น แล้วยิ้มเยาะ“ท่านลำพองใจอะไรนัก? เป็
องค์ชายสี่อ่านความคิดขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ออก จึงมีสีหน้าเคร่งขรึม“คนที่ขังอยู่ในนั้นคือใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ต่อให้เสด็จพ่อจะตามใจเจ้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางมอบเขาให้เจ้าแน่ เซี่ยนอี๋ เจ้าเลิกคิดเถิด”“หากท่านไม่บอก พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก!” องค์หญิงเซี่ยนอี๋กอดอก พูดข่มขู่องค์ชายสี่กลัวเหลือเกินว่านางจะมาสร้างเรื่องวุ่นวายยัยเด็กนี่ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมหยุดครุ่นคิดอยู่นาน องค์ชายสี่ก็ตัดสินใจบอกนาง“นั่นคือฮ่องเต้ฉี คนที่เสด็จพ่อใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวมา”ให้นางรู้ถึงตัวตนของคนผู้นั้น นางจะได้หวาดกลัวองค์หญิงเซี่ยนอี๋เบิกตาอ้าปากค้างในทันที จากนั้นใบหน้าก็ก่อเกิดริ้วแดง“เขาคือ…”นางไม่อยากจะเชื่อชื่อเสียงของฮ่องเต้หนุ่มจากหนานฉี นางเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วครั้งนี้ได้มาเจอ ช่างหล่อเหลาโดดเด่นอย่างที่ร่ำลือกันไม่มีผิดดูดีกว่าบรรดาราชบุตรเขยที่เสด็จพ่อให้นางเลือกเสียอีกและยังเป็นคนน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…องค์หญิงเซี่ยนอี๋จับชายเสื้อขององค์ชายสี่อย่างตื่นเต้น “เสด็จพี่ เสด็จพี่คนดีของข้า ข้ารับรองว่าจะไม่ทำเรื่องสำคัญของท่านกับเสด็จพ่อเ
วังหลังเหล่าสนมต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชสำนักส่วนหน้ามาบ้าง“ฮองเฮาจะให้เด็กเล็กขนาดนั้นขึ้นครองราชย์จริงหรือ? ช่างเละเทะเสียจริง!”“เห็นได้ชัดว่าหวังเพื่อควบคุมโอรสสวรรค์!”“นี่ก็เป็นส่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มิใช่หรือ ในเมื่อเหล่าขุนนางต่างพากันกดดันอย่างหนัก และยังมีทายาทในราชวงศ์ที่ไม่อยู่นิ่งอีกด้วย…”“ใช่สิ หากฮองเฮาไม่ทำเช่นนี้ พวกเราก็จะเดือดร้อนด้วย หากมีฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ สิ่งแรกที่จะทำต้องเป็นการจัดวังหลังใหม่เป็นแน่”พวกนางกังวลเกี่ยวกับผลสรุปของราชสำนักส่วนหน้าหลังจากรอคอยอยู่หนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มีขันทีมารายงาน——องค์ชายน้อยได้ขึ้นครองบัลลังก์มังกรสำเร็จแล้ว แต่ยังมีคนยึดติดเรื่องฝาแฝดไม่ยอมปล่อยวาง บังคับให้ฮองเฮาต้องสังหารองค์ชายอีกองค์ทิ้งเมื่อเหล่านางสนมได้ยิน ก็เริ่มเป็นห่วงฮองเฮาขึ้นมาในฐานะเป็นแม่ จะทำใจทิ้งลูกแท้ ๆ ได้อย่างไร?ขุนนางใหญ่เหล่านั้นทำมากเกินไปแล้ว!ทว่า ฝาแฝดก็เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่รู้ว่าฮองเฮาจะรับมืออย่างไรไม่นาน ก็มีขันทีมารายงานอีก“พระนางทุกท่าน เหล่าขุนนางได้สลายตัวแล้ว!”นางสนมทั้งหลายแปลกใจอย่างมากทำไมสลายต
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร