หลังถูกลูกธนูยิง เดิมเฉียวม่อคิดว่า ตัวเองต้องตายเป็นแน่นางคิดว่า ตายไปทั้งอย่างนี้ก็ดี จะได้จบ ๆ แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ยามมวลความเจ็บปวดถึงขั้วกระดูกม้วนตัวเข้ามา นางฟื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำแปลกถิ่น บริเวณรอบด้านต่างเต็มไปด้วยกำแพงหิน นางถูกมัดไว้บนเตียงไม้ผุพังหลังหนึ่งทันใดนั้นพลันมีเสียงแก่ชราดังขึ้นมาข้างหู“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ฟื้นแล้วหรือ…”ตอนนี้เฉียวม่อถึงได้เห็นว่า บนหัวนางมีบุคคลหนึ่งยืนอยู่ใบหน้าของคนผู้นั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเขาก้มหน้า จ้องมองมาที่นางพร้อมฉีกยิ้มร่าเฉียวม่อถามทันที “เจ้าช่วยข้าไว้หรือ?”นั่นสินะ ศิษย์พี่คงเคยช่วยเหลือคนไว้มากมาย!คนผู้นี้ต้องคิดว่านางเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่งเหมือนองค์หญิงใหญ่แน่ ๆ ถึงได้ช่วยชีวิตนางอย่างไม่สนสิ่งใดคนผู้นั้นยื่นมือไปจับหน้าอกของนางที่ถูกลูกธนูปัก นางพลันรู้สึกเย็นวูบจากนั้นก็ได้ยินเขาส่งเสียงหัวเราะชวนสยองออกมา“สมกับเป็นแม่ทัพน้อยเมิ่งผู้ฝึกปรนร่างกายมาอย่างดี ร่างกายนี้ ช่างแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า“ถูกลูกธนูปักเสี่ยงตายถึงชีวิตแท้ ๆ แต่กลับรอด
เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลงบนก้อนหินข้าง ๆ ท่าทางดูเหน็ดเหนื่อยนางหยิบผ้าออกมาผืนหนึ่ง เช็ดคราบเลือดบนคมดาบไปพลาง เอื้อนเอ่ยช้า ๆ เหมือนหาเรื่องคุย“หลังจากที่สงครามรัฐเหลียงสิ้นสุดลง ท่านอาจารย์ประกาศต่อภายนอกว่า ข้าบาดเจ็บสาหัส ต้องส่งตัวไปยังสถานที่กบดาล“เจ้าคิดว่า เขาทำเช่นนั้นเพียงเพื่อปิดบังเรื่องที่ข้ากลับไปที่เมืองหลวงงั้นหรือ?”เฉียวม่ออ้าปากพะงาบ ๆ พูดอย่างยากลำบาก“แล้วไม่ใช่หรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนช้อนตาขึ้น สายตาลุ่มลึกดั่งมหาสมุทร“เรื่องแก้แค้นแทนเวยเฉียง เดิมทีไม่จำเป็นลงแรงเนิ่นนานถึงเพียงนี้“หากข้าอยากออกจากวัง ย่อมมีวิธีอยู่แล้ว“ความจริงก็คือ ชายแดนทิศเหนือไม่ค่อยสงบสุข ข้าจึงไม่สามารถกลับไปได้เร็ว”เฉียวม่ออารมณ์เดือดพล่าน เลือดบนตัวไหลออกมามากกว่าเดิมที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!นางสู้กับศิษย์พี่มาตั้งนาน สุดท้ายก็เดินหมากผิดไปหนึ่งตัว!!ดาบในมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนถูเช็ดจนมันขลับ สะท้อนใบหน้าเด็ดเดี่ยวของนาง“เจ้าอยากล่อเสือออกจากถ้ำ แต่กลับไม่รู้เลยว่า ข้าเองก็จำใจต้องออกจากถ้ำเหมือนกัน“ต้องโทษอาจารย์ที่ไม่ได้บอกเจ้าอย่างชัดเจน ว่าหลังจากสงครามสิ้นสุดลง
ณ สนามม้าหลวง วันนี้ลมแรงมากเฟิ่งจิ่วเหยียนว้าวุ่นโดยพลันเหตุใดถึงกลายมาเป็นนางสอนฮ่องเต้ยิงธนูล่ะ?รอยช้ำบนดวงตาของเซียวอวี้จางหายไป ใบหน้าจึงงดงามไร้ที่ติเขาหยิบคันธนูขึ้นมา แล้วหันไปถามเฟิ่งจิ่วเหยียน“เราจับท่านี้ ถูกต้องไหม?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเรียกสติกลับมา หันไปมองเขาจึงเห็นว่าท่วงท่าค่อนข้างดูสบาย ๆ เลยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“อืม ใกล้เคียง”เมื่อเขายิงธนูออกไป กลับห่างจากเป้านิ่งค่อนข้างไกลเฉินจี๋ไม่เข้าใจทักษะยิงธนูของฝ่าบาทแม่นยำมาตลอด แล้ววันนี้เป็นอะไรไป?เซียวอวี้ยิงอีกลูกปั่ก!ครั้งนี้แย่กว่าเดิม หลุดจากเป้านิ่งไปแล้ว!เฉินจี๋ :แปลกมาก! ฝ่าบาทต้องตรวจตราสาส์นร้องทุกข์มากเกิน จนข้อมือเสียหายเป็นแน่!ยิงธนูพลาดสองครั้งติด เซียวอวี้กลับไม่หงุดหงิดเลยสักนิด“ฮองเฮา” เขาเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้นไม่มีท่าทีถ่อมตน แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยแววขอคำแนะนำเฟิ่งจิ่วเหยียนเคยเห็นภาพเขายิงธนูสังหารเฉียวม่อ จึงรู้ดีว่าทักษะยิงธนูของเขาเป็นเช่นไรและรู้ด้วยว่าที่เขาอยากให้นางสอนในตอนนี้เพราะคิดอะไรอยู่นางมองตรงไปยังเบื้องหน้า กล่าวเตือนอย่างไม่เกรงใจ“ที่แห่งนี
เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างตายด้าน“ต้องสอนตามความสามารถของผู้เรียน หากเป็นคนมีทักษะยิงธนูธรรมดา ข้าจะให้เขายิงตำแหน่งกลางอก เพราะเป้านิ่งค่อนข้างกว้าง โอกาสชนะมีสูง“แต่คนที่มีทักษะยิงธนูเหนือชั้นเช่นท่าน พุ่งโจมตีส่วนหัว จะยิ่งทำให้ถึงแก่ชีวิตได้แม่นยำมากกว่า“แต่ส่วนหัวเองก็มีชั้นเชิง อาจจะดูเหมือนว่าหน้าผากคือจุดเล็ง แต่ความจริงจุดเล็งอยู่หลังศีรษะ——บริเวณกะโหลกส่วนล่าง หรือก็คือจุดที่เชื่อมต่อกับกระดูกไขสันหลังบริเวณลำคอนั่นเอง…”ขณะที่นางพูด เซียวอวี้ก็ฟังอย่างตั้งใจแต่ไม่ทันได้รู้ตัว พอมองริมฝีปากที่กำลังขยับอ้าของนาง หัวใจของเขาก็กระตุกไหวณ ตำหนักฉือหนิงองค์หญิงใหญ่ปักถุงหอมเรียบร้อย จึงตั้งใจว่าจะไปส่งให้ฮองเฮาด้วยตนเอง“อะไรนะ? ฝ่าบาทกำลังสอนฮองเฮายิงธนูอยู่งั้นหรือ?”เพ้อเจ้อ!เหล่าข้าหลวงต้องส่งสารผิดแน่นอน!ทักษะยิงธนูของแม่ทัพน้อยไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า! จำเป็นต้องให้ฝ่าบาทสอนด้วยหรือ?องค์หญิงใหญ่ตรงไปที่สนามม้าหลวงด้วยท่าทางองอาจเป็นดั่งคาด สิ่งที่นางเห็น เป็นฮองเฮากำลังสอนฮ่องเต้ชัด ๆ!นางมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับฮ่องเต้ผู้เป็นน้องชาย ยามที่ยังเป็นเ
องค์หญิงใหญ่กลับไปเหมือนวิญญาณออกจากร่าง เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันมาสอนเซียวอวี้ยิงธนูต่อเซียวอวี้กลับเหม่อลอย“อาการปวดหัวของเจ้า รุนแรงหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเก็บหุ่นไปพลาง พูดขึ้นมาลอย ๆ“อาการเดิม ๆ ข้าชินแล้วล่ะ”คิ้วคมของเซียวอวี้ขมวดมุ่น ถามต่อเหมือนไม่ตั้งใจ“ตอนที่อาการปวดหัวของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์กำเริบ ยาที่เจ้าเคยให้นาง เป็นยาที่เจ้าใช้เองหรือ?”ตอนนั้น เขาไม่รู้ว่านางเองก็มีอาการปวดหัวเหมือนกัน แถมยังบังคับนางส่งยาที่มีทั้งหมดมาให้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์อีก…เฟิ่งจิ่วเหยียนคร้านจะอธิบาย“เพคะ“ฝ่าบาท ท่านยิงธนูได้แล้ว”เซียวอวี้กลับวางธนูลง จดจ้องมาที่นางด้วยสายตาลุ่มลึก “เจ้าควรบอกเราตั้งแต่แรก หากเรารู้ว่าเจ้าเองก็ต้องใช้ยานั้น ก็คงไม่บังคับเจ้า…”เฟิ่งจิ่วเหยียนเริ่มรำคาญ“ฝ่าบาท วันนี้ข้ามาสอนยิงธนูให้ท่าน ไม่ใช่มารำลึกถึงความหลังกับท่าน”กับคนที่นางไม่ได้สนใจ นางไม่ได้มีเวลาว่างมากระเง้ากระงอดด้วยขนาดนั้นหัวใจของเซียวอวี้ว้าวุ่น จนมือเสียสมดุลก่อนหน้านี้เขาทำอะไรลงไป!ฟิ้ว——หัวลูกธนูเฉียดผ่านศีรษะของหุ่น หลุดออกจากเป้านิ่งไปแล้ว!เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองเซียว
วันต่อมา ไทฮองไทเฮาทรงเรียกฮ่องเต้มาตักเตือนต่อหน้า“ข้าก็ใช่ว่าไม่พอใจที่เจ้ากับฮองเฮาจะมีความรักต่อกัน เพียงแต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของสถานะด้วยเช่นกัน“ฮองเฮาควรสุขุมเรียบร้อย และควบคุมดูแลวังหลังให้ดี“ทว่านางกลับละเลยถึงเพียงนี้ เป็นสตรีจะฝึกยิงธนูอะไรกัน? ทั้งยังชักนำให้ฝ่าบาทอย่างเจ้าละเลยงานราชกิจอีกด้วย“สองวันก่อนเจ้าก็ไม่ได้เข้าว่าราชกิจด้วยซ้ำ...ดูเถอะว่าฮองเฮาทำให้เจ้าหลงใหลจนกลายเป็นสภาพใด!“ฝ่าบาท เจ้าก็มิใช่คนที่หลงใหลในรูปโฉม หลายวันนี้เป็นเช่นไรหรือ? เหตุใดจึงเลอะเลือนถึงเพียงนี้!”ไทฮองไทเฮาทรงเอ่ยตั้งมากมาย ทว่ากลับเห็นฮ่องเต้ราวกับวิญญาณล่องลอย ตัวคนอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ใจลอยไปที่ใด“ฝ่าบาท!” ไทฮองไทเฮาทรงตะคอกด้วยความโมโหแววตาของเซียวอวี้ดูเย็นชา “เสด็จย่ามีเรื่องอันใด?”แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ฟังสิ่งที่นางเอ่ยเมื่อครู่ไทฮองไทเฮาทรงหายใจแทบติดขัด“ข้ากำลังตักเตือนเจ้าเรื่องขอบเขตที่เหมาะสมของการเป็นกษัตริย์“ทั้งเจ้าก็ยังเป็นสามี จึงควรจะควบคุมภรรยาของตนให้ดี อย่าปล่อยให้ฮองเฮามีอิทธิพลต่อเจ้า”เซียวอวี้ยังเย้ยหยันตนเองเขาหรือจะควบคุมฮองเฮาได้?เมื่
มือของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเซียวอวี้กุมไว้แน่นในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและความรักใคร่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน“ฮองเฮา เราสนใจ”“เราเต็มใจจะมีลูกกับเจ้าเท่านั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนดึงมือของเขาออก และลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยอย่างจริงจัง“คำพูดนี้ของท่าน สำหรับหม่อมฉันถือเป็นการล่วงละเมิด”เซียวอวี้ลุกขึ้นตาม สายตาทอดมองไปยังนาง “เจ้าไม่ใช่คนที่จงรักภักดีหรอกหรือ?“หากรัชทายาทในอนาคต หรือฮ่องเต้หนานฉีในอนาคตถือกำเนิดจากเจ้า และได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากเจ้า เขาจะต้องเป็นกษัตริย์ที่ปราดเปรื่องอย่างแน่นอน”เขาพยายามโน้มน้าวหากเป็นคนธรรมดาก็อาจหลงคารมหวานซึ้งนี้ได้ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนมีสติมากพอนางรู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องการคืออะไรนางมีเวลาอีกครึ่งปีก็จะออกจากวังหลวงแห่งนี้ จึงไม่อยากมีพันธะอันใดกับเขาการให้กำเนิดบุตรของเขาก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!เมื่อเห็นว่านางกำลังจะไป เซียวอวี้ก็กุมมือนางไว้“เจ้าไม่ต้องกลัว เราก็แค่...สมมติ”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา “ท่านอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องบังคับตนเองถึงเพียงนี้ วันข้างหน้าท่านอาจได้พบกับสตรีที่ชอบพอกันทั้งสองฝ่าย ใน
เซียวอวี้จับแขนของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้แน่น ทำราวกับว่ากลัวนางจะวิ่งหนีเขาจริงจังและต้องการคำตอบจากนางเฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงแกะนิ้วมือของเขาออก เพื่อให้แขนของตนหลุดออกมานางถอยหลังหนึ่งก้าว สีหน้าดูมั่นคงแน่วแน่“ฝ่าบาท อย่าเอ่ยคำพูดที่ไม่เป็นความจริงเหล่านี้เลย“หรงเฟยถึงจะเป็นนางในดวงใจของท่าน ท่านมีความรักมั่นคงต่อนางจนไม่อาจลืมเลือนมานานหลายปี และยังคงรักษาความบริสุทธิ์เพื่อนาง“ส่วนความรู้สึกที่ท่านมีต่อหม่อมฉัน เป็นเพียงความปรารถนาที่จะเอาชนะชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนแม่ทัพที่สู้รบในสงคราม ยิ่งโจมตีไม่สำเร็จ ก็ยิ่งมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะสู้รบ“ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว แม้จะสมปรารถนาแล้ว ก็จะไม่เป็นผลดีในระยะยาว พูดตามตรง ความรักอันมั่นคงยาวนานที่ท่านมีต่อหรงเฟย หม่อมฉันรู้สึกยกย่อง จงอย่าปล่อยให้สิ่งที่ท่านรักษามาตลอดหลายปี ต้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่าเพราะหม่อมฉัน “หากเขายังคิดจะเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีก นางก็คงอยู่ร่วมห้องกับเขาไม่ได้ดังนั้น นางจึงหันกลับมาหยิบตำราบนโต๊ะ เพราะต้องการจะไปที่อื่นทว่า ขณะที่นางกำลังจะก้าวข้ามประตูออกไป กลับได้ยินฮ่องเต้ทรงเอ่ยว่า“เ
‘ปืนมังกรไฟ’ ดี ๆ ได้พังไปเกินครึ่ง!ฐานยิงที่เปราะบางที่สุดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ไปเช่นนี้ ถึงตัวกระบอกจะยังอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...คิดไม่ถึงเลยว่าอาวุธอันทรงพลังของเขาจะถูกทำลายไปเช่นนี้!ข้างกายรัชทายาทเยี่ยนมีองครักษ์ประจำตัวที่เป็นยอดฝีมืออยู่ พอเขาออกคำสั่งยอดฝีมือผู้นั้นก็ไล่ตามเฟิ่งจิ่วเหยียนไปเฟิ่งจิ่วเหยียนมีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม ทว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้ายามที่นางเพิ่งจะข้ามชายแดนมา นักฆ่าด้านหลังก็ประชิดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆยามที่เห็นว่าเขากำลังจะตามนางทันนี้เอง ทันใดนั้น...ฟิ้ว!ลูกธนูคมกริบยิงมาจากระยะไกลตรงเข้ากลางหน้าผากของนักฆ่าผู้นั้น!ลูกธนูนี้ยากที่จะป้องกัน ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ นักฆ่าเสียชีวิตในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองศพของนักฆ่าผู้นั้นก่อน จากนั้นหันกลับมาก็มองเห็นเซียวอวี้เขายืนอยู่บนมุมสูงของหุบเขามรณะ ค่อย ๆ วางคันธนูในมือลง......ณ ค่ายหนานต้านอกกระโจมของฮ่องเต้และฮองเฮา อู๋ไป๋และเฉินจี๋คอยเฝ้าระวังอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งยังไม่มองอีกฝ่ายซักครั้งภายในกระโจมเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันจะอธิบายอะไรให้เซียวอวี้ฟังก่อน นางรีบวาดภาพแบบร่างที่
เมื่อรัชทายาทเยี่ยนออกคำสั่ง องครักษ์ก็ชักดาบเผชิญหน้ากับเฟิ่งจิ่วเหยียนทว่ายามที่กำลังจะเข้าโจมตี กลับเห็นนางโยนอะไรบางอย่างลงบนพื้น ทันใดนั้นหมอกควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาหมอกควันนี้บดบังสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขามองเห็นไม่ชัดรอจนกระทั่งควันถูกพัดออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หนีไปนานแล้วคนที่จากไปไกลยังคงส่งเสียงผ่านอากาศไปถึงรัชทายาทเยี่ยนว่า“ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีใจจะเป็นพันธมิตรกัน เช่นนั้นพวกเราก็จะไม่เกรงใจเรื่อง ‘ปืนมังกรไฟ’ แล้ว”รัชทายาทเยี่ยนพุ่งออกไปนอกกระโจมด้วยสายตาดำทะมึน เขามองไปรอบทิศ พบเพียงความมืดมิดไหนเลยจะมีเงาร่างของราชทูตหนานเจียง!ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ “ตามไป! จับคนกลับมาให้ได้! อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ!”“พ่ะย่ะค่ะ”จากนั้นเขาก็คว้าตัวองครักษ์ที่ตนเชื่อใจมาแล้วกล่าวเสียงเบา“เจ้าไปดูด้านหลังด้วยตนเอง หากมีผิดพลาดกับ ‘ปืนมังกรไฟ’ แม้แต่น้อย ข้าจะลงโทษเจ้าประหารเก้าชั่วโคตร!”องครักษ์รับคำสั่งทันทีหารู้ไม่ว่า ทันทีที่เขาเพิ่งเดินออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตามไปอย่างเงียบ ๆ แล้วนางไม่ได้จากไป เพียงแอบซุ่มหลบอยู่เท่านั้นแผนโยนหินถามทางตอ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม รุ่ยอ๋องออกมาจากห้องลับ คิ้วที่อ่อนโยนถูกปกคลุมด้วยสีหม่นหมองเล็กน้อย บนคอยังมีรอยข่วนแดงหลายแผลหลิวหวา รีบก้มศีรษะลงอย่างเคารพนอบน้อมรุ่ยอ๋องจัดรอยยับบนเสื้อผ้า น้ำเสียงยังคงสงบสุขุม“นางไม่อยากทาน ก็ให้นางอดสักสองวัน”“ขอรับ”……ชายแดนใต้อู๋ไป๋ลอบเข้าไปในค่ายเป่ยเยี่ยน กลับสืบไม่รู้ตำแหน่งของปืนมังกรไฟหากยังอยู่ต่อไป เขาจะถูกจับได้ จึงต้องกลับมารายงานก่อนท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเคร่งขรึมสิ่งที่อันตรายที่สุดของเป่ยเยี่ยน ไม่ใช่รัชทายาทเยี่ยน แต่เป็นรัชทายาทเยี่ยนที่มีปืนมังกรไฟตอนนี้แคว้นหนานฉีอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้อื่น สามารถตอบโต้ได้ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ไม่กล้าที่จะใช้กำลังทหารทั้งหมด ก็เพราะสาเหตุนี้ดังนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงมีความคิดที่กล้าหาญ“ไม่ได้!” เซียวอวี้ฟังแผนการของนางเสร็จ ก็ไม่เห็นด้วยขึ้นมาทันทีพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราจะให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นเหมือนปกติ แฝงไปด้วยความเพียรพยายามของนาง“เป่ยเยี่ยนแข็งแกร่งวางอำนาจบาตรใหญ่ได้ ก็เพราะอาศัย‘ปืนมังกรไฟ’“ก่อนหน้านี้มันถูกเป่ยเยี่ยนซ่อน
ที่สูงบนหุบเขามรณะเฉินจี๋กลับมาจากกองหน้า ยกมือประสานกราบทูลรายงาน“ฝ่าบาท! ทหารเยี่ยนเคลื่อน‘ปืนมังกรไฟ’ออกมาแล้ว ! ”ด้านข้างเซียวอวี้มีขุนพลยืนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้น ซุนเต๋อฟางได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบพูดกล่อมขึ้นมา“ฝ่าบาท ทั้งสองฝ่ายไม่ใช้พระแสงปืน ถึงจะสมดุล”“พวกเราให้ปืนหอกไฟ เป่ยเยี่ยนก็ต้องใช้‘ปืนมังกรไฟ’!”“ขอร้องท่านรีบมีรับสั่ง ถอนปืนหอกไฟกลับมา ! ”เซียวอวี้พูดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด“เดินหน้าต่อไป!”ซุนเต๋อฟางถอดถอนหายใจเกรงว่ารัชทายาทเยี่ยนบ้าคลั่งคนนั้น ใช้ปืนมังกรไฟขึ้นมาจริง ๆ แล้วก็พินาศตายไปด้วยกัน!ก็มีขุนพลที่ไม่เห็นด้วยไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย“ปืนมังกรไฟ” ยิงขึ้นมา ภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ ไร้คนรอด ระยะการยิงก็อยู่ภายในระยะสิบลี้ ตอนนี้ทหารเยี่ยนอยู่ห่างพวกเขาเพียงสิบกว่าลี้ ดังนั้นหากพวกเขาใช้ปืนมังกรไฟ ก็ล้วนอย่าคิดมีชีวิตรอดและแล้ว รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นได้ข่าวร้ายนี้ขึ้นมาจนหลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ได้รับข่าวดีแห่งชัยชนะมาจากกองหน้า เหล่าขุนพลค่อยโล่งอกขึ้นมาจริง ๆ ……ศึกในหุบเขามรณะ ทหารเยี่ยนบาดเจ็บล้มตายกว่าครึ่ง เดิมควรที่จะล่าถอยออกมาจากหุบเขามรณ
ชะตาฟ้ากำหนด สีหน้าองค์หญิงหนานเจียงมองไปด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจและความโกรธนางมาช้าไปเพียงหนึ่งวัน!หากนางนำเสบียงอาหารมาส่งเมื่อวาน ก็จะได้อภิเษกกับฮ่องเต้ฉีแล้ว!เมื่อครู่องค์หญิงหนานเจียงยังวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคน คิดว่าตนเองมีอำนาจ เวลานี้เป็นเหมือนมะเขือโดนน้ำค้าง กลับไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเฉินจี๋แอบปาดเหงื่อโชคดีที่เมื่อคืนฮองเฮามาทันเวลา ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทอาจจะได้กลายเป็นพระราชบุตรเขยของหนานเจียงแล้วแววตาเซียวอวี้ลึกล้ำเยือกเย็นองค์หญิงหนานเจียงคนนี้ พฤติกรรมเสียโดยกำเนิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร……“องค์หญิงหนานเจียง?” ภายในกระโจม เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง เซียวอวี้เล่าให้ฟังแล้วก็แปลกใจด้วยความไม่รู้ตัว นางได้พูดความในใจออกมา“ได้ยินมาว่านางเป็นคนหัวสูง ทำไมถึงได้ชอบท่าน?”เซียวอวี้: ?“เราด้อยตรงไหนกัน!” เขาไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หาเรื่องให้ตนเองขายหน้าชัด ๆ!คนปกติไม่ควรที่จะพูดว่า องค์หญิงหนานเจียงไม่รู้จักเจียมตัวหรือ!เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“ใช่ว่าท่านไม่ดีพอ ความจริงคือองค์หญิงหนานเจียงรักษาขนบธรรมเนียมเ
เฟิ่งจิ่วเหยียนสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง จ้องมองดูเซียวอวี้ด้วยสีหน้างุนงงเซียวอวี้ดูเหมือนไม่ง่วงเลย เอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ทำไมถึงตื่นแล้วล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยกมือข้างหนึ่งกุมหน้าผาก“ทำไมท่านถึงยังไม่บรรทม?”“เรากำลังครุ่นคิดเรื่องที่จะบุกโจมตีในวันพรุ่งนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียน: งั้นก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้นี่ตื่นขึ้นมากลางดึก หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ……กองกำลังค่ายทหารเป่ยเยี่ยนรัชทายาทเยี่ยนส่งคนมาสืบข่าว จึงได้รู้ว่าเสบียงอาหารแคว้นหนานฉีมาถึงแล้วมิน่าคืนนี้พวกเขามีแรงร้องเพลงอาลัย!แต่เส้นทางลำเลียงเสบียงของแคว้นหนานฉี ถูกทหารเยี่ยนควบคุมอยู่ เสบียงพวกนี้ขนส่งเข้ามาได้อย่างไร?ไม่นาน ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ให้คำตอบ“รายงาน! รัชทายาท มีข่าวแจ้งมาว่า คนแคว้นฉียึดเส้นทางเสบียงอาหารกลับคืนไปแล้ว! ยังได้ฆ่าคนของเราทั้งหมด!”รัชทายาทเยี่ยนนั่งอยู่ด้านข้างเตียง สีหน้าดุร้าย เย็นชาใบหน้าของเขาที่แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชายนั้น ฉายแววไอสังหารอย่างไม่ปกปิด“ค่ายทหารแคว้นหนานฉี ถูกทหารของเราควบคุม แล้วจะแย่งเส้นทางลำเลียงเสบียงไปได้อย่างไร!”พูดใต้บังคับบัญชารายงานต่อ“ในที่เกิดเหต
แคว้นหนานฉีกับเป่ยเยี่ยนสองกองทัพเผชิญหน้ากัน คั่นกลางด้วยหุบเขามรณะอันกว้างใหญ่หุบเขามรณะนี้เส้นทางขรุขระ ไม่มีใบหญ้าเติบโตตลอดทั้งปีหากฝ่ายใดสามารถข้ามผ่านหุบเขามรณะ ชัยชนะก็จะอยู่เพียงแค่เอื้อมแคว้นหนานฉีเฝ้าป้องกันเป็นหลัก เป่ยเยี่ยนกลับใช้วิธีสู้รบด้วยคนจำนวนมากเมื่อเทียบกันแล้ว เป่ยเยี่ยนได้เปรียบกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับเซียวอวี้ยืนอยู่ที่ลับ สามารถมองเห็นทหารเยี่ยน เข้าไปปักหลักในหุบเขามรณะแล้วลมในหุบเขาผสานไปด้วยไอร้อน เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูธงของทหารเยี่ยน พร้อมพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา“อย่างน้อยก็ต้องถ่วงเวลาทหารเยี่ยนหนึ่งเดือน”เซียวอวี้หันมามองหน้านาง “หมายความว่าอย่างไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายให้เขาฟัง“ก่อนที่จะคุมเสบียงอาหารมา ข้าได้ส่งคนไปยังเป่ยเยี่ยน“สาเหตุการศึกในครั้งนี้มาจากรัชทายาทเยี่ยน“คนที่สามารถควบคุมเขาได้ มีเพียงฮ่องเต้เยี่ยน”“เจ้าคิดอยากให้ฮ่องเต้เยี่ยน เรียกตัวรัชทายาทกลับไป?” เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย “ฮ่องเต้เยี่ยนป่วยหนัก คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้รัชทายาทเยี่ยน นำทหารเยี่ยนสามแสนคนออกมาล้อเล่น”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดในสิ่งท
เมื่อเห็นคนอยู่ตรงหน้า สีหน้าเซียวอวี้ไม่สงบใจเย็นเหมือนที่ผ่านมาดวงตาสีดำเข้มของเขาเบิกโต แล้วก็ยิ่งโต“ฮองเฮา! เจ้า...”เฉินจี๋ก็อึ้งตะลึงอย่างมากฮองเฮามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?ทันใดนั้น ก็มีเงาร่างหนึ่งผ่านสายตาไปมองดูอีกที ฝ่าบาทได้ก้าวเดินไปแล้ว คว้าโอบกอดฮองเฮาไว้แนบอกเฉินจี๋เห็นดังนี้ ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้กอดคนในอ้อมอกไว้แน่น สัมผัสความอบอุ่นของนางนี่เป็นการทำศึกที่ไม่มีความมั่นใจที่สุด เท่าที่เขาเคยต่อสู้มารัชทายาทเยี่ยนคนนั้น ไม่ทำตามกลยุทธ์ทางทหาร ใช้แต่แผนการชั่วช้าเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังเอื้อมมือผลักเขา ก็ได้ยินเสียงเขาพูดขึ้นมา “ให้เรากอดครู่หนึ่ง เรา...หนาว”ช่วงเดือนกันยายน เมืองหลวงอาจอากาศกำลังเริ่มเย็น ทว่าชายแดนใต้ไม่หนาว ยังร้อนด้วยซ้ำเฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออก“ทานอาหารก่อน”เขาไม่หิว ทว่านางหิวแล้วเมื่อคืนนางฆ่าทหารศัตรูไปมากมายทั้งคืน จึงสามารถแย่งเส้นทางส่งเสบียงมาได้กลางวันนี้ก็เร่งเดินทางนำเสบียงมาส่ง ไม่ได้หยุดพักเลยเซียวอวี้คิดขึ้นมาได้ทันที“พวกเขาให้เจ้าเป็นผู้มาส่งเสบียงได้อย่างไร!”สมควรตาย!แคว้นหนานฉีไม่มี
ด้วยความโกรธโมโห เฉินอ๋องฟาดนกในกรงไปที่พื้นนกที่อยู่ข้างในกระพือปีกบินออกไป บินชนที่ผนัง หมดสติหล่นตกพื้นเฉินอ๋องไม่มีความสงสาร ใช้เท้าเหยียบลงไป“ปืนหอกไฟนี้ เซียวอวี้หวงแหนอย่างมาก เพื่อไม่ให้มันถูกแคว้นศัตรูได้ไป ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง อย่าว่าแต่ให้คนนำออกไปใช้ป้องกันตัวเลย”“ฮองเฮาสามารถนำไปได้อย่างไร?“รุ่ยอ๋องกับกรมศัสตราวุธ ยามนี้ไยพวกเขาไม่รักษากฎปฏิบัติของฮ่องเต้!“ทหาร ตามข้าไปจวนรุ่ยอ๋อง!”จวนรุ่ยอ๋องรุ่ยอ๋องคาดรู้ว่าเฉินอ๋องจะต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแต่แรก จึงเตรียมพร้อมรอแล้ว“ปืนหอกไฟหรือ? ข้าไม่รู้เรื่อง เฉินอ๋องรู้เรื่องได้อย่างไร?” รุ่ยอ๋องยิ้มแย้มอ่อนโยน ราวกับไม่เคยโกรธโมโหเฉินอ๋องตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง“เจ้าให้ฮองเฮานำปืนหอกไฟไป หากตกอยู่ในมือของแคว้นศัตรู ความผิดนี้ เจ้ารับผิดชอบไหวหรือไม่!“ตอนนี้รีบไปตามเอาปืนหอกไฟกลับมา!”รุ่ยอ๋องดื่มน้ำชาอยู่อย่างนิ่งสงบ“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ ข้าจะสืบความให้แน่ชัด หากเป็นความจริง เช่นนั้นปืนหอกไฟ ยังไงก็ต้องเอากลับมา”เฉินอ๋องเห็นเขาใจเย็นเช่นนี้ ก็ร้อนใจอย่างยิ่ง “ส่งคนไปตามเดี๋ยวนี้เลย!”รุ่ยอ๋องพูดขึ้นมาอย่าง