แชร์

บทที่ 389

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
บนเตียงนั้นมีพื้นที่คับแคบ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีที่ให้ถอยหนี

เซียวอวี้จับเอวของนางไว้ เพื่อให้นางอยู่ในพื้นที่จำกัด

นางหันศีรษะหลบหลีกการจูบของเขา ก็ยิ่งทำให้เขาไม่เหลือความอดทน

ทันใดนั้นเขาจับคางของนางไว้ และมองเข้าไปในดวงตาของนางด้วยสายตาเยือกเย็น

“หลบอะไร? หือ?”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งไม่หวั่นไหว มือสองข้างกำหมัดไว้แน่น

เซียวอวี้เริ่มโมโห เขาพลันก้มศีรษะลงประกบริมฝีปากของนาง ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้นางหายใจ

ผ่านไปไม่นาน การหายใจของเขาเริ่มหอบถี่ ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมาทางด้านหน้าตัวนาง

แค่ดึงเบา ๆ สายรัดเอวก็หลุดออก

ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาวางทับอยู่บนหน้าท้องที่กระชับและแบนราบของนาง โดยมีอาภรณ์กั้นอยู่หลายชั้น

ริมฝีปากบางของเขาเคลื่อนมาข้างใบหูของนาง เหมือนจูบเหมือนขบกัด ทั้งอมติ่งหู พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“มีองค์ชายให้กับเรา...”

คำพูดนี้หาใช่จะหารือกับนาง แต่เป็นคำสั่งที่แข็งกร้าว

เซียวอวี้เริ่มเกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม เขาดึงอาภรณ์ของนางอย่างขาดสติ

เฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงศีรษะ และหันหน้าไปทางผ้าม่านข้างเตียง

แววตาของนางเฉยชาและคิ้วขมวดแน่น

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เต็มใจจะร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (5)
goodnovel comment avatar
Taow Noy
เมื่อไหร่จะรักสักที เริ่มรำคาญ นอ.ละ ยาวขนาดนี้ไม่ไปต่อละ เบื้อ
goodnovel comment avatar
Dolly Aoh
เมื่อไหร่จะรักกันสักที เริ่มเบื่อแล้ว เหมือนกัน
goodnovel comment avatar
ลาวิน แก่นท้าว
เพื่อนกดโหลดแล้วทำไมไม่ได้คะแนน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 390

    ในห้องทรงพระอักษรหลิวซื่อเหลียงนำยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาวางบนโต๊ะแล้วเขาหูตาว่องไว แค่เห็นฮองเฮาอยู่ด้านในด้วย ไม่ต้องรอได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ก็ถอยพรวดพราดออกไปแล้วเซียวอวี้นั่งลงตรงนั้นและวางมือไว้บนโต๊ะเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ตรงข้ามกับเขา เริ่มจากพับแขนเสื้อของเขาขึ้นมาก่อน ถึงมองเห็นตำแหน่งทั้งหมดที่ถูกน้ำร้อนลวกตอนอยู่ที่ค่ายทหารนางก็ทำแผลใส่ยาอยู่เป็นประจำ ท่าทางจึงดูคล่องแคล่วแค่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น นางก็เงยหน้าขึ้น“เสร็จแล้วเพคะ”เซียวอวี้: รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?เมื่อเห็นนางจะลุกขึ้น เขาพลันมองไปทางสาส์นกราบทูลที่วางกองอยู่บนโต๊ะ“ไปหยิบสาส์นกราบทูลมา เราจะพูดแล้วเจ้าก็เขียน”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกแปลกใจ “ฝ่าบาท วังหลังไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับราชกิจเพคะ”ยิ่งไปกว่านั้นจักให้นางเขียนแทนด้วยซ้ำ สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย “ทั้งหมดเป็นสาส์นกราบทูลที่ไม่มีแก่นสาร ไม่ได้สลักสำคัญอะไร”สาส์นกราบทูลในแต่ละวันที่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ มีน้อยมากส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้แก่นสารที่ไม่มีผลใด ๆ เดิมทีเฟิ่งจิ่วเหยียนคิดว่าเขาพูดเกินจริง ทว่าหลังจากพลิกดูตามคำขอของเขา ถึ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 391

    เมื่อฮูหยินเฟิ่งต้องมาเผชิญหน้ากับฝ่าบาทเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งถึงแม้เซียวอวี้จักอนุญาตให้นางนั่งลงก็ตาม ทว่า นางคล้ายกับตนเองนั่งอยู่เบาะที่มีเข็มก็ไม่ปานแม้แต่ชาที่ข้ารับใช้รินให้นั้น นางก็ยังมิกล้าแตะต้องเมื่อเห็นฮูหยินเฟิ่งมีท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้ เซียวอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า“มิต้องตระหนกถึงเพียงนั้น เราเพียงแค่อยากจะถามอะไรบางอย่างเท่านั้น หลังจากที่ฮองเฮาเกิดออกมาแล้วถูกส่งไปยังตระกูลเมิ่งนั้น เรื่องของนางพวกเจ้ารู้มากเท่าใดกัน”เมื่อเซียวอวี้เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทำเอาฮูหยินเฟิ่งยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีกนางพลันลุกขึ้นพร้อมเอ่ยปฏิเสธออกมาในทันที“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมิทราบว่าผู้ใดเอ่ยเรื่องราวไร้สาระเช่นนี้ขึ้นมา ทว่า ฮองเฮาได้รับการเลี้ยงดูอยู่ภายในตระกูลเฟิ่งมาโดยตลอดเพคะ หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเมิ่งไม่!”แววตาของเซียวอวี้พลันมืดครึ้มลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินเฟิ่งเป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าถามไปคงมิได้คำตอบอะไรกลับมาเท่าใดนักหากเค้นถามต่อไป เกรงว่าจักให้นางเป็นลมไปได้เซียวอวี้จึงออกคำสั่งเสียงเข้มมาว่า“ส่งตัวฮูหยินเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 392

    ระยะทางของคุกเทียนเหลานั้นอยู่ใกล้กับพระราชวังเป็นอย่างมากหากเกิดเหตุการณ์นักโทษแหกคุกเมื่อใดนั้น ทางราชวังก็สามารถเข้าจัดการและควบคุมได้ในทันทีในยามนี้ บริเวณพื้นที่เปิดโล่งของคุกเทียนเหลานั้น เฉียวม่อกำลังถูกคุ้มกันโดยกองทัพอินทรีเหิน นางอาศัยการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อให้เหลือหนทางสีเลือดให้กับตนเอง นับตั้งแต่แหกคุกจนมาถึงที่ตรงนี้ได้นั้น นางได้จะทะลวงเกราะป้องกันด่านที่สามแล้วด้านหน้าคือด่านสุดท้ายของการหลบหนีในครานี้ขอเพียงแค่นางสามารถทะลวงออกไปจนถึงประตูหลักได้เมื่อใดนั้น นางก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักมีมากมายนัก ในมือพลันถือโล่ถือหอกเอาไว้ แปลงขบวนเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อต้านทานการโจมตีของเหล่ากองทัพอินทรีเหินในขณะเดียวกัน รอบด้านทั้งสี่พลันถูกโอบล้อมไปด้วยกำแพงสูงและหอคอยปราการ ด้านบนกำแพงมีพลธนูยืนรออยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาง้างคันธนูจนสุดสาย พร้อมทั้งลูกธนูนับหมื่นที่พุ่งลงมาในทันทีเหล่ากองทัพอินทรีเหินที่มากกว่าสองร้อยนายนั้น พวกเขาใช้ร่างของตนเองคุ้มกันเฉียวม่อเอาไว้ด้วยวิชาระฆังทองคุ้มกาย ฝ่าการโจมตีออกไปด้วยความยากลำบากพวกเขาที่เคยผ่านสน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 393

    เมื่อเฉียวม่อเงยหน้าขึ้นมานั้น นางเห็นบนกำแพงสูงส่ง ฝ่าบาทกำลังมองลงมาจากที่สูงในมือพลันถือคันธนูพร้อมด้วยลูกธนูเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างพลันเต็มไปด้วยความมืดมนใบหน้ารูปงามพลางแผ่กลิ่นอายอันน่าหวาดผวาออกมาทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ทักษะการยิงธนูของฝ่าบาทนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่เคยพลาดเลยสักครั้งลูกธนูทั้งสามดอกเมื่อครู่นั้น ฝ่าบาทย่อมสามารถยิงไปที่เฉียวม่อได้อย่างไม่มีผิดพลาดนั่นย่อมแสดงว่า นี่เป็นเพียงคำเตือนเสียมากกว่าหากถอย นางย่อมรักษาชีวิตเอาไว้ได้หากก้าวไปข้างหน้าแม้แต่เพียงก้าวเดียว ย่อมมีแต่หนทางตายเซียวอวี้วางคันธนูในมือลง ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ผู้ฝ่าฝืนกฎ จักถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่เห็นฝ่าบาทนั้น เหงื่อเย็น ๆ พลันไหลโทรมกายเฉียวม่อไปในทันทีนางสามารถจินตนาการได้เลยว่า จุดจบของนางจักเป็นเช่นไรเพื่อที่จะหลบหนีออกไปได้นั้น นางยอมทำทุกวิถีทางถึงแม้กองทัพอินทรีเหินจักเก่งกาจในการสู้รบมากเพียงใด พวกเขาย่อมมิอาจเอาชนะกำลังพลที่มีมากถึงพันนายไปได้ยิ่งไปกว่านั้น กำลังพลที่น้อยกว่าย่อมทำให้พวกเขาอยู่ในฐานะเสียเปรียบเหล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 394

    ใบหน้าของเฉียวม่อเต็มไปด้วยตื่นตระหนกตกใจในทันทีอีกก้าวเดียวเท่านั้น นางก็จักสามารถหนีออกไปได้แล้วจู่ ๆ หอกด้ามหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พลางบังคับให้นางต้องถอยหลังกลับไปทั้งด้านในประตูและบนกำแพง ทุกคนต่างพากันมองดูฉากตรงหน้าด้วยความประหลาดใจพร้อมทั้งผู้ที่ถือหอกก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างช้า ๆคนผู้นั้นสวมหน้ากาก ดูคล้ายกับอดีตท่านแม่ทัพน้อยเป็นอย่างมากเหล่ากองทัพอินทรีเหินต่างก็มีท่าทีสับสนไปในทันทีคนอื่น ๆ ย่อมมีอาการเช่นเดียวกันขณะที่คนผู้นั้นก้าวมาข้างหน้า เฉียวม่อจึงทำได้เพียงก้าวถอยหลังเท่านั้นสายฝนที่ตกโปรายปรายลงมา ทำให้การมองเห็นของนางพร่ามัวหากแต่เฉียวม่อมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ผู้ที่สวมใส่หน้ากากอยู่ตรงหน้านางนั้น หาใช่ใครอื่นไม่ ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่ของนางเฟิ่งจิ่วเหยียน...บนกำแพงนั้น เซียวอวี้ถึงกับขมวดคิ้วลงเล็กน้อยเฉียวม่อยังคงต้องการหนทางหนีเมื่อเห็นว่าข้างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนมีช่องโหว่ นางจึงรีบเอี่ยวตัวเพื่อเบี่ยงหนีทว่า เพียงแค่เฟิ่งจิ่วเหยียนขว้างหอกออกไปนั้น ก็สกัดกั้นให้นางต้องล่าถอยกลับไปในทันทีเฉียวม่อยังคงมิยินยอม พลางเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 395

    เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องการช่วยกองทัพอินทรีเหิน นางทำได้เพียงต้องใช้ตัวตนของเมิ่งสิงโจวมาแก้ปัญหาเท่านั้นมิฉะนั้น สำหรับเซียวอวี้แล้ว การที่กองทัพอินทรีเหินมิอาจควบคุมได้ อย่างไรก็ต้องทำการประหารอย่างเดียวเมื่อรู้ว่ามีแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกคนหนึ่งนั้น ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปในทันทีองค์หญิงใหญ่ตกใจเป็นอย่างยิ่งนางหันหน้าไปมองเซียวอวี้สีหน้าของเซียวอวี้ดูสงบเงียบกว่านางมากนัก ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วดวงตาจึงเจือไปด้วยไอสังหารที่มิอาจอธิบายออกมาได้จู่ ๆ เฉินจี๋ก็ตระหนักได้ในทันทีที่แท้ การที่เมิ่งเฉียวม่อมิได้สนใจความเป็นความตายของกองทัพอินทรีเหินนั้น นั่นเป็นเพราะนางมิใช่ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งตัวจริง!เช่นนั้น นางย่อมมีโทษหลอกลวงเบื้องสูงขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง!ทว่า สิ่งที่เฉินจี๋คิดไม่ตกก็คือ ในเมื่อเมิ่งสิงโจวยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ เหตุใดเขาจึงยอมให้เมิ่งเฉียวม่อมาสวมรอยเป็นตนเองด้วยเล่า?กองทัพอินทรีเหินจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความว่างเปล่า“ท่านแม่ทัพน้อย?”พวกเขามิอยากจะเชื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปที่พวกเขา เมื่อเห็นว่าพวกเขายังอยู่ท่วงท่าที่จะปลิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 396

    โผละ!ป้ายคำสั่งพลันแตกออกมา พละกำลังความแข็งแกร่งของนิ้วเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นได้ชัด“ไม่! ท่านแม่ทัพน้อย…” กองทัพอินทรีเหินทั้งหมดต่างก็พยายามอดกลั้นเอาไว้เฉียวม่อมองไปยังชิ้นส่วนของป้ายคำสั่งที่แตกหักด้วยความปวดใจศิษย์พี่ยอมที่จะมอบกองทัพอินทรีเหินให้ไปอยู่ในมือผู้อื่นจริง ๆ !เช่นนี้ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาช่วยนางออกไป ก่อนที่จะตายอย่างสมเกียรติดีกว่าหรือ!คิ้วของเซียวอวี้ขมวดเป็นปมไปในทันทีการกระทำของเมิ่งสิงโจวในครานี้ ถือว่าพลิกสถานการณ์ทุกอย่างได้ในทันทีเขาเข้าใจความรู้สึกของฝ่าบาท ทั้งยังรู้วิธีที่จะแลกเปลี่ยนอีกด้วย“เฉินจี๋ ถอยทัพ”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากทหารของวังหลวงถอยทัพกลับไปแล้วนั้น จำนวนคนจึงน้อยลงไปมากกว่าครี่งหนึ่งในทันทีกองทัพอินทรีเหินปลอดภัยแล้วพวกเขาจะไม่ตายทว่า ภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกแย่ยิ่งนักนับแต่นี้ต่อไป พวกเขาจักไม่ใช่คนของท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกแล้วโทษประหารพลันหลีกเลี่ยงได้ ทว่า บทลงโทษยามมีชีวิตอยู่มิอาจหนีพ้นบทลงโทษที่พวกเขาช่วยกันแหกคุกในคืนนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไปเซียวอวี้เอ่ยสั่งการออกมาอย่างเด็ดขาดว่า“นำตัวทุกคนเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 397

    แสงสว่างวาบจากดาบ ทำให้เฉียวม่อล้มลงราวกับว่ากระดูกสันหลังของนางถูกฉีกกระชากออกไปในทันทีนัยน์ตาของนางเบิกโพลงขึ้น พร้อมทั้งหันหน้ากลับไปด้วยความหวาดกลัวเท้าของนาง...เส้นเอ็นร้อยหวายถูกตัดไปแล้ว!เมื่อมองเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นั้น เฉียวม่อพลันตัวสั่นเทาไปในทันที“อย่า…อย่าเข้ามา! ไม่เอา…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้นึกสงสารไม่ พร้อมทั้งตวัดดาบอีกครั้งหนึ่งเพื่อตัดไปที่เส้นเอ็นข้อมือของเฉียวม่อ ทันใดนั้น เฉียวม่อพลันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา“อ๊าก—"นางเกลียดยิ่งนัก!เหตุใดต้องทำเช่นนี้กับนางด้วย!นางก็แค่อยากได้ในสิ่งที่นางสมควรจักต้องได้!องค์หญิงใหญ่พลันยืนชมภาพตรงหน้าอยู่บนกำแพงด้วยความเป็นสุขเมิ่งเฉียวม่อผู้นั้น กล้าดีอย่างไรมาแอบอ้างตนเองเป็นท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งกัน!สายตาของเซียวอวี้พลันเต็มไปด้วยความเย็นชา“นำตัวเมิ่งเฉียวม่อกลับไปที่คุกเทียนเหลา จักทำการประหารนางในวันพรุ่งนี้”“พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเฉียวม่อเห็นว่าตนเองหมดหนทางที่จะมีชีวิตรอดแล้วนั้น จึงร้องคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดในทันที“ฝ่าบาทเพค่ะ! หม่อมฉันต้องการฟ้องคู่สามีภรรยาตระกูลเม

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 974

    เซียวอวี้ไม่คิดเลยว่า สองแม่ลูกคู่นั้น จะกล้าวางแผนจับเขาเช่นนี้!แค่ให้องครักษ์ไล่พวกเขาออกไปนอกวัง นับว่าเมตตาแล้ว!คิดได้เช่นนี้ ก็อดตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้“เรื่องสำคัญเช่นนี้ เหตุใดเจ้าไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้?”เขากลัวว่าสองแม่ลูกคู่นั้นจะลงมือทำร้ายจิ่วเหยียน ไม่ได้เล่ห์ก็เอาด้วยกลเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่คิดเช่นนั้น “เทียบกับงานราชกิจแล้ว เรื่องนี้ไม่นับว่าสำคัญ”ยิ่งไปกว่านั้น นางสามารถจัดการด้วยตัวเองได้เซียวอวี้นั่งลงข้างกายนาง โอบไหล่ของนางไว้อย่างแผ่วเบา เชิดคางของนางขึ้นเล็กน้อย แล้วจุมพิตลงบนหน้าผาก“จะว่าไป ที่เรายังไม่ถูกพวกนางสองแม่ลูกเล่นงาน ต้องขอบคุณฮองเฮาที่มีปัญญา ปกป้องเราได้”ใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนประดับด้วยรอยยิ้มบางเบา “ท่านรู้ก็ดี”“ไม่แปลกใจที่เจ้าแนะนำ ให้พ่อของเจ้าไปเป็นซือหม่าที่เจียงโจว ที่แท้ในตอนนั้น เจ้าก็รู้ว่าสองแม่ลูกคู่นั้นประสงค์ร้ายนี่เอง” เซียวอวี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุดเดิมเขาคิดว่า นางเพียงไม่ชอบใจที่นายท่านเฟิ่งจะแต่งงานใหม่ แถมยังแต่งงานกับน้าของนางอีกขณะเดียวกันเขาก็คิดไม่ตก “พ่อของเจ้าคิดอะไรอยู่ เราดูเป็นคนไม่เลือกขนาดนั้นเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 973

    สีหน้าของสองแม่ลูกหลิวอิ๋งต่างซีดเผือดพวกนางไม่เคยรู้เลยว่า โรงพักแรมที่ตัวเองพักอยู่ มีเส้นสายของฮองเฮาอยู่ด้วย!ไม่แปลกใจที่ฮองเฮาจะรู้ทุกเรื่องไม่แปลกใจที่ฮองเฮาไม่ยอมเชื่อพวกนางจบกัน!เจิ้งจีหวนนึกถึงคำพูดที่ตัวเองเคยพูด ลมหายใจพลันเปลี่ยนเป็นหอบถี่ ฝ่ามือร้อนชื้น แผ่นหลังเย็นวาบนางคล้องแขนหลิวอิ๋งเอาไว้“ท่านแม่ พวกเราควรทำอย่างไรดี…”หลิวอิ๋งเองก็อยากรู้ ว่าพวกนางควรทำเช่นไร จึงจะสามารถต้านทานคลื่นลูกใหญ่นั้นได้ผิดที่ตัวเองประมาทเกินไป ไม่คิดเลยว่า ฮองเฮาจะมีคนเก่งอยู่รอบกาย อยากสอดแนมว่าพวกนางสองแม่ลูกพูดอะไรกัน ก็คงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ!นางลืมไปได้อย่างไร ว่าที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ อย่างเจียงโจว?การสู้กันระหว่างหญิงสาวในเจียงโจว เปรียบเทียบกับฝีมือของฮองเฮาแล้ว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!นางประเมินฮองเฮาไว้น้อยเกินไป ไม่สิ นางประเมินราชวงศ์ไว้น้อยเกินไปต่างหาก!นางร้อนรนมากเกินไป จนไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้วนายท่านเฟิ่งมองสองแม่ลูก แล้วหันไปมองอู๋ไป๋ทันใดนั้น เขาก็จับมืออู๋ไป๋ กล่าวอย่างจริงจัง“เจ้าไปบอกฮองเฮา ว่าทั้งห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 972

    ถึงอย่างไรหลิวอิ๋งก็ยังมีความฉลาดช่ำชอง ต่างจากเจิ้งจีที่เปิดเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า หลิวอิ๋งจึงวางท่าทีสงบนิ่งนางจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียน พลางย้อนถามอย่างสงบนิ่งเหมือนปกติ“ฮองเฮา เรื่องระหว่างหม่อมฉันกับท่านพี่ในตอนนั้น ท่านพี่หญิงก็ทราบดี อีกทั้งยังเคยบอกกับท่านว่า นั่นเป็นความผิดพลาดทั้งหมด...เป็นเพราะตอนนั้นหม่อมฉันอายุยังน้อย“ทว่าที่ท่านเอ่ยเมื่อครู่ว่า ‘ทำวิธีเช่นเดียวกัน’ คืออะไร? โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงเอ่ยเช่นนั้น!“หรือท่านเข้าใจว่า พวกเราต้องการมาร่วมงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง ก็เพื่อจะใกล้ชิดกับฝ่าบาท? นี่มันเหลวไหลสิ้นดี!“ฮองเฮา ผู้ใดมิรู้บ้างว่า ฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านเพียงผู้เดียว ใครจะมาแทนที่ท่านได้เล่า? เจิ้งจีของเราก็เคยแต่งงานมาแล้วที่เจียงโจว น่าเสียดายที่เหมือนหม่อมฉัน ต่างก็โชคร้าย สามีเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ให้กำเนิดบุตรชายสองคน และบุตรสาวหนึ่งคน แต่ถูกครอบครัวสามีแย่งชิงไป ซ้ำยังขับไล่นางออกมา“พวกเรามาที่เมืองหลวง เพียงเพื่อมาหาคนพึ่งพิง!”เจิ้งจีก้มศีรษะลง กลอกตาไปมาด้วยความวิตกเมื่อฟังมารดาเอ่ยจบ เจิ้งจีพลันเปลี่ยนเป็นเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 971

    หลังจากนายท่านเฟิ่งกินยาแล้ว โรคหัวใจระงับไว้ได้ ทว่าเพลิงโทสะในใจลูกแล้วลูกเล่า กลับลุกโหมอย่างรุนแรงไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่า ตนเองเพียงแค่แต่งงานใหม่ เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับต้องทำให้เขาไปอยู่ที่เจียงโจว และทำให้ชาตินี้เขาไม่มีวันกลับมาที่เมืองหลวงได้อีก!ความคับแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกเขา มิอาจยับยั้งได้อีกต่อไปทว่า มิใช่พุ่งเป้าไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน กลับพุ่งเป้าไปที่หลิวอิ๋งเขาคว้าแขนของหลิวอิ๋งด้วยความโมโห เบิกตาโพลงพร้อมกับเค้นถาม“เจ้าทำสิ่งใด! เจ้าทำสิ่งใดอีก!”จักต้องเป็นหลิวอิ๋งที่ทำความผิดไว้ก่อนหน้านี้เป็นแน่ มิเช่นนั้น ฮองเฮาจะไม่กระทำการโหดร้ายเช่นนี้!หลิวอิ๋งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งคราวนี้ นางมิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ!หลิวอิ๋งพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผล“ท่านพี่ ข้ามิได้ทำสิ่งใดจริง ๆ”นางน้ำตาไหลริน ท่าทางดูอ่อนแอบอบบาง พลันหันไปมองทางเฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หากท่านมีสิ่งใดไม่พอพระทัยหม่อมฉัน ก็มาลงที่หม่อมฉัน อย่าโยงใยไปถึงผู้อื่น...โดยเฉพาะเป็นบิดาท่าน เขาไม่มีความผิด”นายท่านเฟิ่ง: เหลวไหล! แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่มีความผิด!เขาถูกวางแผนเล่นงานม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 970

    มิเพียงแต่หลิวอิ๋งแม่ลูก เฟิ่งหลินก็อยากรู้เช่นกันว่า เหตุใดฮองเฮาจึงเรียกเขาเข้าวังมาอย่างกะทันหันทันทีที่เข้ามาตำหนักหย่งเหอ จิตใจเขาก็เริ่มกระวนกระวายเมื่อมาถึงตำหนักชั้นใน มองเห็นหลิวอิ๋งแม่ลูกก็อยู่ที่นี่เช่นกัน จิตใจเขายิ่งกระวนกระวายหนักหรือว่า สองแม่ลูกคู่นี้ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับเขาอีก?ช้าก่อน!หากรู้เรื่องนี้แต่แรก เขาจะได้พาพ่อบ้านเข้าวังมาพร้อมกันด้วย!มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ใดจะรับฝ่ามือแทนเขา!!ทว่าคิดดูอีกที เขาก็ถือเป็นบิดาของฮองเฮา เป็นผู้อาวุโส! ฮองเฮาคงมิกล้าลงมือกับเขาจริง ๆ !“กระหม่อม ถวายบังคมฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” สายตาของนายท่านเฟิ่งมิได้เพ่งมองเป็นเวลานาน รีบก้มศีรษะแสดงความเคารพ“มิต้องมากพิธี” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังดูเรียบเฉยหลังจากนายท่านเฟิ่งยืดตัวตรง พลันมองไปทางหลิวอิ๋งโดยมิรู้ตัว ในแววตาฉายความสงสัย รวมทั้งความรู้สึกโมโหหลิวอิ๋งประสานสายตากับนายท่านเฟิ่ง เริ่มรู้ตัวว่า ฮองเฮาทรงเรียกเขาเข้าวังมาด้วย จักต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่!ทว่า นางไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวไม่ว่าจะมาด้วยวิธีใดก็สามารถรับมือได้นางทำการค้าการขายมาหลายปี ไม่มีอุปสรรคใดที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 969

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเคยรับปากมารดาว่า จะดูแลหลิวอิ๋งสองแม่ลูกแทนนางเป็นอย่างดีดังนั้น เมื่อหลิวอิ๋งถือจดหมายของนายหญิงเฟิ่งมาพบนาง นางเองจึงมิอาจไล่คนไปได้นางสั่งอู๋ไป๋“พานางไปที่ตำหนักหย่งเหอ”อู๋ไป๋ประสานมือรับคำสั่ง“พ่ะย่ะค่ะ!”หลิวอิ๋งสองคนแม่ลูกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในวัง ประตูวังดูโอ่อ่างดงาม พอเข้าประตูวังมาแล้ว ภายในยิ่งกว้างขวาง และตำหนักที่ตั้งอยู่เรียงราย ยิ่งง่ายต่อการเดินพลัดหลงขันทีนำทางอยู่ด้านหน้า สองแม่ลูกเดินตามติดทุกฝีก้าวตอนอยู่ที่เจียงโจว คฤหาสน์จวนตระกูลเฉียนนั้นหรูหราโอ่อ่า ศาลาและหอคอย ก็สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือดี แม้แต่จวนเจ้าเมืองก็ยังถือว่าห่างไกลตอนนี้หากเปรียบเทียบกับพระราชวังแห่งนี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเจิ้งจีอดที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้ในดวงตาของนางยากจะซ่อนความตื่นตะลึงและความปรารถนาเอาไว้ได้มิน่าแปลกใจที่หลายคนต้องการจะเข้าวังมาเป็นสนม วังหลวงแห่งนี้ช่างงดงามเหลือเกิน!ราวกับตำหนักสวรรค์บนเมฆา คนที่พำนักอยู่ที่แห่งนี้ เป็นคนที่อยู่เหนือคนโดยแท้คนเป็นนายสามารถควบคุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย คำเดียวสั่งให้ตาย หรือคำเดียวสั่งให้มีชีวิตอย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 968

    ณ วังหลวงเฟิ่งจิ่วเหยียนวางแผนว่าก่อนงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง จะจัดงานดูตัวราชบุตรเขยให้กับองค์หญิงใหญ่นี่เป็นเรื่องที่เซียวอวี้ฝากฝังไว้กับนางด้วยเหตุนี้นางจึงตั้งใจมาที่ตำหนักฉือหนิง เพื่อหารือกับไทเฮาไทเฮาทรงหวังเช่นกันว่าบุตรสาวจะได้สมรสอีกครั้ง หากสามารถให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวได้ ก็จะยิ่งเป็นการดีมิเช่นนั้น อยู่คนเดียวก็จะโดดเดี่ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยตรงไปตรงมา “จวนองค์หญิงใหญ่มีบ่าวรับใช้มาก อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ก็ยังทรงมีมิตรสหายมากมาย ไม่มีทางโดดเดี่ยวเป็นแน่”ไทเฮาทรงตะลึงงันชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะทรงเอ่ยคำพูดทำนองนี้ออกมาได้“พวกเขาต่างก็เป็นคนนอก จะเหมือนกันได้อย่างไร คนเหล่านั้น เดิมทีก็มิได้จริงใจกับฉีเอ๋อร์อยู่แล้ว...”ขณะที่พูด กุ้ยหมัวมัวก็เข้ามารายงาน “ไทเฮา ฮองเฮา องค์หญิงใหญ่เสด็จมาแล้วเพคะ”เมื่อได้ยินว่ากำลังจะคัดเลือกสามีให้นาง องค์หญิงใหญ่จึงรีบเข้ามาในวัง กลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ก็จะได้รับสมรสพระราชทานตามใจชอบจากฮ่องเต้หลังจากองค์หญิงใหญ่เสด็จเข้ามา ก็โค้งคำนับคนสองคนที่นั่งอยู่ตามลำดับ“หม่อมฉันน้อมทักทายเสด็จแม่ และถวายบังค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 967

    “ท่านแม่!” เจิ้งจีเรียกมารดาที่อยู่ภายนอกร้านขายอาภรณ์หลิวอิ๋งที่กำลังเหม่อลอย พลางเดินเข้าไปภายในร้าน และเห็นบุตรสาวมองมายังด้านหลังของตนด้วยสีหน้าร้อนใจเจิ้งจีก้าวมาข้างหน้าสองก้าว เกาะแขนของมารดา พร้อมกับมองออกไปนอกร้าน“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า? มิใช่บอกว่าวันนี้จะมาพร้อมกับท่านป้า...”หลิวอิ๋งเอ่ยแทรกคำพูดของนาง “กลับไปที่โรงพักแรมก่อน”เจิ้งจีอาลัยอาวรณ์ชุดดิ้นทองนั้น จึงมิอยากไปนางคว้าหลิวอิ๋งไว้ “ท่านแม่ ท่านช่วยบอกเจ้าของร้านให้รู้ที เขามิเชื่อว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กับฮองเฮา มิยอมขายชุดดิ้นทองให้กับข้า!”หลิวอิ๋งรู้ดีว่า บุตรสาวต้องการซื้อชุดดิ้นทอง สำหรับงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวังนางก็เคยรับปากบุตรสาวว่า งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในวัง พวกนางสามารถไปได้ใครจะคิดว่า ท่านพี่หญิงจะไปจางโจวอย่างกะทันหัน!หลิวอิ๋งรู้สึกผิดต่อบุตรสาวขึ้นมาทันใดมีบางเรื่อง มิอาจพูดให้ชัดเจนที่นี่ได้“เชื่อฟังแม่ กลับไปโรงพักแรม”เจิ้งจีมิเข้าใจว่า เหตุใดมารดาถึงเป็นเช่นนี้“ท่านแม่ ท่านป้าเล่า?”“ท่านป้าเจ้าไม่ได้มา” หลิวอิ๋งตอบอย่างตรงไปตรงมา“อะไรกัน? เหตุใดท่านป้าถึงไม่มา?”เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 966

    คนเฝ้าประตูยื่นจดหมายให้กับหลิวอิ๋ง“นี่คือจดหมายที่ฮูหยินผู้เฒ่าฝากไว้ให้ท่าน”หลิวอิ๋งรีบรับจดหมายมา และเปิดอ่านในทันที---[อาอิ๋ง เหตุการณ์กะทันหันนัก เช้านี้ข้าต้องเดินทางไปจางโจว เพื่อไปร่วมฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเวยเฉียง เนื่องด้วยระยะทางไกล จึงมิอาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว ดังนั้นจึงมิได้บอกลากับเจ้า วันข้างหน้าหากพบเจอปัญหาใด เพียงเข้าไปในวังเพื่อพบฮองเฮา นางจักดูแลเจ้ากับเจิ้งจีเป็นอย่างดีแน่นอน]หลิวอิ๋งอ่านจดหมายจบแล้ว ในใจรู้สึกเป็นกังวลรีบไปกะทันหันเช่นนี้ ช่างดูมีลับลมคมในจริง ๆ!ดูเหมือนจงใจจะหลบเลี่ยงนาง!นางถึงขั้นสงสัยว่าจดหมายนี้เป็นความจริงหรือไม่หลิวอิ๋งยิ้มพร้อมเอ่ยกับคนเฝ้าประตู: “พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ถึงท่านพี่หญิงไม่อยู่แล้ว แต่ข้าทำของบางอย่างหล่นอยู่ในห้องนาง ดังนั้นจึงต้องเข้าไปหาดู”ท่าทีของบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูดูแข็งกร้าว“หากมิได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พวกเรามิอาจให้ท่านเข้าไปในจวนได้ ท่านโปรดรอสักครู่ ให้พวกเราเข้าไปถามฮูหยินก่อน”หลิวอิ๋งพยักหน้า“ได้ ข้าจะรอ”ในรอยยิ้มของนางแฝงความร้ายกาจดุจคมมีดรออยู่สักครู่ คนที่ไปรายงานก็ออกม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status