แชร์

บทที่ 389

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
บนเตียงนั้นมีพื้นที่คับแคบ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีที่ให้ถอยหนี

เซียวอวี้จับเอวของนางไว้ เพื่อให้นางอยู่ในพื้นที่จำกัด

นางหันศีรษะหลบหลีกการจูบของเขา ก็ยิ่งทำให้เขาไม่เหลือความอดทน

ทันใดนั้นเขาจับคางของนางไว้ และมองเข้าไปในดวงตาของนางด้วยสายตาเยือกเย็น

“หลบอะไร? หือ?”

แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งไม่หวั่นไหว มือสองข้างกำหมัดไว้แน่น

เซียวอวี้เริ่มโมโห เขาพลันก้มศีรษะลงประกบริมฝีปากของนาง ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้นางหายใจ

ผ่านไปไม่นาน การหายใจของเขาเริ่มหอบถี่ ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมาทางด้านหน้าตัวนาง

แค่ดึงเบา ๆ สายรัดเอวก็หลุดออก

ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาวางทับอยู่บนหน้าท้องที่กระชับและแบนราบของนาง โดยมีอาภรณ์กั้นอยู่หลายชั้น

ริมฝีปากบางของเขาเคลื่อนมาข้างใบหูของนาง เหมือนจูบเหมือนขบกัด ทั้งอมติ่งหู พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“มีองค์ชายให้กับเรา...”

คำพูดนี้หาใช่จะหารือกับนาง แต่เป็นคำสั่งที่แข็งกร้าว

เซียวอวี้เริ่มเกิดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม เขาดึงอาภรณ์ของนางอย่างขาดสติ

เฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงศีรษะ และหันหน้าไปทางผ้าม่านข้างเตียง

แววตาของนางเฉยชาและคิ้วขมวดแน่น

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เต็มใจจะร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (5)
goodnovel comment avatar
Taow Noy
เมื่อไหร่จะรักสักที เริ่มรำคาญ นอ.ละ ยาวขนาดนี้ไม่ไปต่อละ เบื้อ
goodnovel comment avatar
Dolly Aoh
เมื่อไหร่จะรักกันสักที เริ่มเบื่อแล้ว เหมือนกัน
goodnovel comment avatar
ลาวิน แก่นท้าว
เพื่อนกดโหลดแล้วทำไมไม่ได้คะแนน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 390

    ในห้องทรงพระอักษรหลิวซื่อเหลียงนำยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาวางบนโต๊ะแล้วเขาหูตาว่องไว แค่เห็นฮองเฮาอยู่ด้านในด้วย ไม่ต้องรอได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ก็ถอยพรวดพราดออกไปแล้วเซียวอวี้นั่งลงตรงนั้นและวางมือไว้บนโต๊ะเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ตรงข้ามกับเขา เริ่มจากพับแขนเสื้อของเขาขึ้นมาก่อน ถึงมองเห็นตำแหน่งทั้งหมดที่ถูกน้ำร้อนลวกตอนอยู่ที่ค่ายทหารนางก็ทำแผลใส่ยาอยู่เป็นประจำ ท่าทางจึงดูคล่องแคล่วแค่ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น นางก็เงยหน้าขึ้น“เสร็จแล้วเพคะ”เซียวอวี้: รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?เมื่อเห็นนางจะลุกขึ้น เขาพลันมองไปทางสาส์นกราบทูลที่วางกองอยู่บนโต๊ะ“ไปหยิบสาส์นกราบทูลมา เราจะพูดแล้วเจ้าก็เขียน”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกแปลกใจ “ฝ่าบาท วังหลังไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับราชกิจเพคะ”ยิ่งไปกว่านั้นจักให้นางเขียนแทนด้วยซ้ำ สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย “ทั้งหมดเป็นสาส์นกราบทูลที่ไม่มีแก่นสาร ไม่ได้สลักสำคัญอะไร”สาส์นกราบทูลในแต่ละวันที่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ มีน้อยมากส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้แก่นสารที่ไม่มีผลใด ๆ เดิมทีเฟิ่งจิ่วเหยียนคิดว่าเขาพูดเกินจริง ทว่าหลังจากพลิกดูตามคำขอของเขา ถึ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 391

    เมื่อฮูหยินเฟิ่งต้องมาเผชิญหน้ากับฝ่าบาทเป็นครั้งแรกเช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งถึงแม้เซียวอวี้จักอนุญาตให้นางนั่งลงก็ตาม ทว่า นางคล้ายกับตนเองนั่งอยู่เบาะที่มีเข็มก็ไม่ปานแม้แต่ชาที่ข้ารับใช้รินให้นั้น นางก็ยังมิกล้าแตะต้องเมื่อเห็นฮูหยินเฟิ่งมีท่าทีตื่นเต้นเช่นนี้ เซียวอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า“มิต้องตระหนกถึงเพียงนั้น เราเพียงแค่อยากจะถามอะไรบางอย่างเท่านั้น หลังจากที่ฮองเฮาเกิดออกมาแล้วถูกส่งไปยังตระกูลเมิ่งนั้น เรื่องของนางพวกเจ้ารู้มากเท่าใดกัน”เมื่อเซียวอวี้เอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา ทำเอาฮูหยินเฟิ่งยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีกนางพลันลุกขึ้นพร้อมเอ่ยปฏิเสธออกมาในทันที“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมิทราบว่าผู้ใดเอ่ยเรื่องราวไร้สาระเช่นนี้ขึ้นมา ทว่า ฮองเฮาได้รับการเลี้ยงดูอยู่ภายในตระกูลเฟิ่งมาโดยตลอดเพคะ หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเมิ่งไม่!”แววตาของเซียวอวี้พลันมืดครึ้มลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฮูหยินเฟิ่งเป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าถามไปคงมิได้คำตอบอะไรกลับมาเท่าใดนักหากเค้นถามต่อไป เกรงว่าจักให้นางเป็นลมไปได้เซียวอวี้จึงออกคำสั่งเสียงเข้มมาว่า“ส่งตัวฮูหยินเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 392

    ระยะทางของคุกเทียนเหลานั้นอยู่ใกล้กับพระราชวังเป็นอย่างมากหากเกิดเหตุการณ์นักโทษแหกคุกเมื่อใดนั้น ทางราชวังก็สามารถเข้าจัดการและควบคุมได้ในทันทีในยามนี้ บริเวณพื้นที่เปิดโล่งของคุกเทียนเหลานั้น เฉียวม่อกำลังถูกคุ้มกันโดยกองทัพอินทรีเหิน นางอาศัยการต่อสู้ของพวกเขาเพื่อให้เหลือหนทางสีเลือดให้กับตนเอง นับตั้งแต่แหกคุกจนมาถึงที่ตรงนี้ได้นั้น นางได้จะทะลวงเกราะป้องกันด่านที่สามแล้วด้านหน้าคือด่านสุดท้ายของการหลบหนีในครานี้ขอเพียงแค่นางสามารถทะลวงออกไปจนถึงประตูหลักได้เมื่อใดนั้น นางก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักมีมากมายนัก ในมือพลันถือโล่ถือหอกเอาไว้ แปลงขบวนเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อต้านทานการโจมตีของเหล่ากองทัพอินทรีเหินในขณะเดียวกัน รอบด้านทั้งสี่พลันถูกโอบล้อมไปด้วยกำแพงสูงและหอคอยปราการ ด้านบนกำแพงมีพลธนูยืนรออยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาง้างคันธนูจนสุดสาย พร้อมทั้งลูกธนูนับหมื่นที่พุ่งลงมาในทันทีเหล่ากองทัพอินทรีเหินที่มากกว่าสองร้อยนายนั้น พวกเขาใช้ร่างของตนเองคุ้มกันเฉียวม่อเอาไว้ด้วยวิชาระฆังทองคุ้มกาย ฝ่าการโจมตีออกไปด้วยความยากลำบากพวกเขาที่เคยผ่านสน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 393

    เมื่อเฉียวม่อเงยหน้าขึ้นมานั้น นางเห็นบนกำแพงสูงส่ง ฝ่าบาทกำลังมองลงมาจากที่สูงในมือพลันถือคันธนูพร้อมด้วยลูกธนูเอาไว้ ดวงตาทั้งสองข้างพลันเต็มไปด้วยความมืดมนใบหน้ารูปงามพลางแผ่กลิ่นอายอันน่าหวาดผวาออกมาทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า ทักษะการยิงธนูของฝ่าบาทนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่เคยพลาดเลยสักครั้งลูกธนูทั้งสามดอกเมื่อครู่นั้น ฝ่าบาทย่อมสามารถยิงไปที่เฉียวม่อได้อย่างไม่มีผิดพลาดนั่นย่อมแสดงว่า นี่เป็นเพียงคำเตือนเสียมากกว่าหากถอย นางย่อมรักษาชีวิตเอาไว้ได้หากก้าวไปข้างหน้าแม้แต่เพียงก้าวเดียว ย่อมมีแต่หนทางตายเซียวอวี้วางคันธนูในมือลง ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ผู้ฝ่าฝืนกฎ จักถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่เห็นฝ่าบาทนั้น เหงื่อเย็น ๆ พลันไหลโทรมกายเฉียวม่อไปในทันทีนางสามารถจินตนาการได้เลยว่า จุดจบของนางจักเป็นเช่นไรเพื่อที่จะหลบหนีออกไปได้นั้น นางยอมทำทุกวิถีทางถึงแม้กองทัพอินทรีเหินจักเก่งกาจในการสู้รบมากเพียงใด พวกเขาย่อมมิอาจเอาชนะกำลังพลที่มีมากถึงพันนายไปได้ยิ่งไปกว่านั้น กำลังพลที่น้อยกว่าย่อมทำให้พวกเขาอยู่ในฐานะเสียเปรียบเหล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 394

    ใบหน้าของเฉียวม่อเต็มไปด้วยตื่นตระหนกตกใจในทันทีอีกก้าวเดียวเท่านั้น นางก็จักสามารถหนีออกไปได้แล้วจู่ ๆ หอกด้ามหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น พลางบังคับให้นางต้องถอยหลังกลับไปทั้งด้านในประตูและบนกำแพง ทุกคนต่างพากันมองดูฉากตรงหน้าด้วยความประหลาดใจพร้อมทั้งผู้ที่ถือหอกก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างช้า ๆคนผู้นั้นสวมหน้ากาก ดูคล้ายกับอดีตท่านแม่ทัพน้อยเป็นอย่างมากเหล่ากองทัพอินทรีเหินต่างก็มีท่าทีสับสนไปในทันทีคนอื่น ๆ ย่อมมีอาการเช่นเดียวกันขณะที่คนผู้นั้นก้าวมาข้างหน้า เฉียวม่อจึงทำได้เพียงก้าวถอยหลังเท่านั้นสายฝนที่ตกโปรายปรายลงมา ทำให้การมองเห็นของนางพร่ามัวหากแต่เฉียวม่อมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ผู้ที่สวมใส่หน้ากากอยู่ตรงหน้านางนั้น หาใช่ใครอื่นไม่ ย่อมต้องเป็นศิษย์พี่ของนางเฟิ่งจิ่วเหยียน...บนกำแพงนั้น เซียวอวี้ถึงกับขมวดคิ้วลงเล็กน้อยเฉียวม่อยังคงต้องการหนทางหนีเมื่อเห็นว่าข้างกายของเฟิ่งจิ่วเหยียนมีช่องโหว่ นางจึงรีบเอี่ยวตัวเพื่อเบี่ยงหนีทว่า เพียงแค่เฟิ่งจิ่วเหยียนขว้างหอกออกไปนั้น ก็สกัดกั้นให้นางต้องล่าถอยกลับไปในทันทีเฉียวม่อยังคงมิยินยอม พลางเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 395

    เฟิ่งจิ่วเหยียนต้องการช่วยกองทัพอินทรีเหิน นางทำได้เพียงต้องใช้ตัวตนของเมิ่งสิงโจวมาแก้ปัญหาเท่านั้นมิฉะนั้น สำหรับเซียวอวี้แล้ว การที่กองทัพอินทรีเหินมิอาจควบคุมได้ อย่างไรก็ต้องทำการประหารอย่างเดียวเมื่อรู้ว่ามีแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกคนหนึ่งนั้น ทุกคนต่างก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปในทันทีองค์หญิงใหญ่ตกใจเป็นอย่างยิ่งนางหันหน้าไปมองเซียวอวี้สีหน้าของเซียวอวี้ดูสงบเงียบกว่านางมากนัก ราวกับว่าเขารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วดวงตาจึงเจือไปด้วยไอสังหารที่มิอาจอธิบายออกมาได้จู่ ๆ เฉินจี๋ก็ตระหนักได้ในทันทีที่แท้ การที่เมิ่งเฉียวม่อมิได้สนใจความเป็นความตายของกองทัพอินทรีเหินนั้น นั่นเป็นเพราะนางมิใช่ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งตัวจริง!เช่นนั้น นางย่อมมีโทษหลอกลวงเบื้องสูงขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง!ทว่า สิ่งที่เฉินจี๋คิดไม่ตกก็คือ ในเมื่อเมิ่งสิงโจวยังมีชีวิตอยู่เช่นนี้ เหตุใดเขาจึงยอมให้เมิ่งเฉียวม่อมาสวมรอยเป็นตนเองด้วยเล่า?กองทัพอินทรีเหินจ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความว่างเปล่า“ท่านแม่ทัพน้อย?”พวกเขามิอยากจะเชื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปที่พวกเขา เมื่อเห็นว่าพวกเขายังอยู่ท่วงท่าที่จะปลิด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 396

    โผละ!ป้ายคำสั่งพลันแตกออกมา พละกำลังความแข็งแกร่งของนิ้วเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นได้ชัด“ไม่! ท่านแม่ทัพน้อย…” กองทัพอินทรีเหินทั้งหมดต่างก็พยายามอดกลั้นเอาไว้เฉียวม่อมองไปยังชิ้นส่วนของป้ายคำสั่งที่แตกหักด้วยความปวดใจศิษย์พี่ยอมที่จะมอบกองทัพอินทรีเหินให้ไปอยู่ในมือผู้อื่นจริง ๆ !เช่นนี้ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาช่วยนางออกไป ก่อนที่จะตายอย่างสมเกียรติดีกว่าหรือ!คิ้วของเซียวอวี้ขมวดเป็นปมไปในทันทีการกระทำของเมิ่งสิงโจวในครานี้ ถือว่าพลิกสถานการณ์ทุกอย่างได้ในทันทีเขาเข้าใจความรู้สึกของฝ่าบาท ทั้งยังรู้วิธีที่จะแลกเปลี่ยนอีกด้วย“เฉินจี๋ ถอยทัพ”“พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากทหารของวังหลวงถอยทัพกลับไปแล้วนั้น จำนวนคนจึงน้อยลงไปมากกว่าครี่งหนึ่งในทันทีกองทัพอินทรีเหินปลอดภัยแล้วพวกเขาจะไม่ตายทว่า ภายในใจของพวกเขาก็รู้สึกแย่ยิ่งนักนับแต่นี้ต่อไป พวกเขาจักไม่ใช่คนของท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งอีกแล้วโทษประหารพลันหลีกเลี่ยงได้ ทว่า บทลงโทษยามมีชีวิตอยู่มิอาจหนีพ้นบทลงโทษที่พวกเขาช่วยกันแหกคุกในคืนนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไปเซียวอวี้เอ่ยสั่งการออกมาอย่างเด็ดขาดว่า“นำตัวทุกคนเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 397

    แสงสว่างวาบจากดาบ ทำให้เฉียวม่อล้มลงราวกับว่ากระดูกสันหลังของนางถูกฉีกกระชากออกไปในทันทีนัยน์ตาของนางเบิกโพลงขึ้น พร้อมทั้งหันหน้ากลับไปด้วยความหวาดกลัวเท้าของนาง...เส้นเอ็นร้อยหวายถูกตัดไปแล้ว!เมื่อมองเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ นั้น เฉียวม่อพลันตัวสั่นเทาไปในทันที“อย่า…อย่าเข้ามา! ไม่เอา…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้นึกสงสารไม่ พร้อมทั้งตวัดดาบอีกครั้งหนึ่งเพื่อตัดไปที่เส้นเอ็นข้อมือของเฉียวม่อ ทันใดนั้น เฉียวม่อพลันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา“อ๊าก—"นางเกลียดยิ่งนัก!เหตุใดต้องทำเช่นนี้กับนางด้วย!นางก็แค่อยากได้ในสิ่งที่นางสมควรจักต้องได้!องค์หญิงใหญ่พลันยืนชมภาพตรงหน้าอยู่บนกำแพงด้วยความเป็นสุขเมิ่งเฉียวม่อผู้นั้น กล้าดีอย่างไรมาแอบอ้างตนเองเป็นท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งกัน!สายตาของเซียวอวี้พลันเต็มไปด้วยความเย็นชา“นำตัวเมิ่งเฉียวม่อกลับไปที่คุกเทียนเหลา จักทำการประหารนางในวันพรุ่งนี้”“พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเฉียวม่อเห็นว่าตนเองหมดหนทางที่จะมีชีวิตรอดแล้วนั้น จึงร้องคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดในทันที“ฝ่าบาทเพค่ะ! หม่อมฉันต้องการฟ้องคู่สามีภรรยาตระกูลเม

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1026

    ความผูกพันที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อแคว้นซีหนี่ว์ ไม่ลึกซึ้งเท่าความผูกพันที่มีต่อแคว้นหนานฉีเนื่องจากนางเติบโตในแคว้นหนานฉีตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเคยเป็นทหารของแคว้นหนานฉีญาติสนิทมิตรสหายของนาง ล้วนอยู่ในแคว้นหนานฉีทั้งนั้นตอนนี้ นางยังเป็นฮองเฮาของแคว้นหนานฉีอีกด้วยหากนางตัวคนเดียว บางทีนางอาจจะสามารถอยู่ได้แบบไม่ต้องลังเล แต่ว่าตอนนี้ หากให้นางทิ้งทุกอย่างในแคว้นหนานฉี อยู่เป็นฮ่องเต้ที่แคว้นซีหนี่ว์ นางทำไม่ได้นางมีหลายเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้และยังอาลัยอาวรณ์อยู่สามีของนาง ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง แล้วไหนจะเวยเฉียง…ทว่า แคว้นซีหนี่ว์เองก็ต้องปกป้องในด้านส่วนตัว นี่คือสายเลือดตระกูลบรรพบุรุษของนางในด้านส่วนรวม จำเป็นต้องมีแคว้นเฉกเช่นแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสังคมโลกที่ไม่ยุติธรรมต่อสตรี อีกอย่าง แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งก็สนิทชิดเชื้อกับเป่ยเยี่ยน หากพวกเขาแบ่งแยกแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะสร้างความกดดันต่อชายแดนทางตะวันตกของแคว้นหนานฉี หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ข้าจะช่วยแคว้นซีหนี่ว์ปราบปรามศัตรูให้ล่าถอย แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ คงต้องให้ผู้ปรา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1025

    ณ แคว้นหนานฉีภายในพระราชวังความรู้สึกไม่สบายใจของเซียวอวี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเขาฝืนอ่านฎีกาจนจบ แล้วขึ้นราชรถไปตำหนักหย่งเหอด้วยจิตใจที่ล่องลอยหลิวซื่อเหลียงรีบตามมาด้านหลัง เขามองออกว่าฝ่าบาทกำลังวิตกกังวล ก็นึกว่าฝ่าบาททรงกังวลเรื่องของแคว้น จึงให้ข้าหลวงถอยออกไปด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเซียวอวี้นั่งเหม่อลอยอยู่ที่เก้าอี้ในตำหนักชั้นในเป็นเวลานานหากไม่ติดเรื่องฐานะฮ่องเต้ ยามนี้เขาอยากจะไปแคว้นซีหนี่ว์ ตามจิ่วเหยียนของเขากลับมาแล้วแคว้นซีหนี่ว์ในเวลาเดียวกันเฟิ่งจิ่วเหยียนตกอยู่ในสองสถานการณ์ที่ยากลำบากด้านหนึ่ง นางรู้ดีว่าด้วยฐานะฮองเฮาแคว้นหนานฉีของนาง ไม่อาจอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ได้อีกด้านหนึ่ง แคว้นซีหนี่ว์ถูกคุกคามจากแคว้นศัตรู หากนางพาท่านแม่จากไปโดยไม่สนใจความอยู่รอดของแคว้นซีหนี่ว์ ย่อมทำใจได้ยากภายในตำหนัก โอวหยางเหลียนและหูย่วนเอ๋อร์ต่างคุกเข่าให้นางอยู่บนพื้น ขอร้องให้นางอยู่ต่อด้านนอกตำหนัก เหล่าขุนนางที่เดิมยังอยู่ที่ท้องพระโรงหน้า ไม่รู้ว่าได้ข่าวมาจากที่ใด ยามนี้ต่างก็มาคุกเข่าอยู่ด้านนอก ขอให้นางขึ้นครองราชย์แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักอึ้ง“ลุกข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1024

    หลิวอิ๋งไม่สนใจว่าคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง นางถามเจิ้งจีเป็นอย่างแรก“ท่านป้าของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!”“ท่านแม่ ท่านป้าสวรรคตแล้วเจ้าค่ะ...”ความทรงจำของเจิ้งจีเลือนราง จึงนึกว่าท่านแม่เองก็จำได้ไม่ชัดเจนเช่นกันหญิงผู้นั้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือยามนี้นางจึงรีบพูดเรื่องสำคัญ “ท่านแม่ มีคนบุกเข้าไปในตำหนักบรรทม พวกเขาตีข้าจนสลบ ท่านรีบส่งทหารรักษาพระองค์ไปจับพวกเขาเร็วเข้า!”หลังจากเจิ้งจีที่อยู่นอกตำหนักฟื้นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมาก ยังมีเสียงเลือนรางที่ดังมาจากด้านในตำหนักอีก ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือหนีเพื่อไปขอความช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนตีนางจนสลบ และไม่รู้ว่าในตำหนักเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลิวอิ๋งได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็คิดว่าประมุขแคว้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ได้มีเรื่องอย่างการฟื้นคืนชีพ ก็รู้สึกยินดียิ่งตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ที่ว่าประมุขแคว้นยังเหลือลมหายใจอยู่อะไรนั่น ที่แท้ก็เป็นการหลอกนาง!เฮ้อ! โชคดีที่นางไม่ติดกับ!พอซู่เฉียนเสวี่ยตายแล้ว ทีนี้นางอยากรู้นัก ใครจะพิสูจน์ได้เล่าว่านางไม่ใช่ซู่ยวน?......ตอนที่นายหญิงเฟิ่งมาถึงพระราชว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1023

    “ท่านประมุข แคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งต่างจ้องแคว้นเราตาเป็นมัน ท่านทำใจทิ้งพวกเราลงได้หรือเพคะ!”“ท่านประมุข ท่านจะต้องอายุยืนเป็นร้อยปี! ได้โปรดทำใจให้ฮึกเหิมเพื่อแคว้นซีหนี่ว์ จะต้องทรงดีขึ้นนะเพคะ!”“ท่านประมุข หม่อมฉันไร้ความสามารถ หม่อมฉันมาช่วยพระองค์ช้าเกินไป! แท้ที่จริงแล้วหลิวอิ๋งผู้นั้น ใช่ใต้เท้าซู่ยวนหรือไม่เพคะ? ขอท่านเผยความจริงด้วยเถิด!”ประมุขแคว้นที่อยู่บนเตียง เบ้าตาจมลึก ริมฝีปากซีดขาว ผอมจนเห็นกระดูก อาภรณ์ขาวบนร่างดูราวกับผ้าห่อศพ แผ่กลิ่นอายความตายออกมาลมหายใจของนางแผ่วเบา ทว่าเสียงที่ออกมาจากปากกลับชัดเจนยิ่ง “หลิวอิ๋ง...ไม่ใช่ซู่ยวน จะให้นางทำให้แคว้นซีหนีว์วุ่นวายไม่ได้!”เมื่อซู่เฉียนเสวี่ยพูดคำสุดท้ายจบ ก็ราวกับว่านางได้ใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดแล้ว นางหายใจรุนแรงราวกับว่าวิญญาณในร่างกำลังล่องลอยออกไป นางเงยหน้าขึ้นด้วยความทรมานอย่างที่สุด เพื่อให้ลมหายใจเคลื่อนผ่านสะดวกเหล่าขุนนางคนสนิทต่างก่นด่าถึงความไม่เป็นธรรม“ท่านประมุข ท่านวางใจเถิดเพคะ! หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ซู่ยวนตัวปลอมนั่นขึ้นครองราชย์เด็ดขาด!”“ใช่ ฆ่านางซะ! นางหลอกลวงเบื้องสูง ทั้งยังทำร้ายท

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1022

    หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1021

    บนบัลลังก์มังกร หลิวอิ๋งมองเฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังได้เปรียบแล้วฝืนยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่เอง ถึงอย่างไรความจริงก็เป็นเรื่องภายในของแคว้นซีหนี่ว์ แคว้นหนานฉี...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะหลิวอิ๋งที่กำลังพูดด้วยแววตาเย็นชา“ข้าจะพบประมุขแคว้น”หลิวอิ๋งซ่อนเจตนาไม่ดีไว้ในรอยยิ้ม“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ประมุขแคว้นทรงสวรรคตแล้ว ยามนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป เพราะกลัวว่าในแคว้นจะเกิดความวุ่นวาย หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็รีบไปที่ตำหนักบรรทมสิ ประมุขแคว้น...ทรงอยู่ในโลงแล้ว”“อะไรนะ!” ปฏิกิริยาของมั่วซินหมัวมัวรุนแรงมากหลิวอิ๋งแสร้งแสดงท่าทีเสียใจ ใช้มือหนึ่งปิดใบหน้า ไหล่สั่นสะท้าน ราวกับกำลังสะอึกสะอื้นด้วยความเศร้านางก้มศีรษะลงครึ่งนึง แล้วกล่าวเสริมว่า“เหล่าขุนนางรักเอ๋ย ไม่ใช่ว่าข้าต้องการปิดบังพวกท่าน ทว่านี่เป็นเรื่องกะทันหัน ภายในก็วุ่นวาย ภายนอกศัตรูรุกราน ข้าไม่กล้าพูดออกมา“วันนี้ กบฏมั่วซินกลับเดินเข้ามาติดกับดักด้วยตนเอง ในที่สุดวิญญาณของท่านพี่ที่อยู่บนสวรรค์ ก็ได้ตายตาหลับเสียที“ท่านพี่...”นางร้องไห้เสียใจ ทำให้เหล่าขุนนางร้องตามไปด้วย“ท่านประมุข!”มั่วซินห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1020

    เหล่าขุนนางของแคว้นซีหนี่ว์ล้วนรู้ดี มั่วซินหมัวมัวเป็นคนเก่าแก่ข้างกายประมุข ได้รับความไว้วางใจจากประมุขเป็นอย่างมากคำพูดของนาง น่าจะไม่ผิดทว่า ใต้เท้าซู่ยวนคนนี้ เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของประมุข...ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใครมั่วซินกล่าวหาว่าสถานะซู่ยวนเป็นตัวปลอม ซู่ยวนก็กล่าวหาว่ามั่วซินกบฏ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองจนเฟิ่งจิ่วเหยียนออกมาพูด“เหตุใดไม่ให้ประมุขทรงตรัสด้วยตนเอง?”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาหลิวอิ๋งฉายแววความโหดร้าย“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าทำร้ายพี่สาว! พวกเจ้าเป็นโจรกบฏ อย่าคิดที่จะได้พบประมุข! ทหาร จัดการพวกนาง!”“ข้าจะดูว่าใครกล้าลงมือ!” แม่ทัพใหญ่หูย่วนเอ๋อร์ออกมายืนด้านหน้า ปกป้องเฟิ่งจิ่วเหยียนกับมั่วซินหมัวมัวหลิวอิ๋งตำหนิหูย่วนเอ๋อร์“แม่ทัพหู เจ้าก็คิดจะกบฏหรือ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่รู้ความจริง ถูกคนหลอกลวง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย รีบมายืนฝั่งข้า! จับกุมตัวโจรกบฏ!”หูย่วนเอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม“ต่อให้จะลงโทษใคร ก็ควรให้ประมุขตัดสิน! ใต้เท้าซู่ยวน ประมุขอยู่ที่ใด!”หลิวอิ๋งเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ฟังคำพูดตนเอง บีบ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1019

    ในพระราชวัง แคว้นซีหนี่ว์หลิวอิ๋งพาประมุขกลับวังอย่างเปิดเผย เหล่าข้าหลวงล้วนเคารพนาง ไม่สงสัยในตัวนางเพื่อไม่ให้ประมุขเปิดปากขอความช่วยเหลือ หลิวอิ๋งให้นางทานยาสลบ ทำให้นางตกอยู่ในสภาวะหมดสติเทียบกับความใจเย็นของหลิวอิ๋ง เจิ้งจีรู้สึกตื่นเต้น ไม่กล้ามองผู้ใดจนกระทั่งพาประมุขส่งมาถึงตำหนักบรรทม หลังจากสั่งให้ข้าหลวงทั้งหมดออกไปแล้ว เจิ้งจีค่อยถามด้วยเสียงเบา“ท่านแม่ เราทำเช่นนี้ จะไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือ?”หลิวอิ๋งมองประมุขบนเตียง ด้วยแววตาโหดเหี้ยม“นางใกล้จะตายแล้ว ตำแหน่งประมุข ไม่ช้าก็จะเป็นของข้า ขอเพียงข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับข้า!”เจิ้งจียังคงรู้สึกหวาดกลัวหวนคิดถึงเมื่อไม่นาน นักฆ่าพวกนั้นบุกเข้ามาในจวนชานเมือง สังหารองครักษ์ข้างกายประมุข แล้วก็ปลอมเป็นองครักษ์ ร่วมมือกับพวกนาง พาประมุขกลับวังตอนนี้ นักฆ่าพวกนั้นก็อยู่ในวัง กระทั่ง คอยจับตามองอยู่ข้างกายพวกเขาต่อให้ท่านแม่เป็นประมุข ก็จะสามารถสบายใจไม่ทุกข์ไม่ร้อนจริงหรือ?“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ข้ากลัว”น้ำเสียงเจิ้งจีสั่นเทาหลิวอิ๋งลูบใบหน้านาง พูดเตือนนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1018

    ในพระราชโองการที่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้น เขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจน ขอเพียงนางยินยอม ก็สามารถเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้ทุกเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนถือพระราชโองการไว้ ในใจรู้สึกว้าวุ่นตลอดเวลาที่ผ่านมา นางคิดเพียงว่าตนเองคือคนของแคว้นหนานฉี เพื่อปกป้องแผ่นดิน ตายอยู่บนสนามรบ ก็ไม่ตำหนิเสียใจทว่าตอนนี้...ประมุขแคว้นซีหนี่ว์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี รู้ว่านางไม่มีทางรับอำนาจปกครองแคว้นซีหนี่ว์“เด็กดี พระราชโองการฉบับนี้ เป็นสิ่งรับประกันที่ป้าให้กับเจ้า ให้อนาคตเจ้ามีทางถอย”บนโลกนี้ การมีชีวิตอยู่ของสตรีนั้นยากลำบากมีเพียงแคว้นซีหนี่ว์ เป็นผืนแผ่นดินของสตรีในความรู้สึกส่วนตัว นางยังคงคาดหวังให้จิ่วเหยียน สามารถกลับมาสู่ตระกูลทว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงความหวังจิ่วเหยียนกับฮ่องเต้ฉีเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กัน กำลังเป็นช่วงเวลาที่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แยกจากกันไม่ได้นายหญิงเฟิ่งคาดเดาได้ว่าในพระราชโองการมีอะไร สีหน้าแสดงออกถึงตกตะลึง“พี่สาว ท่านคิดอยากที่จะ...”ประมุขพูดขัดนาง“ซู่ยวน ให้เด็กตัดสินใจเองเถอะ”จากนั้นก็หันไปสั่งมั่วซิน“เราเหนื่อยแล้ว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status