จิ้งเฟยยังดิ้นรนอยู่ในน้ำ กลับไม่มีใครลงไปช่วยนางองค์หญิงใหญ่คว้าจับเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้อย่างแข็งกร้าว“ผู้ใดเป็นคนผลัก ผู้นั้นก็ลงไปช่วย!”ที่นี่เป็นตำหนักฉือหนิง องครักษ์ สาวใช้ในบริเวณโดยรอบนี้ ล้วนเป็นคนขององค์หญิงใหญ่พูดเสร็จ นางก็จะผลักเฟิ่งจิ่วเหยียนลงไปในน้ำช่วงเดือนมีนาคม น้ำในสระเยือกเย็นไปถึงกระดูกเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับไปด้านข้าง หลบเลี่ยงการผลักขององค์หญิงใหญ่ได้แววตาองค์หญิงใหญ่โกรธจัด“ฮองเฮา เจ้า...”ที่ไหนได้ ถึงแม้เฟิ่งจิ่วเหยียนหลบเลี่ยงนางได้ ทว่าพริบตาเดียวก็กระโดดลงไปในน้ำแล้วองค์หญิงใหญ่โกรธจัดจนขำหัวเราะ“ช่วย...ช่วยข้า...” จิ้งเฟยว่ายน้ำไม่เป็น อาภรณ์เครื่องประดับบนตัวทั้งหนาทั้งหนัก ผูกมัดแขนขาของนางไว้นางผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในน้ำ ดื่มน้ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก สิ้นหวังอย่างที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย นางยากที่จะสงบสติอารมณ์และมีสติได้“ช่วยข้า...”ในขณะที่นางไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นรนอีก ครั้นกำลังจะจมลงไป ก็มีมือข้างหนึ่งคว้าจับนางไว้วินาทีนั้น เหมือนแสงแดดส่องลงสู่ในสระน้ำอันเยือกเย็นทันใดนั้นก็เหมือนนางสามารถยืนมั่นคงอยู่ในน้ำได้ฮ่าว...ศีรษ
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา
ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก
ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว
กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว
เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต
คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห
จิ้งเฟยยังดิ้นรนอยู่ในน้ำ กลับไม่มีใครลงไปช่วยนางองค์หญิงใหญ่คว้าจับเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้อย่างแข็งกร้าว“ผู้ใดเป็นคนผลัก ผู้นั้นก็ลงไปช่วย!”ที่นี่เป็นตำหนักฉือหนิง องครักษ์ สาวใช้ในบริเวณโดยรอบนี้ ล้วนเป็นคนขององค์หญิงใหญ่พูดเสร็จ นางก็จะผลักเฟิ่งจิ่วเหยียนลงไปในน้ำช่วงเดือนมีนาคม น้ำในสระเยือกเย็นไปถึงกระดูกเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับไปด้านข้าง หลบเลี่ยงการผลักขององค์หญิงใหญ่ได้แววตาองค์หญิงใหญ่โกรธจัด“ฮองเฮา เจ้า...”ที่ไหนได้ ถึงแม้เฟิ่งจิ่วเหยียนหลบเลี่ยงนางได้ ทว่าพริบตาเดียวก็กระโดดลงไปในน้ำแล้วองค์หญิงใหญ่โกรธจัดจนขำหัวเราะ“ช่วย...ช่วยข้า...” จิ้งเฟยว่ายน้ำไม่เป็น อาภรณ์เครื่องประดับบนตัวทั้งหนาทั้งหนัก ผูกมัดแขนขาของนางไว้นางผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในน้ำ ดื่มน้ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก สิ้นหวังอย่างที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย นางยากที่จะสงบสติอารมณ์และมีสติได้“ช่วยข้า...”ในขณะที่นางไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นรนอีก ครั้นกำลังจะจมลงไป ก็มีมือข้างหนึ่งคว้าจับนางไว้วินาทีนั้น เหมือนแสงแดดส่องลงสู่ในสระน้ำอันเยือกเย็นทันใดนั้นก็เหมือนนางสามารถยืนมั่นคงอยู่ในน้ำได้ฮ่าว...ศีรษ
“อะไรนะ...ฮองเฮาไม่ใช่ฮองเฮาตัวจริง? !”องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงตาโตเฉียวม่อแลดูซื่อตรง แววตาปกคลุมไปด้วยความบึ้งตึง“ข้าก็เพิ่งสืบรู้“ความจริงตระกูลเฟิ่งมีลูกสาวฝาแฝด พี่สาวถูกเลี้ยงอยู่ข้างนอกมาตลอด“คนที่จะต้องอภิเษกเข้าวังตัวจริง คือน้องสาวเฟิ่งเวยเฉียง“แต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด น้องสาวหายตัวไป ตระกูลเฟิ่งจึงตามพี่สาวมาอภิเษกแทน”สีหน้าองค์หญิงใหญ่เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาวมีเรื่องแบบนี้ด้วย!ช่างไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง!ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดขึ้นในราชวงศ์!“นี่ถือเป็นการหลอกลวงเบื้องสูง! ตระกูลเฟิ่งกล้าทำได้อย่างไร!”ในฐานะที่องค์หญิงใหญ่เป็นคนในราชวงศ์ พี่สาวของฝ่าบาท ทนรับการโกหกแบบนี้ไม่ได้เฉียวม่อพูดเสริมขึ้นมาอย่างเป็นกังวล“ตระกูลเฟิ่งกระทำเช่นนี้ เจตนาที่แท้จริงนั้นยากแก่การหยั่งรู้”แววตาองค์หญิงใหญ่เยือกเย็น“ข้าจะไปกราบทูลฝ่าบาทเดี๋ยวนี้!”เฉียวม่อรีบรั้งนางไว้“ไม่ได้เพคะ องค์หญิง ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน ฝ่าบาทไม่มีทางเชื่อแน่นอน“สู้รอหาหลักฐานให้ได้ก่อน ค่อยเปิดเผยแผนการชั่วของตระกูลเฟิ่ง”องค์หญิงใหญ่คิดดูดี ๆ นางพูดถูก จะต้องมีหลักฐานเสียก่อนแต่จะไปหาหลักฐาน
ณ เมืองหลวงชายแดนทั้งสี่ทิศเกิดศึกต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เซียวอวี้มีราชกิจยุ่งจนไม่มีเวลามาวังหลังจิ้งเฟยมายังห้องทรงพระอักษรบ่อยครั้ง แต่ก็ได้เจอฝ่าบาทน้อยครั้งมากกลางปลายเดือนมีนาคม เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับข่าวจากอู๋ไป๋สิ่งที่นางต้องการ ถูกส่งมาจากชายแดนเหนือแล้วศพของทหารกองทัพมังกรพยัคฆ์หลายคนนั้น ถูกเก็บไว้ในสถานที่เก็บศพชั่วคราวคืนวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนออกจากวังไปตรวจสอบด้วยตนเองบนใบหน้าของนางปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็นเฉียวม่อทำเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเอง ทำร้ายคนตายตั้งมากมายขนาดนี้พวกเขาจำนวนมาก ไม่ได้ตายอยู่ในมือกองทัพรัฐเหลียง แต่ถูกเฉียวม่อวางแผนชั่วช้าไว้ก่อนแล้วอู๋ไป๋รู้ความจริงแล้ว โกรธโมโหอย่างมาก“แม่ทัพน้อย จะต้องให้เฉียวม่อชดใช้ด้วยเลือด ถึงค่อยสามารถปลอบโยนวิญญาณของพี่น้องเราในสวรรค์ได้!”ทำไมนางถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้!แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักหน่วง เปียกโชกไปด้วยความหนาวเหน็บ“การศึกทางชายแดนเหนือเป็นอย่างไรบ้าง”อู๋ไป๋ตอบนาง “แม่ทัพน้อยวางใจ แคว้นจ้าวสู้ฝ่ามาไม่ได้ แผนที่ป้องกันประเทศนั้นเป็นของปลอม ตอนนี้ทหารจ้าวพ่ายแพ้ล่าถอยอย่างต่อเนื่อง”เฟิ่ง
นายท่านเฟิ่งโกรธจนปวดแน่นหน้าอก เขาระบายความโกรธกับอู๋ไป๋“เจ้า เจ้าไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ไสหัวกลับชายแดนเหนือ! ไปบอกตาเฒ่าเมิ่งฉวี อย่าคิดส่งคนมาทำร้ายลูกสาวของข้า! !”ฮองเฮาดี ๆ ไม่อยากเป็น จะไปแย่งตำแหน่งแม่ทัพน้อยอะไรนั่น เป็นบ้าอะไร!นี่ล้วนเป็นเพราะถูกเมิ่งฉวีเสี้ยมสอนมา!ตอนนั้นแทนที่เขาจะให้เด็กคนนั้นอดตาย ฟาดตาย ก็ไม่ควรที่จะยกให้เมิ่งฉวีส่งผลทำให้ตอนนี้เขาต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่วัน ศีรษะของคนทั้งตระกูลล้วนแขวนอยู่บนดาบนายท่านเฟิ่งพูดโน้มน้าวเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ จึงให้ฮูหยินเฟิ่งไปแต่เมื่อฮูหยินเฟิ่งเขาวัง ก็มิได้เจอฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงนอกจากสั่งให้อู๋ไป๋จัดการคนทางด้านตระกูลเฟิ่ง นางยังเขียนจดหมายให้อาจารย์หญิงหลายวันต่อมา ทางด้านชายแดนเหนือได้รับจดหมายแม่ทัพเมิ่งเป็นกังวลอย่างมาก ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ“ในจดหมาย จิ่วเหยียนพูดอย่างไรบ้าง?”“นางให้นำศพพร้อมเข็มเงินส่งกลับไป อีกอย่าง หากมีคนถาม ก็ให้ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องที่นางอภิเษกแทน”“แล้วข้าล่ะ?” แม่ทัพเมิ่งชี้ตนเอง“นางขอป้ายทองไว้ชีวิตให้กับเจ้า”แม่ทัพเมิ่งสองสามีภรรยา คาดเดาได้แล้ว
องค์หญิงใหญ่พูดโน้มน้าว “เมิ่งเฉียวม่อควรได้รับการให้ความสำคัญ ตอนนี้เป็นเพียงองครักษ์อารักขาประตูคนหนึ่ง เป็นการใช้คนไม่เหมาะกับความรู้ความสามารถ”เซียวอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้น เขาพูดขึ้นมา“หากเพียงให้นางก่อตั้งกองกำลังหญิง ก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองความสามารถของนาง”องค์หญิงใหญ่ถามว่า“ฉะนั้นฝ่าบาทหมายความว่า ควรให้ตำแหน่งอะไรแก่นาง?”……จวนองครักษ์อารักขาประตูมีพระราชโองการ เฉียวม่อได้รับแต่งตั้งมอบหมายหน้าที่สำคัญนางดีใจอย่างยิ่งฝ่าบาทแต่งตั้งให้นางเป็นแม่ทัพกรมปกป้องเมือง!นางยังคิดว่า จะต้องเป็นองครักษ์อารักขาประตูครบหนึ่งปี ค่อยสามารถเลื่อนตำแหน่งตอนนี้ นางถือว่าทุกข์สิ้นสุด สุขบังเกิดแล้วหรือ?“แม่ทัพเมิ่ง รับพระราชโองการ!”เฉียวม่อรีบรับพระราชโองการมาด้วยมือทั้งคู่ ตาคิ้วยิ้มแย้มยินดีวันนั้น องค์หญิงใหญ่นำของขวัญมาแสดงความยินดีด้วยตนเอง“ข้าแค่พูดเสนอฝ่าบาท ให้เจ้าก่อตั้งกองกำลังหญิง ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะมีความคิดอื่น ยกตำแหน่งแม่ทัพกรมปกป้องเมืองให้เจ้าโดยตรง”“เห็นทีฝ่าบาทค่อนข้างเห็นความสำคัญของเจ้า การที่ให้เจ้าเป็นองครักษ์อารักขาประตู เพียงเพื่อฝึกฝนนิ
ท่ามกลางความมืด ล้วนอาศัยการลูบคลำ เซียวอวี้ฉีกอาภรณ์ ดึงสายรัดเอวของนางอาภรณ์เสียดสีกัน ส่งเสียงดังกรอบแกรบราวกับมีไฟลุกไหม้อยู่ในตัวเขา แผดเผาไปทั่วทั้งตัวดูดดื่มด้วยสัญชาตญาณ จูบอยู่อย่างลึกล้ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า นางเมามายอย่างไร้สติ กลับรู้จักตอบสนองเขาแต่ครั้งนี้ นางมีสติอยู่ เขากลับสัมผัสได้ถึงความไม่คล้อยตาม ความต่อต้านของนางแต่ความต่อต้านนี้ ยิ่งกระตุ้นความโหยหาของเขา เพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อย...ความคิดเฟิ่งจิ่วเหยียนสับสนวุ่นวายด้านข้างหูเป็นเสียงหายใจหอบอย่างหนักหน่วงของชายหนุ่มจูบของเขาเลื่อนลงไปตามคอของนาง ไปถึงหน้าอกของนางร่างกายของนางแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ได้เลยทันใดนั้น ชายหนุ่มคว้าจับมือของนาง คลายนิ้วทั้งห้าของนางออก แทรกระหว่างนิ้ว ผสานสิบนิ้วของนางไว้เขาเป็นเหมือนคลื่นอบอุ่น ห่อหุ้มนางไว้ทั้งตัวดูเหมือนนาง...ไม่มีทางหนีรอดแล้วจู่ ๆ ตามด้วยผ้าชิ้นสุดท้ายถูกดึงหลุด ในใจนางเยือกเย็นถึงที่สุดเสียงแหบแห้งที่สุดของชายหนุ่ม ดังขึ้นมาด้านข้างหูเขากัดติ่งหูของนางเบาๆ ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง เหมือนนักเดินทางมองหาน้ำดื่มดับกระหายลมหายใจแรง กระทบข้างหูของน
สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเงียบสงบ หายใจหนักเล็กน้อยนางกำหมัดในแขนเสื้อไว้แน่น ตอบอย่างนอบน้อม“เพคะ”เหลียนซวงขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ในใจกระสับกระส่ายอย่างซับซ้อนนางเป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง ตายไปก็ช่างเถอะ ฮองเฮาไม่ควรที่จะเผื่อเส้นทางให้กับนางเซียวอวี้ส่งเสียงเมิน“นายบ่าวรักกันลึกซึ้งเหลือเกิน”ยามนี้ ซุนหมัวมัวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเดินเข้ามาเอ่ยถาม “ฝ่าบาท ฮองเฮา จะรับประทานอาหารค่ำหรือยังเพคะ?”ซุนหมัวมัวยิ้มแย้มอย่างเอาใจ เหลือบเห็นเหลียนซวงคุกเข่าอยู่บนพื้น ยังคิดว่ายัยเด็กคนนี้ทำอะไรผิดอีก พลันเกิดความรู้สึกที่ดั่งหัวอกเดียวกัน รอยยิ้มกลายเป็นหวาดกลัวไม่เป็นสุขขึ้นมาทันทีทว่าเห็นว่า ฝ่าบาทแลดูอารมณ์ดีอย่างไม่น้อย ลุกขึ้นมาจับมือฮองเฮา แววตาที่ปกติเคร่งขรึมเฉียบคม แลดูอมยิ้ม“ตั้งสำหรับ”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปัดมือของเขา แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจทานข้าวนางพูดกับเหลียนซวง “เตรียมเก็บข้าวของ ออกจากวังพรุ่งนี้”เหลียนซวงทำใจไม่ได้“เพคะ ฮองเฮา”นางกำลังจะไป จู่ๆ เซียวอวี้ก็พูดขึ้นมา“ยังไงก็เป็นนางข้าหลวงใหญ่ข้างกายฮองเฮา พรุ่งนี้เราให้องครักษ์ส่งเจ้ากลับบ้านเกิด”
สำนักหมอหลวง หลังจากแคว้นซีหนี่ว์ตื่นขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเศร้านางแพ้แล้ว...เวลาต่อมา นางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจทั้งที่สามารถเอาชนะได้!นางลุกขึ้นมานั่ง กลับเห็นองครักษ์คนหนึ่งยืนอยู่ปลายเตียง ในมือถือดาบไว้เล่มหนึ่ง ราวกับรอนางอยู่นานแล้วนางรู้ว่า ต่อจากนี้ตนเองควรทำอย่างไรการที่พ่ายแพ้การประลองนั้น ไม่เพียงต้องยกเหมืองหินทองแดงดำให้แคว้นหนานฉีห้าร้อยชั่ง ยังต้องตัดมือทั้งคู่ของนางช่างมันเถอะนางกลายเป็นคนบาปของแคว้นซีหนี่ว์แล้วมือราชทูตแคว้นซีหนี่ว์สั่นเทา หยิบดาบเล่มนั้นมา...ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้กำลังตรวจอ่านพระราชฎีกา เฉินจี๋เข้ามารายงาน“ฝ่าบาท ราชทูตแคว้นซีหนี่ว์คนนั้น ปาดคอฆ่าตัวตายแล้ว!”เซียวอวี้แสดงท่าทีเมินเฉยเขาไม่เห็นใจราชทูตคนนั้น พูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างโหดร้าย“ตัดมือของนางทั้งสองข้าง แล้วนำศพส่งกลับไปยังแคว้นซีหนี่ว์”เฉินจี๋ยกมือประสาน น้อมรับคำสั่งหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามตำหนักหย่งเหอหมอหลวงท่านหนึ่งมาตรวจชีพจรเฟิ่งจิ่วเหยียนเอามือวางไว้บนโต๊ะ หมอหลวงตรวจชีพจรให้นางไปด้วย พร้อมพูดไปด้วย“ฮองเฮา กระหม่อมทำตามที่ท่านรับสั่ง แอบ
บนที่นั่งสูง ฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วยท่วงท่าสง่างาม ดวงเนตรของเขาฉายความดูแคลนใต้หล้า และเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “วันนี้แม่ทัพหญิงนามเมิ่งเฉียวม่อ ผู้ซึ่งผ่านสิบสามสมรภูมิโดยไร้พ่ายแพ้ วีรสตรีผู้สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมืองเช่นนี้ เราจะมอบป้ายทองไว้ชีวิตให้เป็นรางวัล “นอกจากนี้ ให้ถ่ายทอดคำสั่งของเราลงไป ทหารแคว้นหนานฉีของเรานั้น หากผู้ใดมีความสามารถย่อมไม่สนชาติกำเนิดหรือเพศชายหญิง สมควรยึดถือเมิ่งเฉียวม่อเป็นแบบอย่าง มุมานะเพื่อตนเอง ขุนนางแม่ทัพไม่ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิด!” เฉียวม่อดีใจอย่างมาก พลันรีบขอบคุณด้วยกลัวว่าฮ่องเต้จะนึกเปลี่ยนพระทัย “หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาท!” องค์หญิงใหญ่ก็ยินดีกับนางด้วยใจจริง ไม่ลืมยืนขึ้นและยิ้มอย่างพอใจไปทางเซียวอวี้ด้วย “ฝ่าบาททรงพระปรีชา! เชื่อว่าเหล่าทัพทหารได้รับความสบายใจเช่นนี้ ย่อมยินดีรับใช้ท่าน และสละชีวิตเพื่อแคว้นหนานฉี!” ตรงที่นั่ง เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสายตาเย็นชา และไร้ซึ่งรอยยิ้ม องค์หญิงใหญ่เห็นปฏิกิริยาที่แปลกของนางได้อย่างชัดเจน “ฮองเฮา ท่านไม่พอใจหรือไร หรือว่าท่านกำลังนึกคัดค้านพระบัญชาของฝ