แชร์

บทที่ 213

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-05 18:51:46
ประตูเมืองเปิดกว้าง คนทุกบ้านพากันออกมาจากตรอกซอย ต้อนรับกองทัพกลับมาอย่างมีชัยชนะ

พวกชาวบ้านยืนอยู่ข้างทาง เงยหน้าขึ้นมองดู

“แม่ทัพน้อยเมิ่งล่ะ? เขาคือคนไหน?”

“คือคนที่ขี่ม้าอยู่ข้างหน้าสุดคนนั้น!”

“ทำไมถึงสวมหน้ากากไว้? ดูไม่เห็นว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร!”

“เจ้าไม่รู้เสียแล้ว แม่ทัพน้อยเมิ่งหน้าตาหล่อเหลาสง่าเกินไป จึงสวมหน้ากากบดบังไว้ เพื่อเสริมความทรงพลัง”

“ไม่ถูก เพราะบนใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็น อัปลักษณ์อย่างมาก จึงไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงต่อสาธารณะ!”

ความเห็นที่แตกต่าง จมอยู่ในเสียงคำรามของผู้คนทั้งหมด

แม่ทัพน้อยเมิ่งที่ทุกคนต่างสงสัยนั้น เวลานี้คือเฉียวม่อปลอมตัวมา

นางมองดูชาวบ้านพวกนั้นอยู่บนที่สูง ตลอดการเดินทางนี้ ทุกหนแห่งที่ไปถึง ล้วนมีชาวบ้านต่างออกมายืนรอต้อนรับตามถนน

อยู่ตรงชายแดน บางคนถึงขั้นคุกเข่าอยู่บนข้างถนน โขกศีรษะขอบคุณนาง

“ชายแดนเหนือ ไม่มีแม่ทัพน้อยเมิ่งไม่ได้!”

“แม่ทัพน้อยเมิ่ง สมกับที่เป็นเทพสงครามจริงๆ !”

ความกระตือรือร้นของประชาชน มาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่ลดน้อยลง

พวกเขานำผลไม้ ผักสดให้กับทหาร ยังมีพวกพ่อค้าผู้มั่งคั่ง นำจี้หยก อัญมณีล้ำ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Apatcha YJ
แม่ทัพน้อยตัวจริงไม่ยิ้มง่ายๆนะ นางโคฟยังไม่เป๊ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 214

    วันต่อมา เหล่าขุนนางมารวมตัวกันอยู่ในวัง มาร่วมงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพจักรพรรดิหฮองเฮานั่งอยู่บนตำแหน่งสูง เหล่านางสนมนั่งตามลำดับตำแหน่งทว่าการปรากฏตัวของแม่ทัพทั้งหลาย จึงจะเป็นสิ่งสำคัญในงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพนี้เฉียวม่อเดินอยู่ข้างหน้าสุด พาพวกแม่ทัพถวายความเคารพ“ฮ่องเต้อายุยืนหมื่นปี!”เซียวอวี้ยกมือขึ้นมา อาภรณ์ยาวคลุมอยู่กับพื้น“ทุกท่าน ไม่ต้องมากพิธี!”ทุกคนล้วนดูออก ความชื่นชมที่ฝ่าบาทมีต่อเมิ่งสิงโจวนั้น ไม่มีการปกปิดหลังจากเฉียวม่อยืนตรงแล้ว สายตาสบกับเฟิ่งจิ่วเหยียน ที่นั่งบนตำแหน่งฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำนางได้ทั้งสองคนไม่ได้สื่อสารผ่านสายตาอะไรกันมาก แล้วก็หลบเลี่ยงกันไปงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพนี้ หนิงเฟยเป็นคนรับผิดชอบจัดงาน ตามกฎตามจรรยาบรรณ ทว่าก็ไม่เป็นที่พอใจมากระหว่างงานเลี้ยงมีการเต้นรำเพิ่มความสนุกสนาน และมีเพลงบรรเลงประกอบการดื่มสุราสาวงามสุราดี สามารถชะล้างความเหนื่อยล้าของทหารที่ได้รับชัยชนะกลับมาพวกเขากินดื่มอย่างอิสระรื่นรมย์ ไม่ยึดติดกับกฎหนิงเฟยยังไตร่ตรองถึงนิสัยการกินของแม่ทัพแต่ละคนด้วย มีการเตรียมของว่างต่าง ๆ ไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 215

    สีหน้านางสนมเจียงขาวซีด เมื่อได้ยินเสียงฮองเฮาดังขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความรอคอยหนิงเฟยก็หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างมุ่งร้ายเวลานี้ หากฮองเฮาปฏิเสธการถวายการเต้นรำของนางสนมเจียง ถือเป็นการทำร้ายจิตใจของพวกทหารนางพูดขึ้นมาอย่างท้าทายว่า “ฮองเฮา หรือท่านคิดว่า เหล่าทหารไม่คู่ควรที่จะชมการรำกลองของนางสนมเจียง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจหนิงเฟย เพียงพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมว่า“ฝ่าบาท ใช้กลองทงเทียน[1]ไหม?”กลองทงเทียนมักจะใช้ในการเซ่นไหว้ดังชื่อที่บ่งบอก ใช้สื่อสารกับเทพเจ้าผ่านเสียงกลอง ไม่ว่าจะอธิษฐานหรือแก้บนกลองทงเทียนนี้แลดูไม่ได้แตกต่างอะไรกับกลองปกติธรรมดา แต่หน้ากลองที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ สามารถทำให้เสียงกลองดังก้องขึ้กว่ากลองธรรมดาพวกทหารรักษาการณ์อยู่ชายแดน ไม่เคยเห็นกลองทงเทียน ล้วนรู้สึกแปลกใหม่เซียวอวี้ขมวดคิ้วเข้ม“ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงอธิบายขึ้นมาว่า“หม่อมฉันได้อธิฐานขอพรให้กับเหล่าทหาร ยามนี้ได้ชัยชนะกลับมา เดิมควรที่จะแก้บน แต่ด้วยสุขภาพไร้เรี่ยวแรง”“พอดีที่จะได้ใช้โอกาสในวันนี้ พวกทหารล้วนก็อยู่ด้วย ให้นางสนมเจียงตีกลองทงเทียนแทนหม่อม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 216

    สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง“เมื่อวาสนามาถึง ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้”กลับกัน หากไม่มีวาสนา เรื่องนี้ก็จะประสบความสำเร็จไม่ได้แต่เหล่าขุนนางคิดเพียงว่าได้คำรับประกันแล้ว ต่างยิ้มแย้มอย่างพอใจเซียวอวี้เอียงศีรษะมองดูนาง มุมปากกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยหนิงเฟยกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น แววตาแทบจะพ่นเป็นไฟออกไปนางจัดงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพ ความโดดเด่นกลับถูกฮองเฮากับนางสนมเจียงแย่งชิงไป!มู่หรงฉานมองดูทุกอย่างนี้ราวกับไม่ใส่ใจ แววตาสงบเรียบเฉยบรรยากาศแลดูกำลังดี ทว่าไม่มีทางรู้ว่า มีการต่อสู้แย่งชิงกันต่างๆ อยู่อย่างลับๆหลังจากดื่มสุราวนไปหลายรอบ นายพลคนหนึ่งลุกขึ้นมา ท้าต่อสู้กับเฉียวม่อต่อหน้าทุกคน“แม่ทัพน้อยเมิ่งมีฝีมือการต่อสู้เยี่ยมยอด กล้าที่จะประลองกับข้าสักรอบไหม!”ทุกคนต่างร้องโห่ขึ้นมา“จะได้เห็นถึงความหาญกล้าของแม่ทัพน้อยเมิ่ง ถือเป็นบุญตาของพวกเรา!”“ฝ่าบาท ขออนุญาตตั้งเวทีประลองขึ้นมา เพื่อให้คนที่ต้องการท้าประลองกับแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ขึ้นเวทีประลองอย่างต่อเนื่อง! เช่นนี้ให้พวกเราได้เห็นถึง ความสามารถของเทพสงครามแคว้นหนานฉีอย่างแท้จริง!”เซียวอวี้รู้ว่าเมิ่งสิงโจวได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 217

    พัฟ!หน้ากากตกลงบนพื้นเสียเช่นนี้ในขณะเดียวกัน แม่ทัพน้อยเมิ่งที่ลึกลับ โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาปรากฏต่อหน้าทุกคน...ในฝูงชนเกิดความโกลาหลรุนแรง ตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ“รีบดู! นางเป็นผู้หญิง!”ต่อให้เฉียวม่อแต่งตัวเป็นชาย และก็ได้รวบผมขึ้นมา แต่ใบหน้าเป็นชายหรือหญิงนั้น ดูแล้วรู้ทันทีเทพสงครามแคว้นหนานฉีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แท้เป็นสตรีคนหนึ่ง?!!เหล่าบุรุษต่างรู้สึกถึงความอัปยศเหมือนถูกหักหลังขึ้นมาทันทีคนที่พวกเขาเคารพนับถือ ชื่นชมมาตลอด เป็นผู้หญิง!ไม่เพียงผู้คนที่มองดูอยู่ แม้แต่ซุนเต๋อฟางก็ตกตะลึงอย่างยิ่งเมิ่งสิงโจว...เป็นผู้หญิง!สีหน้ารุ่ยอ๋องที่นั่งอยู่เปลี่ยนไป เขาก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็นแม่ทัพหนุ่มคนนั้น กลายเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอึ้งอยู่บนที่นั่ง สายตาจับจ้องมองดูเฉียวม่อหน้ากาก ถูกกระชากลงเสียแบบนี้แล้ว...ความตื่นตระหนกแวบผ่านบนใบหน้าของเฉียวม่อ จากนั้นสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือเก็บหน้ากากขึ้นมาซุนเต๋อฟางรู้ตัวอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะหน้ากากทิ้งไปจากนั้นเขาก็หันไปฟ้องฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มันก่อนว่า“ฝ่าบาท คนผ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 218

    ไม่นาน หมัวมัวที่รับผิดชอบตรวจร่างกายก็มารายงานในท้องพระโรงว่า“ฝ่าบาท ตรงท้องของผู้หญิงคนนั้นมีบาดแผลจากมีด ซึ่งเป็นแผลเพิ่งเกิดขึ้น ยังมีร่องรอยพิษด้วย อีกอย่าง ได้ค้นเจอคำสั่งทหารในตัวนาง”คำสั่งทหาร โดยเฉพาะป้ายคำสั่งอินทรีเหินนั่น เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของเฉียวม่อหากเมิ่งสิงโจวตัวจริงยังอยู่ หรือเมิ่งฉวีสั่งให้ผู้คนปลอมตัวเป็นลูกชายตนเอง ก็ไม่มีทางที่จะนำคำสั่งทหารอันเป็นสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเฉียวม่อผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ต่อให้ผู้คนไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับเหลียนซวงยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่รู้เรื่อง เวลานี้ก็ค่อนข้างแปลกประหลาดใจแม่นางเฉียวม่อคนนั้น ทำได้เด็ดขาดจริงๆ แม้แต่บาดแผลก็สามารถปลอมขึ้นมาได้แต่หากเรื่องเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็จะไม่เอาเรื่องต่อไป ฮองเฮาก็จะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม สีหน้าของฮองเฮาแลดูค่อนข้างย่ำแย่เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นเหมือนเพียงผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูหน้ากากเฉียวม่อตกลงพื้น แล้วก็มองดูผลการตรวจร่างกายของเฉียวม่อมีเพียงตัวนางเองที่รู้ดี มีความจริงบางอย่าง กำลังจะเปิดเผยออกมาแต่นั่นก็เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 219

    เฉียวม่อรับพระราชทานคุณของจักรพรรดิมา แล้วก็ยังถามขึ้นมาอย่างไม่วางใจว่า“ฝ่าบาท อาจารย์กับอาจารย์หญิง จะไม่ได้รับการลงโทษใช่ไหม?”สีหน้าเซียวอวี้เย็นชาเล็กน้อยเฉียวม่อปลอมตัวเป็นเมิ่งสิงโจว ไม่มีทางที่สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งจะไม่รู้เรื่องเลยเพราะนั่นคือลูกชายของพวกเขาแต่ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิ บางครั้งก็ต้องเรียนรู้ที่จะเลอะเลือน“เราประทานให้เจ้าใช้นามสกุลเมิ่ง นับจากนี้เมิ่งเฉียวม่อ เป็นบุตรสาวบุญธรรมของเมิ่งฉวี สืบทอดสายเลือดตระกูลเมิ่ง”ได้ยินเช่นนี้ เฉียวม่อน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยนางแสดงท่าทีได้รับความกรุณาอย่างไม่คาดฝัน จนรู้สึกประหลาดใจ“ฝ่าบาท ข้าน้อยจักจงรักภักดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”เหล่าขุนนางค่อยคิดขึ้นมาได้ ฝ่าบาทประธานนามสกุลเมิ่ง เพื่อรักษาชื่อเสียงของ “แม่ทัพน้อยเมิ่ง” เป็นการพระราชทานแก่ตระกูลเมิ่ง เพียงแต่ว่าคนที่คิดอยากแต่งงานกับเมิ่งเฉียวม่อนั้น จะต้องไปเป็นเขยของตระกูลเมิ่ง ยากยิ่งนักเหล่านางสนมเห็นการมีแม่ทัพหญิงคนหนึ่งกำเนิดขึ้นมาด้วยตาตนเอง ความรู้สึกนึกคิดในใจล้นหลามมีบางคนคิดว่าไม่มีอะไรแปลกประหลาดและก็มีบางคนรู้สึกอิจฉาในฐานะที่เป็นผู้หญิง ส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 220

    เฉียวม่อแสดงสีหน้าไร้เดียงสา ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยน้ำตา“ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้...”มือของเฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงมากขึ้น ทำให้เฉียวม่อค่อนข้างหายใจไม่ออก“เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากท่านย่าตระกูลเมิ่งรู้เรื่องนี้ จะเป็นยังไง! เฉียวม่อ อาจารย์กับอาจารย์หญิงเลี้ยงดูเจ้ามาสิบกว่าปี จิตใต้สำนึกของเจ้าล่ะ!”“ศิษย์พี่...ข้า ข้าไม่ได้...ไม่ได้ตั้งใจทำให้หน้ากาก...แค่กๆ...”เห็นว่านางกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงปล่อยมือเฉียวม่อเอนพิงบนกำแพง หายใจหอบพร้อมหัวใจเต้นแรง มองดูนางด้วยน้ำตาคลอเบ้า“ศิษย์พี่ ข้ารู้ เจ้าโกรธที่ข้าแย่งความดีความชอบที่ควรเป็นของเจ้าไป แต่เจ้าเชื่อข้า ข้า...ข้าทำเพื่อปกป้องทุกคนจริงๆ !”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันหลังให้กับเฉียวม่อ กลัวว่าตนเองจะใจอ่อน“ไสหัวกลับไปยังชายแดนเหนือ ไปขอโทษอาจารย์กับอาจารย์แม่ด้วยตนเอง!”ตำแหน่งแม่ทัพน้อย นางไม่เคยสนใจมาก่อนตั้งแต่แรกที่นางปลอมตัวเป็นศิษย์พี่เมิ่ง ก็เพียงเพื่อท่านย่าตระกูลเมิ่งเฉียวม่อไม่ควรที่จะ เอาเรื่องของศิษย์พี่เมิ่งขึ้นมาพูด!เห็นนางโกรธโมโหขนาดนี้ เฉียวม่อคว้าจับมือของนาง พร้อมพูดร้องขอว่า“ศิษย์พี่...เจ้ารั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05
  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 221

    ดวงตาทั้งสองของเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งสงบไร้ระลอก ลึกล้ำดุจทะเลลึกภายในระยะเวลาสั้น ๆ นางไม่อาจเชื่อได้ลงว่าศิษย์น้องที่เรียบร้อยเชื่อฟังทั้งยังขี้กลัว จะถึงกับทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนบรรลุเป้าหมายเช่นนี้“ฮองเฮา”เซียวอวี้พลันเรียกขัดจังหวะความคิดของนางเมื่อนางหันหน้ากลับมา ยังไม่ทันปรับอารมณ์ให้เรียบร้อย สีหน้าจึงยังคงเผยให้เห็นถึงความเคร่งขรึมและหงุดหงิด“มีเรื่องใดหรือเพคะ”เซียวอวี้เห็นนางในสภาพตึงเครียดเช่นนี้ คิ้วขมวดเข้าหากันจู่ ๆ เขามาที่นี่ ทำให้นางวิตกกังวลมากหรือยังไง สีหน้าถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้เซียวอวี้วางบัญชีวังหลังเล่มนั้นลงแล้วคุยกับนางด้วยท่าทางจริงจัง“เรื่องทายาท...”เฟิ่งจิ่วเหยียน: ทายาท? เกี่ยวอันใดกับนางกัน?ทว่าภายนอกนางทำเป็นตั้งอกตั้งใจฟังด้วยท่าทางเคารพนบนอบ“ท่านพูดต่อเลยเพคะ”“หากในบรรดาราชนิกูลมีคนใดพอใช้ได้...”เขาคิดอยากจะรับหลานซักคนมาเป็นโอรสบุญธรรมรึ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาจากหัวจรดเท้าตอนนี้มาคิดดูอีกทีเขาไม่เคยสนใจเหล่าพระสนมในทั้งหกตำหนักเลย ก่อนหน้านี้ก็ใช้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เป็นข้ออ้าง มันผิดปกติทว่าครานั้นที่เขาถูกซูกุ้ยเหรินวา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-05

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 672

    “ท่านแม่! ท่านว่าอะไรนะ ข้ายังมีน้องสาวอีกคนรึ?!”เฟิ่งเหยียนเฉินไม่อยากจะเชื่อน้องสาวอีกคนนึงของเขา เพิ่งเกิดได้ไม่นานก็ถูกส่งตัวออกไปแล้วที่ฮูหยินเฟิ่งบอกเขาก็เพราะหวังว่าบุตรชายจะได้รู้ว่าเขายังมีน้องสาวที่ต้องปกป้องอีกคนหนึ่งเฟิ่งเหยียนเฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง“ท่านแม่ เดี๋ยวนะ เหตุใดคนที่แต่งกับฮ่องเต้แต่แรกถึงเป็นจิ่วเหยียน ไม่ใช่เวยเฉียงเล่า?“เช่นนั้นเวยเฉียงล่ะ? เวยเฉียงไปไหนแล้ว?”แววตาของฮูหยินเฟิ่งแฝงไปด้วยความโกรธแค้น“เป็นท่านพ่อของเจ้า สามีชั่วนั่น! เขาคิดว่าหลังจากเวยเฉียงถูกลักพาตัวไปก็ไม่บริสุทธิ์ ไม่อาจเข้าวังไปเป็นฮองเฮาได้ จึงส่งเวยเฉียงออกไปเสีย ทั้งยังโกหกว่านางตายแล้ว! เขาหลอกพวกเราทุกคน!”“หากไม่ใช่เพราะจิ่วเหยียน ยามนี้เวยเฉียงจะเป็นหรือตายอยู่ข้างนอกก็ไม่รู้!”เฟิ่งเหยียนเฉินที่น่าสงสารถูกปกปิดจนไม่รู้อะไรเลย แม้แต่เรื่องที่เวยเฉียงถูกลักพาตัวไป สูญเสียความบริสุทธิ์ เขาก็เพิ่งได้รู้ความจริงเอาตอนนี้เขารู้สึกว่าในหัวมีแต่เสียงดังหึ่งหึ่งสวรรค์!ในช่วงที่เขาตกอยู่ในความกลัดกลุ้มนั่น ที่แท้ตระกูลเฟิ่งกลับเกิดเรื่องมากมายเพียงนี้เขาที่เป็นพี่ชาย ช่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 671

    ณ ค่ายเป่ยต้าสีหน้าของเมิ่งฉวีเขียวคล้ำ เขามองไปที่ฮ่องเต้เบื้องหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“ฝ่าบาท ท่าน...” ตรัสว่าอะไรนะ ถุงยาง?ยังอยากให้ฮูหยินทำถุงยางให้มากหน่อย?จากที่เขารู้ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะทำให้ไปสิบอันหรอกหรือ?ใช้หมดเร็วขนาดนี้เลยหรือ?!เมิ่งฉวีอดไม่ได้ที่จะคิดว่า...หนุ่มแน่นช่างกำลังวังชาดีเสียจริงเซียวอวี้ไม่สะดวกที่จะพูดเรื่องนี้กับฮูหยินเมิ่ง จึงคิดจะพูดกับเมิ่งฉวีแทนถึงอย่างไรก็เป็นบุรุษด้วยกันเมิ่งฉวีรู้สึกลิ้นจุกปาก “ฝ่าบาท เรื่องนี้ยากนัก กับฮูหยิน กระหม่อมเองก็พูดไม่ออกพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้นั่งดื่มชาอยู่ในกระโจม ท่าทางดูผ่อนคลายสงบนิ่งเขากล่าวอย่างไม่ช้าไม่เร็วว่า“จิ่วเหยียนกับฮูหยินเมิ่งผูกพันดุจมารดาและบุตร นางต้องแต่งงานไปไกลถึงเมืองหลวง เราตัดสินใจว่าจะให้ฮูหยินเมิ่งติดตามไปด้วย”เมิ่งฉวี: !!!ฝ่าบาทจะมาพรากพวกเขาสามีภรรยาออกจากกันได้อย่างไร!นี่กำลังขู่เขาอย่างนั้นหรือ?……ณ จวนแม่ทัพเวยเฉียงกับสาวใช้นามไฉ่เยว่ย้ายมาอยู่ที่นี่ รู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้างยังดีที่นางคุ้นเคยกับท่านพี่และฮูหยินเมิ่ง จึงไม่ถึงกับประหม่าฮูหยินเมิ่งสงสารที่เวยเฉี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 670

    วินาทีที่ถอดหน้ากากของนางออก เซียวอวี้เห็นนางยิ้มดั่งดอกไม้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางยิ้มอย่างปล่อยตัว มีความสุขอาจเป็นเพราะดื่มจนเมา ทิ้งเกราะป้องกันตัว นางล้มสู่อ้อมกอดของเขา เกาะไหล่ของเขา แล้วลุกขึ้นมา“ข้าไม่ได้เมา...”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเดินยังไม่มั่นคง ยังบอกว่าไม่เมา?“ตงฟางซื่อส่งเจ้ากลับมา” เขาไม่ได้ถาม ทว่าเป็นการพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจหยิ่นลิ่วคอยปกป้องนางอยู่ตลอดตอนที่ตงฟางซื่อไปหาถึงเซียวเหยาจวี เซียวอวี้ก็รู้แล้วภายหลังนางตามตงฟางซื่อไปยังหอสุรา ดื่มสุราทานข้าวกับคนเหล่านั้น เขาก็รู้เขาอดกลั้นไม่ไปรบกวนนาง เพราะเขารู้ดี นั่นคือเพื่อนสนิทของนาง เป็นวิถีชีวิตของนางถึงแม้ว่านางกำลังจะแต่งงานกับเขา นั่นก็คือสิ่งที่นางไม่อาจทอดทิ้งทว่า นางเป็นสตรีผู้หนึ่ง ดื่มอยู่ข้างนอกจนดึกขนาดนี้ เหลวไหลเกินไปแล้วเซียวอวี้วางหน้ากาก จับปลายคางของนางไว้“ดื่มไปมากเท่าไหร่? ถึงได้เมาเป็นสภาพเช่นนี้”เฟิ่งจิ่วเหยียนคลี่มือของเขาออก แววตาเต็มไปด้วยความมัวหมอง ไม่เย็นชาเหินห่างเหมือนทุกวันที่ผ่านมา“ก็บอกแล้ว ข้าไม่ได้เมา”นางลุกขึ้น อยากหาน้ำดื่มทว่าเวลาถัดมา ตรงแขนมีแรง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 669

    ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ตงฟางซื่อยิ่งอยู่ยิ่งดำเฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นมาต้อนรับ“เจ้ามาได้อย่างไร?”ตงฟางซื่อหรี่ตายิ้มแย้ม “ข้าได้เจอกับอู๋ไป๋ จึงถามเขาว่าเจ้าอยู่ที่ใด ไม่ใช่ว่าไม่ต้อนรับข้ากระมัง?”สหายเก่ามาพานพบ มิใช่เรื่องน่ายินดีหรือเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างจริงใจ “เป็นไปได้อย่างไร เชิญนั่ง”สายตาของตงฟางซื่อหันไปมองเฟิ่งเวยเฉียง เห็นนางหน้าตาเหมือนกับซูฮ่วน ก็เดารู้ว่าพวกนางเป็นพี่น้องกันเฟิ่งจิ่วเหยียนแนะนำให้เขารู้จัก“คนนี้คือน้องสาวข้า เวยเฉียง”“เวยเฉียง คนนี้คือคุณชายตงฟาง”ทั้งสองคนต่างผงกศีรษะเป็นการทักทายตงฟางซื่อพูดเข้าเรื่องทันที“เรื่องของหยางเหลียนซั่ว ข้าได้บอกพวกเหล่าฝานแล้ว ทุกคนกำลังตามสืบร่องรอยของเขา ข้ามาหาเจ้าในวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งจะปรึกษา”เฟิ่งจิ่วเหยียนให้เวยเฉียงกับต้วนเจิ้งกลับห้องไปก่อนเวยเฉียงพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบา “ท่านพี่ คุณชายตงฟาง พวกเจ้าคุยกันตามสบาย”ต้วนเจิ้งกลับไม่ยอม“ข้าไม่ไป หยางเหลียนซั่วทำให้พี่ชายข้าตาย เป็นศัตรูของข้า ข้าจะไปตามหาเขาพร้อมกับพวกเจ้า แล้วก็ฆ่าเขา!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจ เพียงเร่งเร้าตงฟางซื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 668

    เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ปิดบังแล้วนางพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา“ท่านดูไม่ออกหรือ ข้าไม่ได้อยากพูดถึงเรื่องนั้น?”ตลก ผู้ลี้ภัย ลิงผอมตัวดำ! ตอนกลางวันเขาพูดว่านางเช่นนี้ !นางอยากยอมรับสิแปลก!เวลานี้ เซียวอวี้ก็คิดขึ้นมาได้ นางกำลังไม่พอใจอะไรที่แท้ก็อยากรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากยอมรับว่านางคือลิงน้อยคนนั้นเขาเสียใจอย่างมาก รีบพูดขอโทษขึ้นมา“เราผิดไปแล้ว ตอนนั้น...เรากลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิด จึงตั้งใจพูดแบบนั้น ความจริงแล้ว เราจดจำเจ้ามาตลอด วีรชนน้อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอียงศีรษะเล็กน้อย มองดูเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเซียวอวี้จูบบนหน้าผากของนาง จากนั้นก็หยิบผ้าแห้งผืนนั้นมา เช็ดผมที่เปียกให้กับนางด้วยตนเอง กระทำอยู่อย่างอ่อนโยน ราวกับในมือถือสิ่งของล้ำค่าเอาไว้“ปีนั้นเมืองซีซิ่นเกิดทุพภิกขภัย เราเพิ่งเข้าเมืองมาก็ถูกปล้นแล้ว ไม่สามารถที่จะลงมือทำร้ายประชาชน โชคดีที่เจ้ามาปรากฏ เวลานี้เราพูดความจริง เจ้าในตอนนั้นถึงแม้ยังเด็ก ทว่าท่าทีขี่ม้า ดูสง่างามยิ่งกว่าบุรุษจริงๆ”“ไม่ใช่ตลกหรอกหรือ?” นางยังคงไม่ยิ้มแย้ม คำพูดแฝงไปด้วยความเหน็บแ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 667

    เซียวอวี้จำได้ดี ตอนนั้น ขนมเกาลัดที่ยัยเด็กคนนั้นให้เขา ก็ละเอียดแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ กระทั่งละเอียดเป็นเศษกลับอร่อยมากเขารู้สึกหัวใจเต้นราวกับตีกลอง พร้อมลองถามฮูหยินเมิ่ง“มีเพียงนางที่กินแบบนี้?”ฮูหยินเมิ่งผงกหัวอย่างยิ้มแย้ม“ก็ใช่นะสิ มีแค่นางคนเดียว เพราะตอนอายุห้าขวบเคยสำลัก ทั้งรักทั้งเกลียดขนมเกาลัด คิดว่าทุบแล้วค่อยกิน เหมือนอย่างกับมันจะเชื่อฟังขึ้น ภายหลังจึงเคยชิน กินแบบนี้มาตลอด”คิดถึงจิ่วเหยียนตอนเด็กที่น่ารักดื้อรั้น และยังมีท่าทีดุร้าย บนใบหน้าฮูหยินเมิ่งปรากฏความอ่อนโยนของความเป็นแม่ “เด็กคนนั้น พริบตาเดียวก็โตขนาดนี้แล้ว...”เมื่อพูดเสร็จ แววตาฮูหยินเมิ่งก็กลายเป็นเฉียบคมขึ้นมาทันที ทุบฝ่ามือลงไป ผ่านบนไม้กระดาน ขนมเกาลัดชิ้นหนึ่งถูกทุบจนแบนเฉินจี๋ : ! ! !ฝ่ามือของฮูหยินเมิ่ง ดุเดือดมากเวลานี้ สีหน้าเซียวอวี้แข็งทื่อใช่ !อยู่ดี ๆ ใครจะทุบขนมเกาลัดที่เป็นชิ้นสมบูรณ์ให้แหลก !และปีนั้น ยัยเด็กคนนั้นอายุเพียงสิบขวบ เมื่อนับดูแล้ว ก็อายุไม่ต่างอะไรกับเฟิ่งจิ่วเหยียนบังเอิญบวกกับบังเอิญ นั่นก็จะไม่ใช่ความบังเอิญแล้ว !แล้วก็คิดถึงความผิดปกติของนาง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 666

    เมื่อครู่เซียวอวี้วู่ว่ามไปหน่อย เวลานี้สงบสติลง ก็รู้ตัวว่าตนเองตื่นตระหนกตื่นตูมไปแล้วพวกนางปรึกษาเรื่องตั้งกองกำลังหญิง คำนึงถึงแผ่นดินราษฎรเขากลับใจแคบ ยอมรับไม่ได้ ช่างเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาดับความขุ่นเคืองในใจด้วยตนเองหลังจากนั้นก็ล้วงเอาขนมเกาลัดออกมาหลายชิ้น พวกมันถูกกระดาษมันห่อเป็นชั้น ๆ ยังร้อนอยู่เลย“ขนมเกาลัดที่ฮูหยินเมิ่งเพิ่งทำวันนี้ ข้าเอามาให้เจ้ากิน”สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังยืนยันคำพูดเดิม “ข้าไม่ชอบกิน”เซียวอวี้ดึงมือของนางมา วางขนมเกาลัดไว้บนฝ่ามือของนาง“ยังคิดจะโกหกข้า?“อาจารย์กับอาจารย์หญิงของเจ้าก็พูดแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าชอบทานขนมเกาลัดที่สุด“เรารู้ ทำไมเจ้าถึงโกหกเรา”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นมาเขารู้?หลังจากนั้น เซียวอวี้ก็พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจในตนเอง“เจ้าถือสาเรื่องที่เราพูดถึง รู้สึกไม่พอใจ ใช่หรือไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียน : ...เซียวอวี้อธิบายให้นางฟังอย่างจริงจัง“เราจำได้จนถึงตอนนี้ แค่ขนมเกาลัดชิ้นเดียว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ให้ขนมเกาลัดเลย“เจ้าไม่รู้ ยัยเด็กคนนั้นป่าเถื่อนมาก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 665

    เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนอึ้ง เซียวอวี้ถามขึ้นมาด้วยเสียงเบา“ทำไมหรือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้สติกลับมา สายตาจ้องบนใบหน้าของเขา “ไม่เป็นไร"เซียวอวี้นึกว่านางยังเข้าใจผิดอยู่ จึงพูดขึ้นมาอีก“ไม่ได้โกหกเจ้า เป็นยัยเด็กคนนั้นจริง ๆ “ตัวผอม ๆ บนใบหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น ไม่รู้ว่าลี้ภัยมาจากไหน...”“ตลกมากใช่ไหม” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขัดจังหวะเขา พร้อมถามขึ้นมาด้วยเสียงต่ำเซียวอวี้ผงกหัว“อืม”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปมองข้างนอกรถม้า ไม่พูดอะไรอีกทว่า แอบกำหมัดแน่นไม่นาน เฉินจี๋ซื้อขนมเกาลัดกลับมาแล้วเซียวอวี้ยื่นมาให้เฟิ่งจิ่วเหยียนหนึ่งชิ้น นางส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมา “ขอบพระทัย ทว่าข้าไม่ชอบทานสิ่งนี้”ตอนที่พูดประโยคนี้ นางไม่ได้มองดูเขาแต่ละคนชอบทานไม่เหมือนกัน เซียวอวี้ไม่สงสัยว่ามีอะไรระหว่างทาง เฟิ่งจิ่วเหยียนเห็นร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป จึงสั่งให้หยุดรถม้าอาจารย์หญิงพูดไม่ผิด จะแต่งตัวเป็นชายอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ ควรที่จะซื้อชุดสตรีบ้างแล้ว“ข้าขอทำธุระส่วนตัว ท่านกลับไปก่อน”พูดเสร็จ นางก็กระโดดลงจากรถม้าเซียวอวี้เปิดม่าน มองเงาแผ่นหลังของนาง แล้วก็ย้อนครุ่นคิดเขาทำอะไรผิด พ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 664

    “พี่สาว...”เฟิ่งเวยเฉียงเพิ่งวิ่งมาหา ก็เห็นบุรุษด้านข้างพี่สาวคนผู้นั้นสวมชุดผ้าแพรสีม่วง ดูออกว่าเขาพยายามที่จะไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ ทว่าก็ยังคงไม่สามารถปกปิด ความสูงศักดิ์อย่างไม่ธรรมดารอบตัวเขาโดยเฉพาะใบหน้าเผด็จการน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่ามีสถานะสูงส่ง ไม่ให้มีการฝ่าฝืน“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท” เฟิ่งเวยเฉียงก้มศีรษะลงทันที ไม่กล้ามองอีกฝ่ายสาวใช้ไฉ่เยว่ ก็รีบถวายความเคารพตามได้เห็นพระพักตร์จักรพรรดิ พูดว่าไม่ตื่นเต้นนั้นเป็นความเท็จ ฝ่ามือของนางเหงื่อไหลชุ่มฝ่าบาทแตกต่างจากที่นางคิดไว้ไม่มาก...สูงส่งเย็นชา ยากที่จะคาดเดาว่ารู้สึกอย่างไรไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า คุณหนูจิ่วเหยียนเคยชินกับการอยู่ข้างกายเขาได้อย่างไรเมื่อเซียวอวี้เห็นเฟิ่งเวยเฉียง ก็รู้ว่านางกับเฟิ่งจิ่วเหยียน สมกับที่เป็นฝาแฝดกัน ใบหน้าเหมือนกันเลยทว่าลักษณะนิสัย ดูก็รู้ว่าไม่เหมือนกันนางเพียงยืนอยู่ไม่พูดอะไร เขาก็สามารถมองทะลุถึงใจนาง เป็นคนไร้เดียงสา เป็นสตรีที่ไม่หวั่นไหวกับเรื่องทางโลกคนหนึ่ง“ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธี” เซียวอวี้พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่า เฟิ่งเวยเฉียงยังคงรู้สึกว่าเขาเยือ

DMCA.com Protection Status