สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง“เมื่อวาสนามาถึง ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้”กลับกัน หากไม่มีวาสนา เรื่องนี้ก็จะประสบความสำเร็จไม่ได้แต่เหล่าขุนนางคิดเพียงว่าได้คำรับประกันแล้ว ต่างยิ้มแย้มอย่างพอใจเซียวอวี้เอียงศีรษะมองดูนาง มุมปากกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยหนิงเฟยกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น แววตาแทบจะพ่นเป็นไฟออกไปนางจัดงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพ ความโดดเด่นกลับถูกฮองเฮากับนางสนมเจียงแย่งชิงไป!มู่หรงฉานมองดูทุกอย่างนี้ราวกับไม่ใส่ใจ แววตาสงบเรียบเฉยบรรยากาศแลดูกำลังดี ทว่าไม่มีทางรู้ว่า มีการต่อสู้แย่งชิงกันต่างๆ อยู่อย่างลับๆหลังจากดื่มสุราวนไปหลายรอบ นายพลคนหนึ่งลุกขึ้นมา ท้าต่อสู้กับเฉียวม่อต่อหน้าทุกคน“แม่ทัพน้อยเมิ่งมีฝีมือการต่อสู้เยี่ยมยอด กล้าที่จะประลองกับข้าสักรอบไหม!”ทุกคนต่างร้องโห่ขึ้นมา“จะได้เห็นถึงความหาญกล้าของแม่ทัพน้อยเมิ่ง ถือเป็นบุญตาของพวกเรา!”“ฝ่าบาท ขออนุญาตตั้งเวทีประลองขึ้นมา เพื่อให้คนที่ต้องการท้าประลองกับแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ขึ้นเวทีประลองอย่างต่อเนื่อง! เช่นนี้ให้พวกเราได้เห็นถึง ความสามารถของเทพสงครามแคว้นหนานฉีอย่างแท้จริง!”เซียวอวี้รู้ว่าเมิ่งสิงโจวได
พัฟ!หน้ากากตกลงบนพื้นเสียเช่นนี้ในขณะเดียวกัน แม่ทัพน้อยเมิ่งที่ลึกลับ โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาปรากฏต่อหน้าทุกคน...ในฝูงชนเกิดความโกลาหลรุนแรง ตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ“รีบดู! นางเป็นผู้หญิง!”ต่อให้เฉียวม่อแต่งตัวเป็นชาย และก็ได้รวบผมขึ้นมา แต่ใบหน้าเป็นชายหรือหญิงนั้น ดูแล้วรู้ทันทีเทพสงครามแคว้นหนานฉีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แท้เป็นสตรีคนหนึ่ง?!!เหล่าบุรุษต่างรู้สึกถึงความอัปยศเหมือนถูกหักหลังขึ้นมาทันทีคนที่พวกเขาเคารพนับถือ ชื่นชมมาตลอด เป็นผู้หญิง!ไม่เพียงผู้คนที่มองดูอยู่ แม้แต่ซุนเต๋อฟางก็ตกตะลึงอย่างยิ่งเมิ่งสิงโจว...เป็นผู้หญิง!สีหน้ารุ่ยอ๋องที่นั่งอยู่เปลี่ยนไป เขาก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็นแม่ทัพหนุ่มคนนั้น กลายเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอึ้งอยู่บนที่นั่ง สายตาจับจ้องมองดูเฉียวม่อหน้ากาก ถูกกระชากลงเสียแบบนี้แล้ว...ความตื่นตระหนกแวบผ่านบนใบหน้าของเฉียวม่อ จากนั้นสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือเก็บหน้ากากขึ้นมาซุนเต๋อฟางรู้ตัวอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะหน้ากากทิ้งไปจากนั้นเขาก็หันไปฟ้องฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มันก่อนว่า“ฝ่าบาท คนผ
ไม่นาน หมัวมัวที่รับผิดชอบตรวจร่างกายก็มารายงานในท้องพระโรงว่า“ฝ่าบาท ตรงท้องของผู้หญิงคนนั้นมีบาดแผลจากมีด ซึ่งเป็นแผลเพิ่งเกิดขึ้น ยังมีร่องรอยพิษด้วย อีกอย่าง ได้ค้นเจอคำสั่งทหารในตัวนาง”คำสั่งทหาร โดยเฉพาะป้ายคำสั่งอินทรีเหินนั่น เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของเฉียวม่อหากเมิ่งสิงโจวตัวจริงยังอยู่ หรือเมิ่งฉวีสั่งให้ผู้คนปลอมตัวเป็นลูกชายตนเอง ก็ไม่มีทางที่จะนำคำสั่งทหารอันเป็นสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเฉียวม่อผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ต่อให้ผู้คนไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับเหลียนซวงยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่รู้เรื่อง เวลานี้ก็ค่อนข้างแปลกประหลาดใจแม่นางเฉียวม่อคนนั้น ทำได้เด็ดขาดจริงๆ แม้แต่บาดแผลก็สามารถปลอมขึ้นมาได้แต่หากเรื่องเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็จะไม่เอาเรื่องต่อไป ฮองเฮาก็จะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม สีหน้าของฮองเฮาแลดูค่อนข้างย่ำแย่เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นเหมือนเพียงผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูหน้ากากเฉียวม่อตกลงพื้น แล้วก็มองดูผลการตรวจร่างกายของเฉียวม่อมีเพียงตัวนางเองที่รู้ดี มีความจริงบางอย่าง กำลังจะเปิดเผยออกมาแต่นั่นก็เป็น
เฉียวม่อรับพระราชทานคุณของจักรพรรดิมา แล้วก็ยังถามขึ้นมาอย่างไม่วางใจว่า“ฝ่าบาท อาจารย์กับอาจารย์หญิง จะไม่ได้รับการลงโทษใช่ไหม?”สีหน้าเซียวอวี้เย็นชาเล็กน้อยเฉียวม่อปลอมตัวเป็นเมิ่งสิงโจว ไม่มีทางที่สองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งจะไม่รู้เรื่องเลยเพราะนั่นคือลูกชายของพวกเขาแต่ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิ บางครั้งก็ต้องเรียนรู้ที่จะเลอะเลือน“เราประทานให้เจ้าใช้นามสกุลเมิ่ง นับจากนี้เมิ่งเฉียวม่อ เป็นบุตรสาวบุญธรรมของเมิ่งฉวี สืบทอดสายเลือดตระกูลเมิ่ง”ได้ยินเช่นนี้ เฉียวม่อน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยนางแสดงท่าทีได้รับความกรุณาอย่างไม่คาดฝัน จนรู้สึกประหลาดใจ“ฝ่าบาท ข้าน้อยจักจงรักภักดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”เหล่าขุนนางค่อยคิดขึ้นมาได้ ฝ่าบาทประธานนามสกุลเมิ่ง เพื่อรักษาชื่อเสียงของ “แม่ทัพน้อยเมิ่ง” เป็นการพระราชทานแก่ตระกูลเมิ่ง เพียงแต่ว่าคนที่คิดอยากแต่งงานกับเมิ่งเฉียวม่อนั้น จะต้องไปเป็นเขยของตระกูลเมิ่ง ยากยิ่งนักเหล่านางสนมเห็นการมีแม่ทัพหญิงคนหนึ่งกำเนิดขึ้นมาด้วยตาตนเอง ความรู้สึกนึกคิดในใจล้นหลามมีบางคนคิดว่าไม่มีอะไรแปลกประหลาดและก็มีบางคนรู้สึกอิจฉาในฐานะที่เป็นผู้หญิง ส
เฉียวม่อแสดงสีหน้าไร้เดียงสา ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยน้ำตา“ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้...”มือของเฟิ่งจิ่วเหยียนออกแรงมากขึ้น ทำให้เฉียวม่อค่อนข้างหายใจไม่ออก“เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากท่านย่าตระกูลเมิ่งรู้เรื่องนี้ จะเป็นยังไง! เฉียวม่อ อาจารย์กับอาจารย์หญิงเลี้ยงดูเจ้ามาสิบกว่าปี จิตใต้สำนึกของเจ้าล่ะ!”“ศิษย์พี่...ข้า ข้าไม่ได้...ไม่ได้ตั้งใจทำให้หน้ากาก...แค่กๆ...”เห็นว่านางกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงปล่อยมือเฉียวม่อเอนพิงบนกำแพง หายใจหอบพร้อมหัวใจเต้นแรง มองดูนางด้วยน้ำตาคลอเบ้า“ศิษย์พี่ ข้ารู้ เจ้าโกรธที่ข้าแย่งความดีความชอบที่ควรเป็นของเจ้าไป แต่เจ้าเชื่อข้า ข้า...ข้าทำเพื่อปกป้องทุกคนจริงๆ !”เฟิ่งจิ่วเหยียนหันหลังให้กับเฉียวม่อ กลัวว่าตนเองจะใจอ่อน“ไสหัวกลับไปยังชายแดนเหนือ ไปขอโทษอาจารย์กับอาจารย์แม่ด้วยตนเอง!”ตำแหน่งแม่ทัพน้อย นางไม่เคยสนใจมาก่อนตั้งแต่แรกที่นางปลอมตัวเป็นศิษย์พี่เมิ่ง ก็เพียงเพื่อท่านย่าตระกูลเมิ่งเฉียวม่อไม่ควรที่จะ เอาเรื่องของศิษย์พี่เมิ่งขึ้นมาพูด!เห็นนางโกรธโมโหขนาดนี้ เฉียวม่อคว้าจับมือของนาง พร้อมพูดร้องขอว่า“ศิษย์พี่...เจ้ารั
ดวงตาทั้งสองของเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งสงบไร้ระลอก ลึกล้ำดุจทะเลลึกภายในระยะเวลาสั้น ๆ นางไม่อาจเชื่อได้ลงว่าศิษย์น้องที่เรียบร้อยเชื่อฟังทั้งยังขี้กลัว จะถึงกับทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนบรรลุเป้าหมายเช่นนี้“ฮองเฮา”เซียวอวี้พลันเรียกขัดจังหวะความคิดของนางเมื่อนางหันหน้ากลับมา ยังไม่ทันปรับอารมณ์ให้เรียบร้อย สีหน้าจึงยังคงเผยให้เห็นถึงความเคร่งขรึมและหงุดหงิด“มีเรื่องใดหรือเพคะ”เซียวอวี้เห็นนางในสภาพตึงเครียดเช่นนี้ คิ้วขมวดเข้าหากันจู่ ๆ เขามาที่นี่ ทำให้นางวิตกกังวลมากหรือยังไง สีหน้าถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้เซียวอวี้วางบัญชีวังหลังเล่มนั้นลงแล้วคุยกับนางด้วยท่าทางจริงจัง“เรื่องทายาท...”เฟิ่งจิ่วเหยียน: ทายาท? เกี่ยวอันใดกับนางกัน?ทว่าภายนอกนางทำเป็นตั้งอกตั้งใจฟังด้วยท่าทางเคารพนบนอบ“ท่านพูดต่อเลยเพคะ”“หากในบรรดาราชนิกูลมีคนใดพอใช้ได้...”เขาคิดอยากจะรับหลานซักคนมาเป็นโอรสบุญธรรมรึ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาจากหัวจรดเท้าตอนนี้มาคิดดูอีกทีเขาไม่เคยสนใจเหล่าพระสนมในทั้งหกตำหนักเลย ก่อนหน้านี้ก็ใช้หลิงเยี่ยนเอ๋อร์เป็นข้ออ้าง มันผิดปกติทว่าครานั้นที่เขาถูกซูกุ้ยเหรินวา
ณ จวนตระกูลเฟิ่งวันนี้นายท่านเฟิ่งรู้สึกสบายอกสบายใจเป็นอย่างมากฮูหยินเฟิ่งที่ปรนนิบัติเขาเปลี่ยนชุดเอ่ยปากถามนายท่านเฟิ่งเห็นว่าภายในห้องไม่มีคนนอกจึงบอกนางเสียงเบา“หลังจากนี้จิ่วเหยียนจะไม่กลับไปที่ชายแดนเหนืออีกแล้ว”ฮูหยินเฟิ่งแปลกใจเป็นอย่างมาก“เพราะเหตุใด?”นายท่านเฟิ่งเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันนี้ให้ฮูหยินเฟิ่งฟังน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก“เป็นเช่นนี้ดียิ่ง แบบนี้พวกเราก็นอนหลับได้สบายไม่ต้องคอยกังวลอีกต่อแล้ว!”ฮูหยินเฟิ่งกลับไม่ยิ้มออกมานางรู้สึกเป็นกังวลมากกว่าเวลาแบบนี้ในใจจิ่วเหยียนจะต้องรู้สึกไม่สบายใจเป็นแน่วันรุ่งขึ้นเวลาเช้าตรู่ เจียงผินก็มาคารวะยามเช้าที่ตำหนักหย่งเหอ“ฮองเฮาเพคะ เมื่อวาน...โชคดีที่มีท่านให้ความช่วยเหลือ หม่อมฉันจึงไม่ถึงกับต้องตกเป็นเรื่องตลกในวังหลังแห่งนี้ ในตำหนักของหม่อมฉันไม่มีของมีค่าอะไร ทำได้เพียงนำของที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้มาถวาย ยืมดอกไม้ถวายพระเพื่อแสดงความขอบคุณเพคะ”นับตั้งแต่หลิงเยี่ยนเอ๋อร์ออกจากวังไป สถานการณ์ของนางสนมเจียงก็ลำบากเป็นอย่างมาก เหล่านางสนมทิ้งให้นางอยู่อย่างโดดเดี
เมื่อแม่ทัพเมิ่งอ่านจดหมายจบก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกร้อนใจกระสับกระส่ายเกลียดก็แต่เขาที่ต้องนำทัพเฝ้ารักษาชายแดน ไม่อาจออกไปได้โดยพลการ“หากท่านแม่รู้เข้าล่ะก็...”ฮูหยินเมิ่งกุมมืออันใหญ่โตของเขาด้วยความอ่อนโยน“มอบให้ข้าเป็นคนจัดการเถอะ”เมื่อกล่าวจบสายตาของนางก็มีความเย็นยะเยือกสายหนึ่งวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว “ทว่าท่านพี่ ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าเฉียวม่อถูกบังคับอย่างไร้ทางเลือก”แม่ทัพเมิ่งไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน“เจ้าสงสัยว่าเฉียวม่อตั้งใจทำหรือ?”ทันใดนั้นเขาก็ส่ายหน้าติด ๆ กัน “ไม่หรอก เป็นไปไม่ได้ นางมีเหตุผลอะไรให้ทำเช่นนี้กัน?”เขารับเฉียวม่อเป็นศิษย์ ย่อมปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นลูกของตนเองใช้ใจแลกใจ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเฉียวม่อจะเนรคุณฮูหยินเมิ่งจ้องมองดวงตาของเขา“ท่านพี่ ข้าเองก็ไม่อยากสงสัยนาง“ทว่ามีคนบางคนเรื่องบางเรื่องที่จะไม่ระวังเลยไม่ได้“ท่านลองคิดดูสิ ตั้งแต่กองทัพมังกรพยัคฆ์ถูกโจมตี จนถึงตอนที่เฉียวม่อนำพันธมิตรอู่หลินมาสนับสนุน สวมรอยเป็นจิ่วเหยียนนำทัพ เรื่องเหล่านี้ดูเหมือนเกิดขึ้นอย่างถูกจังหวะเป็นขั้นเป็นตอน กลับเผยให้เห็นลับลมคมใน”เมื่อ
ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ
เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่
เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน
ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที
หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั
เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที
ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า
แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว
ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ